ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 30 พี่น้องที่ได้กลับมาเจอกัน
ภายใต้ความมืดอันนิ่งสงบ แสงสว่างได้ลอดผ่านเข้ามาผ่านเปลือกตาของคนที่กำลังหลับอยู่ ทำให้เจ้าตัวอยากจะลืมตาขึ้นมาเพื่อมองแสงนั้นที่ลอดเข้ามา แต่ว่าแสงนั้นแวบไปแวบมาเหมือนกับมีอะไรมาปังแสงนั้น พร้อมกับมีเสียงแว่วๆ เข้ามาเหมือนเสียงคนกำลังคุยกันอยู่ พอเธอเริ่มตั้งสติขึ้นมาก็เริ่มได้ยินเสียงนั้นมากขึ้น เสียงอันคุ้นเคยกำลังคุยกัน ทำให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาทันที ภาพตรงหน้าของเธอคือพี่น้องของเธอที่กำลังจ้องมองเธอ และพ่อแม่ที่กำลังคุยกัน
“อ๊ะ พี่โฟกัสตื่นแล้วค่ะ!” เรน่าพูดขึ้น
ผู้เป็นพ่อแม่หันมามองผู้เป็นลูกสาวทันที
“ลูกแม่!!” แอนนาเบ็ธพอได้เห็นว่าลูกสาวนั้นได้สติ เธอก็ดีใจมากๆ
“แม่...พ่อ...ทุกคน...” โฟกัสค่อยๆ พยายามลุกขึ้น เธอรู้สึกปวดต้นคอของเธอชอบกล
“อย่าพึ่งขยับตัวสิ เธอนอนผิดท่าเลยปวดคอแน่ๆ นะ โฟกัส” โอราอุสเตือนน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“นอนผิดท่าเหรอ?” โฟกัสงงว่าเธอนอนผิดท่าตอนไหน
“ก็ตอนที่พี่นอนคาอยู่ในป่าไง พ่อกับพี่ฟีนีอุสไปเจอพี่นอนคอตกอยู่ที่ต้นไม้นะ” มาร์โคพูดขึ้น
“นอนคอตก?” โฟกัสงงว่าน้องหมายถึงอะไรกัน
เธอยกมือลูบต้นคอของเธอ ก่อนที่เธอจะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ โฟกัสพยายามลุกขึ้นนั่งดีๆ แล้วดึงผ้าพรมออกจากตัวของตนเอง พอเธอเห็นสภาพร่างกายของตนเองที่ไร้รอยขีดข่วนและบาดแผลที่สาหัสไปหมด ทำให้เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอนึกได้ทันทีว่าคืนนั้นใครมาช่วยเธอและใครที่ช่วยรักษาเธอ ระหว่างที่เธอคิดบางอย่าง ครอบครัวเธอมองกันอย่างสงสัยว่าเธอเป็นอะไร จนเพอร์ซีย์เข้ามาแตะไหล่ลูกสาวเบาๆ
“โฟกัส...”
โฟกัสเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ “ค่ะ...”
“ลูกไปที่ป่านั้น เพราะจดหมายปลอมใช่ไหม?”
“อ๊ะ...คือว่า...”
“พ่อรู้แล้วนะว่าลูกได้รับจดหมายนั้น ตอนนั้นลูกเจอใครมั้งไหมนะที่ล่อลวงลูกออกไปในป่านะ!?” เพอร์ซีย์ถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“เอ่อ...” โฟกัสไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น
“ลูกบอกมาเถอะนะ โฟกัส” แอนนาเบ็ธลูบหัวของลูกสาวเบาๆ “ตอนพ่ออุ้มหนูมา แม่ตกใจที่เห็นเสื้อผ้าของลูกมีแต่เลือด แม่คิดว่าจะเสียลูกไปแล้วนะ”
น้ำเสียงอันสั่นเคืองของผู้เป็นแม่นั้นทำให้คนเป็นลูกอย่างโฟกัสมองผู้เป็นแม่อย่างรู้สึกผิดที่ตัวเองนั้นทำให้ครอบครัวเป็นห่วง แต่เธอควรบอกไหมเรื่องแบบนี้ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เธอพึ่งสังเกตว่ารอบๆ นั้นไม่ใช่ที่บ้าน
“นี่...หนูอยู่สถานพยาบาล?”
