ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 16 ควันอันตราย
เวลาผ่านไปถึงสองวันหลังจากที่โพรทาเลียแกล้งนูอัสกลับ ตอนนี้ก็8วันแล้วที่อยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัด เธอรู้สึกเหมือนอยู่มานานหลายเดือนแต่นี่แค่ 8 วันเอง เธอล่ะไม่แปลกใจจริงๆ เพราะทุกวันมีแต่เรื่องวุ่นวายให้เธอทำตลอดจนนึกว่าอยู่มานาน แต่2วันมานี้เธอไม่ค่อยเจอนูอัสเลย ทำให้เธอสงสัยว่าอีกฝ่ายหายไปไหน เธอคงต้องไปถามพี่โอราอุสเรื่องนูอัส แต่ตอนนี้เธอต้องหันมาสนใจในสิ่งที่เธออยากทำก่อน โพรทาเลียออกมาจากบ้านพักหมายเลข 11 แล้วเดินตรงไปบ้านพักหมายเลข 3 บ้านโพไซดอน เธอมาถึงก็เห็นคนเดินไปมาเหมือนกำลังทำงานกันอยู่ เธอเลยหันทักใครสักคนที่เดินออกบ้านหมายเลข 3
“ขอประทานโทษนะ”
“หือ?” หญิงสาวคนหนึ่งหันไปมองทันที “มีอะไรเหรอ?”
“ขอถามหน่อยนะว่า...พี่โอราอุสอยู่นี้ไหมนะ?”
“หัวหน้าเหรอ? น่าจะอยู่ที่คอกม้านะ ลองไปดูสิ”
“อ๋อ ขอบใจนะ”
โพรทาเลียเดินออกมาจากบ้านพักหมายเลข 3 แล้วเดินตรงไปยังคอกม้า ระหว่างทางก็มีแต่คนทักทายเธอกันอย่างเป็นมิตร คนส่วนใหญ่เป็นมิตรกับพวกที่อยู่ฝ่ายนูอัสจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอเท่าไร แต่พวกนั้นก็ไม่เข้ามาอยู่กับเธอเท่าไร เธอก็โล่งใจที่ไม่ต้องมีเรื่องวุ่น เพราะการอยู่ร่างนี้ทำให้เธอมีแต่เรื่องจริงๆ ทำให้เธอคิดเลยว่าถ้าอยู่ในร่างเดิมจะวุ่นวายแค่ไหน แต่การอยู่ในร่างนี้มันก็เหมือนตราบาปต่อพ่อแม่ที่เธอโกหกพวกเขา แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกท่าน เธอถึงต้องทำ โพรทาเลียคิดแบบนั้นเธอมองมือตัวเองที่กำหมัดแน่นๆ ก่อนจะเดินต่อจนมาถึงคอกม้า เธอเห็นพี่ชายกำลังตรวจดูสภาพม้าอยู่เลย
“พี่โอราอุสขอรับ”
“หือ?” โอราอุสได้ยินเสียงโพรทาเลียถึงจะเป็นโทนต่ำก็รู้เลยว่าเป็นน้องสาว “โพ...คีย์ นายมีอะไรเหรอ?”
โอราอุสยิ้มอย่างชอบใจ เขาเดินไปหาโพรทาเลียทันที เขาโอบไหล่ของเธอพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
“คือ...ข้าอยากให้พี่สอนอะไรหน่อยนะ...”
“หือ?” โอราอุสสงสัยว่าโพรทาเลียต้องการให้เขาสอนอะไร
โอราอุสพาโพรทาเลียมาแถวๆ ที่นั่งในคอกม้า พอมาถึงพวกเขาก็นั่งก่อนที่โอราอุสจะถามโพรทาเลีย
“น้องอยากให้พี่ช่วยสอนอะไรนะ?”
“เอ่อ...ข้าเคยเห็นพวกเด็กบ้านโพไซดอนควบคุมน้ำได้...ข้าเลยแบบ...สงสัยว่ามันควบคุมยังไงนะ?”
“หือ! ? น้องไม่เคยควบคุมพลังเหรอ?” โอราอุสสงสัยในสิ่งที่น้องสาวพูดทันที
โพรทาเลียส่ายหน้าทันที “ตั้งแต่6ขวบ แซเทิร์นทำทุกอย่างที่จะไม่ให้หนูควบคุมพลังได้ ทุกวันหนูเอาแต่ฝึก ต่อสู้ ประดิษฐ์ของ และก็ปรุงยา”
โอราอุสฟังที่น้องสาวพูดเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วทันที
“ชีวิตน้องมันยังไงแน่เนี่ย...ถ้าพี่เจอแซเทิร์นนะ พี่จะชกมันให้ร่วงเลย!!!”
“น่าพี่...อย่าไปยึดติดกับมันเลยนะ” โพรทาเลียมองพี่ชาย พร้อมนำมือแตะที่มืออีกฝ่ายพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มให้อีกฝ่าย “ตอนนี้มาสนใจเรื่องที่พวกเราทำได้ดีกว่านะ”
โอราอุสได้เห็นใบหน้าของน้องสาวเขาก็ใจร่มไปทันที “โพร...ก็ได้ๆ พี่จะไม่ยึดติดกับเรื่องนี้ แล้วมาสนใจเรื่องที่เราทำได้น่านะ”
“ค่ะ จริงสิ...พี่เห็นนูอัสมั้งไหม ช่วงนี้?” โพรทาเลียถามเรื่องของนูอัสทันที
โอราอุสมองอีกฝ่าย เขาเหมือนได้ยินโพรทาเลียพูดว่าค่ะ
“เห็นแค่ช่วงอยู่ที่บ้านพักนะ ทำไมเหรอ?”
