ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 42 สิ่งที่ไม่คาดคิด
ภายในบ้านอันเงียบสงบของตระกูลแจ็กสัน คนเป็นแม่กำลังดูแลสามีที่สลบอยู่บนเตียงภายในห้องของพวกเขา พวกลูกๆ คนอื่นๆ ที่เหลือก็ออกไปทำภารกิจของตนเองในค่าย ส่วนอีกสองคนกำลังโดนให้ทำงานของพ่อแม่ไปอย่างเรื่อยๆ แต่คนหนึ่งในนั้นกำลังเซ็งกับเอกสารมากมายบนโต๊ะทำงานของผู้เป็นพ่อ
“เฮ้อ...นี่เหรอ? เอกสารที่พ่อต้องทำตลอด น่าเบื่อเป็นบ้า!”
โอราอุสเห็นน้องสาวที่กำลังเบื่อก็หัวเราะในลำคอ “หึๆ เธอทำแต่ใช้กำลังนี่น่า คงไม่เคยอยู่เฉยๆ กับพวกเอกสารพวกนี้”
“มันก็แน่อยู่แล้ว!” โพรทาเลียยกมือขึ้นมาเท้าคาง “ฉันใช้กำลังมากกว่าสมองนี่น่า...ถึงแม่สมองจะใช้เป็นเวลา...แล้วอีกอย่าง...”
โพรทาเลียหยิบเอกสารทุกฉบับขึ้นมาดูแล้วพูดถึงรายละเอียดในเอกสาร
“เอกสารพวกนี้มันอะไรกัน? การขออนุมัติสร้างอุปกรณ์ การขออนุมัติสร้างลูกไฟ...เอ่อ..ลูกไฟ...? พวกเขาหมายถึงดอกไม้ไฟนะเหรอ?”
“ใช่ อันนั้นน่าจะของบ้านเฮอร์มีส พวกนั้นชอบขออะไรที่พิเรนทร์น่านะ”
พอพูดถึงบ้านที่ตัวเธออยู่ รู้เลยว่าพวกนี้โคตรพิเรนทร์แค่ไหน เธอหันมามองเอกสารต่อ “ทำไมถึงมีเอกสารขออนุมัติอะไรเต็มเลยอ่ะ?”
“อ๋อ...อีกไม่นาน พอใกล้ถึงวันครีษมายันจะมีงานเทศกาลรวมตัว วันนั้นจากทุกทีเหล่าเทพจะประชุม พวกเขาหันมาใส่ใจลูกๆ ที่พวกเขาทอดทิ้ง คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน”
โอราอุสมีสีหน้าที่นิ่งเงียบเขาเอาแต่จ้องเอกสาร โพรทาเลียมองพี่ชายที่นิ่งเงียบไป เขานิ่งไปสักพักก่อนจะพูดออกมา
"ตอนที่พ่อแม่ยังเด็กๆ ตอนนั้นมีคนตายเยอะ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ลูกๆ มนุษย์กึ่งเทพหันมาห้ำหั่นกันเองนะ"
สีหน้าของเธอเปลี่ยนทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดในอดีต เธอค่อยเอ่ยน้ำเสียงที่ “แย่มากๆ เลยนะนั้น”
“ใช่...ตอนนั้นพ่อร่วมมือกับทุกคนจนผ่านอุปสรรคมาได้ ถึงจะเสียใครไปเยอะ...แต่พ่อก็ผ่านมันมาได้...แล้วก็มีอีกเหตุการณ์ที่พ่อโดนสลับตัวกับสายเลือดจูปิเตอร์อีกนะ”
“สายเลือดจูปิเตอร์?” โพรทาเลียสงสัยว่าใคร แต่เธอมานึกๆ ฟีนีอุสก็มีสายเลือดของจูปิเตอร์ จนเธอนึกถึงชายที่เคยเจอ “แปลว่าพ่อของฟีนีอุสก็คือ?”
"หือ?" โอราอุสมองน้องสาวที่ทายคนที่คิดว่าใช้ขึ้นมา "ใช่ เขาคือคนที่โดนสลับตัวกับพ่อนะ"
“งั้นชายที่ชื่อเจสันคนนั้นก็เป็นคนของจูปิเตอร์ พวกที่ใส่เสื้อสีม่วงในค่ายเราสินะ”
“ใช่ จริงสิ ว่างๆ เธอก็ลองไปเดินที่ค่ายจูปิเตอร์สิ”
“ไปได้เหรอ?”
“ได้สิ ถ้าต้องการ”
“งั้นหนูขอให้ฟีนีอุสพาไปชมได้ไหม?”
“ไม่!” โอราอุสตะโกนทันที “พี่ไม่ยอมให้ไอ้หน้าม่อนั้น พาเธอไปแน่ๆ”
“หน้าม่อ?” โพรทาเลียเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างสงสัย “หน้าม่อคือ?”
“คนเจ้าชู้ไงล่ะ!” โอราอุสยื่นหน้ามาทางน้องสาว
“เจ้าชู้ ฟีนีอุสเนี่ยนะ?” โพรทาเลียไม่อยากเชื่อในคำพูดของพี่ชายที่ฟีนีอุสเป็นคนเจ้าชู้
“เธอยังไม่เห็นเวลาที่หมอนั้นเดินพาสาวๆ พวกผู้หญิงเอาแต่จ้องมองเขาเป็นสายตาเดียว คงเพราะเขาสายเลือดของจูปิเตอร์และอะโฟร์ไดต์ เลยทำให้ความมีเสน่ห์ของเขามากขึ้นกว่าเดิมน่านะ”
"งั้นเหรอ?"
“เธอไม่รู้สึกอะไรเหรอ?”
