ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 32 นิมิตแจ้งเตือน
เมื่อเบ็นกับอลันพาคีย์มาถึงสถานพยาบาล อลันวางคีย์ลงข้างไหล่ของเขา พอลงจากไหล่อีกฝ่ายมาแล้วก็มีแสงอรุณสาดส่องผ่านร่าง เด็กหนุ่มค่อยๆ หันหลังมองแสงยามเช้าที่กำลังสาดส่องผ่านพวกเขาขึ้นมา เขาไม่เคยเห็นแสงยามเช้าที่ดีแบบนี้จริงๆ นับจากหลายวันที่อยู่ในค่ายนี้ จะครบเดือนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแสงยามเช้าช่างดีอะไรแบบนี้ เบ็นมองเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่กำลังจ้องมองพระอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังใกล้จะขึ้นมาเรื่อยๆ เขาก้าวเท้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะกอดคออีกฝ่ายทันที
โพรทาเลียตกใจเมื่ออีกฝ่ายมากอดคอเธอ “อ๊าก!! เบ็น นายทำอะไรเนี่ย!!”
“นายชักช้านี่! รีบๆ ไปเร็ว!” เขากอดคออีกฝ่ายแล้วพาเดินเข้าไปข้างใน
อลันมองเพื่อนชายยกกำลังลากอีกคนเข้าไปข้างใน เขาเห็นแล้วถึงกับสงสารแทนจริงๆ พวกเขาเดินกันเข้าไปยังข้างในสถานพยาบาลกัน พอเข้ามาเบ็นก็หันซ้ายหันขวาเพื่อหาใครสักคน ก่อนจะเจอกับเพื่อนชายของเขา
“โอลิเวอร์!!”
ชายหนุ่มผมทองรูปงาม พอโดนอีกฝ่ายที่เขาไม่อยากเจอหน้าเรียกขึ้นมา ทำให้หันหน้าไปทั้งสีหน้าเบื่อหน่าย แต่สายตาของเขามองเพื่อนชายแล้วก็หันไปเจอกับอีกคนที่โดนโอบไหล่อยู่ทำให้เขาสงสัยเลยว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไปอยู่ข้างๆ เพื่อนชายของเขาได้ไง เขาเดินไปหาพวกเขาทันที
“ทำไมพวกนายถึงมาด้วยกันล่ะ? เบ็น อลันแล้วก็คีย์”
โพรทาเลียถึงกับต้องหลบหน้า เธอไม่กล้าพูดเลยว่าทำไมเธอถึงมาเจอฝ่ายชายทั้งสองได้ เบ็นเห็นว่าเพื่อนชายถามเขาเลยตอบขึ้นมาทันที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ เขาปล่อยมือแล้วยกคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วย่องลงตรงหน้าเพื่อนของเขา
“เจ้าหมอนี้ ดันเข้าไปเล่นซนที่โรงตีเหล็กนะสิ!!”
โอลิเวอร์ได้ยินแบบนั้น เขาค่อยๆ หันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาทันที เด็กหนุ่มไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแถมเหงื่อยังตกเรื่อยๆ ก่อนที่โอลิเวอร์จะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
“วัน เดอร์ เลอร์!”
เสียงอีกฝ่ายทำให้โพรทาเลียเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอซีดทันที “ผม...ผมขอโทษครับ!!”
ออร่าที่ออกมาจากชายตรงหน้าของโพรทาเลีย ทำให้เธอรู้สึกกลัวอีกฝ่ายอย่างมาก ชายตรงหน้าเธอก็จับมือเธอแล้วพาเข้าไปยังจุดสำหรับทำแผล พอเข้ามาอีกฝ่ายก็สั่งให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ เธอก็นั่งที่เก้าอี้อย่างสงบ โอลิเวอร์ก็เดินออกไปสักพัก โพรทาเลียนั่งมองมือของตัวเอง เธอนึกถึงสมัยก่อนที่มือของเธอเคยเป็นแผลจากการไหม้ เธอต้องรักษาด้วยสมุนไพรที่เทพีทาให้ เพราะว่าแซเทิร์นไม่ให้เทพีรักษาเธอ นั้นทำให้เจ็บแผลหลายวัน ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาทางนี้ พอเธอเงยหน้า ก็เห็นน้องสาวเดินเข้ามา
“โฟกัส?” โพรทาเลียสงสัยว่าน้องสาวมาทำไม
“พี่ค่ะ...” โฟกัสรีบเข้ามาหาพี่สาวทันที เธอขอดูมือพี่สาวที่เป็นแผล “พี่ไปทำอะไรมา ถึงเป็นแบบนี้นะ! ?”