“เปล่านะ หนูแค่...ระแวงว่ายังนั้นจะทำอะไรไหม พี่น่าจะรู้ยัยนั้นเป็นปีศาจ มันจะทำอะไรเราก็ยังไม่รู้ ช่วงนี้คงต้องระวังตัวสูงๆ มากเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ...พี่จะระวังตัวให้มากขึ้นเลยล่ะ”
“ขอบคุณค่ะที่รับฟังงั้น มาเข้าเรื่องพี่ช่วยข้าใช่ไหม?”
“ก่อนเข้าเรื่องนะ! โพรทาเลีย” โอราอุสยกมือขึ้นมาเหมือนจะห้าม
“ค่ะ?” โพรทาเลียสงสัยว่าพี่จะคุยอะไร
“พี่สังเกตนะ เธอเริ่มพูดแบบปกติแล้วเหรอ?”
“อ๋อ...ฮ่าๆ หนูเห็นว่าเราไม่ได้อยู่กับเจ้าเทพนั้นแล้ว หนูเลย...อยากลองกลับมาพูดแบบที่เคนพูดนะคะ สองวันมานี้เลยฝึกเรื่อยๆ นะ”
“น้องพี่...” โอราอุสมีน้ำตาคลอเบ้า แล้วเข้าไปกอดโพรทาเลียทันที “น้องนี่ช่างละเอียดอ่อนจริงๆ นะ”
“แม้ๆ ท่านพี่พอเถอะ...ข้าว่ากลับมาเข้าเรื่องที่หนูขอดีกว่านะ...”
"โอเค! งั้นเราฝึกกันที่นี้ละกันนะ เดียวพี่ไปเอาถังน้ำมาให้นะ น้องฝึกที่นี้ได้นะ ไม่เหม็นเนอะ?"
“ไม่นะ แค่กลิ่นม้ากับกองอึของพวกม้า สบายๆ หนูเคยเก็บกองอึของอาจารย์เซนทอร์มาแล้วเลยล่ะ”
"หือ! นี่เธอเคยมีอาจารย์เป็นเซนทอร์เหรอ!?"
“ใช่...ตอนอยู่ในเกาะนั้น แต่ตอนนี้อาจารย์คงท่องเที่ยวไปอยู่รอบโลกแล้วมั้ง...” พอพูดถึงอาจารย์เธอก็คิดถึงเขาขึ้นมาแล้วสิ
โอราอุสสงสัยเลยแฮะว่าน้องเขาได้เรียนรู้อะไรจากอาจารย์เซนทอร์ที่เธอพูดถึง เขาลุกขึ้นแล้วไปเอาน้ำมาหนึ่งถึง เขากลับมาแล้วมานั่งตรงหน้าของเธอ
“เอาล่ะ งั้นพี่จะสอนนะ รอบตัวเรามีพลังไหลเวียนอยู่ เราค่อยๆ ควบคุมมัน...” โอราอุสพูดแล้วแสดงให้โพรทาเลียดู เขายื่นมือมาตรงถังแล้วค่อยๆ ควบคุมน้ำให้ขึ้นมา โพรทาเลียเห็นก็รู้สึกตะลึงเลย
“ว้าว...”
“นี่ล่ะ การควบคุมพลัง เธอลองมันสิ”
“อืม” โพรทาเลียคิดตามที่พี่ชายบอกเธอ เธอค่อยๆ ควบคุมพลังที่อยู่ข้างใน ก่อนที่น้ำจะขึ้นมาแป๊บเดียว แล้วตกลงไป “อ๊ะ...ข้าคงควบคุมพลังไม่ได้สินะ”
“ไม่หรอก โพร น้องนะเก่งแล้ว ถึงน้องควบคุมพลังยังไม่ค่อยดี แต่น้องยังหายใจใต้น้ำได้ก็ถือว่ายังมีพลังสายเลือดโพไซดอนอยู่ น้องฝึกสักพักก็จะเก่งขึ้นนะ”
“ขอบคุณที่ปลอบใจหนูนะพี่...”
โอราอุสมองน้องสาวเขา เขายิ้มออกมาพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หัวอีกฝ่ายแล้วลูบหัว โพรทาเลียเห็นเธอหลับตาแล้วเคลิ้มไปกับมือของพี่ชายที่ลูบหัวเธอ ระหว่างที่สองคนนั้นกำลังแสดงความรักของพี่น้อง ก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามาในคอกม้าพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นสองคนสนิทกันมากๆ
“ดูสิ สองพี่น้องมาอยู่ที่คอกม้ากันนี่เอง”
ทั้งสองคนหันไปมองต้นเสียง โพรทาเลียเห็นก็ยิ้มทันที
“พี่ลิซ่า!” โพรทาเลียลุกขึ้นเข้าไปกอดอีกฝ่ายทันที “พี่มาทำอะไรเหรอ?”
