ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 36 ค้างคืน ณ บ้านแจ็กสัน
พอคุยอะไรกันจบ ก็นั่งอาหารเย็นมื้ออร่อยแบบมาก สำหรับโพรทาเลียได้กลับมาทานอาหารรฝีมือแม่ก็มีความสุขมากๆ แล้วล่ะ ถึงแม้คนในครอบครัวบางคนยังไม่รู้ว่าเธอเป็นโพรทาเลีย แต่เธอก็ดีใจที่มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ เหล่าพี่น้องทั้ง 5 ต่างมองโพรทาเลียที่กินอย่างมีความสุขมากๆ ทำให้ยิ้มเลยทีเดียว ส่วนบางคนก็สังเกตพี่น้องของตนที่เอาแต่จ้องคีย์กัน ทำให้เขาสงสัยมากขึ้น โพรทาเลียไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหนึ่งในพี่น้องกำลังจับตามองเธออย่างสงสัย ตัวเธอหันไปหาลูกสาวของเธอที่กำลังกินอย่างอร่อย
“อาหารอร่อยสินะ คาเร็นน่า”
“อร่อยมากๆ ค่ะ ถ้าได้กินแบบนี้ทุกวันหนูมีความสุขมากๆ แน่ค่ะ!” คาเร็นน่าหันไปคุยกับแม่อย่างชอบใจ
แอนนาเบ็ธได้ยินก็ปลื้มใจอีกเป็นครั้งที่ 2 “ดีใจนะจ๊ะที่ชอบนะจ๊ะ ทานอีกเยอะๆ เลยนะ คาเร็นน่า”
“ค่ะ!”
โพรทาเลียยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นแม่ คุยกับลูกสาวของเธอ แต่ถ้าแม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นหลาน เธอคงแย่แน่ๆ เพอร์ซีย์มองเด็กๆ ก่อนจะหันไปถามอีกสองคนที่ยังไม่ได้ถาม
“แล้วคีย์กับลิซ่าล่ะ ชอบอาหารที่ภรรยาฉันทำไมล่ะ” เพอร์ซีย์กำลังรินไวน์อยู่ ก็ถามเด็กๆ เรื่องอาหารที่ภรรยาของเขาทำ
“ค่ะ อร่อยมากๆ เลยนะคะ” ลิซ่าหันไปตอบอีกฝ่ายที่ถามพวกเธอทันที “เนอะ คีย์”
“ครับ อร่อยจนผมนึกถึงอาหารฝีมือท่านแม่เลยล่ะ”
“แม้ๆ” แอนนาเบ็ธถึงกับหน้าแดงอย่างปลื้มใจมากๆ
“ดีแล้วล่ะที่อาหารอร่อย...แต่ที่เธอพาฉันกลับบ้านมา ก็ทำให้ฉันสามารถพูดคุยกับเธอได้ง่ายๆ นะ คีย์”
“เอ๋?” โพรทาเลียสงสัยหันไปหาพ่อของตนทันที ” คุณเพอร์ซีย์อยากคุยอะไรกับผมเหรอ?”
“เฮ้อ...ฉันรู้แล้วนะว่าเธอเป็นใคร!”
“!!!”
ทุกคนต่างอึ้งไปทันที ยิ่งพวกลูกๆ ต่างตาค้างแล้วหันไปมองโพรทาเลียกันทันที โพรทาเลียนั้นหน้าซีดไปแล้ว เธอหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะพูดออกไป
“คือ...ที่พูดนั้น รู้ตัวจริงนี้มันหมายความว่าไงเหรอครับ?”
มือของโพรทาเลียจับช้อนจนสั่นไปหมด โฟกัสที่นั่งข้างๆ จับมือพี่สาวทันที เพอร์ซีย์มองเด็กอย่างสงสัย เขาเลยถามออกมา
“หือ ก็ตัวจริงของเธอไงล่ะ? ว่าเธอเป็นใครนะ”
“เอ่อ...คุณคงเข้าใจผิดหรือเปล่าครับที่ผมเป็นใครนะ ผมก็คือคีย์ วันเดอร์เลอร์ไงล่ะครับ”
“หือ? ฉันรู้เธอคือใครคีย์ แต่สายเลือดของเธอต่างหากล่ะที่ทำให้ฉันรู้แล้วว่าเธอคือใครนะ!”
“เอ๋?” สีหน้าของโพรทาเลียนั้นนิ่งไปทันที
พวกเด็กๆ ก็ต่างนิ่งไปทันที ทุกคนต่างสงสัยว่าพ่อของเขารู้เรื่องอะไรมั้ง โอราอุสตั้งสติก่อนจะถามผู้เป็นพ่อ
“พ่อ...ที่พ่อพูดนั้นหมายถึง พ่อรู้แล้วว่าคีย์มีสายเลือดอะไรแล้วนะเหรอครับ?”
“ใช่ เพราะว่าพ่อของคีย์มาบอกนะ”
“พ่อของผม?” โพรทาเลียงงเลยว่าพ่อคนไหนของเธอกัน จนเธอนึกถึงคนหนึ่งขึ้นมาได้ทันที “เอ่อ...คงไม่ได้หมายถึง...เทพโครนอสใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง!!”