“เดียวๆ ทำไมเธอมาหาพี่ได้ล่ะ...ทำไมรู้วีพี่อยู่ตรงนี้?”
“ก็...” โฟกัสค่อยๆ หันทางด้านซ้ายที่เป็นทางเข้ามา โอลิเวอร์เดินเข้ามาแล้วยืนพิงเสาไม้อยู่
“ฉันคิดว่าเธอคงต้องการน้องสาวให้มาช่วยรักษาแผลน่านะ โพรทาเลีย”
“!!” โพรทาเลียนิ่งไปทันทีที่อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใคร “นี่นาย...รู้...”
“ก็ตอนเธอมาที่นี้ตอนที่สลบไป โอราอุสบอกฉันหมดนะ ฉันเลยรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงได้เลยนะ ทำให้ฉันต้องบอกคนในบ้านพักของฉันว่าช่วยระวังสิ่งที่เรามองไม่เห็นไว้”
“นายคงไม่ได้บอก...”
โพรทาเลียได้ยินอีกฝ่ายพูด ทำให้เธอกลัวเลยว่าอีกฝ่าบอกพวกเพื่อนๆ ว่าเธอเป็นใครอาจจะต้องมีคนเดือดร้อนเพราะเธออีกแน่ๆ
“ฉันยังไม่ได้บอกนะ แต่บอกแค่ว่าถ้านายมีปัญหาอะไร ให้ช่วยสุดความสามารถนะ”
“พี่มิวเลอร์...” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ “ขอบคุณค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เอง...ยังน้อยกว่าที่เธอเจออะไรมาเยอะซะอีกนะ” โอลิเวอร์พูดจบเขาหันหลังให้พวกเขา “งั้นเชิญโฟกัสช่วยเธอรักษาแผลละกันนะ ฉันจะไปทำงานของตัวเองต่อนะ”
“โอเค”
ทั้งสองคนต่างพูดพร้อมกัน โอลิเวอร์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น โฟกัสมองมือของพี่สาวอย่างเศร้าใจ
“ดูสิ มือของพี่...เดียวหนูรักษาให้นะ”
“ไม่ต้องหรอกโฟกัส แค่นี้เอง” โพรทาเลียดึงมือตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย
โฟกัสรีบจับมืออีกฝ่ายทันที “ไม่ได้นะคะ!! เดียวติดเชื้อมันจะแย่นะคะ!!” โฟกัสตะโกนออกไปทันที
ทำเอาสองหนุ่มที่อยู่ข้างนอกได้ยินออกมา เบ็นสงสัยว่าเสียงนั้นมันเสียงของโฟกัสนี่น่า
“โฟกัสอยู่ที่นี้เหรอ?” เบ็นหันไปหาอลัน
“น่าจะคงเพราะเมื่อวานเธอพักผ่อนอยู่ที่นี้นะ”
“แบบนี้เอง แต่ว่าเสียงยัยนั้นดังออกมาจน สงสัยเลยว่ายัยนั้นดุใส่ใครกัน?” เบ็นสงสัยว่าโฟกัสกำลังดุใครกัน
ทางโพรทาเลีย โฟกัสกำลังไปเตรียมน้ำใส่หม้อ เพื่อที่จะได้รักษามือพี่สาว เธอยกหม้อมาวางบนเก้าอี้เล็กๆ ตรงหน้าของพี่สาว โพรทาเลียมองน้ำในหม้อ เธอลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นคนสายเลือดของโพไซดอน มีวิธีรักษาแผลของตัวเองด้วยน้ำได้นี่น่า สีหน้าของโพรทาเลียนิ่งๆ ทำให้โฟกัสสงสัยว่าพี่สาวเป็นอะไร
“พี่ค่ะ เป็นอะไรนะ?”
