ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 119 โดนฟ้าผ่า
เมล็ดที่ถูกปาออกไปก็มีสิ่งบางอย่างคล้ายเถาวัลย์ออกมาหลายสิบอันพุ่งตรงไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังพุ่งมา ธีเอมัสถึงกับเบรกตัวอย่างรวดเร็วแต่ไม่ทันเถาวัลย์สีเขียวกำลังพุ่งเข้ามารัดตัวเขาทุกส่วน เขาพยายามใช้ดาบตัดมันไม่ให้มารัดกุมเขาแต่ก็ไร้ผล ยิ่งฟันมันก็ยิ่งรุกล้ำเข้ามารัดตัวเขามากกว่าเดิม ธีเอมัสเห็นท่าไม่ดีว่าอาวุธใช้ไม่ได้ผลเขาก็พลิกแพลงเปลี่ยนการโจมตีเป็นการใช้พลังของเขา พลังของเขากำลังเอ่อล้นแต่จู่ ๆ ก็หายไปอย่างรวดเร็วทำเอาธีเอมัสหน้าเหวอไปทันใดก่อนที่เขาเถาวัลย์รัดตัวเขาจนซุกลงกับพื้น
“อึ้ก!! เธอ...เธอทำอะไรฉัน!!” ธีเอมัสตะโกนสุดเสียงใส่อีกฝ่าย
โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่ตะโกนใส่เธอ เขาพยายามเค้นพลังของตนสุดกำลังแต่ก็ไม่ได้ผลอีก แต่คำกล่าวหาของอีกฝ่ายทำให้โพรทาเลียสงสัยว่าเธอไปทำแบบนั้นตอนไหนนอกจากรัดตัวอีกฝ่าย
“ทำอะไร? ฉันก็แค่รัดตัวนายก็เท่านั้น?”
“เธอ...ดูดพลังฉันไป!!!!”
โพรทาเลียเอียงคออย่างงุนงงว่าตนเองนั้นไม่ได้สร้างเถาวัลย์ที่สามารถดูดพลังได้สักหน่อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันกับความคิดของอีกฝ่าย
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! โทษนะ! ฉันไม่ได้สร้างเมล็ดพันธุ์ที่จะสร้างมาดูดพลังนายได้หรอกนะ!!”
“ฉันไม่เชื่อ!! เธอมีเจ้าพวกนั้นอยู่ด้วย พวกนั้นต้องช่วยเธอแน่ ๆ !!”
“ห๊า?”
โพรทาเลียเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าทุกคนจะช่วยเธอดูดพลังอีกฝ่ายทำไม โดยที่เธอสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้สบาย ๆ แต่ความรู้สึกบอกว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เหลือพลังอะไรเลยตอนนี้ จนเธอสงสัยว่าอีกฝ่ายใช่สายเลือดของอะพอลโลจริง ๆ เหรอ ระหว่างที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ว่าไงนะ!!” เสียงของเซเรน่าดังขึ้นมา
“!!”
โพรทาเลียตกใจกับเสียงที่ตะโกนขึ้นมาก่อนจะเห็นทุกคนโผล่ออกมาต่อหน้าเธอ หนึ่งในห้าพุ่งตรงเข้าหาธีเอมัสอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“เจ้าคิดว่าเราจะทำอะไรเจ้าได้หรือไง!? คงไม่ลืมนะว่าเราห้ามทำร้ายอดีตชาติด้วยกันหรือ!? แล้วเจ้าคิดว่าเราทำให้เจ้าใช้พลังไม่ได้งั้นหรือ!?” เซเรน่ายิ่คำถามรัว ๆ ให้ธีเอมัสอย่างไม่หยุดหย่อน
“เธอ...บุตรีของเฮเฟตัส!!”
“เห็นหน้าเจ้ากี่ครั้งก็อารมณ์เสียสุด ๆ ไม่น่าเป็นบุตรของอะพอลโลเลยจริง ๆ !!”
“นึกเหรอว่าฉันอยากเป็นลูกของเทพเฮงซวยแบบนั้น!!”
“แล้วไง!?” เซเรน่าไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย เธอยกแขนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกำหมัดของเธอขึ้นมา “ขอสักหมัดเถอะ!! เจ้าทำให้ร่างจุติต้องเดือดร้อนขนาดไหนรู้ไหม!!”
ธีเอมัสเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็ทำเอาเขาหน้าซีดที่จะโดนหญิงสาวตรงหน้าทำร้าย ลักซ์กับรัลรีบตรงมาจับตัวหญิงสาวที่จะชกชายหนุ่มที่โดนมัดอยู่ทันใด
“ใจเย็น ๆ ก่อนสิ เฟอร์ร่า ถ้าเจ้าใช้พลังเยอะเจ้าจะผลาญพลังงานของโพรทาเลียเยอะขึ้นนะ เดียวโพรทาเลียก็สลบทันทีหรอก”
“ข้าอยากจัดการเจ้านั้นนี่!! โพรทาเลียขอข้ายืมร่างหน่อย!!”
โพรทาเลียได้ยินก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ที่ครั้งนี้ได้เห็นทุกคนในร่างปกติ เพราะทุกทีจะเห็นเป็นร่างตัวเล็กจิ๋วน่ารัก ระหว่างที่เธอมองพวกเซเรน่านั้นอีกสองคนที่เหลือก็เข้ามาอยู่ข้าง ๆ
“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” เฟอร์ร่าเอ่ยถาม
โพรทาเลียหันไปมองเฟอร์ร่าที่ดูสีหน้าหมองเศร้า เธอดีใจที่เจออีกฝ่ายก่อนจะยิ้มตอบออกไป “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
“จริงนะ ในภาพลวงตานั้น เจ้าดูเจ็บปวดมากเลยนะ”
แดเรียลเอียงตัวมองอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาเหมือนคนขี้เซ้าเนื่องจากดื่มไปเยอะจนตอนนี้อยากไปหลับสักตื่นนี้มาก ๆ
“ฉันบอกแล้วนี่ว่าฉันไม่เป็นอะไรมากนะ”
“แต่มันฝังความรู้สึกไว้ในใจเจ้า เจ้าเคยเจอโลกที่เปลี่ยนแปลงมาแล้วครั้งหนึ่ง ยิ่งมาเจอสถานการณ์คล้ายกันมันก็ยิ่งเจ็บปวด มันก็ยิ่งฝังลึกเข้าไปข้างใน” เฟอร์ร่าเอ่ยพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะบนเนินอกของโพรทาเลีย "เจ้าไม่อยากเจอโลกแบบนั้นอีกใช่ไหมล่ะ?"
“อ๊า...ก็...”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้โพรทาเลียลำบากใจและรู้สึกว่าจริงของอีกฝ่ายที่เธอไม่อยากเจอสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ
“จงระวังเจ้านั้นอีกรอบละกัน ถ้าเจ้าไม่อยากจะเจอสถานการณ์แบบนั้นอีก…”
“จริงของแดเรียล จงระวังไว้หน่อยก็ดี”
โพรทาเลียได้ฟังคำเตือนก็แอบยิ้มที่มีคนห่วงใยเธออยู่บ้างก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคน “ขอบคุณทั้งสองคนมาก ๆ ที่เป็นห่วงกันนะ...”
ทั้งสองคนมองร่างจุติที่กลับมาร่าเริงถึงจะเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าเศร้าใจ ทั้งสองคนต่างพากันเข้ามาโอบกอดโพรทาเลียเบา ๆ จนเธอตาโตขึ้นมาที่ทั้งสองคนกอดเธออย่างปลอบโยนจนเธอไม่คิดว่าอดีตชาติพวกนี้จะสนใจเธอมากเท่าไหร่ แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งเหมือนครอบครัวที่เข้ากันได้ขึ้นทุกวันจนเธอไม่อยากเสียพวกเขาไปเลยจริง ๆ ตอนที่ทุกคนหายไปก่อนหน้าเธอก็กังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกอดีตชาติเสียอีกจนเธอรู้สึกหมดหวังมาก ๆ
“ตอนที่ติดต่อพวกเธอไม่ได้ ฉันนึกว่าทุกคนหายไปเสียแล้ว...ดีจริง ๆ ที่ทุกคนยังอยู่...” โพรทาเลียกอดตอบทั้งสองคนแล้วซุกหน้าลงไหล่ของเฟอร์ร่า
“โธ่ ๆ เราไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ”
“จริงของเฟอร์ร่า” แดเรียลกล่าวพร้อมกับมองอีกฝ่ายที่ซุกเฟอร์ร่าไม่ปล่อย “ดู ๆ เด็กน้อยของเรา ร้องไห้เสียแล้วหรือ!?”