โพรทาเลียหันหน้าไปทางอีก เธอเก็บอารมณ์โกรธไว้ แต่ในใจกับด่าทอเทพองค์นั้นในใจ
‘โครนอสสสสสสสสสสสสสสสสส ท่านทำบ้าอะไรเนี่ย!!!’
“นายเธอคงกลัวพวกเราไล่ออกจากค่ายสินะ เพราะสมัยก่อนโครนอสเป็นเทพที่โหดร้ายสินะ” เพอร์ซีย์พูดแล้วจ้องมองคีย์
“อ๊ะ...ก็...นิดหน่อยนะครับ...”
“แต่พ่อพวกเธอก็แสบนะ ไปบอกตอนที่เรามีประชุมกันที่เขาโอลิมปัส ป่าวประกาศว่าตนกับเรอามีบุตรธิดาที่หายตัวไปนานถึงพันปี ทำเอาเทพองค์ต่างๆ อึ้งไปเลยน่านะ”
โพรทาเลียได้ยินคิ้วของเธอกระตุกหลายรอบที่ได้ยินที่เทพองค์นั้นทำอะไร
“งั้นที่ต่อสู้กันเมื่อกลางวัน คุณเพอร์ซีย์แค่อยากทดสอบผมเพื่อดูว่าผมมีพลังเยอะแค่ไหนเหรอครับ?”
โพรทาเลียถามเรื่องที่เธอต่อสู้กับพ่อเมื่อเช้านั้น
“ใช่ ฉันถึงเลยตัดสินใครรับเธอเป็นลูกศิษย์ฉัน ก็หมายถึงฉันจะเป็นผู้ดูแลเธอและพี่สาวเธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“ตายๆ แบบนี้ทุกคนจะไม่มองพวกเราว่าใช้สิทธิ์สายเลือดเทพเหรอคะเนี่ย?” ลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ไม่หรอกๆ ไม่มีใครกล้าหรอกนะ”
“แต่ไม่นึกเลยนะว่าพวกนายเป็นสายเลือดของโครนอสนะ” เบเดอร์พูดขึ้น
โพรทาเลียสะดุ้งขึ้นมาเมื่อพี่ชายพูด “ทำไงได้ล่ะ ถ้าพวกเราพูดมันก็ลำบากสิ” โพรทาเลียเริ่มแผนโกหกไปต่อทันที “แต่พวกเราอยากใช้ชีวิตปกตินะครับ คุณเพอร์ซีย์ ขอล่ะ อย่าบอกใครที่เราเป็นสายเลือดของโครนอสได้ไหมครับ”
“หือ...อืม...ฉันก็ลำบากน่านะ” เพอร์ซีย์นั่งคิดหนักอยู่ อลิซ่าเบ็ธมองสามีตัวเองคิดเยอะเกิน เธอเลยพูดออกมาทันที
“ได้จ้ะ!”
“แอนนี่!!” เพอร์ซีย์หันไปหาภรรยาที่ตอนไปอย่างไม่ปรึกษาเขาเลย
“เพอร์ซีย์!” แอนนาเบ็ธมองสามีของตนด้วยสายตานิ่งๆ ทำให้เพอร์ซีย์นิ่งเงียบทันที พอเห็นสามีเงียบเธอก็หันไปหาพวกคีย์ “พวกเราจะเก็บเงียบให้สักพักนะ แต่วันใดที่ต้องประกาศว่าพวกเธอมีสายเลือดของโครนอส วันนั้นคงต้องออกจากบ้านเฮอร์มีส ไปอยู่เขตแดนของโครนอสนะจ๊ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ต้องไปอยู่เขตนั้นเหรอ อับชื้นสุดๆ เลยนะนั้น” โพรทาเลียพูดขึ้น เธอนึกถึงสถานที่ที่โครนอสอยู่
“โครนอสเขาชอบที่สบายๆ นะจ๊ะ”
“งั้นเหรอครับ...”