“อ๊ะ...เปล่านะ...แค่ลืมไปว่าตัวเองเป็นหลานโพไซดอน แผลแค่นี้น่าจะรักษาด้วยน้ำได้น่าเนอะ...” โพรทาเลียมองน้องสาวพร้อมกับนึกถึงปู่ของเธอที่จะเจอกันแค่บางครั้ง เมื่อตอนเด็กๆ
“ค่ะ...พี่คงอยู่กับแซเทิร์นนานไป จนไม่รู้สินะว่าอะไรเป็นยังไง หนูว่าหนูคงต้องสอนพี่อีกเยอะเลยน่านะ”
โฟกัสพูดไปแล้วจับมืออีกฝ่ายลงในน้ำ พอมือของโพรทาเลียลงไปในน้ำเธอรู้สึกแสบมือของตัวเองเล็กน้อย แต่ก็มีความเจ็บเข้ามามั้ง
“โอ๊ะ!”
“เห็นไหมล่ะ ถ้าไม่รักษานะคงเจ็บกว่านี้แน่ๆ เลยนะ” โฟกัสดุโพรทาเลียแถมยังพองแก้มใส่เธออีก
“เธอนี่น่า เริ่มดุเหมือนแม่จริงๆ” โพรทาเลียรู้สึกหงอยไปเลยที่น้องดุ แต่ก็แซวอีกฝ่ายหน่อยๆ
พอโดนแซวโฟกัสมองหน้าพี่สาว ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันก่อนจะขำออกมาอย่างมีความสุข พอใบหน้าของพี่สาวจบเธอก็หันมามองมือพี่สาวที่กำลังได้รับการรักษาสมานแผลอย่างช้าๆ เธอค่อยๆ ลูบมือพี่สาวเบาๆ
“หนูนึกถึงเมื่อก่อนเลยนะ...พวกเรามีความสุขมากๆ …” โฟกัสนึกถึงเรื่องสมัยเด็กก่อนจะนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่สาว "แต่ไม่นึกเลยจริงๆ ...ว่าพี่จะเจอกับเรื่องเลวร้ายตลอด...แบบนั้นมัน...แบบนั้นมัน...พ่อแม่รู้เข้าต้องเจ็บปวดใจแน่ๆ เหมือนกับหนูในตอนนี้..."
โฟกัสก้มหน้าเบาตัวเธอกำลังสั่นเทาอย่างรู้สึกหวั่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่สาว โพรทาเลียมองน้องสาวเธอรู้ว่าอีกฝ่ายคงเศร้าใจหรือทุกข์ใจมากๆ เธอค่อยยกมืออีกข้างที่ไม่เป็นแผลขึ้นมาลูบหัวน้องเบาๆ
“ขอโทษนะ ที่พี่ทำให้เธอเศร้าใจมาตลอดนะ”
“ไม่ค่ะ พี่ไม่ได้เป็นคนทำให้น้องเศร้าใจ ถ้าจะโทษใคร ก็ต้องเทพอย่างแซเทิร์นที่ลักพาตัวพี่สาวของหนูไป!!”
“พูดเบาๆ หน่อยโฟกัส!” โพรทาเลียมองหน้าน้องสาวที่ตะโกนออกมา
“อ๊ะ...ขอโทษค่ะ” โฟกัสลดน้ำเสียงขอตนเองทันที “หนูรู้สึกโกรธเทพองค์นั้นมากๆ นี่น่า...”
“พี่รู้ แต่เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะนะ” โพรทาเลียมองมือของตัวเองที่สมานจนหาย เธอยกมือขึ้นมาแล้วไปจับมือน้องสาว “เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้นะ โฟกัส”
“พี่ค่ะ!” พอได้ยินคำพูดทุกประโยคของพี่สาวนั้นทำให้เธอมีน้ำตาไหลออกมาทันที เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตนเองทันที “ค่ะ มาเริ่มต้นกันใหม่นะ!”
ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กัน ถ้าอยู่ในร่างเดิมคงไม่มีใครคิดแน่ๆ ว่าทั้งสองคนจะยิ้มกันได้แบบนี้ แต่เมื่อทั้งสองคนคุยกันจบ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นมา
‘พูดออกมาได้ดีนี่น่า’
โพรทาเลียกับโฟกัสต่างตกใจกับเสียงปริศนานั้น ก่อนที่ร่างพวกเธอจะเหมือนถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเธอลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงสู่พื้นที่อยู่ห่างจากพวกเธอไปกี่นิ้ว ทำเอาทั้งสองคนเจ็บก้นของตนเองทันที โพรทาเลียมองรอบๆ รอบๆ นี่มันเป็นสถานที่สีขาวเหมือนที่เธอเคยเห็นก่อนหน้า ทำให้รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“นี่มัน...”
“โลกในจิตใจนี่น่า...”
โพรทาเลียหันไปมองน้องสาวทันที “เธอเคยเข้ามาในนี้เหรอ?”
“ค่ะ เคยตอนที่เจอพวกจิตวิญญาณนะ” โฟกัสมองพี่สาวของตนก็เห็นว่าร่างของเธอนั้น กลับเป็นโพรทาเลียคนเดิม “พี่...ร่างของพี่...”
โพรทาเลียมองสีหน้าของน้องสาวที่ซีดเซียวอย่างน่าแปลกประหลาด ทำให้เธอมองต้องมองตัวเอง เธอเห็นมือและแขนที่มีรอยแผลเป็นอันน่าคิดถึงอยู่
“อ๋อ...อย่างงี้ล่ะ พอมาอยู่ในโลกแห่งจิตใจ ก็จะกลับร่างเดิมนะ แต่ว่าเมื่อกี้เธอพูดถึงจิตวิญญาณนี่คือ?” โพรทาเลียงงว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“คะ...ค่ะ พวกเขาเป็นอดีตชาติของหนูนะ”
โฟกัสยังมีอาการอึ้งๆ กับรูปร่างของพี่สาวที่ผอมมากๆ และมีบาดแผลเต็มตัว ตรงคอของพี่สาวก็ไม่เว้น เธอไม่นึกว่าจากในความทรงจำที่มีสาวทรงให้ พอเธอมาเจอกับตัวจริงๆ มันรู้สึกอึดอัดใจมากกว่าเดิมอีก
“หือ?” พอโฟกัสพูดแบบนั้น ทำให้โพรทาเลียสนใจทันที “เธอก็มีเหรอ? พวกอดีตชาตินะ?”
“ค่ะ”
โพรทาเลียค่อยๆ ลุกขึ้น เธอค่อยๆ คิด เธอลืมไปว่าน้องสาวก็มีเหมือนเธอตามที่เฟอร์ร่าเคยพูดนี่น่า แล้วแบบนี้พวกเธอมาอยู่ในที่แบบนี้คงเป็นเพราะบางคนที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเอง
“ท่านอีกแล้วสินะ แองเจิล”
เมื่อโพรทาเลียพูดแบบนั้นก็มีเสียงหัวเราะออกมา โฟกัสได้ยินเสียงนั้น เธอเงยหน้ามองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย โพรทาเลียหันไปด้านขวาของตนเอง ก็ได้เห็นชายคนหนึ่ง กำลังลอยตัวอยู่ พร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่
“คนคนนั้นคือ...”
“คนที่เราจะได้รู้จักในตอนนี้ อดีตชาติที่ 1 ของพวกเรา แองเจิล”
“แหมๆ เจ้านะพูดซะเต็มยศเลยนะ โพรทาเลีย”
“หึ!” โพรทาเลียกอดอกทำสีหน้าไม่ชอบใจมากๆ “ไม่ได้อยากจะพูดอะไรแบบนั้นหรอกนะ!!”