“ฉันไม่ได้ร้องซะหน่อย!!” โพรทาเลียตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด
“เหรออออ~”
“พอเลย!! แดเรียล” เฟอร์ร่าหันไปห้ามอีกฝ่ายทันที ก่อนจะลูบหัวโพรทาเลียเบา ๆ “ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่ตกใจนะ พวกข้าก็ตกใจเหมือนกันนะ เจ้าไม่ยอมตื่นแถมยังมีอาการเหมือนคนฝันร้าย”
“ฝันร้าย?”
"ใช่ ตอนนั้นเราเลยหาวิธีเข้าไปในจิตใจเพื่อช่วยเจ้า แต่พอเข้าไปก็เจอช่วงที่เจ้าเข้ามาในจิตเช่นเดียวกัน แต่เราพยายามเดินไปหาเจ้า แต่ทว่าเจ้าก็ไม่เห็นพวกเรา"
โพรทาเลียผลักตัวเองออกแล้วมองทั้งสองเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองสื่อให้เธอฟังก็ทำให้นึกถึงตอนที่แอปเปิลตกลงพื้น
“อ๊ะ...หรือว่าตอนนั้น...แอปเปิลนั่น...”
“ใช่ ตอนนั้นพวกรัลพยายามให้เธอรู้สึกตัวว่าเราอยู่แถวนั้น”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็แอบอายหน่อย ๆ ที่ตนเองไม่รู้เลยว่าพวกนั้นอยู่ใกล้ ๆ ตัวแค่ไหน ยิ่งทำให้เธอนึกถึงคำพูดตัวเองในตอนนั้นขึ้นมาทันทียิ่งทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที เฟอร์ร่ามองสีหน้าของอีกฝ่ายก็หัวเราะคิกคักออกมา
“ไม่ต้องเขินหรอกนะ เพราะพวกเราก็เป็นครอบครัวเจ้าเช่นกัน โพรทาเลีย”
ดวงตาของโพรทาเลียเปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่เธอจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นตกใจผสมเขินอาย
“ตอน...ตอนนั้น...ฉัน...”
“เจ้าไม่ต้องมาเขิน โพรทาเลีย” แดเรียลเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับหัวอีกฝ่ายขยี้ ๆ “พวกข้าทุกคนได้ยินทุกคำของเจ้า ข้าก็ดีใจเช่นกันที่เจ้าเห็นพวกข้าเป็นครอบครัวของเจ้า”
“แดเรียล...”
โพรทาเลียชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะสลับมองกับหญิงสาวอีกคนที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ ทำเอาใบหน้าของเธอยิ่งแดงกว่าเดิมก่อนจะยิ้มตอบทั้งสองคนกลับไป
"คิก ๆ ก็ทุกคนอยู่กับฉันมาตั้งแต่เด็กนี่น่า"
พวกเขาทั้งสามคนต่างยิ้มให้กันเหมือนพี่น้องไม่มีผิดถึงแม้ทุกคนนั้นจะเป็นคนเดียวกันก็ตามที แดเรียลเห็นเด็ก ๆ ร่าเริงกันพอเหมาะแล้วเขาก็หันไปทางที่ธีเอมัสอยู่ตอนนี้พวกรัลกำลังรั้งเซเรน่าสุดกำลัง
“แล้วเราจะจัดการกับชายคนนั้นยังไงดี ดูเหมือนเขาจะร่วมมือกับบุคคลที่เราไม่คาดคิดด้วยนะ”
“ก็จริงนะ เอาไงดีโพรทาเลีย”
“ฉันอยากรู้ว่าเจ้านั้นร่วมมือกับใคร...” โพรทาเลียเอ่ยขึ้น
“งั้นไปถามกัน!!”
แดเรียลเดินนำเป็นคนแรกก่อนที่อีกสองคนจะเดินตามไป ระหว่างที่เดินนั้นเฟอร์ร่าก็กล่าวให้ฟังว่าหลังจากที่โพรทาเลียกับโฟกัสลืมตามาดูโลก ชายหนุ่มสายเลือดอะพอลโลก็หายตัวไปตั้งแต่ตอนไหนพวกเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายหายไปไหนจนไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาอยู่ในอดีตแถมยังกล้ามาทำร้ายโพรทาเลียที่เป็นร่างสถิตอีก โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ไม่สามารถจะอธิบายอะไรได้จนพวกเขาเดินตรงมาข้างหน้า ธีเอมัสก็เห็นพวกเขาเดินมาพอดี เขาก็หันสายตาไปทางคนที่เขาต้องการทันที
“ยัยสายเลือดโพไซดอน!! มาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!”