โพรทาเลียนั่งไปกินอาหารไป แต่เธอรู้สึกเหมือนมีคนจ้องเธอ เธอหันไปมองพี่ชายคนที่สอง เบเดอร์ที่จ้องเธอแบบสุดๆ ทำเอาเธอต้องก้มหน้าทานอาหารไปเรื่อยๆ เธอสงสัยเลยว่าทำไมพี่ถึงจ้องเธอแบบนั้นกัน หรือว่าเขากำลังสงสัยในตัวเธอ ระหว่างที่พวกเธอทานอาหารอยู่ เพอร์ซีย์ที่กำลังคุยกับภรรยาเรื่องที่เมื่อกี้ที่ไปตอบเด็กง่ายๆ เขาก็นึกถึงจดหมายบางอย่างที่เขาได้รับมา
"จริงสิ คีย์ ลิซ่า ฉันมีจดหมายจากเทพองค์หนึ่งส่งมาให้พวกเธอนะ"
“เทพองค์หนึ่ง?” ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสงสัย ว่าเทพองค์ไหน
เพอร์ซีย์ลุกขึ้นออกจากโต๊ะ เพราะเขาทานเสร็จแล้วเลยลุกออกไปได้ เขาเดินไปห้องทำงานของเขา แล้วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งมา เขาเดินกลับมาพร้อมกับยื่นให้คีย์ อีกฝ่ายรับมาแล้วมาจดหมายอย่างสงสัย ลิซ่ายื่นมือไปรับต่อจากน้องชาย เพราะเธอทานเสร็จแล้ว คีย์เลยส่งมอบให้พี่สาวอ่านต่อ ลิซ่าหยิบมาแล้วเปิดอ่านจดหมายข้างใน
‘สวัสดีเหล่าพี่น้องคนใหม่ของข้า พวกเจ้าคงสงสัยในจดหมายนี้
ว่าทำไมข้าส่งมาให้พวกเจ้า หลังจากพวกเราเหล่าเทพได้ล่วงรู้
ว่าพ่อของเจ้าได้มาประกาศถึงตัวตนของพวกเจ้า ทำเอาเขาโอลิมปัส
สั่นสะเทือนเลยล่ะ สายเลือดของโครนอสถึงกับงงว่าบิดาของตนมีลูกอีกเหรอ
เป็นข้าก็คงงงนั้นล่ะ แต่ข้าจำชื่อเจ้าสองคนได้ เลยไปค้นหาในกองจดหมาย
จนเจอว่าพวกเจ้าอาสาจะมาทำงานประจำเดือนของบ้านเฮอร์มีส
ข้าเลยสนใจให้พวกเจ้ามากัน ถ้าพวกเจ้าอยากมาจงบอกกับเพอร์ซีย์
แล้วข้าจะอนุมัติในทันที ข้าละอยากเจอหน้าพวกเจ้าจริงๆ
จากเทพผู้หล่อเหลากว่าอะพอลโล
เฮอร์มีส’
ลิซ่าอ่านจบก็มองทุกคน เบเดอร์ถึงกับอยากอ้วกขึ้นมาเลยจริงๆ
“คิดว่าตัวเองหล่อมากหรือไงนะ เทพองค์นั้น อิ่มล่ะ” เบเดอร์ลุกขึ้นออกจากเก้าอีกแล้วเดินตรงไปที่อ่างล้างจาน
“ทำไงได้ล่ะ เบเดอร์เทพพวกนั้นก็หล่อจนสาวๆ หนุ่มๆ ชาวมนุษย์สนใจได้นี่น่า” แอนนาเบ็ธพูดขึ้นมา ทำเอาเพอร์ซีย์หันมองทันที
โอราอุสได้ฟังเนื้อหาในจดหมายทำให้เขาคิดเลยว่าตอนนี้เทพเริ่มเข้าหาน้องสาวเขากับหญิงสาวที่เขารักแน่ๆ
“แบบนี้พวกเธอเหมือนกำลังเจ้าหาทั้งสองคนใช่ไหมครับ?”
“น่าจะใช่นะ เพราะว่าสองคนนี้อยู่ใกล้โครนอส ถ้าโครนอสรักมากๆ ด้วย ยิ่งเป็นจุดที่ทำให้พวกเทพอยากจะเข้าหาโครนอสง่ายขึ้นให้เขาไว้ใจ”
เพอร์ซีย์อธิบายเขารู้สึกเลยว่ากำลังมีความวุ่นวายมาเยี่ยงเขาในค่ายซะแล้ว โพรทาเลียถึงกับเซ็งเลย เพราะการไม่ปรึกษาก่อนของเทพองค์นั้นทำให้เธอกับพี่สาวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเขาแล้ว ทำให้เธอนึกถึงอดีตของแองเจิลที่โดนพ่อโยนงานให้จนต้องลำบากเขา
“เข้าใจหัวอกเจ้าเลยแฮะ แองเจิล...” โพรทาเลียพึมพำออกมาเบาๆ
เพอร์ซีย์หันไปมองเด็กชาย เหมือนได้ยินบางอย่างที่เด็กพูด
“เมื่อกี้เธอพูดอะไรเปล่า คีย์”
โพรทาเลียสะดุ้งขึ้นมาทันที แล้วหันไปมองพ่อ “เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”
“งั้นเหรอ” เพอร์ซีย์ยกไวน์ขึ้นดื่มอีก ก่อนจะพูดแนะนำบางอย่างกับเด็กชาย "ข้อเตือนไว้อย่างนะว่า อย่าไว้ใจเทพเจ้ามา เพราะถ้าโดนหลอกใช้ ตัวเราจะรู้สึกเจ็บมากๆ เลยล่ะนะ"
“โดนหลอกใช้...” เมื่อได้ยินประโยคนั้น ทำให้เธอนึกถึงตอนอยู่ที่ปราสาทขึ้นมาเลยจริงๆ “ครับ ผมจะจำสิ่งที่คุณเพอร์ซีย์เตือนครับ”
“เธอไม่สนใจเหรอว่าฉันหมายถึงอะไรนะ?”
“ไม่ครับ ผมเคยเจอมาแล้ว...คนที่หลอกใช้เราจนทำให้เราจมสู่ความมืดมิดได้ เพียงแค่ปลายนิ้ว” โพรทาเลียยกนิ้วชี้ของตัวเองเข้าขึ้นมามอง
ลิซ่ามองโพรทาเลีย เธอลูบหัวโพรทาเลียเบาๆ คำหลอกลวงมันอยู่ในใจเสมอ สิ่งที่แซเทิร์นทำกับพวกเธอทั้งสองคนมาตลอดนั้นคือสิ่งที่ทรมานจิตใจมานาน เพอร์ซีย์มองทั้งสองคน เขารู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาสินะ เขามองภรรยาที่ใช้สายตาจิกเขาเข้าให้ ทำเอาเขาต้องคิดหาอะไรมาแก้สถานการณ์
“เอาล่ะๆ กินอาหารกันอิ่มแล้วก็ถึงเวลาของหวานกันล่ะ!!”