“หึๆ”
“งั้นท่านก็คือ สายเลือดของโครนอสที่ฉันเคยได้ยินจากพวกเฮเลน”
แองเจิลหันไปมองสาวน้อยผมบลอนด์ เขายิ้มออกมา
“ถูกต้องแล้ว เจ้าคงจะเป็นอีกร่างจุติของเรา โฟกัสเมซ่า ยินดีที่ได้เจอกันนะ” แองเจิลเดินเข้ามาหาโฟกัสพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
โฟกัสได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ทำให้เธอมีใบหน้าที่แดงก่ำ “ชะ...เช่นกันค่ะ”
โฟกัสรีบเขยิบเข้าไปหลบหลังพี่สาวทันที ทำให้โพรทาเลียจ้องแองเจิลอย่างไม่ชอบใจพอควร
“แล้วนี่ท่านเรียกพวกเรามานี้ มีอะไรกัน?”
แองเจิลยืนนิ่งทันที เขาค่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ...โทษทีๆ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาอย่างกะทันหัน พอดีข้าแค่มีเรื่องบางอย่างจะบอกพวกเจ้า”
“เรื่องอะไรกัน?” โพรทาเลียสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ไม่รู้ทำไมข้างในลึกๆ ของเธอกับรู้สึกไม่ชอบมาพากลเข้าแล้ว
"อีกไม่ช้าแซเทิร์นจะออกมาเคลื่อนไหว!!"
“!!” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น ทำให้เธอยืนนิ่งไปเลยว่าเธอจะมาได้ยินอะไรแบบนี้ “นี่หรือว่า...ที่เจ้านั้นออกมาเคลื่อนไหว เพราะนูอัสบอกเจ้านั้นไปแล้ว!! ว่าฉันอยู่นี้กัน!?”
“ใจเย็นๆ โพรทาเลีย ที่ข้าพูดนั้นไม่ใช่ว่าจะเกิดนะเดียวนี้ ข้าแค่มาเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนเท่านั้น เพราะนี่เป็นนิมิตที่ข้าเห็นตอนที่ข้าหลับใหลอยู่ในตัวเจ้าเท่านั้น”
“นิมิตแปลว่าสักวันมันจะเกิดขึ้น แต่ตอนไหนเราก็ไม่มีทางที่จะรู้สินะ”
“ถูกต้อง ข้าถึงมาเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่า พวกเจ้าต้องรีบรวบรวมเหล่าอดีตชาติที่2ของพวกเจ้าทั้งสองได้แล้ว”
“รวบรวมแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?” โพรทาเลียถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“พวกเจ้าจะสามารถสรรค์สร้างอาวุธอันทรงพลังขึ้นมาเพื่อต่อกรกับแซเทิร์น!!”
“อาวุธอันทรงพลัง?” หญิงสาวทั้งสองคนต่างมองหน้ากันและกันอย่างสงสัย
“ใช่ ตามคำพยากรณ์ที่มีมาเนิ่นนาน ได้เคยกล่าวไว้ว่า”
‘เมื่อยามสุริยันสว่างจ้า สายเลือดอันแข็งแกร่งจะบังเกิด
แต่หารู้ว่าความมืดนั้นกำลัง เข้าหาสายเลือดอันแข็งแกร่ง
จากหนึ่งต้องพลัดพราก อีกหนึ่งต้องโศกเศร้า
เมื่อยามใดต้องกลับมา จงหลอมรวมพลังแห่งเทพ
จงสรรค์สร้างแสนยานุภาพอันทรงพลัง นำมาซึ่งชัยชนะหรือพังพินาศโลกนี้’