“อ๋อ พอดี เดินอยู่แถวๆ บ้านแล้วเกิดเดินผ่านจนมาถึงคอกม้า แล้วได้ยินเสียงที่คุ้นหู เลยลองเดินเข้ามานะ”
“แหะๆ” โพรทาเลียกับโอราอุสขำกันเล็กๆ น้อยๆ
“จริงสิ...ลืมไปเลย...” โพรทาเลียค้นของบางอย่างในกระเป๋าของเธอ ก่อนจะยื่นของให้พี่โอราอุส มันคือกำไลเล็กเหมือนที่เธอและลิซ่าใส่
โอราอุสรับกำไลมาเขามองอย่างสงสัย “นี่คือ?”
เมื่อเขามองสิ่งที่น้องสาวให้ มันคือกำไลสีเงินที่มีลวดลาย และมีอัญมณีสีเขียวอยู่ตรงกลาง เขาลองแตะที่อัญมณีก็มีแสงขึ้น มันขึ้นเป็นภาพคล้ายๆ โฮโลแกรมหน้าจอสี่เหลี่ยมขึ้นมา
“อะไรเนี่ย?” โอราอุสมองอย่างตกใจทันทีที่เห็น
“มันเป็นกำไลอเนกประสงค์ที่หนูเป็นคนสร้างนะ ที่จริงมันก็คือกำไลขอความช่วยเหลือ หนูยังไม่ได้ตั้งชื่อเท่าไร แต่มันก็มีความสามารถหลายอย่างที่หนูสร้างขึ้นนะคะ”
“ใช่ โพรทาเลียนะเก่งมากเลยนะ โอราอุส” ลิซ่าพูดขึ้น เธอเอาฟางก้อนใหญ่มาเป็นที่นั่งทันที
“ว้าว โพร...น้องช่าง...อัจฉริยะจริงๆ มันมีอะไรมั้งนะ”
“ก็เป็นเครื่องส่งสัญญาณ แล้วก็มีระบบการเปลี่ยนร่างได้นะคะ”
“ว้าว..เจ๊งไปเลย...” โอราอุสได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าสิ่งที่ได้จากน้องสาวนั้นเจ๋งสุดๆ เขาสวมมันทันที “รู้สึกแปลกๆ นะเนี่ย...”
“งั้นเหรอคะ ให้หนูเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกๆ แค่นี้พี่ก็เกรงใจโพรทาเลียล่ะ แล้วนอกจากพี่ให้ใครไปอีกไหมเนี่ย?”
“ค่ะ หนูให้มาร์โคไปเมื่อวานนะคะ”
“เหอะๆ ถึงได้หมอนั้นเมื่อวานยิ้มทั้งวัน” โพรทาเลียนึกถึงเจ้ามาร์โคที่ยิ้มทั้งวัน
ย้อนกลับไปเมื่อวาน โพรทาเลียกำลังอยู่ช่วงฝึกดาบอยู่ เธอก็เจอมาร์โคที่ฝึกเสร็จพอดี มาร์โคเห็นโพรทาเลียก็ดีใจสุดๆ รีบเข้าไปหา โพรทาเลียก็ดีใจที่อีกฝ่ายอยู่แถวนั้นพอดี เธอจะได้ให้ของกับเขา พวกเขาเลยไปหาที่พักกัน พอพวกเขาหาที่พักสงบๆได้ โพรทาเลียยื่นกำไลให้กับมาร์โค
“กำไลเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“แล้วพี่ให้ผมทำไมกัน?”
“หึๆ พูดกันตามตรง มันคือเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ พอๆ กับกำไลของพี่” โพรทาเลียยกข้อมือขึ้นมา ให้เห็นกำไลที่เธอใส่ตลอด “ของพี่เป็นตัวส่งสัญญาณแล้วก็เครื่องเปลี่ยนร่าง!”
“เครื่องเปลี่ยนร่าง! หมายถึงเราจะเป็นใครก็ได้นะเหรอ?” มาร์โคถามด้วยความสนใจมากๆ
“ใช่ ถ้านายตั้งกำหนดรูปลักษณ์ที่นายอยากได้ นายก็ทำอะไรได้หมด มนุษย์ ยักษ์ ปีศาจ”
“ว้าว ขอบคุณมากครับ พี่โพรทาเลีย” มาร์โครู้ถึงคุณสมบัติของกำไลแล้วเขาก็รีบใส่ทันที
“มันวิเศษมากเลยพี่ ขอบคุณมากครับ ผมจะรักษาของนี้ให้ดีที่สุดเลยล่ะ”
ตอนนั้นโพรทาเลียมองหน้าน้องชายที่ดูมีความสุขมากๆ นี้คงเป็นของชิ้นแรกในรอบหลายปีที่เธอให้เขา เขาเลยมีความสุขมากๆ สินะ
ย้อนกลับมาปัจจุบัน ณ บ้านพักหมายเลข 3 มาร์โคที่อยู่ในบ้านพักกำลังเตรียมตัวสำหรับไปฝึก เขามองไปที่กำไลข้อมือของเขา เขาล่ะมีความสุขมากๆ ที่ใส่มัน เขาชอบใจที่มันมีสไตล์แบบคลาสสิกไม่หรูหราเกินไป ไม่วิบวับเหมือนของผู้หญิง ทำให้เพื่อนๆ ของเขาเห็นก็สนใจว่าเขาใส่ทำไม แต่เขาก็ไม่บอกใครว่าใส่ทำไม เขาเลิกคิดเรื่องเมื่อวานก่อนจะเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปฝึก แต่แล้วก็มีสองแฝดกำลังแอบเพื่อนจ้องเล่นน้องชายฝาแฝดของพวกเธออยู่
“อยู่นั้นไง!” สองสาวพูดพร้อมกันก่อนจะวิ่งมาหาอีกฝ่ายแล้วเตรียมกระโดดใส่ “เตรียมรับมือ!”