“ไม่นะ...แค่...รู้สึกคุ้นเคยคงเพราะเราเคยเจอตอนเด็กๆ”
“ก็นะ ตอนจัดงานวันเกิดพวกเธอ หมอนั้นก็มาพร้อมน้องสาวที่เป็นเพื่อนเธอ”
“ใช่...เอมิลี่...ถ้าเธอรู้ หนูไม่รู้เธอจะโกรธหนูไหม...”
“พี่ว่าไม่นะ...” โอราอุสคิดถึงเอมิลี่ที่จะได้เจอโพรทาเลีย คงดีใจเหมือนกัน “แต่พอพูดถึงฟีนีอุส ตอนงานเลี้ยง จำไม่ผิดตอนใกล้จบหมอนั้นเอาผมของเขาที่ตัดออกให้เธอด้วยนี่น่า...”
โพรทาเลียได้ยินคำพูดพี่ชาย เธอลุกขึ้นพรวดพราดแล้ววางมือกระแทกกับโต๊ะ “พี่ว่าไงนะ?”
โอราอุสตกใจกับปฏิกิริยาของน้องสาว “อ๊ะ...ก็...เส้นผมหมอนั้นนะ...เขาให้เธอ ใส่ไว้ในกล่องไม้นะ”
โพรทาเลียนึกถึงตอนที่เธอเจอผมนั้นในกล่องปริศนาในกระเป๋าของเธอได้ทันที
“นี่...ก็แปลว่า...” โพรทาเลียนั่งลงกับเก้าอี้ เธอครุ่นคิดเรื่องเส้นผมนั้น
โอราอุสมองน้องสาวที่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาถึงกับเครียดเลยที่เผลอพูดเรื่องเส้นผมของฟีนีอุส เขาคิดว่าจะทำไงให้น้องสาวสนใจเรื่องอื่นแทน โอราอุสคิดสักพักก็หันไปเห็นกองจดหมายตรงหน้าจากเหล่าเทพทันที
“โพรทาเลียช่วยพี่อ่านจดหมายพวกนี้ต่อแทนนะ!!” โอราอุสยกกองจดหมายนั้นแล้วมาวางตรงหน้าของโพรทาเลีย
“เอ๋...” โพรทาเลียมองกองจดหมายที่พี่ชายวางตรงหน้าเธอ เธอขมวดคิ้วที่พี่ชายโยนงานบางส่วนให้เธอ “หือ?”
“ช่วยพี่นะ เดียวที่เหลือพี่จะทำต่อเองนะ” โอราอุสฉีกยิ้มให้น้องสาว
“ก็ได้ๆ”
โพรทาเลียยอมพี่ชายที่ให้งานเธอ เธอมองจดหมายพวกนั้นแล้วหยิบขึ้นมาอ่านดู เธอเห็นจดหมายทุกฉบับมาจากเทพต่างๆ ตั้งแต่เทพองค์เล็กๆ จนมาถึงเทพแอรีส พอเธอเปิดจดหมายรู้สึกข้างในเหมือนเป็นสารท้ารบกับพ่อของเธอ ทำให้สงสัยเลยว่าพ่อเคยไปทำอะไรเทพองค์นี้กันถึงมาท้ารบกันแบบนี้ โอราอุสเห็นน้องสาวเปิดไปสองสามฉบับเข้าก็ลืมไปว่าจดหมายพวกนั้นมาจากใคร
“โพร ระวังจดหมายที่มาจากเทพนะ!!”
“เอ๋! ?” โพรทาเลียหันไปอย่างงุนงง “ทำไมล่ะ?”
“พวกเทพชอบแฝงบางอย่างมาให้พ่อเรานะ ระวังไว้ด้วยนะ” โอราอุสเตือนน้องสาว เขาลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
“แปลว่าพ่อเคยโดนมาแล้วเหรอ?”
“ใช่” โอราอุสนึกถึงตอนที่พ่อของตนโดนเทพีองค์หนึ่งเล่นงาน “ตอนนั้นจำไม่ผิด เทพีอะโฟร์ไดต์ส่งจดหมายมาแล้วแฝงยาเสน่ห์มา พ่อโดนเขาจะไปหาแต่เทพีองค์นั้น เล่นลำบากกันมากๆ เลยล่ะ”
“เทพีอะโฟร์ไดต์!” โพรทาเลียได้ยินชื่อของเทพีองค์นั้น มันรู้สึกเคืองสุดๆ จนเสียงจิตวิญญาณตนหนึ่งพูดขึ้น
‘ยัย-----!’
โพรทาเลียได้ยินคำหยาบที่จิตวิญญาณตนหนึ่งพูดจนพวกจิตวิญญาณตนอื่นต้องมาปิดปากให้หยุดพูดแล้วเสียงก็เงียบไป โพรทาเลียขำนิดหน่อยจนโอราอุสสงสัยว่าน้องสาวหัวเราะอะไร
“เธอขำอะไรนะ?”
“อ๋อ...เปล่านะ...แค่...จิตวิญญาณพูดบางอย่างจนทำให้หัวเราะนะ”
“พวกจิตวิญญาณ...” โอราอุสสงสัยเรื่องนี้มานานว่าพวกเขาเป็นใครกัน “พี่ขอถามหน่อยนะ”
“ว่าไงคะ?” โพรทาเลียหันมองพี่ชาย
“พวกจิตวิญญาณพวกนั้น เขาเป็นใครกันนะ?”
พอได้โพรทาเลียได้ยินคำถามแบบนั้น เธอถอนหายใจแล้ววางจดหมายลง
“อืม...หนูจะอธิบายยังไงดีล่ะ?” โพรทาเลียทำสีหน้าจริงจัง เธอไม่รู้จะอธิบายยังไง “พวกเขา...เป็นอดีตชาติของหนู”
“อดีตชาติ...”