“ของหวาน!”
พวกเด็กๆ ต่างตาลุกวาวกัน เพอร์ซีย์ลุกขึ้นไปหยิบของในตู้เย็นที่เขาเตรียมไว้ให้เด็กๆ โพรทาเลียที่กำลังนั่งมองทุกคน แอนนาเบ็ธก็เดินเข้ามาหาอีกฝ่ายพร้อมกับลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ โพรทาเลียรู้สึกถึงมืออันอบอุ่นที่กำลังลูบหัวเธอ เธอเงยหน้ามองว่าผู้ใด จนเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนของแม่
“คุณแอนนาเบ็ธ...”
“ขอโทษแทนสามีฉันด้วยนะ เขาไม่ค่อยรู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่นะ”
“ผมไม่ถือสาหรอกครับ!!” โพรทาเลียรีบโบกมือปฏิเสธทันที “เขาก็แค่เตือนให้พวกผมระวังเองนี่น่า แต่ว่า...”
“มันนึกถึงบางอย่างสินะ...”
“ก็...นะครับ...”
แอนนาเบ็ธทำหน้าเศร้า เธอดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดทันที โพรทาเลียตกใจทันที
“คุณ...แอนนาเบ็ธ!!”
เพอร์ซีย์ได้ยินเสียงคีย์ถึงกับหันไปมองก็เห็นภรรยาของตนกอดเด็กชาย แต่ทุกครั้งเขาน่าจะหึงที่ภรรยาทำตัวสนิทกับพวกผู้ชาย แต่ครั้งนี้เขากับไม่รู้สึกอะไร แต่ดูแล้วอบอุ่นแทน
“ถือว่าเป็นกอดจากแม่นะจ๊ะ คีย์”
“กอด...จากแม่...” เมื่อแม่พูดแบบนั้น ทำเอาน้ำตาไหลออกมาจากใบหน้าของโพรทาเลีย
แอนนาเบ็ธเห็นก็ตกใจทันที “ตายล่ะ คีย์ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะจ๊ะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ แค่...นึกถึงแม่เท่านั้นเอง...ขอบคุณสำหรับกอดนะครับ คุณแอนนาเบ็ธ” โพรทาเลียเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย แต่ที่เธอพูดก็จริง เธอนึกถึงแม่ของเธอ แม่ที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
“งั้นเหรอจ๊ะ แม่ของพวกเธอ สักวันก็ได้เจอนะ คีย์”
“เอ่อ...ครับ...” โพรทาเลียไม่กล้าบอกเลยว่าเคยเจอเทพีเรอาแล้ว
เพอร์ซีย์แจกจ่ายขนมจนครบทุกคน โพรทาเลียจ้องมองของหวานที่ได้รับ ทำเอาเธอคิดถึงสมัยเด็กๆ เค้กไอศกรีมสีฟ้า แต่ไม่รู้ทำไมตัวเค้กต้องเป็นสีฟ้า นั้นเป็นคำถามตั้งแต่เด็กๆ ของเธอ แต่เธอก็ชอบมัน เธอกินคำแรกสัมผัสได้ถึงความหวาน เย็น และละลายไหลลงคอไป เป็นสัมผัสที่ไม่ได้ทานมานาน
“ขนมนี้อร่อยจังเลยนะคะ” ลิซ่าพูดชมความอร่อยของเค้กนี้ทันที
“เย็นและอร่อยมากๆ เลย” คาเร็นน่าก็ชมเค้กอันนี้เหมือนกัน
“คิกๆ เป็นเค้กที่คุณย่าเคยทำให้นะ แต่ทุกทีจะเป็นเค้กธรรมดานะ แต่เดียวนี้เปลี่ยนเป็นเค้กไอศกรีมนะ” เรน่าอธิบายให้ที่มาของเค้กให้คาเร็นน่าฟัง
“ใช่แล้วล่ะ ครั้งหน้าพวกเราจะทำเค้กสีฟ้าดู คาเร็นน่าอยากมาลองชิมไหมล่ะจ๊ะ?” คาเร็นน่าหันไปถามหลานสาวของพวกเธอทันที
“ชิมค่ะ!! ชิมค่ะ!!”
“งั้นวันไหนพวกเราทำจะไปเรียกหนูมาช่วยนะ”
“ค่ะ ม๊ะม๊าหนูไปช่วยพี่ๆ เขาได้นะ”
“ตามใจเลยจ้า” โพรทาเลียลูบหัวลูกสาวเบาๆ
“เย้!!”