“ใช่...เธออยู่ที่นี้นะ พ่อเขาห่วงจนพามาที่นี้ เพื่อให้ทางนี้เขารักษาเธอนะ” เบเดอร์เอ่ยพูดขึ้น
“งั้น...”
โฟกัสมองซ้ายมองขวา เธอมองหาคนที่อยากเจอมากๆ ตอนนี้ แต่พอมองๆ สถานพยาบาล แต่กับไม่เจออีกฝ่ายเลย เธอกำลังคิดว่าอีกฝ่ายหายไปไหนแล้วหรือว่าออกจากสถานพยาบาลไปแล้วกัน โฟกัสกำลังครุ่นคิดอย่างปวดหัวไปหมด ก่อนจะมีเงาบางอย่างผ่านไปด้านข้างเตียงของเธอ พอมองอีกทีเธอก็เห็นชายหนุ่มที่เธออยากเจอ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นั่งลงบนเตียงข้างๆ เตียงโฟกัส
เอเดอร์ได้เห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เตียงน้องสาวก็คราวทักทายทันที “อ้าว วันเดอร์เลอร์ นายยังไม่หายเหรอ?”
“หือ?” เมื่อมีเสียงทักทายเธอขึ้นมา เธอค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ทัก ก่อนจะนอนลงบนเตียง “อืม...ไข้ขึ้นเพิ่มนะ เลยยังต้องนอนนะ”
“แย่จังเลยนะจ๊ะนั้น วันเดอร์เลอร์สนยาสูตรพิเศษของฉันไหมล่ะจ้ะ” แอนนาเบ็ธเสนอยาสูตรพิเศษของเธอในทันที
“ยี๊!!” ทุกคนต่างทำสีหน้าตกใจกับสิ่งที่ผู้เป็นแม่ถูกถึงยาสูตรพิเศษ
โพรทาเลียนึกถึงยาสูตรพิเศษของแม่ขึ้นมา ทำเอาเธอหน้าซีดขึ้นมาเลย “มะ...ไม่ล่ะครับ ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ คุณแอนนาเบ็ธ”
“งั้นเหรอจ๊ะ เสียดายจัง”
“อย่าเอาไปให้ใครกินดีที่สุดนะ แอนนี่” เพอร์ซีย์ยังหน้าซีดเลยที่ภรรยาของเขาพูดแบบนั้นออกมา เขาจำรสชาติยานั้นได้ โคตรขมและไม่น่ากินเลยจริงๆ
“ทำไมล่ะ ทุกคนก็หายดีนี่น่า?” แอนนาเบ็ธสงสัยทันทีว่าทำไมถึงห้ามให้ใครกินยานั้นล่ะ
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ เพราะไม่กล้าบอกเลยว่ายานั้นมันทั้งขมและน่าอ้วกแค่ไหนจนไม่อยากกินมั้ง โฟกัสหันไปมองผู้เป็นพี่สาวอย่างสงสัยว่าเธอควรตอบคำถามพ่อแม่ยังไงดี โพรทาเลียเห็นว่าน้องสาวมองเธอเหมือนต้องการความเห็นบางอย่าง ก่อนที่เธอจะหลับตาลง แล้วพูดผ่านจิตออกไป
‘อยากได้ความเห็นเหรอโฟกัส’
‘อ๊ะ...พี่...’ โฟกัสตกใจที่อยู่ๆ เสียงของพี่สาวก็อยู่ในหัวของเธอ
‘อืม พี่เอง ดูเธอเหมือนต้องการความเห็นจากพี่นะ’
‘ค่ะ...หนูควรตอบคำถามพ่อแม่ไงดี ว่าเมื่อคืน...’
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นเธอก็แอบคิดว่าคงเป็นวันนี้ที่เธอต้องโดนรู้ความจริงเขาสินะ
‘โทษนะ โฟกัส ถ้าเธออยากบอกเรื่องนั้นกับพ่อแม่ เธอก็บอกไปเถอะ แต่ถ้าเกิดเรื่องอันตรายกับเธอและครอบครัว พี่จะเป็นคนปกป้องเอง’
‘พี่...ค่ะ…’ โฟกัสมองพี่สาว เธอรู้สึกผิดแทนพี่สาวเลย ’ ทำไมกัน พี่เอาแต่ปกป้องพวกเราอย่างเดียวแบบนี้...’