“ใช่...” โพรทาเลียโบกมือขึ้นมา จิตวิญญาณตนแรกโผล่มา “สาวงามคนนี้ชื่อ เฟอร์ร่า”
เฟอร์ร่าออกมาแหวกว่ายในอากาศพร้อมหางงามๆ ของเธอ “สวัสดีค่ะ ท่านพี่ชายของโพรทาเลีย”
พอโอราอุสได้เห็นหญิงตัวเล็กแสนสวยตรงหน้าทำเอาเขินไปทันที “ไง...”
“พี่เฟอร์ร่า เป็นธิดาของปู่เรา”
“โพไซดอนนะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” โพรทาเลียพยักหน้าทันที
“อย่าบอกท่านพ่อของข้านะ เขานะเป็นห่วงใยข้าตลอด จนตอนข้าเสีย...ท่านคงโศกเศร้ามากเหมือนกัน...”
“ผมเข้าใจ ผมจะไม่บอกเรื่องท่าน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“คนต่อไป เซเรน่า...”
“อย่าพึ่งเรียกนางดีกว่านะ นางถึงอารมณ์เสียเป็นไฟ เมื่อได้ยินชื่อเทพีอะโฟร์ไดต์นะ”
“ทำไมนะ?” โอราอุสขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เพราะนางมีความหลังกับเทพีองค์นั้น...ความหลังอันน่าเจ็บปวด…งั้นคนสุดท้าย คนที่ก่อความวุ่นวายทำให้ทุกคนเห็นความทรงจำของหนู รัล บุตรแห่งดิมีเทอร์”
เมื่อเอ่ยเรียกรัลออกมา รัลก็โผล่ออกมาพร้อมสภาพที่สะบักสะบอมหน่อยๆ โพรทาเลียตกใจทันทีที่เห็นสภาพอีกฝ่ายแบบนั้น
“ไปโดนอะไรมาล่ะนั้น?”
“เซเรน่าทำร้ายอ่ะ นางเป็นผู้หญิงที่แรงเยอะสุดๆ ทำจนข้าเจ็บตัวไปหมดอ่ะ”
“โอ้ๆ น่า รัลเดียวข้าช่วยรักษานะ” เฟอร์ร่าเข้ามาช่วยรักษาอีกฝ่าย
“นายเองสินะที่ทำให้โพรทาเลียเป็นแบบนั้นไป” โอราอุสถามขึ้น
“ขออภัยข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายร่างจุติ ข้าทำตามคำสั่งของอดีตชาติรุ่นแรกเท่านั้น”
“อดีตชาติรุ่นแรก?”
“ท่านพูดนั้นเป็นอดีตเทพที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ เขาเป็นสายเลือดของโครนอส”
โอราอุสได้ยินแบบนั้น เขาเข้าใจเลยว่าทำไมโครนอสถึงให้โพรทาเลียเป็นสายเลือดของเขา “ถึงได้...เทพองค์นั้นถึงระบุว่าน้องเป็นสายเลือดของเขา”
“ใช่...อดีตของหนูเป็นสายเลือดของโครนอส” โพรทาเลียบอกออกไปทั้งสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้พวกหนูกำลังรวบรวมจิตวิญญาณทุกดวงเข้าด้วยกัน”
“พวกหนู?”
“หนูกับโฟกัส ตอนนี้เรามีจิตวิญญาณคนละ 3 ดวงในร่างกาย”
“ว้าว...เธอเหมือนกำลังแบกรับชะตากรรมบางอย่างไว้เลยนะ”
“ใช่ค่ะ มันเป็นชะตากรรมใหญ่หลวงมากๆ”
“งั้นพี่ก็ต้องฝากสองพี่น้องของพี่ไว้กับเหล่าจิตวิญญาณแล้วสินะ”
“ได้เลยขอรับ”
“พวกข้าจะเป็นแรงพลังให้โพรทาเลียเองเจ้าค่ะ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ” รัลพูดจบก็หายไปพร้อมกับเฟอร์ร่าทันที
“ไม่นึกนะว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดให้พี่ฟังอีกนะ” โอราอุสรู้สึกแปลกประหลาดกับเรื่องต่างๆ
“ก็นะ หนูนะก็แปลกใจที่ตัวเองมีอดีตที่แปลกประหลาดขนาดนี้...” โพรทาเลียนึกถึงแองเจิลที่เป็นร่างตน เขาเป็นจุดเริ่มของทุกเรื่องแต่ว่าจุดเริ่มมันคืออะไรกันแน่
โอราอุสมองน้องสาวที่กำลังคิดบางอย่างก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “มาทำงานต่อเถอะ”
“โอเคค่ะ”
พอเลิกคิดเรื่องของแองเจิลเธอก็หันไปสนใจกับกองจดหมายต่อ เธอตรวจจดหมายไปเรื่อยๆ จนมาถึงจดหมายที่เธอสนใจ เธอหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา หน้าซองจ่าถึงเธอและพี่สาว ‘คีย์ วันเดอร์เลอร์ & ลิซ่า วันเดอร์เลอร์’ ทำให้เธอสงสัยว่าใครส่งมาแต่พอเห็นตราประทับก็รู้เลยว่าเทพองค์ไหน
“เฮอร์มีส...” เธอเอ่ยชื่อเขาเบาๆ
เธอลองเปิดซองจดหมายเพื่อเปิดอ่านว่าข้างในเนื้อหาเป็นไง พอเปิดออกมาแล้วกำลังจะจับแผ่นกระดาษข้างใน เมื่อจับลงที่กระดาษภาพบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ภาพตรงหน้ามีชายหญิงกำลังทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ เธองุนงงว่าเธออยู่ไหนกัน เธอไม่สามารถขยับหน้าเพื่อมองซ้ายขวาได้ เหมือนเธออยู่ในร่างของใครอีกแล้ว เจ้าของร่างหันไปตามเสียงของหญิงสาวที่มีน้ำตาไหลออกมาพร้อมสีหน้าที่โกรธมากๆ เธอหยิบมีดขึ้นมา
‘ตายเถอะ เฮอร์มีส!!’ เสียงหญิงสาวพูดขึ้นพร้อมวิ่งตรงไปหาเฮอร์มีส
ร่างที่โพรทาเลียอยู่รีบวิ่งตรงไปหาเฮอร์มีสทันที พร้อมกับพูดน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม ‘ท่านแม่!! ไม่นะ!!’