คาเร็นน่าดีใจมากๆ จนเกือบตกเก้าอี้ ดีที่โพรทาเลียจับตัวไว้ทันไม่งั้นได้เจ็บหัวแน่ๆ พอพวกเขาทานขนมอย่างมีความสุขจนมันหมด ทุกคนก็เก็บจานชามเพื่อมาล้างกัน พวกคารีเซลรีบกันไปล้างจาน เพราะเป็นเวรของพวกเธอที่ต้องทำกัน โพรทาเลียกำลังคิดว่าถึงเวลาที่พวกเธอต้องกลับ เธอเดินไปอุ้มลูกสาวที่ทำท่าเริ่มขยี้ด้วยตา เพราะกินอิ่มแล้วหนังตาเริ่มตก พอเธออุ้มลูกสาวขึ้นเด็กน้อยก็ซบไหล่แม่จนหลับไปทันที
” ผมว่าพวกเราขอกลับบ้านพักก่อนนะครับ”
“เดียวจ๊ะ!” แอนนาเบ็ธรีบมาหาคีย์ทันที
“เอ๋?” ทั้งสองคนหันไปมองแอนนาเบ็ธที่กำลังเดินมา
“นี่ดึกแล้ว นอนพักที่นี้ก็ได้นะจ๊ะ”
“เอ๋? จะดีเหรอครับ?” โพรทาเลียหันไปมองลิซ่าอย่างสงสัย
“ภรรยาฉันอุตส่าห์อนุญาตก็นอนเถอะ” เพอร์ซีย์เข้ามายืนข้างภรรยาของตนเองทันที
“ว้าว พี่เป็นคนแรกเลยนะที่ได้นอนที่บ้านพวกเรานะ!” มาร์โคโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
“งั้นนอนที่ห้องนั่งเล่นละกันนะ” แอนนาเบ็ธเสนอสถานที่นอนทันที “เดียวพวกเราเอาของออกให้นะ”
“งั้นพวกเรานอนด้วยได้ไหมคะ?” เรน่าถามขึ้นมาทันที
“เอ๋? เรน่าลูกจะนอนกับพวกคีย์เหรอ?”
“ไม่ใช่แค่เรน่านะ หนูนะนอนด้วย!” คารีเซลก็เข้ามาพูดเหมือนกัน
“นี้ๆ พวกเธอหาโอกาสแบบนี้เลยเหรอ?” โฟกัสรีบเข้ามาพูดกับน้องๆ ทันที
สองแฝดต่างยิ้มพร้อมกันทันที แอนนาเบ็ธมองลูกๆ ที่สนใจจะนอนกับพวกคีย์ เธอมองไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นมา
“งั้นใครอยากนอนกับพวกคีย์ก็ช่วยกันย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปที่ห้องที่ว่างๆ อยู่นะ”
“ครับ/ค่ะ!”
ทุกคนได้ยินก็ต่างพากันไปช่วยทันที เหลือแค่เบเดอร์คนเดียวที่ยืนเฉยๆ เขาไม่สบอารมณ์เลย แค่พวกกลุ่มเดียวมาทำให้ครอบครัวเขาคึกคักแบบนี้ โพรทาเลียมองพี่ชายที่ดูอารมณ์ไม่ดี พอเขาหันมามองเธอ ตัวเธอเลยยิ้มให้อีกฝ่ายอ่อนๆ
"ขอโทษที่ผมทำให้คนในครอบครัวนายวุ่นวายกันนะ เบเดอร์"
เบเดอร์ได้ยินแบบนั้น เขารู้สึกแปลกๆ จริงทีไรนั่นล่ะ เพราะเขาไม่เคยชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวเขา แต่พอเขามองเด็กข้างๆ นี้ เขากับเริ่มรู้สึกความคุ้นเคยที่เคยรู้สึก เขายกมือขึ้นมาก่อนจะแตะที่ศีรษะอีกฝ่าย 2 ครั้ง ก่อนจะเดินออกไป
“อย่ามาขอโทษฉันสิ เด็กบ้า!”
“เอ๋?”
โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่เดินออกไป เธอจับศีรษะเบาๆ เธอสงสัยเลยว่าทำไมโดนเรียกว่าเด็กบ้า แต่เธอพึ่งคิดได้ว่าพี่ชอบเรียกเธอว่าเด็กบ้า ทำเอาเธอขมวดคิ้วเลยว่าพี่ชายรู้เหรอ แต่เธอส่ายหน้าเบาๆ
“คงไม่หรอกมั้ง” โพรทาเลียพูดเบาๆ อย่างสงสัย เธออุ้มลูกสาวให้ไม่ให้ตก
พอทุกคนช่วยกันยกเฟอร์นิเจอร์ออกไปไว้ในห้องว่างกันหมดแล้ว ทุกคนก็ขึ้นชั้น 2 ไปเอาที่นอนของตัวเองกัน ส่วนโอราอุสพาน้องชายฝาแฝดออกข้างนอก เพื่อพาไปบ้านของเขา แล้วนำเอาที่นอนมาเสริมกัน โพรทาเลียอยากช่วยน่านะ แต่เธออุ้มลูกสาวที่หลับอยู่ เธอเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ก็เดินมาห้องอาหารก็เห็นพ่อกับแม่นั่งคุยบางอย่างอยู่ โพรทาเลียเลยเข้าไปขอคุยกับพ่อสักหน่อย
“เอ่อ...คุณเพอร์ซีย์...”
“หือ? มีอะไรเหรอ?” เพอร์ซีย์หันไปหาเด็กชายที่เข้ามาหาเขา
“ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ?”