มาร์โคได้ยินเขารีบหันตัวไปทันที แล้วรับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามทันที “อาห๊ะ พวกพี่พลาด!”
“งั้นเหรอ?” คารีเซลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
มาร์โคขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีแค่คนเดียวนี่น่า
“เสร็จฉัน!!” เรน่ามาจากข้างหลังแล้วสกัดขามาร์โคจนล้มไปข้างหลังทันที
“อ๊าก!!” เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่สองสาวก็เข้ามานั่งทับทันที
“นายเก่งขึ้นนะมาร์โค” เรน่านั่งทับมาร์โคกับยิ้มให้อีกฝ่าย
“แต่ไม่เคยจำว่าเรามีสองคน” คารีเซลพูดเสริมทันที
“เหอะ ผมมันช้านี่ พวกพี่ตัวเล็กเลยเร็วกว่าผมนี่ แต่ว่า...” มาร์โคลุกขึ้นทันที สองสาวก็หล่นจากตัวมาร์โคทันที
“โอ๊ย!!” สองสาวอุทานทันที
“พวกพี่ก็ยังเอาชนะคนตัวใหญ่แบบผมไม่ได้เท่านั้นล่ะ!!”
“หึ! รอพวกเราโตกว่านี้ก่อนเถอะ มาร์โค” สองสาวชี้หน้าน้องชายทั้งอารมณ์เสีย
“ชาติหน้าเถอะ พี่คารีเซล พี่เรน่า หึๆ” มาร์โคขำในลำคอก่อนจะยกอุปกรณ์แล้วออกไปนอกบ้านพักทันที
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้กันเหมือนกับจะหาแผนแกล้งน้องชายของตัวเองอีก พวกเธอลุกขึ้นแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปทันที ทั้งสามเดินทางไปตามทางเพื่อไปบ้านใหญ่ พวกเขาต้องไปยกของจากบ้านใหญ่อีก แล้วค่อยไปสนามฝึก ระหว่างที่พวกมาร์โคกำลังเดินนั้น ข้างหน้าพวกเขามีพวกวัยรุ่นกลุ่มใหญ่กำลังเดินคุยกันอย่างสนุก มาร์โคมองรอบๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายๆ คนจะเดินผ่านกัน ระหว่างที่เดินนั้นก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้น
“กรี๊ดดดดดดดด เอริค!” หญิงสาวมองเพื่อนชายที่ล้มลงไปแล้ว
มาร์โคหันไปมองทันทีที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดหันไปมองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เข้าไปเขย่าตัวอีกฝ่าย
“เอริค ตื่นสิ! ตื่น....” หญิงสาวคนนั้นก็ล้มลงไปทันที
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเริ่มตกใจกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนต่างตื่นกลัวแล้ววิ่งหนีทันที
“อย่าตกใจสิทุกคน!!” มาร์โคห้ามคนที่วิ่งทันที
พวกที่วิ่งไปก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีควันสีขาวพุ่งขึ้นมา พวกนั้นถึงกับล้มลงไปทันที คนที่อยู่ฝั่งคนที่ล้มไปก่อนหน้า ตกใจกันก่อนจะวิ่งหนีทันที เรน่ากับคารีเซลก็ตื่นกลัว พวกเธอจะวิ่งมั้ง แต่มาร์โคห้ามไว้แล้วกอดพวกเธอไว้ข้างๆ
“อย่าวิ่ง เราต้องดูสถานการณ์ก่อนนะ พี่ๆ”
“แต่ว่า…”
พวกที่วิ่งไปอีกทาง ก็มีควันขึ้นมาอีก ตอนนี้ขึ้นมาทุกทางเหมือนเป็นวงกลมคนที่อยู่นอกวงกลมควันก็รีบหนีกัน มาร์โคมองควันพวกนั้น เขารู้สึกสิ้นหวังพวกเขาหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เอากอดพี่สาวทั้งสองไว้แน่นๆ ทั้งสองคนก็กอดมาร์โคไว้แน่ๆ มาร์โคคิดในใจเลยว่า เขาจะมาเป็นอะไรตอนนี้ไม่ได้
‘พี่ๆ ช่วยพวกเราด้วย!!’