เมื่อร่างนี้มาขวางทางเสียงทุกอย่างก็เงียบลง สีหน้าของหญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นเด็กชายตรงหน้า โพรทาเลียที่อยู่ร่างนี้รู้สึกร้อนที่ไหล่ขวา ศีรษะของร่างนี้ค่อยๆ หันไปมองมีดที่ปัดไหล่ของตนอยู่ ตัวเขาค่อยๆ ล้มลงไป ชายที่อยู่ข้างหลังของร่างที่เธออยู่ เขารีบประคองร่างนี้ทันที
‘ไม่ๆ เจ้าจะต้องไม่เป็นไร เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร’
เสียงชายที่พยุงร่างนี้ไว้เอ่ยด้วยน้ำเสียงอันหวาดกลัว สายตาของเด็กหนุ่มมองชายตรงหน้า เขามีดวงตาสีน้ำตาลและผมสีน้ำตาล เขาเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่ดวงตาของเขารู้สึกขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวที่แทงร่างนี้ เธอตกใจจนสติหลุด ก่อนจะเข้ามาหาพร้อมกับตะโกนบางอย่าง
‘เจ้าจะไม่เป็นไรนะ! แม่ขอโทษ! แม่ขอโทษ!! ลักซ์!!’
ภาพตรงหน้าตัดไปทันที ทำให้โพรทาเลียยังงุนงงว่าภาพเมื่อกี้มันอะไร แล้วคนที่เธออยู่ในร่างนั้นเป็นใคร แล้วชายหญิงสองคนนั้นเป็นใคร แต่ที่เธอจับความได้หญิงสาวเป็นมารดา งั้นชายที่พยุงร่างนั้นคือผู้เป็นบิดา นั้นทำให้โพรทาเลียสงสัยภาพนี้เกี่ยวอะไรกับจดหมายของเฮอร์มีส มันช่างมีความแปลกประหลาดขึ้นไปทุกที
“โพร-” โอราอุสเรียกน้องสาว เธอไม่ตอบสนองเขาเลยตั้งแต่เธอจับจดหมายในมือ ก่อนที่โอราอุสจะแตะไหล่เธออีกครั้ง “โพรทาเลีย!!”
เขาแตะไปที่ไหล่อีกฝ่ายทันที โพรทาเลียสะดุ้งแล้วจับแค่อีกฝ่ายบิดไปอีกทางทันที
“โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! โพรทาเลีย!”
โพรทาเลียได้สติเธอมองพี่ชาย ก็ปล่อยมือออกทันที “พี่! หนูขอโทษ!”
“พี่ต่างหาก!” โอราอุสจับข้อมือของเขา “ขอโทษที...ที่ไปแตะตอนเธอเผลอๆ พี่เรียกเธอแล้ว เธอไม่ได้ยินเลยสะกิดไม่นึกจะได้ความเจ็บกลับมา”
“ขอโทษด้วยนะ เดียวหนูไปเอาน้ำมาให้นะ เดียวมานะ”
“โอเค”
โพรทาเลียเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำพร้อมกับหยิบถังน้ำมาเติมน้ำ ระหว่างรอน้ำอยู่นั้นเธอก็คิดสงสัยว่าภาพเมื่อกี้คืออะไร แล้วร่างที่เธออยู่เมื่อกี้มันรู้สึกเจ็บปวดมากๆ ระหว่างที่เธอกำลังรอน้ำ เธอจ้องมองตัวเองในกระจก เธอสังเกตเห็นบางอย่างที่เสื้อของเธอ เธอก้มมองลงตรงอกของเธอที่มีเข็มกลัดที่ไม่คุ้นตาอยู่ เธอแกะมันออกแล้วเอามาดูอย่างสงสัย
“ของใครกัน?”