‘ก็...หน้าที่...ของคนที่อยากปกป้องครอบครัวที่พี่รักนี่น่า’
โฟกัสได้ยินแบบนั้น สีหน้าเธอนั้นทั้งเศร้าและรู้สึกอึดอัดอยู่ภายในจิตใจของตนเอง เพอร์ซีย์เห็นสีหน้าลูกสาวเปลี่ยนไป เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทันที
“โฟกัส ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
โฟกัสได้สติกลับมาเธอก็เงยหน้ามาหาพ่อ เธอมองอย่างไว้ใจ แต่ครั้งนี้เธอคงต้องโกหกอีกฝ่ายไป
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรนะคะ หนูแค่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่อยู่ๆ ไปในป่าแล้วสลบไปนะคะ มันรู้สึกแปลกๆนะคะ”
"งั้นเหรอ? แต่จำไม่ได้จริงๆ สินะว่าเจอใครไหมนะ ถ้าเจอพ่อจะไปล่ามันมาจัดการ"
“ไม่นะคะ ไม่เจอ...” โฟกัสคิดเลยว่า ถ้าบอกไปว่าเป็นฝีมือนูอัสจะเป็นไง “เอ่อ...ว่าหนูรู้สึกว่าจดหมายมันเหมือนลายมือของใครบางคนนะคะ...”
“เหมือนของใครเหรอ? พี่” คารีเซลถามพี่สาวทันที
“เอ่อ...หนูรู้สึกว่าเหมือนของพี่โพรทาเลียนะคะ”
“!!”
ทุกคนต่างอึ้งไปทันที แต่คนที่อึ้งเยอะกว่าคือคนที่แกล้งหลับไปแล้วอย่างโพรทาเลียที่นอนอยู่เตียงข้างๆ นี่สิ
“ลูกพูดจริงเหรอ?” เพอร์ซีย์ถามด้วยความสงสัย
“ค่ะ...ก็...” โฟกัสหาจดหมายที่เธอแอบซ่อนทันที ก่อนจะยื่นให้ผู้เป็นพ่อและแม่อ่าน “มันเหมือนพอควรนะคะ”
พอทั้งสองท่านรับจดหมายนั้นมา พวกเขาต่างมองจดหมายนั้น พวกเขาเหมือนสังเกตเห็นเลยว่าลายมือนี้เหมือนของใคร
“ถึงได้ว่าทำไมหนีออกไปจากค่าย!!” เพอร์ซีย์โกรธถึงขั้นขย้ำจดหมายนั้นทันที
“หนี...ใครหนี?” โฟกัสถามอย่างสงสัย
“ก็ยัยพี่สาวบ้านั้นหนีออกไปนอกค่ายนะครับพี่!!”
“จริงสิ แล้วรู้ได้ไงว่าเขาหนีออกนอกค่ายไป?”
“ยัยนั้นทิ้งจดหมายไว้นะ พอพวกพี่ๆ เห็นก็เอาไปให้พ่อ พ่อเขาเลยโกรธมากๆ เลยสั่งคนออกไปตาม แบบนี้คงได้ตามแบบเอาชีวิตแน่แฮะพอรู้ว่าพี่เขาทำอะไรพี่โฟกัสนะ” มาร์โคเอ่ยพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“ก็ดี พ่อจะได้พากลับมาสั่งสอนใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ไม่นึกว่าโพรทาเลียจะทำแบบนี้นะ ทุกคนเป็นครอบครัวกับทำแบบนี้กันได้...ช่างผิดหวังในตัวเด็กคนนั้นขึ้นทุกวัน...”
“พ่อครับ / พ่อค่ะ...”
“ผมว่าพ่ออย่าไปสนใจดีกว่านะครับ พ่อยังมีพวกเราอยู่นะครับ”
“จริงด้วยนะคะ พ่อ” สองสาวก็ต่างยิ้มให้ผู้เป็นพ่อทันที
เมื่อเห็นลูกๆ ปลอบใจเขา เขาก็ดีใจ แอนนาเบ็ธเห็นสามีอารมณ์ดีขึ้นก็ดีใจ ก่อนที่เธอจะเห็นว่าเวลานี้มันก็สายแล้วสำหรับการไปตรวจตราตามเวลาที่กำหนด
“อ๊ะ สายป่านนี้ล่ะ งั้นเดียวพ่อกับแม่ไปทำงานนะจ๊ะ เด็กๆ ลูกๆ ก็ไปฝึกกันด้วยล่ะ สามแฝดก็ด้วยนะ อย่าลืมไปฝึกล่ะ” แอนนาเบ็ธพูดไปแล้วก็ดันสามีออกไปทันที
“ครับ/ค่ะ”
เพอร์ซีย์หันไปมองภรรยาตนเองที่เอาแต่ดันตัวเขา “แอนนี่อย่าดันสิ!!”