เมื่อมาร์โคกำลังอ้อนวอนให้พวกพี่ๆ มาช่วยพวกเขา แสงที่กำไลก็เปล่งแสงออกมา ทั้งสามคนมองอย่างตกใจที่กำไลที่มาร์โคใส่เปล่งแสงออกมา แล้วก็มีเกราะปกคลุมพวกเขาทันเวลาที่ควันตกลงมาที่พวกเขา พวกมาร์โคกอดกันแน่นๆ พวกเขากลัวว่าควันนี้จะทำให้พวกเขาล้มไปด้วย แต่พอพวกเขาลืมตาขึ้นมาพวกเขากลับไม่เป็นอะไร พวกเขามองรอบๆ ตัวมีเกราะปกคลุมพวกเขาไว้
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกัน...” คารีเซลยังหวาดกลัวนิดหน่อย เพราะเห็นหลายคนล้มไป
“มีเกราะขึ้นมา...ทำให้เราปลอดภัยสินะ” เรน่าพูดทั้งน้ำตาของเธอ
“มาร์โค! มาร์โค!” เสียงของคีย์ดังขึ้นในกำไล มาร์โคได้ยินรีบขยับมือขึ้นมาดูกำไลข้อมือของเขา
“พี่โพร!”
“ดีจริงๆ ที่นายตอบ เกิดอะไรขึ้นนะ อยู่ๆ มีเสียงคนกรี๊ด แล้วก็มีคนวิ่งหนีกันมาทางคอกม้านะ”
“เกิดเรื่องนะพี่ อยู่ๆ มีควันขึ้นมา ทำให้คนล้มนอนลงกับพื้นหมดเลยล่ะ แต่ตอนนี้มีเกราะขึ้นมาปกป้องพวกผมนะ”
“ไม่ต้องห่วง เกราะนั้นเกิดขึ้นจากกำไลที่พี่ให้นาย ถ้านายขยับมันก็จะขยับตาม ถ้าอยู่ที่ปลอดภัยเกราะนั้นจะหายไป แต่ตอนนี้นายต้องอยู่ในนั้นก่อนนะ” โพรทาเลียอธิบายให้มาร์โคฟัง
“ได้ครับ...”
“เดียวพวกพี่จะไปช่วยพวกนายเอง!!” โพรทาเลียวางสายทันที
มาร์โคได้ยินแบบนั้นเขารู้สึกโล่งใจทันที เขากอดพี่สาวสองคนไว้แน่น แต่เขากับพึ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดกับพี่โพรทาเลียแล้ว มีสองคนที่ไม่รู้เรื่องอยู่ตรงนี้ด้วยนี่น่า เขาก้มมองทั้งสองคนพวกเขาทำหน้าสงสัยทันที
“เมื่อกี้เสียงพี่คีย์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงพูดว่าพี่โพรล่ะ? มาร์โค”
มาร์โคถึงกับหน้าซีดทันที เขาพลาดท่ากับสองคนนี้จนได้ ทางด้านโพรทาเลียรีบวิ่งออกมาจากคอกม้าพร้อมพี่โอราอุสกับพี่ลิซ่า แต่โพรทาเลียกับวิ่งเร็วกว่าคนอื่นๆ จนโอราอุสที่มองอย่างสงสัยเลยว่าทำไมน้องสาวเขาถึงวิ่งเร็วแบบนั้น ลิซ่าวิ่งมาอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย แล้วชวนอีกฝ่ายคุยทันที
“ไม่ต้องคิดมากหรอก”
โอราอุสหันไปมองลิซ่าทันที "หมายความว่าไง?"
“ที่โพรทาเลียวิ่งเร็วนะ นางนะโดนแซเทิร์นให้วิ่งหนีเขาหรือไม่ก็พวกยักษ์ที่วิ่งไล่เธอเพื่อเอาตัวรอดนะ จนนางวิ่งเร็วกว่าปกตินะ อย่าไปคิดมากเลยที่ตัวเองวิ่งช้านะ”
โอราอุสได้ฟังเขาทำหน้าดูเศร้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มให้อีกฝ่าย “ขอบใจที่ปลอบฉันนะ ลิซ่า ฉันคิดว่าตัวเองอ่อนแอเหรอถึงวิ่งช้าแบบนี้ แต่พอเธอบอกแบบนั้นมันทำให้ฉันคิดว่าตัวเองอ่อนแอกว่าอีก...”
“โอราอุส...”
“น้องฉันโดนแซเทิร์นทรมานมามากแค่ไหน ฝึกมาแค่ไหน ฉันยังเทียบเธอไม่ได้...แต่ว่าฉันจะฝึกให้เก่งกว่านี้ เก่งจน...สามารถปกป้องคนที่ฉันรักได้...”
“เจ้าต้องทำได้แน่ๆ โอราอุส” ลิซ่ายิ้มให้อีกฝ่าย
โอราอุสมองอีกฝ่ายที่ยิ้มให้เขา เขารู้สึกร้อนที่ใบหน้ายังไงชอบกล ก่อนที่เขาจะหันไปวิ่งไล่ตามโพรทาเลียไปทันที ลิซ่าเห็นอีกฝ่ายวิ่งนำไป เธอก็วิ่งตามไปทันที พวกโพรทาเลียวิ่งจนมาถึงบ้านใหญ่แล้วคอยวิ่งตรงไปจุดที่เกิดเหตุอีกไม่ไกล จนมาถึงจุดที่มีพวกผู้ใหญ่อยู่รวมพลเตรียมการบางอย่าง พวกเขาหันไปเจอพวกฟีนีอุส โอราอุสเลยเดินไปหาพวกฟีนีอุสทันที
“สถานการณ์เป็นยังไงมั้ง! ? ฟีนีอุส” โอราอุสเข้ามาถามด้วยสีหน้าซีเรียสทันที
“โอราอุส...ตอนนี้ควันที่ออกมามันหายไปแล้วนะ ตอนนี้คุณเพอร์ซีย์จะส่งคนเข้าไปข้างในเพื่อนำตัวคนที่ล้มลงไปมาตรวจดูว่ายังมีชีวิตอยู่ไหมนะ!”