“ของข้าเอง!” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมา
โพรทาเลียถึงกับยิ้มเยาะที่ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง “เจ้าเองสินะ...รัล”
พอเอ่ยนามของเจ้าตัว เด็กชายสวมฮู้ดโผล่ออกมาอย่างร่าเริง ตอนนี้เขาอยู่ในร่างที่มีขนาดตัวเล็ก
“สวัสดีอีกครั้งนะ”
“รู้ไหม? ว่าข้านึกว่าจะไม่ต้องเจอเจ้าช่วงนี้ซะอีก” โพรทาเลียพูดด้วยภาษาโบราณพร้อมกับเดินรีบไปปิดน้ำที่ล้นออกมาจากถังน้ำ
"เจ้าพูดแบบนี้มันสื่ออะไรเหรอ?" รัลยิ้มเหยาะๆ เขารู้สึกไม่ดีที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น
“เจ้าโผล่ทำให้ข้าเคืองสองอย่าง หนึ่งนายสร้างเรื่องให้ฉันถึงฉันจะขอบใจมากๆ ก็ตามที ส่วนสองสิ่งนี้มันมาได้ไง?” โพรทาเลียยกเข็มกลัดที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นของตนขึ้นมา
“เจ้าคงจำไม่ได้สินะ ตอนนั้นเจ้าออกมาจากห้องน้ำ แล้วเจ้าเห็นเข็มกลัดนี้ ข้าก็เลยแทรกแซงเข้าไปในตอนนั้นเลยนะ”
“ห๊า? ” คิ้วของโพรทาเลียถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ทำเอารัลหน้าซีดหน่อยๆ
“แหะๆ ...อย่าโกรธข้านะ”
“เฮ้อ...ออกมาก็ดี ข้าอยากถามพวกเจ้าทั้งหมด เฟอร์ร่า เซเรน่า ออกมาที”
น้ำเสียงของหญิงสาวเงียบลงไป เหล่าจิตวิญญาณอีกสองตนของโผล่มาขนาบข้างซ้ายขวาของรัล สองสาวต่างยิ้มอย่างชอบใจที่ได้เจอคนที่เรียกพวกเธออีกเร็วขนาดนี้
“มีอะไรจะถามพวกเราเหรอ?”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ”
“พวกเจ้านี้ถามกันเร็วเลยนะ” รัลมองด้วยสายตานิ่งๆ
“เจ้านะเงียบๆ ก่อนเถอะ ตัวก่อปัญหา”
"อืมๆ"
รัลพอโดนพูดแบบนั้นก็ไปนั่งอยู่ที่พื้นที่ว่างคนเดียว “ใช่ ข้ามันไม่ดีนี่ พวกเจ้าถึงไม่รักข้านะ”
“น่าๆ รักกันเข้าไว้ อย่าลืมสิตอนแรกๆ พวกเจ้าทุกคนก็ทำร้ายข้ากันทันทีนั้นล่ะ”
สองสาวต่างเงียบทันที รัลถึงกับหันมายิ้มทันที สองสาวไม่ชอบใจทันที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“แต่สิ่งที่โพรทาเลียจะถามนี้คือเรื่องอะไรนะ?” พออารมณ์ดีขึ้น รัลลอยตัวมาหาโพรทาเลีย
“ฉันเห็นภาพบอกเหตุของคนหนึ่งที่ตายโดยโดนหญิงคนหนึ่งฆ่านะ”
ทั้งสามคนต่างมองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงสิ่งที่โพรทาเลียอธิบาย พวกเขาแปลกใจขึ้นมาทันที
“ไม่นึกว่าจะเร็วแบบนี้นะ” รัลพูดขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่โพรทาเลียพูด
“จริงด้วยนะ...” เฟอร์ร่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เจ้าเห็นภาพจากสิ่งใดหรือ โพรทาเลีย” เซเรน่าถามขึ้น
“ฉันกำลังอ่านจดหมายที่เทพส่งมาทางค่ายนะ แล้วไปเจอจดหมายที่ส่งมาถึงฉันกับเทพีพอดี พอแกะจดหมายแล้ว...แตะจดหมายด้านในนั้นภาพทุกอย่างก็เข้ามา”
“อืม แปลว่า...”
“จิตวิญญาณอีกตนอยู่ข้างนอกค่ายแห่งนี้สินะ?”
“แบบนี้คงวุ่นวายแน่ๆ” เซเรน่ารู้สึกกังวลหน่อยๆ
"เราต้องออกไปข้างนอกสินะ...เจ้าจะออกไปได้ไง โดยที่ค่ายมีกฎห้ามออกข้างนอกนะ โพรทาเลีย" เฟอร์ร่าคิดทบทวนทุกอย่างที่เธอจำได้
โพรทาเลียใช้ความคิดอยู่นาน แล้วก็นึกออกขึ้นมาทันที “หึๆ ข้ามีความคิดดีๆ ออกแล้วล่ะว่าจะไปยังสถานที่ที่เฮอร์มีสส่งจดหมายได้ไง”
“?” ทั้งสามตนกำลังงุนงงว่าโพรทาเลียมีความคิดอะไรอยู่กันแน่
ตกเย็น ณ บ้านแจ็กสัน ภายในครัวกำลังมีคนตั้งใจทำอาหารแสนอร่อย แล้วคนที่กำลังทำนั้นคือ โอราอุสที่เป็นคนปรุงอาหารทุกอย่างที่วันนี้ทำ ส่วนโพรทาเลียก็ช่วยเป็นลูกมือในการทำ กลิ่นอาหารกระจายออกไปทั่วทั้งบ้านขึ้นสู่ข้างบนชั้นสองของบ้าน คนเป็นแม่ที่อยู่ในห้องนอนได้กลิ่นอาหารเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกหิวเลย แต่แล้วคนเป็นสามีกำลังนอนหลับอยู่ได้กลิ่นอาหาร ประสาทสัมผัสทุกอย่างของเขาเริ่มทำงานทันที
“กลิ่นอาหาร!” เพอร์ซีย์ลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นมา
“ว้าก!!” แอนนาเบ็ธต่างตกใจทันที
“กลิ่นอาหารหอมจัง!” เพอร์ซีย์พูดทั้งน้ำลายไหลออกจากปาก
“เพอร์ซีย์อ่ะ ตกใจหมด เรื่องอาหารทีไรเป็นแบบนี้ทุกที ดูสิน้ำลายไหลแล้ว” แอนนาเบ็ธส่งกระดาษทิชชูทันที
เพอร์ซีย์รับกระดาษมาเช็ดน้ำลายของตัวเองทันที “ฉันหลับไปนานแค่ไหนนะ”
“ตั้งแต่เช้าจนเย็นนี้ล่ะ”
“นานขนาดนั้นเชียว?” เขาตกใจทันทีที่ภรรยาพอแบบนั้น
"นายเล่นให้พลังลูกไปเยอะ เห็นนายหลับสบายฉันเลยขอให้โอราอุสกับโพรทาเลียช่วยตรวจเอกสารให้" แอนนาเบ็ธพูดพร้อมกับหยิบเอกสารให้สามี “แล้วนี่คือรายละเอียดการสรุปที่ลูกสองคนทำให้”
“โอ้...” เพอร์ซีย์เอามาอ่านเขารู้เลยว่ามีเรื่องอะไรมั้ง ทำเอาเหนื่อยใจจริงๆ “เป็นการสรุปที่ดีจริงๆ พวกเทพหางานให้ฉันอีกแล้ว แอรีสก็มาขอท้าดวลอีก”
“อีกแล้วเหรอ? เทพองค์นั้นไม่ยอมที่นายสู้เสมอเขาตลอดนะ”
“ก็จริง...คงไม่ตอบรับคงมาหาเรื่องถึงค่ายแน่ๆ คงต้องแจ้งซุสช่วยห้ามแอรีสหน่อย”
“นายดีขึ้นแล้ว จะลงไปทานอาหารเลยไหม?”