พอได้ยินคำพยากรณ์ที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา โพรทาเลียนั้นคิดหนักเลยว่าคำพยากรณ์บทสุดท้ายมันช่างเป็นสิ่งที่ทำให้กังวลใจว่าพวกเธอทั้งสองคนจะทำให้โลกนี้มีชัยชนะหรือจะพังพินาศโลกนี้กันแน่ แต่คำพยากรณ์แบบนี้ออกมาทำไมถึงไม่มีเทพองค์ไหนออกมาเลยล่ะ นั้นทำให้โพรทาเลียคิดเยอะมากๆ จน โฟกัสยกมือขึ้นมาเพื่อจะถามบางอย่างกับแองเจิล
“ไม่ต้องยกมือหรอก ถ้าเจ้าอยากถามอะไรนะ โฟกัสเมซ่า”
“ค่ะ...เอ่อ...แล้วพวกเราจะรวบรวมเหล่าจิตวิญญาณได้ไงหรือคะ”
“อืม...” แองเจิลหลับตาลง เขาค่อยๆ หันหลังให้แก่สองสาว แล้วพูดบางอย่างออกมา “เดียวพวกเจ้าก็จะรู้เองนั้นล่ะ”
พอสิ้นเสียงของแองเจิล ตัวของทั้งสองสาวต่างลอยขึ้นฟ้าแล้วพุ่งลอยขึ้นที่สูงทันที เสียงกรี๊ดของทั้งสองดังลั่นไปทั่ว จนพวกเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเธอก็ยังอยู่ที่เดิม ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน พวกเธอถอนหายใจที่เจอแบบนั้นก่อนภาพจะตัดมาอยู่ตรงนี้แทน
“ตกใจหมดเลย อยู่ๆ ก็ลอยออกมาแบบนั้น”
“อืม จริงด้วยนะ...”
โพรทาเลียก็รู้สึกใจหายไปหมดเหมือนกัน แต่พอนึกคำพูดของแองเจิลที่บอกว่าแซเทิร์นกำลังเคลื่อนไหว นั้นทำให้เธอกังวลใจมากขึ้น ถ้าแซเทิร์นเคลื่อนไหวเพื่อตามล่าเธอล่ะ พี่น้องของเธอจะทำยังไง ครอบครัวเธอล่ะนั้นทำให้เธอรู้สึกกังวลใจขึ้นมา แต่แล้วก็มีมืออุ่นๆ มาสัมผัสใบหน้าของเธอเบาๆ โพรทาเลียสะดุ้งมองคนที่จับหน้าของเธอ โฟกัสกำลังยิ้มอ่อนๆ ให้เธอ
“อย่ากังวลใจเลยนะ ถึงแซเทิร์นจะมา พวกเราก็จะจัดการกับเทพตนนั้นไปด้วยกันนะ”
“โฟกัส...”
“พี่ยังมีพวกเราอยู่ข้างกายนะ” โฟกัสยิ้มอ่อนๆ ให้พี่สาวอย่างอ่อนโยน
เมื่อได้ยินแบบนั้น โพรทาเลียรู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังไหลออกมาช้าๆ โฟกัสเห็นแบบนั้นก็กังวลใจทันทีที่เห็นพี่สาวมีน้ำตาไหลออกมา
“พี่ร้องไห้ทำไมนะ? อย่าร้องนะคะ”
โพรทาเลียส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย “แค่ดีใจนะ...”
“เอ๋?”
“ดีใจที่ยังมีพี่น้องที่อยู่เคียงข้างน่านะ”
“คิกๆ” โฟกัสยิ้มให้พี่สาวอย่างมีความสุข
ทั้งสองคนเอสหัวชนกันเหมือนสมัยเด็กๆ ที่เวลามีความสุขจะเอาหัวชนกันเหมือนนำทำให้พวกเราทั้งสองคนสื่อความรู้สึกถึงกันและกันได้ โพรทาเลียนั้นดีใจที่ได้กลับมาเจอครอบครัวอีก ไม่งั้นตัวเธอคงกลายเป็นร่างไร้จิตใจที่โดนใช้งานไปแล้วล่ะ เธอดีใจที่ได้มาอยู่นี่ได้กลับมาเจอพี่น้องและพ่อแม่อีกครั้ง
พอรักษามือของโพรทาเลียเสร็จ โฟกัสเห็นว่าข้างนอกนั้นเช้าแล้วเธอกะจะพาพี่สาวไปกินข้าวด้วย พอออกมาจากจุดที่ทำแผล พวกเธอทั้งสองคนก็เจอกับสองหนุ่มที่กำลังรอว่าคีย์นั้นรักษาแผลเสร็จหรือยังพวกเขานั่งรอจน เขาก็หันไปมองจุดที่ทั้งสองคนออกมา เบ็นเห็นก็ลุกขึ้นมาทันที
“วันเดอร์เลอร์!”