“ก็เดินสิ!!” แอนนาเบ็ธเร่งอีกฝ่ายเดินทันที ก่อนที่งานจะทำงานช้าไปอีก
พอพวกพ่อแม่ออกไปจากสถานพยาบาลแล้ว ก็เหลือแค่พี่น้องทั้ง 6 คน พวกเขายิ้มให้กันก่อนที่พวกสามแฝดจะคิดว่าถึงเวลาต้องไปกันได้แล้ว
“เอาล่ะคะทุกคน พวกเรากลับกันเถอะค่ะ จะได้ไม่รบกวนพี่โฟกัสพักอีกสักแป๊บนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก เดียวก็ไปฝึกมั้งแล้วล่ะ” โฟกัสกำลังพยายามลุกขึ้น แต่โอราอุสก็จับไหล่เธอแล้วดันเธอลง
“นอนพักสักหน่อยเถอะ ถือว่าเป็นเวลาพักในช่วงที่เหนื่อยๆ น่านะ”
“พี่ค่ะ...” โฟกัสรู้สึกเบาใจ ก่อนจะพยักหน้าทันที “ค่ะ งั้นขอพักอีกสักหน่อยละกันค่ะ”
“งั้นพวกเรากลับล่ะ พักผ่อนเยอะๆ นะ น้องๆ”
คำพูดสุดท้ายของโอราอุสเหมือนสื่อถึงบางอย่าง พอพวกพี่น้องออกไปแล้ว โฟกัสสงสัยในคำพูดขอพี่ ก่อนจะหันไปหาโพรทาเลียที่นอนอยู่ข้างๆ เตียง เธอลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เตียงอีกฝ่าย ใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังหลับตาอยู่นั้นทำให้ตัวเธอนั้นไม่กล้าที่จะทักถามอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายกำลังหลับอยู่ แต่เธอก็นึกสงสัยว่าพี่ชายพูดถึงคำว่าน้องๆ นั้นหมายถึง เธอกับพี่สาวหรือเปล่านะ
“พี่โอราอุสเขารู้เรื่องพี่แล้วเหรอ?” โฟกัสพูดเบาๆ ออกมาคนเดียว
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ตัวของโพรทาเลียก็เอ่ยพูดขึ้น “ใช่นะ...”
“เอ๋?” โฟกัสตกใจทันที “พี่!! ไม่ได้หลับเหรอ?”
“ก็แค่หลับตาน่านะ แต่ไม่นึกว่าเมื่อกี้เธอจะกล้าบอกว่าลายมือในจดหมายเป็นของนูอัสได้นะ แต่ว่า...พี่คงต้องระวังตอนกลับร่างเดิม เพราะจะโดนพ่อหมายหัวไว้แน่ๆ ล่ะ”
“ขอโทษนะคะ พี่...” โฟกัสรู้สึกผิดเลยที่โบ้ยความผิดนั้นให้นูอัส แต่ใช้ชื่อพี่สาว “พี่ค่ะ...ขอบคุณนะ”
“หือ...เรื่อง...?”
“ที่พี่มาช่วยหนูนะ...”
“ไม่เป็นไรนะ แต่ว่าทำไมถึงรู้ว่าคีย์เป็นพี่ล่ะ?” โพรทาเลียถามน้องสาวไป เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ถามเลยว่าเธอคือใคร แถมยังเชื่อได้ง่ายๆ อีก
“พี่ก็น่าจะรู้นะ พี่เอาแต่ปกป้องหนูตลอด ยัยนูอัสนั้นเข้ามาทำร้ายหนู พี่ก็เข้ามาช่วยตลอด จนหนูคิดแล้วว่าพี่เป็นใครกัน และยิ่งได้ยินจากปากของยัยนั้น...พี่ค่ะ...” โฟกัสพูดแล้วมองพี่สาวอย่างโหยหา “ได้โปรดช่วยเล่าเรื่องของพี่ให้หนูฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ได้ไหมคะ”
“หึ...” โพรทาเลียค่อยๆ พยายามลุกขึ้นช้าๆ “เล่านะเล่าได้ แต่ว่าขอเล่าให้จิตนะ ไม่งั้น คนอื่นๆ รู้กันหมดพอดีนะ”
“ค่ะ!!” พอจะได้รับรู้สึกชีวิตของพี่สาวนั้น โฟกัสโผเข้ากอดพี่สาวทันที โพรทาเลียอึ้งทันทีที่น้องเขามากอดเธอ
“โฟกัส...”