“ไป!” เพอร์ซีย์เงยหน้าขึ้นมาตาเป็นประกายทันที
แอนนาเบ็ธแอบหัวเราะกับความน่ารักของสามี เพอร์ซีย์กำลังจะพยุงตัวเพื่อลุกขึ้น แอนนาเบ็ธก็เข้ามาช่วยและพาอีกฝ่ายกำลังลงไปทานอาหาร
ก่อนหน้านั้นระหว่างที่โอราอุสกับโพรทาเลียกำลังทำอาหารอยู่นั้น ก็มีคนหนึ่งที่กลับมาก่อนคนอื่นๆ คือ ลิซ่า พอเธอเข้ามาในบ้านกลิ่นอายของอาหารออกมา ทำเอาลิซ่าเดินตามไปจุดที่มีกลิ่นอาหาร เธอเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องครัวก็ทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“กลิ่นอาหารหอมจัง” ลิซ่าเอ่ยพูดขึ้น
ทั้งสองคนต่างได้ยินเสียงอันน่าคุ้นเคยขึ้น ใบหน้าของโพรทาเลียยิ้มแป้นขึ้นมาทันที
“พี่ลิซ่า!” โพรทาเลียวางของทุกอย่างก่อนจะวิ่งไปกอดอีกฝ่ายทันที
ลิซ่ารับแรงกอดของอีกฝ่ายพร้อมกับศีรษะของเด็กน้อย “ไงจ๊ะ เป็นไงบ้างล่ะวันนี้? เด็กน้อยของข้า”
“หนูกำลังช่วยพี่ชายทำอาหารอยู่นะ”
“งั้นเหรอจ๊ะ โอราอุสทำอาหารเก่งนี้น่า” ลิซ่าเงยหน้าไปมองชายหนุ่มที่หันมามองเธอ
โอราอุสได้ยินอีกฝ่ายชมการทำอาหารของเขา เขาเขินอายหน่อยๆ เลยหันไปทำอาหารต่อ ลิซ่าเอ่ยยิ้มที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงที่เธอชมเขา แต่สองคนนี้ไม่รู้เลยว่ายังมีเด็กน้อยอยู่ตรงนี้ โพรทาเลียจ้องมองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะคิดบางอย่างออกมาได้
“เอ่อ...หนูขอไปห้องน้ำนะ พี่ลิซ่าช่วยพี่โอราอุสหน่อยนะคะ”
"เอ๋? ได้สิ" ลิซ่าหันไปตอบโพรทาเลียทันที
“เดียวหนูรีบมา” โพรทาเลียออกจากห้องนั้นไปทันที
เมื่อโพรทาเลียออกไปแล้ว ก็เหลือแค่ชายหญิงสองคนที่กำลังอยู่ภายในห้องครัว ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน โอราอุสรู้สึกเขินอายหน่อยๆ เมื่อเขานึกถึงเรื่องเมื่อเช้า เขาไม่เคยมีหญิงใดที่สวยตรงใจเขาจะเข้าใกล้เขาแบบนี้ ทำเอาเข้าประมาทไปหมด ลิซ่าเห็นว่าโอราอุสยังไม่พูดอะไร เธอเลยเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายใกล้ๆ แล้วสอบถามเรื่องให้เธอช่วยงานเขา
“เอ่อ...ให้ข้าช่วยอะไรมั้งล่ะ?”
“อ๊ะ!” โอราอุสสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น พอได้หันไปมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทำเอาใบหน้าของเขามีสีแดงข้างแก้ม “ชะ...ช่วยหั่นผักตรงนั้นให้หน่อยนะ”
ลิซ่าหันไปมองของที่อีกฝ่ายพูด เธอเห็นยังมีผักที่หั่นค้างไว้อยู่ เธอยิ้มขึ้นมาทันที “ได้สิ”
ลิซ่าเดินไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับหั่นผัก โอราอุสจ้องเธออย่างไม่คาดสายตา แต่เขาก็หันไปทำอาหารของตัวเองต่อทันที ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะพูดต่อกัน ทำเอาคนที่แอบมองอยู่ด้านนอกรู้สึกเคืองหน่อยๆ
“อุตส่าห์ออกมาให้เพื่อจะได้คุยกัน แต่ยังอ้ำอึ้งอยู่นั้นล่ะ พี่อ่ะ!”
โพรทาเลียแอบมองทั้งสองคนอยู่ข้างนอกห้องครัวอย่างเงียบๆ ไม่ให้พวกเขาทั้งสองรู้ตัว ระหว่างที่เธอกำลังแอบอยู่นั้น พ่อแม่กำลังลงมาจากบันได พวกเขากำลังคุยถึงกลิ่นอาหารว่าลูกๆ ทำอะไรทานวันนี้ พอพวกเขาลงมาแล้วเดินตามทางไปข้างหลังบ้านที่เป็นห้องครัวและห้องอาหาร แต่ก่อนจะถึงพวกเขาเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังแอบทำอะไรอยู่อย่างน่าสงสัย พวกเขามองหน้ากันก่อนจะแอบหลบมุมไปอยู่ข้างหลังคนเป็นลูกไม่ให้เธอตั้งตัว
“อย่าเอาแต่ยืนนิ่งสินั้น!!” โพรทาเลียบ่นเบาๆ
คนเป็นพ่อได้ยินที่ลูกพูดเลยสงสัย ก่อนจะพูดออกไป “ใครยืนนิ่งอะไรนะ โพรทาเลีย!?”