“อ๊ะ...เบ็น...ทำไมพวกนายยังอยู่ล่ะ?” โพรทาเลียถามอย่างสงสัย
“อ้าว? ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ฉันอยู่ เพราะห่วงนายต่างหากล่ะ เจ้าเปี๊ยกเอ่ย!” เบ็นพูดจบก็ดีดหน้าผากของคีย์ทันที
“โอ๊ะ!! เจ็บนะ!” โพรทาเลียจับหน้าผากของตนเองทันที
“นี่! นายแกล้งอะไรพี่คีย์เขานะ” โฟกัสเอ่ยขึ้น พร้อมสีหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างกับยากูซ่าที่กำลังจะหาเรื่องคนอื่นทันที
“เย้ย!! โฟกัส!! เธอมาอยู่กับคีย์เหรอเนี่ย แล้วสีหน้าแบบนั้น”
“ทำไม!? มีปัญหาหรือ!?”
“เปล่าครับๆ” เบ็นรีบปฏิเสธทันที เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรไปหาเรื่องกับโฟกัสตอนนี้เด็ดขาด
อลันเห็นก็ขำหน่อยๆ ที่เห็นญาติเขาทำสีหน้าแบบนั้น “สีหน้าดุใช้ได้เลยนะ โฟกัส”
โฟกัสกลับมามีสีหน้าปกติ เธอเห็นคนที่ทักเธอก็ต้องตกใจ “อ๊ะ...พี่อลัน!”
“ไง รู้สึกจะสบายดีนะ” อลันโบกมือเบาๆ ให้ญาติผู้น้องของเขา
“ค่ะ สบายดีค่ะ พี่ล่ะคะ ไม่นึกว่าพี่จะมา”
“ก็พักจากที่ปราสาทใต้ทะเลของคุณปู่เลยมาหาอะไรสนุกๆ กับเบ็นเขานะ แล้วมาเจอเด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้านะ แล้วพี่กับเบ็นก็ยังห่วงว่าเขาจะได้รับการรักษาหรือเปล่านะ”
เบ็นหันหน้ามายิ้มให้กับเด็กน้อยที่เขาพูด ทำให้เจ้าตัวนั้นทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ จนต้องหันหน้าหนี โฟกัสยิ้มออกมาอ่อนๆ
“อย่างงี้เอง งั้นไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ หนูอยู่ที่นี้พอดีเลยช่วยรักษาให้แล้วนะคะ”
“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ พี่อยากช่วยนะ แต่ไม่ได้พักบ่อยๆ เลยทำให้พลังพี่อ่อนลงนะ”
“ค่ะ น้องเข้าใจค่ะ พี่ก็พักผ่อนมั้งนะคะ”
“อืม พี่จะพักผ่อนเยอะๆ นะ” อลันยิ้มอย่างอ่อนโยนให้น้องสาว หันไปหาเบ็น “งั้นนายก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ เบ็น”
“รู้แล้วเว้ย!! ไม่ต้องบอกหรอกเว้ย!!” เบ็นทำหน้าเขินๆ เพราะอีกฝ่ายเหมือนสื่อว่าเขาห่วงอีกคนที่เขาพามาส่ง
โฟกัสมองเบ็นและพี่อลันทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยมีคนแซวกันขึ้นมาทันที
“แหมๆ พี่กับเบ็นเนี่ย ถึงพึ่งกลับมาแต่ก็ตัวติดกันตลอดเลยนะคะ ระวังคนในค่ายจะคิดว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันหรอกนะคะ” โฟกัสแอบแซวทั้งสองคน