“เอาสิ” เพอร์ซีย์เชิญเด็กน้อยให้ถามเขาได้
โพรทาเลียอุ้มลูกสาวแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ทันที “คือผมอยากถามอะไรหลายอย่างน่านะ แต่ก็ขอถามเรื่องจดหมายเมื่อกี้หน่อยนะครับ”
“จดหมายจากเฮอร์มีสสินะ”
“ครับ เขาไม่ได้แอบแฝงอะไรใช่ไหมครับ?”
“อืม ฉันว่าไม่น่านะ เทพอย่างเฮอร์มีส ก็แค่เทพส่งสารให้แก่เทพเท่านั้นล่ะ”
โพรทาเลียนั่งทบทวนบางอย่างสักพัก เธอก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “แล้วเรื่องที่ผมเคยขอไป เรื่องที่ไปทำงานของเฮอร์มีส เขาจะอนุมัติให้เลยเหรอครับ?”
“ก็เธอว่างวันไหน เดียวฉันส่งข้อความให้ เดียวเขาก็อนุมัติล่ะ”
โพรทาเลียนั่งคิดอย่างถี่ถ้วน ลิซ่ากำลังมองทุกคนจัดที่น้อง เธอก็หันไปเห็นว่าโพรทาเลียกำลังนั่งคุยบางอย่างกับพ่อของเธออยู่ เธอเลยลองเข้าไปว่าคุยอะไรกันอยู่ เพอร์ซีย์มองเห็นพี่สาวอีกฝ่าย เขาเลยลองถามทั้งสองดู
“พวกเธอคิดจะไปวันไหนก็บอกนะ”
“เอ๋?” โพรทาเลียหันไปข้างหลังก็เห็นพี่สาวมาด้วย “พี่...”
“คิกๆ” ลิซ่ายิ้มก่อนจะมานั่งข้างๆ “ถ้าคีย์จะไปวันไหนข้าก็จะไปค่ะ”
“พี่เนี่ยนะ ผมต้องตัดสินใจตลอดเลยนะ...” โพรทาเลียคิดอีกครั้ง ก่อนจะตอบไป "งั้นพรุ่งนี้หรือวันมะรืนได้ไหมครับ?"
“ได้สิ เดียวฉันส่งจดหมายให้เทพเฮอร์มีสให้”
“ขอบคุณครับ แล้ว...มันต้องออกไปข้างนอกใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น เธอก็เลยคิดเยอะจริงๆ เพอร์ซีย์มองเด็กชายที่ทำสีหน้าดูซีเรียล เขาเลยถามเด็กชาย
“ถ้าออกไปข้างนอก แล้วพวกเธอกลัวอะไรหรือเปล่านะ?”
“อ๊ะ...คือ...ผมกลัวพวกที่...เคยตามล่าพวกเรานะ ผมยังไม่เคยบอกคุณเพอร์ซีย์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ แต่นิโคเคยบอกฉันว่าครั้งแรกที่เจอพวกเธอ พวกเธอระวังตัวกันมากๆ ฉันเลยคิดว่าพวกเธอคงเคยเจออะไรร้ายๆ มาสินะ”
โพรทาเลียขมวดคิ้วหน่อยๆ เธอไม่นึกว่าจะมีคนสังเกตอย่างชายคนแรกที่พวกเธอเจอครั้งแรก คาเร็นน่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมา
“แงงงงงงงงงงงงง๊!!”
ทุกคนตรงนั้นต่างตกใจกับเสียงร้องของเด็กน้อยที่อยู่ๆ ตื่นมาก็ร้องไห้ออกมา โพรทาเลียรีบโอ๋ลูกสาวของตนเองทันที
“โอ้ๆ ร้องทำไมนะ? คาเร็นน่า โอ้ๆ”
“แงงงงง๊ หนู...ฝันถึง...ฮึก...พวกปีศาจพวกนั้น...ฮึก...”
“โอ้ๆ มันแค่ฝันร้ายนะ พวกเราจะไม่ออกไปข้างนอกนั้น ไปเจอพวกมันแล้วนะ...”
คาเร็นน่ากอดแม่ตัวไว้แน่นที่สุด เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นเขาก็รู้เลยว่าเหตุผลที่เด็กกลัวคืออะไรกัน แอนนาเบ็ธก็มองแล้วนึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็กที่กลัวและแค้นพวกยักษ์ไซคลอปส์แค่ไหนกัน คาเร็นน่ากอดแม่แล้วนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
“งือออออ หนูคิดถึงพี่ชาย...คิดถึงพี่เดวิค…”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น คิ้วของเธอก็ตกลงดวงตาเศร้าหมอง เธอลูบหลังลูกสาวอย่างเบามือ
“ไม่ใช่คาเร็นน่าคนเดียวที่คิดถึงเดวิค พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน”
เพอร์ซีย์กับแอนนาเบ็ธได้ยินแบบนั้นพวกเขาสงสัยว่าคนที่ชื่อเดวิคเป็นใคร
“เด็กที่ชื่อเดวิคเป็นใครหรือ? คีย์”
“อ๊ะ...” โพรทาเลียมองพ่อแม่ เธอไม่กล้าบอกเลยว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร แต่ลูกสาวเธอพูดไปแล้วก็ต้องบอกนั้นล่ะ “คือว่า เด็กคนนั้นเป็นพี่ชายฝาแฝดของคาเร็นน่านะครับ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นเหรอจ๊ะ?” แอนนาเบ็ธถามด้วยความสงสัย
“คือว่า...เคยเกิดเหตุที่ต้องหนีตายกัน แล้วผมให้เด็กคนนั้นหนีไปก่อน แต่พวกผมทั้ง 3 คนก็ยังโดนจับ แต่เด็กคนนั้นรอดไปได้ มันผ่านมา 3 ปีแล้วที่พวกเรายังหาเขาไม่เจอนะครับ...”