“งั้นเหรอ…” เขามองจุดที่โดนกั้นไว้ เขาเห็นน้องเขายังอยู่ในข้างในตามที่โพรทาเลียขอให้พวกเขาอยู่ข้างในนั้น
“จริงสิ โอราอุส คุณเพอร์ซีย์ถามหานายอยู่นะ” โทมัสพูดกับโอราอุส
“ขอบใจ โทมัส!” โอราอุสเดินไปหาพ่อของเขา
โพรทาเลียเห็นว่าพี่โอราอุสจะไปหาพ่อเธอเลยอยากเดินตามไปด้วย ฟีนีอุสเห็นอีกฝ่ายกำลังจะตามโอราอุสไป เขารีบอุ้มตรงเอวจนอีกฝ่ายลอยทันที
“อ๊า!!” โพรทาเลียตกใจทันทีที่โดนอุ้มจนตัวลอย
ฟีนีอุสอุ้มอีกฝ่ายหันกลับมาทางเดิมที่อีกฝ่ายยืนตอนแรก
“นายห้ามไปนะ มันอันตรายมีเด็กนอนล้มไปหลายคนแล้วนะ!!” ฟีนีอุสเตือนอีกฝ่าย
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่!” ฟีนีอุสยกอีกฝ่ายให้อยู่ข้างหลัง “อยู่นี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”
โพรทาเลียทำแก้มป่องแบบตัวเองโกรธที่อีกฝ่ายห้ามเธอ เธอกอดอกหันหน้าไปทางอื่นทันที ฟีนีอุสมองก็รู้สึกใจสั่นๆ เลยอีกฝ่ายทำใบหน้าแบบนั้น แต่ตัวเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าไปบริเวณใกล้ๆ เด็ดขาด โอราอุสเดินไปหาพ่อของเขานั้น เพอร์ซีย์กำลังคุยเพื่อจัดการกับควันนี้ ตอนนี้มันสงบไปแล้ว แต่พวกเขาก็กลัวว่ามันจะโผล่ขึ้นมาอีก เขามองลูกๆ ของเขาที่อยู่ข้างในนั้น
โอราอุสเข้ามาใกล้ๆ พ่อ “พ่อครับ...”
“โอราอุส...” เพอร์ซีย์มองลูกชายของเขา “เดียวลูกกับพ่อจะเข้าไปข้างในช่วยพวกมาร์โค”
“แต่ว่าเราเข้าไป เราล้มไปด้วยล่ะครับ?”
“เดียวแม่จะจัดการต่อ ไม่ต้องห่วง”
“...” โอราอุสมองพ่อเขา เขาสงสัยเลยว่าถ้าไม่มีพ่อพวกเขาจะทำอะไรได้เหรอ
เมื่อพวกผู้ใหญ่กำลังเตรียมการจัดการควัน อยู่ๆ ก็มีควันเกิดขึ้นอีกครั้ง พวกผู้ใหญ่เห็นก็ต่างตาโตขึ้นมาทันที ก่อนที่เพอร์ซีย์จะออกคำสั่ง
“ทุกคนออกจากบริเวณนี้ทั้งหมด!!”
ทุกคนได้ยินคำสั่งก็วิ่งหนีกันทันที พวกฟีนีอุสก็เตรียมวิ่งหนีกันทันที ควันนั้นพุ่งตัวขึ้นมาสูงแล้วกระจายออก คนที่อยู่รอบใกล้ๆ ก็ล้มลงไปทันที โพรทาเลียเห็นสถานการณ์มันแย่ลงไปเรื่อยๆ เธอคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเรียกดาบของเธอออกมา
“ไซ-”
“ไซกาเลน!!”
โพรทาเลียได้ยินคนเรียกชื่อของดาบของเธอ เธอหันไปมองต้นเสียงก่อนจะเห็นคนวิ่งผ่านเธอไปคือ โฟกัส เธอวิ่งไปอยู่ตรงบริเวณข้างหน้าของควันที่กำลังกระจายออกมา เธอจับดาบเพื่อจะปักมันลงกับพื้น
“จงสร้างเกราะคลุมควันอันเลวร้ายนั้นซะ ไซกาเลน!!”
โฟกัสปักดาบลงกับพื้นทันที มีเกราะกระจายออกมาจากดาบแล้วคลุมโซนที่มีควันออกมา โฟกัสรีบออกมาจากโซนดาบของเธอทันที โฟกัสมองดูว่าดาบของเธอจะช่วยได้ไหม แต่ว่าก็มีควันบางส่วนจะออกมาจากเกราะนั้น โฟกัสหน้าเสียทันทีที่ดาบของเธอช่วยไม่ได้ โพรทาเลียเห็นแบบนั้นเธอรู้สึกว่าดาบของโฟกัสนั้นมีพลังที่น้อยกว่าดาบของเธอ แต่ถ้าสองดาบร่วมกันล่ะ เธอคิดได้เธอก็เรียกดาบของเธอออกมาทันที
“ไซกาเลน!!”