โพรทาเลียสะดุ้งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายตะโกนขึ้นมา แต่มีสายตาของทุกคู่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอันโกรธเคืองจนทำให้ธีเอมัสสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะสงบปากของตนเอง ก่อนที่โพรทาเลียจะเอ่ยถามออกไป
“ตอบคำถามของฉันแล้วฉันจะยอมปล่อยนาย ธีเอมัส”
“ธีเอ ชื่อจริงฉันคือ ธีเอ มิลเลอร์”
“ธีเอ?” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เจ้าพ่อบ้าตั้งชื่อฉันเต็มยศ!! แต่แม่ฉันมาย่อให้เหลือแค่ธีเอไม่ให้มีคำว่ามัสก็เท่านั้น!!”
“งั้นเหรอ? ธีเอมัส”
“ฉันบอกว่า ธีเอ”
“ธีเอมัส!”
ธีเอมัสจ้องมองร่างจุติด้วยสายตาไม่พอใจกับอีกฝ่ายที่จะเรียกด้วยชื่อจริงที่พ่อเขาตั้งให้ โพรทาเลียมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉยที่อีกฝ่ายดูไม่มีความเยื่อใยถึงคนเป็นบิดาเลยสักนิด แต่ก็ปกติของสายเลือดเทพแต่ละคนถึงจะเป็นเทพหรือมนุษย์กึ่งเทพบางทีก็ไม่มีความเยื่อใยของครอบครัวอยู่ดี ระหว่างที่เธอกำลังคิดบางอย่างนั้นก็มีความอบอุ่นที่ศีรษะขึ้นมาเหมือนครั้งที่ชายคนหนึ่งจับศีรษะเธอเพื่อทำสัญลักษณ์
‘อะพอลโล...ท่านทำอะไรลูกของท่านกัน...?’ โพรทาเลียคิด
“ช่างเถอะนายจะชื่อไหนมันก็เรื่องของนาย ฉันจะเรียกยังไงมันก็สิทธิ์ของฉัน”
“ว่าไงนะ!?”
“ธีเอมัส!! นายร่วมมือกับใคร!!”
คำถามของโพรทาเลียตรงประเด็นยิ่งกว่าอะไรจนทุกคนต่างมองแล้วหันกลับมามองธีเอมัส เจ้าตัวเห็นทุกสายตาที่มองเขา เขารู้ทุกคนกำลังมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ
“ทำไม? เธอรู้แล้วจะทำอะไรได้?”
“ก็จะได้จัดการนายได้ถูกไง!!”
“จัดการฉัน?”
“ใช่! บอกมาไม่งั้นฉันจะใช้เมล็ดพูดความจริงยัดใส่ปากนาย!!”
“อึ้ก!!” ธีเอมัสได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีด เขาจ้องมองร่างจุติพร้อมกับสายตาหันไปมองทุกคน “ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น!!”
“ไอ้เจ้านี่!!” เซเรน่าได้ยินก็อารมณ์ขึ้นทันที
โพรทาเลียยกมือขึ้นไม่ให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นเด็ดขาด “ฉันนึกแล้วว่านายไม่พูดออกมา แต่ฉันก็พอรู้ว่าใคร เทพที่ทำให้พวกเราต้องเจอกับชะตากรรมบ้า ๆ นี้...เคออส ใช่ไหม?”
เมื่อเอ่ยนานนั้นทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบไปอย่างไม่เอ่ยอะไรยิ่งธีเอมัสที่อยู่ตรงหน้ายิ่งจ้องมองอีกฝ่ายที่เอ่ยชื่อของท่านพูดนั้นอย่างมั่นใจ โพรทาเลียแค่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็เข้าใจแล้วว่าเป็นความจริงที่อีกฝ่ายร่วมมือกับชายที่ทำให้ชะตากรรมของพวกเขาวุ่นวายแบบนี้
“นายมันก็พอ ๆ กับแซเทิร์นให้ความร่วมมือกับเทพเฮงซวยที่สร้างเรื่องให้เราตาย!!”
“ก็ยังดีกว่าเทพโอลิมปัสละกัน!! เขาสัญญากับฉันว่าจะทำให้ฉันกลับไปก่อนที่ฉันจะตาย!! ฉันจะได้ไปหาภรรยาฉัน!!”