“3ปี!”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน พวกเขาซุบซิบบางอย่างกัน จนโพรทาเลียกับลิซ่ามองหน้ากัน ลิซ่ายื่นมือช่วยอุ้มคาเร็นน่าให้ โพรทาเลียส่งลูกสาวให้ลิซ่าช่วยดูแลต่อ คาเร็นน่านอนหลับไปต่อทันที
“น่าว่าใช่ไหมคะ?”
“ก็ไม่แน่น่านะ ลองถามรายละเอียดดูก่อนละกัน” เพอร์ซีย์คุยกับภรรยาจบ เขาก็หันมาหาคีย์ทันที
“ภรรยากับฉันคุยกันแล้ว พวกเราจะช่วยตามหาเด็กคนนั้นให้”
“ทำไม...ทำไมถึงอยากช่วยตามหาให้กันครับ?”
“ไม่มีเหตุผลหรอกนะ พวกเรามีหน่วยที่ตามหาเด็กให้อยู่แล้ว แล้วเธอก็เหมือนคนในครอบครัวเรา พวกเราจะช่วยตามหาเด็กคนนั้นให้ ช่วยบอกรายละเอียดรูปลักษณ์เด็กคนนั้นมาก็พอ”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น เธอถึงกับน้ำตาไหลออกมาทันที เธอรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที
“ขอบคุณ...ขอบคุณมากๆ เลยครับ” โพรทาเลียรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ ที่พ่อแม่จะช่วยหาลูกชายของเธอ
ลิซ่าที่ดูสถานการณ์เฉยๆ เธอก็ดีใจกับโพรทาเลียที่จะได้เจอลูกอีกครั้ง ตัวเธอเองก็คิดถึงเด็กน้อยตัวแสบเช่นกัน เพอร์ซีย์กับแอนนาเบ็ธมองเด็กชายที่กำลังร้องไห้ออกมา พวกเขาเข้าใจเลยว่าถ้าคนที่เป็นเสมือนลูกของตนหายไปจะรู้สึกกังวลใจและห่วงแค่ไหน พวกเขานึกถึงตอนที่เด็กๆ ชอบเล่นซ่อนแอบแล้วหายตัวไปนานมากๆ จนทำให้พวกเขากังวลและห่วงมากๆ
“งั้นมาบอกรายละเอียดกันนะ คีย์” แอนนาเบ็ธพูดขึ้น
“คะ...ครับ!!”
โพรทาเลียเริ่มอธิบายให้ทั้งสองฟังว่าเด็กคนนั้นมีลักษณะยังไง ตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบครึ่ง ผมสีดำไม่รู้ว่ายาวหรือสั้นตอนนี้ ดวงตาสีฟ้า มีนิสัยเกินเด็กหน่อยๆ แอนนาเบ็ธเขียนรายละเอียดตามที่เด็กชายบอกเธอมองที่ตัวเองเขียนเธอก็พูดบางอย่างออกมาเบาๆ
“อืมๆ เหมือนกันจริงๆ” แอนนาเบ็ธพึมพำออกมา
โพรทาเลียเหมือนได้ยินที่แม่พูดอะไรบางอย่าง “เอ๋ อะไรเหรอครับ?”
“อ่ะ ปะ เปล่าจ๊ะ! ไม่มีอะไรจ๊ะ!” แอนนาเบ็ธรีบปฏิเสธทันที
โพรทาเลียสงสัยเลยว่าทำไมแม่ถึงรีบปฏิเสธแบบนั้น แต่เธอไม่สนใจต่อเธอกับยิ้มอย่างมีความสุข อีกไม่ช้าเธอจะได้มีโอกาสได้เจอลูกชายของเธอ
‘อยากเจอจริงๆ ...แม่อยากเจอลูกเหลือเกิน เดวิค!’
ก่อนหน้านั้นเวลา 17:00 น. สถานที่ค่ายจูปิเตอร์ ภายในค่ายนั้นเป็นสถานที่กว้างมากกว่าค่ายจูปิเตอร์ มีทั้งสถานที่ฝึก พักผ่อน และรวมตัว แต่ก็มีสถานที่หนึ่งในค่ายที่เป็นสถานที่สะดวกสบายมากๆ สำหรับเหล่าผู้ที่เกษียณแล้ว พวกมีครอบครัว และก็เหล่าเด็กๆ ที่เกิดในค่าย จะมีสถานที่สำหรับให้พวกเขาเหล่าเรียนที่นั่นก็คือ โรงเรียน ณ เวลานั้นก็มีเด็กชายกำลังรอผู้ปกครองมารับเขาอยู่หน้าโรงเรียน เวลาผ่านไปถึง 10 นาทีก็มีชายผมทองกำลังวิ่งมาทางโรงเรียนอย่างเร็ว พอเขามาถึงก็หอบอย่างหนัก
เด็กชายเห็นผู้เป็นพ่อก็ตกใจหน่อยๆ เขาเดินไปหาพ่อทันที “พ่อ! ทำไมหอบมาแบบนั้นนะครับ”
“เด...เดวิค...พ่อขอโทษนะ ที่มารับช้านะ!” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาขอโทษผู้เป็นลูกทันที
“ค่ายอุตส่าห์อยู่ใกล้ๆ กันแต่ก็มาช้าน่านะ แต่ว่านะครับ…”
“อะไรเหรอ?” คนเป็นพ่อมองลูกชายอย่างสงสัย
“พ่อบินได้แล้วทำไมไม่บินมาล่ะครับ!?”
ชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปกับคำถามของลูกชาย เขาลืมไปว่าตนเองนั้นบินได้
“ฮ่าๆ พ่อลืมนะ!”
“โธ่ พ่อก็!”
เด็กน้อยเอามือกุมขมับก่อนจะมองคนเป็นพ่อ ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาจนเสียงดัง ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งได้ยินเสียงหัวเราะนั้น จนออกมาดูพอเธอเห็นเด็กชายที่อยู่กับผู้เป็นพ่อ เธอก็ยิ้มออกมาแล้วเดินไปหาทั้งสองคนทันที พอมาถึงเธอก็ทักทายทันที
“ไงจ๊ะ เดวิค คุณพ่อมารับแล้วเหรอจ๊ะ!?”
เดวิคได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เขาหันไปมองก่อนจะยิ้มให้แก่หญิงตรงหน้า “ครับ อาจารย์เลดี้ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ!”
“จ๊ะ งั้นกลับดีๆ นะคะ แล้วก็...” หญิงสาวหันไปมองผู้เป็นพ่อของเด็กชาย ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วเอามือกอดตัวเองไว้ “คุณด้วยนะคะ ฟีนีอุส รักษาสุขภาพดีๆ ด้วยนะคะ และก็...คิดถึงฉันยามนอนด้วยนะคะ!”
พอเธอหันมาก็ไม่เจอสองพ่อลูกแล้ว เธอยืนหน้าแดงด้วยความอับอายทันที
“กรี๊ด!! ไปตอนไหนเนี่ย ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ!!”
ห่างออกไปฟีนีอุสอุ้มลูกชายอยู่บนแขนของเขา เขาออกมาตอนนี้อาจารย์สาวกำลังกล่าวลาแถมยังพูดไม่จบ เขาก็โดนลูกชายลากออกมาซะก่อน เดวิคกอดคอพ่อด้วยสีหน้าเซ็งๆ เขาเหมือนไม่พอใจบางอย่าง ฟีนีอุสเห็นก็เลยถามลูกชายของเขาที่อารมณ์ไม่ดี
“ลูกเป็นอะไรนะ เดวิค”
“แค่เซ็งนะครับ ที่พ่อมาโรงเรียนทีไรก็จะมีแต่ผู้หญิงเข้าหา โดยที่...โดยที่มีแม่อยู่แล้ว...” เดวิคกอดพ่อแน่นๆ
“น่าๆ พ่อไม่หลงรักหญิงอื่นนอกจากแม่ของลูกหรอกนะ” ฟีนีอุสมองลูกชายอย่างเอ็นดู
“เหรอ? พ่อยังตกหลุมรักนูอัสที่ปลอมเป็นแม่เลยนี่น่า” เดวิคมองพูดเป็นพ่อด้วยสายตากวนๆ
“แหะๆ เรื่องนั้นนานแล้วนะ พ่อได้สติแล้วนะ ถ้าไม่เจอลูกพ่อคงยังหลงรักเธอต่อไปน่านะ”
“เฮ้อ...แต่ผมก็ไม่ชอบให้ใครมาเต๊าะพ่อนี่น่า”
“รู้สึกลูกพูดคำยากๆ เยอะจังนะ ไปจำมาจากไหนนะ?” ฟีนีอุสสงสัยคำพูดของลูกชายที่พูดออกมา
“อ๊ะ...ก็...ดูหนังกับคุณปู่…” เดวิคถึงกับตะกุกตะกักขึ้นมาทันที
พอได้ยินว่าพ่อของตนเองนั้นทำให้ลูกชายเขาเป็นแบบนี้ ทำเอาฟีนีอุสเคืองขึ้นมาทันที “ปู่หลานคู่นี้! กลับไปจะดุให้หูชาเลยนี่!!”
“ห้ามดุคุณปู่นะ!!” เดวิคกอดคอพ่อแบบแน่นๆ
“เด...เดวิค...นะ...แน่นไปแล้ว!!”
“ขอโทษครับ!” เดวิคคลายมือออกมาทันที เดวิคยังซบไหล่ของพ่อ ก่อนจะคิดว่าทำไมวันนี้พ่อมาช้า “จริงสิ ทำไมวันนี้มาช้าจังครับ?”
“อ๋อ...เกิดเรื่องในค่ายนะ...”
“เรื่อง? เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
“ก็...แม่ของลูกอาละวาดใส่คุณตานะ”
“เอ๋?” เดวิคถึงกับงงเลยว่าแม่ของตน สร้างเรื่องอะไรขึ้นอีก
จบตอนที่ 36 โปรดติดตามตอนที่ 37 ต่อไป