โฟกัสได้ยินเสียงคนเรียกชื่อดาบที่คล้ายชื่อดาบของเธอ เธอหันไปมองทันที ก็เห็นคีย์มาอยู่ข้างๆ เธอ
“โฟกัส!!”
“พี่...คีย์...” โฟกัสมองอีกฝ่ายที่ถือดาบแบบเดียวกับเธออยู่
“ฟังฉันนะ จงเรียกไซกาเลนกลับมา!!”
“จะบ้าเหรอ! ไม่งั้นควันก็มาสิ!!”
“ฉันรู้ แต่เธอต้องทำ เพื่อให้สร้างเกราะป้องกันให้ดีกว่านี่นะ!!”
โฟกัสได้ยินแบบนั้น เธอคิดเลยว่าจะสร้างเกราะได้ดีกว่านี้จริงๆ เหรอ แต่ว่าเธออยากเชื่ออีกฝ่าย แต่เธอจะเรียกดาบกลับมายังไง
“แต่ดาบฉันทำแบบนั้นไม่ได้นะ”
“ได้สิ จงเอ่ยว่า ไซกาเลนจงกลับมา!! ลองทำเลย!!” โพรทาเลียสั่งโฟกัสทันที
“ได้!!” โฟกัสหันไปทางดาบของเธอทันที “ไซกาเลนจงกลับมา!!”
เมื่อดาบได้ยินเสียงเจ้านายมันก็ออกมาจากพื้นลอยตรงมาหาโฟกัส โฟกัสยื่นมือออกไปรับมัน เธอถึงเลยที่ทำได้จริงๆ
“ทำตามฉัน เราจะได้ปกป้องค่ายนี่กัน!”
“อ๊ะ...อืม”
โพรทาเลียได้บอกโฟกัสว่าต้องพูดอะไร ตอนนี้ทั้งสองคนต้องรีบทำให้เร็วที่สุด
“เอาล่ะ!” ทั้งสองคนยกดาบของตัวเองขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดพร้อมกัน
“จงสร้างเกราะปกคลุมเหล่าควันร้าย!! ไซกาเลน!!”
เมื่อทั้งสองพูดจบแล้วปักดาบลงสู่พื้นทันที ดาบทั้งสองมีแสงสว่างขึ้นมา เกราะขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา ทั้งสองคนรีบออกจากจุดที่มีเกราะทันที เกราะเริ่มกระจายไปจนถึงทางด้านพวกมาร์โค มาร์โคมองเกราะนั้นที่กระจายไปจนถึงจุดที่ควันกำลังกระจายไปก่อนมันจะหยุดบริเวณที่ควันยังมาไม่ถึง ควันพวกนั้นกระจายจนมาชนกับเกราะ ทุกคนเห็นก็ต่างร้องเฮฮากันทันที โพรทาเลียกับโฟกัสมองเกราะที่พวกเธอสร้างขึ้นกัน โฟกัสมองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มออกมา โพรทาเลียก็ยิ้มให้อีกฝ่าย โฟกัสโผเข้ากอดอีกฝ่ายทันที โพรทาเลียเห็นก็อึ้งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะกอดตอบ เพอร์ซีย์รีบเดินตรงมาหาทั้งสองคนทันที
“ทั้งสองคนเก่งมาก…” ทั้งสองคนเห็นพ่อมาก็ผละตัวออกกันทันที เพอร์ซีย์มองไปที่เกราะป้องกัน "ที่สร้างเกราะป้องกันไม่ให้ควันออกมา แล้วแบบนี้คนข้างใน..."
"ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ เราจะหาทุกวิถีทางพาพวกเขาออกมากัน เนอะ พี่คีย์"
“เอ๋?” โพรทาเลียทำหน้าเอ๋อทันทีที่อีกฝ่ายอยู่ๆ เรียกเธอว่าพี่ขึ้นมา “ใช่...พวกเราจะหาทางพาพวกเขาออกมา”
โพรทาเลียมองข้างในเกราะนั้น ถ้าจะพาคนอื่นๆ ออกมา เธอกับพี่โอราอุสน่าจะทำได้ พวกเธอมีเครื่องป้องกันอยู่ แต่ว่าการเข้าไปแล้วควันนั้นจะไม่ออกมาด้วยใช่ไหม เธอคงต้องทดลองบางอย่าง คงต้องใช้มาร์โคที่อยู่ข้างในเป็นหนูทดลองให้เธอ
“มาร์โค!!” โพรทาเลียตะโกนเรียกมาร์โค ทำให้ทุกคนต่างมองมาทางเธอหมด
มาร์โคได้ยินเสียงพี่สาวของเขา เขาก็หันไปทางโพรทาเลียทันที “พี่คีย์!!”
“นายพาสองสาวออกมาได้เลย!”