“ไหนล่ะ?” โพรทาเลียเอ่ยถาม “คำสัญญา? ไหนภรรยานาย!?”
“ยัง!! ยังไม่ใช่ตอนนี้จนกว่าฉันจะจัดการเธอสำเร็จ!!”
“ว่าไงนะ!! เจ้าทำตามเจ้าเทพนั้นเพียงเพราะจะกลับไปหาภรรยาของตนเองเนี่ยนะ!!”
“จริงด้วย ความคิดเจ้าโคตรสิ้นจริง ๆ ธีเอมัส!!”
ทุกคนต่างพากันต่อว่าอีกฝ่ายที่กระทำอะไรที่สิ้นคิดสุด ๆ มีแต่โพรทาเลียมองชายหนุ่มที่จริง ๆ ก็ตายแล้วกันทุกคนยกเว้นตัวเธอ แต่อีกฝ่ายยังยึดติดกับบางสิ่งอยู่มันคงทรมานและคิดถึงมากแน่ ๆ ที่ตายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ระหว่างที่เธอต้องมองอีกฝ่ายที่โดนคนต่อว่าอยู่นั้นก็รูสึกถึงสิ่งบางอย่างขึ้นมาเหมือนมีใครกำลังบอกอะไรเธออยู่จนเธอนั้นนิ่งเงียบไปสักครู่ แล้วกลับมามองธีเอมัสอีกครั้ง
“ตอบคำถามข้อสองมาซะ”
“จะให้ฉันตอบอะไรอีก เธอรู้มากกว่าฉันก็หาคำตอบเองสิ!!”
โพรทาเลียมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ที่จะเถียงอีกฝ่ายก่อนจะยิงคำถามออกไปตรง ๆ
“เจสัน เกรซอยู่ไหน!?”
ธีเอมัสได้ยินคำถามนั้นเขาก็ยกยิ้มมุมปากทันที “หึ หวังจะให้ฉันตอบอะไรล่ะ?”
“อย่ามากวนประสาท!! ธีเอมัส”
“อยากได้อะไรจากชายกึ่งเป็นกึ่งตายคนนั้นกัน?”
“กึ่งเป็นกึ่งตาย?” โพรทาเลียทวนคำพูดอีกฝ่าย
“ใช่ ชายไร้ค่าแบบนั้นเธออยากได้ไปทำไม!”
“เขายังมีค่ามากกว่านายละกัน ธีเอมัส”
โพรทาเลียเผยออร่าอันแรงกล้าออกมาจนธีเอมัสที่ไม่มีพลังเหมือนมนุษย์ธรรมดาก็รู้สึกหวาดกลัวกับออร่านี้จนเขานั้นตะโกนออกมาด้วยความตื่นกลัว
“ฉันยอมแล้ว! ฉันยอมบอก บุตรจูปิเตอร์เขาอยู่ที่นรก!!”
“นรก!?”
“สถานที่คนตายชัก ๆ !!” ลักซ์เอ่ยขึ้น
“แกจะหลอกให้โพรทาเลียไปที่อันตรายแบบนั้นเนี่ยนะ!!”
“ฉันไม่ได้หลอกนะ!! วิญญาณของเขาอยู่ที่นั่น ยกเว้นร่างที่อยู่บนโลกเท่านั้น”
“นายจะบอกว่านายรู้ทั้งร่างและวิญญาณเขาอยู่ไหนงั้นเหรอ?”
“ใช่ เชื่อฉันนะ...ฉันจะยอมบอกทุกอย่างเอง...ได้โปรด...หยุดปล่อยออร่าของเธอซะที!!”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ยังไม่มีความไว้ใจอีกฝ่ายอยู่จะมาไม้ไหนกัน แต่เธอก็ยอมหยุดออร่าของตนเองทันที ธีเอมัสหลุดพ้นจากออร่าอันรุนแรงนี้เขาก็หอบหายใจอย่างรุนแรงเหมือนจะขาดใจตาย ออร่าอันเกรงขามของโพรทาเลียยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมเป็นสองเท่ากว่าแต่ก่อนมันก็ยิ่งเอาไว้ข่มขู่ศัตรูได้ดีมากขึ้น เหล่าอดีตชาติหันมาหาโพรทาเลียทันใด
“ข้าว่าเจ้าไม่ควรเชื่อใจเขานะ!!”