“หนูรักพี่นะคะ...หนูคิดถึง...พี่มากๆนะคะ” เสียงของโฟกัสนั้นสั่นเครือทำให้โพรทาเลียนั้น เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เธอกอดตอบไปอย่างไม่ลังเล
“พี่ก็รักเธอนะ และก็คิดถึงมากๆ เลยล่ะ คิดถึงมาตลอด”
สองพี่น้องกอดซึ่งกันและกันอย่างโหยหาอ้อมกอดที่ไม่เคยได้กอดกันมานานถึง 9 ปี ทั้งสองคนต่างไม่เคยออกห่างกันตั้งแต่เด็ก แต่ก็โดนแยกจากกันโดยไม่รู้นั้นทำให้ความรู้ที่เหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกันมันเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่สามารถบอกสาเหตุของความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่โฟกัสรู้แล้วว่ามันคืออะไร เธอนั้นเสียพี่สาวไปตั้งแต่เด็ก เธอจะไม่ปล่อยให้เวลานั้นหายไปอีก
เวลาผ่านไปตกเย็น โอราอุสมาที่สถานพยาบาลอีกครั้ง เขาเป็นห่วงว่าโฟกัสจะไม่ยอมนอนพัก และห่วงโพรทาเลียที่ยังเป็นไข้อยู่ มันทำให้เขามีความห่วงมากขึ้นเป็นสองเท่าอีก พอเขาเข้ามายังสถานพยาบาล เขาก็เจอกับหัวหน้าสถานพยาบาลอย่างโอลิเวอร์ทันที เขาเลยเดินเข้าไปทักทายทันที
“เฮ้! โอลิเวอร์”
“หือ? โอราอุส นายมีอะไร?” โอลิเวอร์หันไปตามทางที่คนทัก
“อ๋อ ฉันอยากถามนะว่าโฟกัสออกจากสถานพยาบาลไปหรือเปล่านะ ฉันห่วงเธออยากให้เธอพักนะ”
โอลิเวอร์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ซีเรียสขึ้นมา จนโอราอุสเห็นก็สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายทำหน้าแบบนั้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะนั้น? ดูซีเรียสเลยนะนั้น”
“นายเข้าไปน้องๆ ของนายเองเถอะ!”
“น้องๆ?”
โอราอุสได้ยินแบบนั้น เขาลองเข้าไปข้างในทันที พอเข้าเดินตรงไปโซนที่โฟกัสและโพรทาเลียอยู่ ก็ได้เห็นภาพที่เข้าไม่คิดว่าจะเห็นจริงๆ ทำเอาเขาตกใจไปเลย สองคนพี่น้องเอาเตียงเข้ามาชิดด้วยกัน นอนหันข้างจับมือกันอย่างกับภาพวาดของนางฟ้าที่กำลังหลับคู่กัน สายตาทุกคู่จ้องมองและถ่ายรูปทั้งสองคน กันอย่างสนุก ทำเอาโอราอุสถึงกับเครียดเลยว่าทำไมถึงนอนกันเป็นคู่แบบนั้นล่ะ ลิซ่ากับคาเร็นน่าพึ่งกลับมาจากไปเติมน้ำใส่กระติกให้โพรทาเลียกับโฟกัส ก็ได้เห็นโอราอุสกำลังยืนหน้าซีเรียสอยู่แถวๆ เตียงของสองแฝด ทำให้เธอเข้าไปทักอีกฝ่ายทันที
“ไง โอราอุส” ลิซ่าทักทายอีกฝ่ายพร้อมกับเดินไปวางกระติกไว้บนโต๊ะข้างๆ เตียงโพรทาเลีย
“ละ...ลิซ่า...เอ่อ...” พออีกฝ่ายทักทายเขา เขามีอาการใบหน้าแดงหน่อยๆ แต่ก็ถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “นี่มันเรื่องอะไรนะ?”