“!!”
โพรทาเลียสะดุ้งตกใจจนมือเผลอตวัดไปข้างหลังอย่างเร็วคนเป็นพ่อเห็นรีบใช้มือรับแรงตวัดนั้นทันที พอโพรทาเลียมองมือที่รับมือของเธอ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
“พะ...พ่อ!?”
เพอร์ซีย์ยิ้มให้ลูกอย่างเป็นมิตร แต่ข้างในความคิดกำลังเคืองๆ ที่ลูกสาวอยู่ๆ จะโจมตีเขาซะงั้น
“พ่อว่าลูกเอาแรงขนาดนี้รอมาต่อสู้กับพ่อดีกว่านะ โพรทาเลีย”
โพรทาเลียหน้าซีดทันทีที่พ่อพูดแบบนั้น “ขอโทษค่ะ...”
“แต่ตวัดเมื่อกี้ก็แรงดีนะ ทำมือพ่อเขาสั่นเลยนะ” แอนนาเบ็ธออกมาพูดพร้อมกับจับมือลูกสาวให้วางลง ก็เห็นมือผู้เป็นพ่อสั่นไปมา
“ใช่ แรงดีกว่าพวกโอราอุสอีก อย่างงี้น่าต่อสู้กับพ่อเหมือนที่ลูกอยู่ในร่างคีย์น่าเนอะ” เธอยืนหน้ามองลูกสาวอย่างรู้สึกตื่นเต้น
“เหอะๆ ถ้าต่อสู้กันหนูไม่ออมมือแน่ๆ” โพรทาเลียพูดพร้อมกอดอกมองคนเป็นพ่อ
“พ่อจะรอดูเลยล่ะ โพรทาเลีย” ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างชอบใจ
คนเป็นแม่มองแล้วส่ายหัวให้กับความบ้าของสองพ่อลูก ก่อนที่เธอจะคิดบางอย่างออกมาได้ “จริงสิ แล้วลูกมาทำอะไรตรงนี้นะ? โพรทาเลีย”
“เอ่อ...แค่...แอบมองชายหญิงคู่นั้น หาโอกาสให้พวกเขาคุยกันนะคะ” โพรทาเลียหันแอบไปมองสองคนนั้น
“เอ๋?” สองสามีภรรยาแอบมองตามที่ลูกสาวกำลังมอง
พวกเขาเห็นสองคนที่ลูกสาวว่าคือลูกชายคนโตของเขากับเทพีอลิซ่าเบ็ธอยู่ข้างในครัว ทำให้สงสัยเลยว่ามีเรื่องกันหรือลูกสาวถึงบอกว่าหาโอกาสให้พวกเขาคุยกัน พวกเขาเลยแอบมองด้วยเพื่อจะได้รู้ว่าอะไร พวกเขาที่กำลังแอบมองกันนั้น โอราอุสกำลังทำอาหารอยู่นั้นเขาต้องการผักต่างๆ เขาเดินไปหาลิซ่าที่กำลังหั่นผักอยู่ ลิซ่าเห็นเขากำลังเดินมาทางเธอ โอราอุสเข้ามาใกล้ๆ สายตาทั้งสองจับจ้องมองพร้อมกัน ทำเอาโอราอุสหน้าแดงหน่อยๆ เขาหยิบถ้วยใส่ผักต่างๆ แล้วเดินออกมา ลิซ่าหันกลับมามองเคียงบนโต๊ะ ใจของเธอยิ่งเต้นแรงเรื่อยๆ
“ทำไมรู้สึกบรรยากาศมันทะแม่งๆ ชอบกล” เพอร์ซีย์พูดขึ้น เขารู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศแบบนี้
แต่คนเป็นแม่พอรู้ละว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะกระซิบข้างๆ หูลูกสาว “โพรจ๊ะ หรือว่าสองคนนั้นแอบ...”
โพรทาเลียหันไปมองแบบก่อนจะยิ้มขึ้นมาหนึ่งครั้งเมื่อส่งสัญญาณให้แม่ พอคนเป็นแม่รู้ ทำเอาเขินหน่อยๆ ขึ้นมาเลยทีเดียว
สักระยะหนึ่งกว่าอาหารจะเสร็จ เพราะหม้อที่ใช้มันทั้งใหญ่และอาหารเยอะ คนในบ้านตั้งหลายคนและมีพวกกินจุในบ้านด้วยเลยทำให้โอราอุสต้องทำอาหารเยอะเหมือนกัน เขาใช้เวลาหลายนาทีก่อนจะทำอาหารทั้งหมดเสร็จ พอเขาทำอาหารเสร็จ เขาก็เช็ดเหงื่อของตัวเอง ลิซ่าเห็นอีกฝ่ายปิดสิ่งที่มีไฟออกมาแล้ว เธอเลยเดินไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับถามอีกฝ่าย
“คือ...ไม่มีอะไรให้ข้าช่วยแล้วใช่ไหม?”
"อ๊ะ...ใช่...หมดแล้วนะ...เอ่อ...เธอนั่งพักเถอะนะ..."