“จริงของแดเรียล เกิดเจ้านั้นตลบหลังเราล่ะ”
“ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ข้าจะหักแขนของมันเป็นชิ้น ๆ!!”
“ใจเย็น ๆ ทุกคน เรามาคิดก่อนดีกว่า บุตรแห่งจูปิเตอร์อยู่ในที่อันตรายแบบนั้นเราจะไปยังไง”
“ใช่ นอกจากสายเลือดเฮอร์มีสที่ได้รับคำมอบหมายให้ไปนรกได้” ทุกคนต่างหันไปมองลักซ์จนเจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย
“อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้าไปแค่ครั้งเดียวเองไม่ได้มีบัตรอนุญาตด้วยนะ”
“บ่นมาก เดียวฉันไปเองก็ได้นะ” โพรทาเลียพูดขัดทุกคนที่ดูเหมือนจะเริ่มเถียงการให้ใครสักคนเข้าไปยังนรก
“ไม่ได้นะ!!”
“ใช่ ๆ มันอันตรายนะ!!”
“จริง สถานที่แสนอันตรายแบบนั้น มันเกินกำลังของมนุษย์กึ่งเทพที่ยังไม่ตายจะเข้าที่แห่งนั้นนะ”
“แล้วไง? ก็เคยมีคนเข้าไปเหมือนกันนะ?”
“ใครกัน?”
“นี้ ๆ คงไม่ลืมนะว่าพ่อแม่ของนางเคยไปนรกมาก่อนนะ จำได้ไหม? พวกเขาชอบเล่านิทานให้พวกโพรทาเลียฟัง พวกเราก็ฟังบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือไง?”
“อ๋อ...เรื่องของหนุ่มน้อยคีย์สินะ”
พอมานึกถึงชื่อตัวละครหนุ่มน้อยในนิยาย รัลก็เอ่ยนึกถึงขึ้นทันที “ตอนโพรทาเลียตั้งชื่อตัวเองว่าคีย์ก็ตกใจเหมือนกันที่ชื่อคล้ายกับชื่อตัวละครที่พ่อนางเล่าให้ฟังตลอดนะ”
“ฉันจำได้ดี...ฉันก็คิดนะว่ามันเป็นประโยคขอความช่วยเหลือ ถึงตั้งชื่อแบบนั้นไว้เพื่อพ่อจะมาช่วยฉัน...”
“แต่ที่น่าสงสัยนะ บุตรจูปิเตอร์ไปอยู่ที่นั่นได้ไง?” ลักซ์เอ่ยถามอะไรที่ไม่น่าถามสุด ๆ จนเซเรน่าเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ อีกฝ่าย
“เจ้าโง่หรือควายกัน!! เจ้าคิดว่าคนตายจะไปไหนกัน?”
“ขอโทษคร้าบ...กระผมลืมไป!!”
โพรทาเลียมองทุกคนที่กำลังสนทนาอย่างออกรสจนเธออยากให้ช่วงเวลาแบบนี้อยู่ตลอดไปจริง ๆ แต่ก็มีบางอย่างให้เธอสงสัยว่าสิ่งที่ธีเอมัสพูดจะเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์งั้นเหรอ ถ้ามันเป็นกับดักให้เธอไปนรกขึ้นมาจะทำยังไง แล้วยิ่งนรกเป็นสถานที่ที่แซเทิร์นเคยโดนขังไม่รู้มีกับดักของอีกฝ่ายอยู่ในนรกไหม มันไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเลยว่าคุณเจสันอยู่ที่นั่นหรือเปล่า โพรทาเลียหันไปหาธีเอมัสอีกครั้ง
“มีอะไรเป็นหลักประกันว่าคุณเจสันยังอยู่?”
คำถามของโพรทาเลียทำเอาทุกคนต่างหันมามองเธอด้วยความงุนงงว่าอีกฝ่ายสนใจคำกล่าวของอีกฝ่าย
“เจ้าจะทำอะไร?”
“ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว ฉันต้องการจะช่วยคุณเจสัน”
“จะบ้าหรือไง?”
“ถ้าเราไปนรกแล้วเกิดติดอยู่ที่นั่นจะทำไง?”
“มันต้องมีวิธีอื่นมั้งสิ!!”