“เอ๋! ?” สองหนุ่มต่างมองหน้ากัน ใบหน้าของทั้งสองคนต่างแดงขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะหันไปหาโฟกัสทันที “จะบ้าหรือไง!! พวกเราเป็นผู้ชายนะ!!” ทั้งสองคนต่างตะโกนกันออกมาทันที
“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น เอาล่ะพวกพี่ๆ ก็กลับไปพักเถอะนะ เดียวพี่คีย์หนูจะดูแลเอง”
“ถ้าแบบนั้นงั้นฉันไปทานข้าวดีกว่าเช้าแล้วด้วย ถ้าไม่รีบไปกินข้าวจะโดนแยกกินอาหารหมดพอดี บายล่ะ!” เบ็นพูดจบก็เดินออกจากตรงนั้นไปทันที
“แล้วพี่ชายล่ะคะ?” โฟกัสหันไปถามพี่ชายที่ยังยืนอยู่
“อะไรกันโฟกัส น้องจะไล่พี่เหรอ?” เบ็นทำปากเบ้เหมือนหงอยที่อีกฝ่ายจะไล่ญาติของตนเอง
“เปล่าค่ะ ก็แค่สงสัยนะคะว่าทำไมพี่ไม่ไปซะที”
“อ๋อ ก็แค่...อยากอยู่กับญาติผู้น้องที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแสนนานจริงไหมล่ะ?”
อลันค่อยๆ หันไปหาคนที่อยู่ข้างหลังของโฟกัส โพรทาเลียมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่กำลังจับจ้อง ก่อนจะเห็นริมฝีปากอีกฝ่ายกำลังเพื่อพูดบางอย่าง โดยไม่ออกเสียงมันออกมาพออ่านปากอีกฝ่ายก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร นั้นทำให้เธออึ้งไปทันที
“เมื่อกี้...พูดอะไรนะ” โพรทาเลียถามไปอย่างไม่รู้อะไร เพราะเธอไม่อยากคิดว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า
“คงได้ยินไม่ชัดสินะ ใช่ ฉันเอ่ยเรียกชื่อนั้นล่ะ...” อลันหยีตายิ้มออกมา “ชื่อของเธอ โพรทาเลีย”
โฟกัสได้ยินยังอึ้งเลยว่าญาติตรงหน้าของเธอรู้ได้ไงว่าคนตรงหน้าเขาเป็นใคร
“เอ่อ...พูดอะไรนะ ผมชื่อคีย์นะ อลัน”
“โทษนะ ฉันรู้เรื่องทั้งหมดมาจากพี่โอราอุสแล้วนะ” อลันอธิบายให้โพรทาเลียเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายรู้ได้ไงว่าเธอเป็นใคร
นั้นทำให้โพรทาเลียขมวดคิ้วพร้อมกับกำหมัดแน่นทันที “ขอตัวไปฆ่าพี่ชายก่อนได้ไหมคะ!?”
“พี่จ้า ใจเย็นๆ ก่อนนะ” โฟกัสต้องห้ามพี่สาวตัวเองก่อนทันที
“น่าๆ ใจเย็นนะ อย่าไปโทษ พี่เขาเลยนะ พี่ก็ไปคุยอะไรแปลกๆ ให้เขาฟังเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยจนมาล่าสุดเขาก็เล่าให้ฟังนะ”
“พวกพี่คุยอะไรกันเหรอ?” โฟกัสสงสัยว่าพี่ชายพูดคุยอะไรกัน
“อ๋อ...ก็ถ้ารวมเดือนนี้ด้วยก็เกือบๆ 7 เดือน พี่เคยเจอโพรทาเลียนั่งเรือลำยักษ์ที่ร่องอยู่ในทะเลนะ”
เสียงตรงนั้นได้เงียบลงเมื่อพี่ชายพูดแบบนั้น ทำเอาโพรทาเลียนั้นช็อกจนตัวซีดไปทันที
จบตอนที่ 32 โปรดติดตามตอนที่ 33 ต่อไป