“อ๋อ คือว่า...” ลิซ่าเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะกระซิบข้างๆ หู “พวกเขากำลังแบ่งปันการเล่าเรื่องนะ”
“อ๋อ พี่แบ่งปันการเล่าเรื่อง?” โอราอุสพูดเบาๆ เขางงว่าหมายถึงอะไรก่อนจะคิดออก “หรือว่า โพรทาเลียกำลังเล่าเรื่องของเธอยู่เหรอ!!!”
“ชู่ววววว!!” ลิซ่าปิดปากอีกฝ่ายทันที “เสียงดังไปแล้วค่ะ!”
“ขอโทษที!!” เขาปิดปากของตัวเองทันที
“ฉันว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ ปล่อยทั้งสองคนคุยกันไปดีกว่านะ”
“อ๊ะ...ก็จริงนะ ปล่อยพี่น้องคุยกันไป” โอราอุสมองเลยว่าทั้งสองคนคงคุยกันฝ่ายจิตแน่ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ คีย์ไม่ได้เป็นไข้นะ แค่พลังเอ่อล้นจนตัวร้อนนะ”
“เอ๋? เอ่อล้นเหรอ?” โอราอุสงงอีกแล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นหมายถึงอะไร
ลิซ่ายิ้มให้อีกฝ่าย “ค่ะ เอ่อล้นจากการใช้พลังมากเกินไปนะคะ ไปกันเถอะค่ะ”
“อ๊ะ...อืม” โอราอุสพยักหน้าทันที
ลิซ่าหันไปหาคาเร็นน่าที่กำลังจะเดินกลับไปหาแม่ของเธอ “เดียวป้ามานะ คาเร็นน่า”
“ค่ะ รีบๆ กลับนะคะ” คาเร็นน่าเดินกลับไปหาแม่ของตนทันที
ลิซ่าเดินนำอีกฝ่ายออกไปข้างนอกทันที โอราอุสเสนอจะพาเธอไปยังที่เงียบๆ แทน ลิซ่าก็ยอมให้อีกฝ่ายพาไป แถมที่ที่ไปนั้นไม่ห่างจากสถานพยาบาลที่นั่นก็คือ บ้านของโอราอุสตามเดิม ทำให้ลิซ่ารู้สึกแปลกๆ ที่มาบ้านเขาเป็นครั้งที่สองแล้ว พอมาถึงโอราอุสก็จัดของเตรียมให้ลิซ่าเครื่องดื่มและขนม ลิซ่ามองขนมครั้งนี้มันทั้งชิ้นเล็ก มีลักษณะที่แปลกๆ มันมีรูปทรงคล้ายๆ คุกกี้ชิ้นเล็กสองอันประกบ แล้วก็มีไส้อยู่ตรงกลาง
“นี่คือ?”
“อ๋อ เขาเรียกว่ามาการองนะ”
“มาการอง?” ลิซ่าสงสัยก่อนจะลองยิ้มขึ้นมากินสักชิ้น พอเข้าไปในปากมันทั้งนุ่มและเหนียวหน่อยๆ รสชาติของมันหวานไม่มาก “อร่อยจัง”
“ดีใจที่เธอชอบนะ” โอราอุสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีความสุขที่อีกฝ่ายดูมีความสุข
“อืม ชอบมาเลยล่ะ ถ้าใครได้เจ้าเป็นสามีคงมีความสุขมากๆ แน่ๆ เลยล่ะ”
“อ๊ะ...ฮ่าๆ เขินจัง”
พอได้รับคำชมแบบนั้น เขาถึงกับเขินเลย เขาลูบต้นคอของตนเอง จนเผลอนึกถึงตอนเขาเป็นสามีของใครสักคน ได้ทำขนมและดูแลอีกฝ่าย พอเขากำลังนึกอยู่นั้นอยู่ๆ ก็เห็นภาพอีกฝ่ายเป็นภรรยาในอ้อมกอดของเขา ทำเอาโอราอุสต้องส่ายหัวโดยทันควัน
“เอ่อ...มาเข้าเรื่องดีกว่านะว่าเธอชวนฉันออกมาชวนคุยนี้คือ?” เขาพูดไปหน้าก็แดงไปด้วย
พออีกฝ่ายถามขึ้น สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าจริงจังทันที “เจ้าค่ะ ข้าจะมาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนะคะ”
จบตอนที่ 30 โปรดติดตามตอนที่ 31 ต่อไป