“เอ๋! ?” พวกมาร์โคทำหน้างงเลยว่าจะออกไปไง
“เดียววันเดอร์เลอร์ เดียวพวกมาร์โคก็สลบไปอีกกลุ่มหรอกนะ” เพอร์ซีย์เข้ามาเตือนคีย์ทันที
“ไม่หรอกขอ...ไม่หรอกครับ พวกเขาจะออกมาได้ เพราะเกราะรอบๆ ตัวมาร์โคนั้น ผมเป็นคนสร้างเอง ผมรับรองเรื่องนี้ได้แน่ๆ แล้วผมอยากทดลองด้วยว่าพวกเขาจะออกมาแล้วไม่นำควันออกมาด้วยนะ คุณแจ็กสัน”
เพอร์ซีย์มองอีกฝ่ายเขาทำหน้าเครียดมากๆ “…”
“ได้โปรดครับ...เชื่อผม...” โพรทาเลียขอให้พ่อเชื่อเธอ ถึงเขาไม่เชื่อเธอก็จะทำต่อแน่ๆ
เพอร์ซีย์มองคีย์ที่มีสายตามุ่งมั่นว่าต้องทำได้ ทำให้เขาแพ้ทางเด็กที่มีความตั้งใจสุดๆ เขาเอามือขยี้ผมตัวเอง
“ทำให้ฉันเห็นว่าฉันเชื่อเธอได้! วันเดอร์เลอร์”
“ครับ!!” โพรทาเลียยิ้มออกมา แล้วหันไปหามาร์โคทันที “มาร์โคออกมาได้เลย อย่างที่พี่บอกไปก่อนหน้า เพราะนั้นสร้างจากกำไลที่พี่ให้นาย ถ้านายเดินมาเกราะนั้นก็จะปกป้องนายจนกว่านายจะอยู่ในเขตปลอดภัย!
“โอเค ผมจะออกไป!!” มาร์โคเข้าใจที่พี่สาวพูด เขาก็อุ้มพี่สาวสองคนที่อยู่ข้างๆ ตัวเขาทันที
“อย่าทำเราตกนะเจ้าน้องบ้า!” คารีเซลดุมาร์โคไว้ก่อนทันที
“จริงด้วย!” เรน่าก็กลัวหน่อยๆ ถ้าเธอตกก็อาจจะโดนควันนั้นทำให้ล้มไปอีกคน
“รู้แล้วๆ!! เอาล่ะ!!”
มาร์โคอุ้มทั้งสองคนไว้แน่ๆ เขาก็เดินออกมาช้าๆ เขามองพวกที่ล้มลงไป เขาสังเกตว่าพวกนั้นยังหายใจอยู่ แปลว่าทุกคนแค่สลบไปเท่านั้น เขามองเกราะที่ปกคลุมเขา เขาคิดในใจเลยว่า
‘จริงของพี่โพร เกราะตามมา เพราะกำไลของพี่แท้ๆ’
มาร์โครีบพาเดินมาอย่างเร็วจนเขามายืนอยู่ตรงหน้าเกราะใหญ่ เขามองอย่างสงสัยว่าถ้าเขาออกไปจะไม่เป็นอันตรายไหม คารีเซลกับเรน่ามองมาร์โคที่ยังยืนนิ่งอยู่ ก่อนจะมีคนมายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มาร์โคเห็นพี่โพรทาเลียยืนอยู่ เธอมีสีหน้านิ่งก่อนจะยิ้มออกมาให้เขา
“พี่จะอยู่ข้างๆ เอง ออกมาเถอะ!”
พอสิ้นสุดคำพูดของโพรทาเลียทำให้มาร์โคมีความมั่นใจ เขาหายใจเข้าแล้วออกก่อนจะเดินออกมาจากเกราะใหญ่นั้น โพรทาเลียที่อยู่ข้างๆ มองอย่างสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม เมื่อมาร์โคออกมาเกราะรอบๆ ตัวเขาก็หายไป ทุกคนต่างมองอย่างอึ้งๆ โพรทาเลียมองรอบๆ ตัวเธอและมาร์โค เธอยิ้มทันที
“ปลอดภัยแล้วล่ะทุกคน!!” โพรทาเลียประกาศออกมาทันที
“เย้!” ทุกคนต่างดีใจทันที
แอนนาเบ็ธกับเพอร์ซีย์ไปหาพวกมาร์โคทันที สองสาวกอดพ่อกับแม่ด้วยความกลัว โพรทาเลียเห็นก็ดีใจที่พวกนั้นปลอดภัย เธอหันไปมองเกราะใหญ่ ก่อนจะคิดบางอย่างอยู่ มาร์โคเห็นพี่สาวกำลังหันไปมองเกราะใหญ่ เขาก็เดินมาหาพี่สาวทันที
“พี่...”
“หือ?” โพรทาเลียหันไปมองมาร์โคทันที “ไง ดีนะที่ปลอดภัยนะ...”
“ขอบคุณนะพี่ ถ้าไม่ได้กำไลของพี่ ผมคงหลับไปเหมือนคนอื่นๆ แน่ๆ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก มาร์โค แต่ก็ดีใจที่นายปลอดภัย”
“แล้วคนอื่นๆ ที่สลบอยู่ข้างในล่ะ...”
“สลบเหรอ...อืม...พี่มีวิธีเข้าไปช่วยแล้วล่ะ...แต่พี่...กำลังคิดว่า...” โพรทาเลียหันไปที่เกราะใหญ่ทันที "ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กัน!!"
จบตอนที่ 16 โปรดติดตามตอนต่อที่ 17 ต่อไป