“ไม่มีแน่นะ ข้ากลัวเจ้าจะเอาเปรียบที่เห็นว่าข้าเป็นหญิง แล้วเจ้าจะทำคนเดียวจนหมดนะ” ลิซ่าทักท้วงขึ้นมาอย่างสงสัย เธอค่อยๆ เดินไปหาอีกฝ่าย “ใช่ อย่างที่ข้าพูดหรือเปล่า โอราอุส”
เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่พูดเอื่อยๆ สายตาของเธอจับจ้องมองเขา ทำเอาโอราอุสถึงกับรู้สึกเหมือนเธอกำลังดึงดูดเขา แต่เขาต้องส่ายหน้าเพื่อหลุดจากความหลงใหลของตนเอง
“ไม่ๆ เสร็จหมดแล้วจริงๆ นะ”
“งั้นเหรอ...” ลิซ่าไปพูดซ้ำอีก เธอเข้าใจแล้วว่างานหมด เธอกำลังจะเดินออกห่างจากอีกฝ่าย แต่เธอกับหยุดยืนอยู่เฉยๆ แล้วค่อยๆ เงยหน้ามองชายตรงหน้า "โอราอุส..."
“วะ...ว่าไง?”
“คือเรื่องเมื่อเช้า...”
“เรื่องเมื่อเช้า...” โอราอุสนึกถึงฉากที่เขาโดนจูบ ใบหน้าเขายิ่งขึ้นสีแดงขึ้นมา
“ข้า...ข้อขอโทษนะ...ข้าเข้าใจว่าหญิงแก่แบบข้า ทำแบบนั้นกับเจ้า เจ้าคงไม่ชอบแน่ๆ แต่หลังจากวันนั้นความรู้สึกของข้าที่เคยบอกเจ้าไปมันยิ่งอยากออกมา ข้าเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองจะไม่เปิดใจให้ผู้ใดเข้ามา แต่เมื่อเจอกับเจ้า...ข้าอยาก...เปิดใจอีกสักครั้ง...”
ระหว่างที่โอราอุสกำลังรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ร่างกายของเขาเมื่อกับอยากบอกบางอย่าง มือของเขาค่อยๆ ยกขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า เขาค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ริมฝีปากค่อยๆ ประกบกับริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม หญิงสาวถึงกับตาโตขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายกำลังจูบเธอ ทำเอาคนที่กำลังแอบมองต่างอึ้งและเขินไปเลยกับการกระทำของชายหนุ่ม โอราอุสค่อยๆ ผลักตัวเองออกมา หญิงสาวยังจ้องมองชายหนุ่มอย่างอ้ำอึ้ง
“โอราอุส...”
“ผมนะ ไม่เคยโกรธที่เธอทำแบบนั้น เธอนะยังสาวไม่ได้เป็นหญิงแก่เลยนะ ถึงอายุเธอจะเกินพัน แต่ผมนะก็ยังเห็นเธอเป็นหญิงงามเสมอ”
เมื่อโอราอุสพูดชมเธอ ทำเอาเธอหน้าแดงมากๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น
“ผมดีใจนะที่ลิซ่ามีใจให้คนแบบผม แต่ผมต่างหากที่ไม่มีความกล้าเลย เพราะผมเป็นได้แค่ชายหนุ่มวัย 20 ปีที่มีงานยังไม่ค่อยมั่นคง จนไม่รู้ว่าจะสามารถทำให้หญิงสาวตนหน้ามีความสุขได้หรือเปล่า?”
“โอราอุส...ข้า...” ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มน้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลออกมา
โอราอุสมองใบหน้าของหญิงสาว เขาเช็ดน้ำตาของเธอเบาๆ “ลิซ่า...ไม่สิ อลิซ่าเบ็ธ”
พอได้ยินชายหนุ่มเอ่ยนามของตัวเธอ ใจของเธอกับรู้สึกสั่นไปหมด
“ผมที่เป็นมนุษย์กึ่งเทพจะสามารถรักเทพีอย่างท่านได้ไหม?”
น้ำตาของหญิงสาวยิ่งเอ่อล้นออกมา เธอรู้สึกดีใจอย่างมาก “ได้สิ...ได้สิ...”
ลิซ่าโผเข้ากอดชายตรงหน้าทันที เธอดีใจที่ชายตรงหน้าก็มีใจให้เธอ ความโศกเศร้าและโดดเดี่ยวมาตลอดได้หายเมื่อชายตรงหน้าโผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ เธอนึกเลยว่าเธอรอมากี่พักปีที่จะได้เจอชายตรงหน้าของเธอ สถานการณ์กำลังโรแมนติกคนเป็นผู้ปกครองเกิดลุกขึ้นไปทันที ทำเอาอีกสองคนมองกันเลยว่าจะไปทำอะไร
“พ่อว่าถ้าแกจะคบใคร แกต้องผ่านบททดสอบของพ่อก่อนนะ โอราอุส”
โอราอุสได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อ เขาถึงกับตกใจทันที “พ่อ!!”
ลิซ่าได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อของชายหนุ่ม เธอผละตัวออกจากชายหนุ่ม “คุณเพอร์ซีย์...”
“เทพีเชิญไปตามภรรยาฉันไปที่ห้องนั่งเล่นหน่อยละกัน!” น้ำเสียงของเพอร์ซีย์ดูแข็งทื่อ ทำเอาโอราอุสกังวลใจเลยว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่
แอนนาเบ็ธเดินเข้ามาภายในห้องครัวทันที “ลิซ่าจ๊ะ ตามฉันมาดีกว่านะ”
“ค่ะ...”
ทั้งสองคนออกไปเหลือแค่เพอร์ซีย์กับโอราอุสอยู่ภายในห้องครัว โพรทาเลียที่ไม่ได้ตามแม่กับพี่ลิซ่าไป ก็เอาแต่จ้องว่าทั้งสองคนนั้นจะคุยอะไรกัน
จบตอนที่ 42 โปรดติดตามตอนที่ 43 ต่อไป