“แล้วถ้าไม่มีล่ะ!!” โพรทาเลียเอ่ยถามทุกคน พวกเขาได้แต่ทำหน้าลำบากใจอย่างตอบไม่ได้ โพรทาเลียหันกลับมามองธีเอมัสต่อ “ถ้านายมีหลักฐานว่าเขาอยู่ที่นั่น ฉันจะยอมปล่อยนาย!!”
“ว่าไงนะ!!” ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกัน
“พูดจริงนะ ฉันจะยอมบอก!!”
“พูดจริง...แต่...ถ้านายโกหกฉัน นายเตรียมรับชะตากรรมที่ตัวเองทำได้เลย!!” โพรทาเลียจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันสาบานว่าพูดความจริงทุกอย่าง!!” ธีเอมัสกล่าวสาบานต่อหน้าอีกฝ่าย
“ขอให้จริง!”
โพรทาเลียเปิดใจเพียงเล็กน้อยขอให้อีกฝ่ายไม่โกหกเธอก็พอ เธออยากช่วยอีกฝ่ายที่กำลังโดนเคออสหลอกใช้ด้วยคำสัญญาที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงเพียงใด แต่เธอรู้ดีว่านั่นเป็นคำหลอกล่อให้พวกเขายอมทำตามที่อกฝ่ายหวัง โพรทาเลียดีดนิ้วหนึ่งครั้งเถาวัลย์มากมายก็คลายออก ธีเอมัสเห็นแบบนั้นก็พึงพอใจที่ตัวเองหลุดพ้นแล้ว พวกเซเรน่าก็เข้ามาคุยกับโพรทาเลียเรื่องไว้ใจธีเอมัส โพรทาเลียรู้ว่าไม่ควรเชื่อใจ แต่ตอนนี้ต้องยอมเสียเพื่อตามหาเจสัน ระหว่างที่ทุกคนคุยกัน โพรทาเลียก็เผลอหันหลังให้ธีเอมัส จังหวะนั้นเองที่ธีเอมัสฉีกยิ้มอย่างดีใจที่โชคเข้าข้างเขา
‘ลิต้า...ฉันกำลังไปหาเธอ!!’ ธีเอมัสคิด
ธีเอมัสชักมีดของตนเองออกมาเตรียมตัววิ่งตรงเข้าหาโพรทาเลียทันที “ตายซะ!! สายเลือดโพไซดอน!!”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นเธอก็หันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายกำลังพุ่งตรงมาหาเธอ ทุกคนเห็นแบบนั้นก็พยายามที่จะดึงตัวอีกฝ่ายหลบจากตรงนั้น แต่ทว่าโพรทาเลียไม่ยอมหลบ เธอย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวพร้อมกับยกขาขึ้นมาเหวี่ยงเตะเข้าก้านคออย่างแรงเหมือนเสียงกระดูกคออีกฝ่ายหักเต็ม ๆ เมื่อโดนท่านั้นเต็มแรง ร่างกายอีกฝ่ายกระเด็นลอยไปด้านข้างอย่างไกลจนฝุ่นตลบไปหมดจนมองไม่เห็นร่างอีกฝ่ายว่าลอยไปทางใด
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว...” โพรทาเลียปาดเหงื่อออกจากหน้าผากเบา ๆ
“ไม่เป็นอะไรนะ?” เฟอร์ร่าเข้ามาดูร่างกายของอีกฝ่ายทันที
“ไม่โดนแทงนะ!!”
“ไม่นะ...ดีที่ตั้งตัวทันนะ...” โพรทาเลียปฏิเสธอย่างอ่อนโยน ร่างกายเธอไม่เป็นอะไรมากจริง ๆ
“เจ้านี่มันน่าโดนเผาสักสองสามรอบจริง ๆ”
“ข้าของจัดการมันได้!!”
“ถ้าฮาลอนอยู่ก็น่าจะให้เจ้านั้นใช้สายฟ้าผ่ามันสักที!!” รัลกล่าวขึ้น
สิ้นคำพูดของรัลแล้วนั้นเสียงฟ้าก็ร้องดังขึ้นมาจนทุกคนต่างพากันตาโต ก่อนจะมีมีสายฟ้าฟาดผ่าตกลงมาใส่ธีเอมัสอย่างรรุนแรง ทำเอาเจ้าตัวที่โดนฟ้าผ่าถึงกับชักดิ้นชักงอและกรี้ดร้องอย่างทรมาน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!”
ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เห็นไม่นึกว่าจะมีสายฟ้าผ่าลงมาตามที่รัลเอ่ยขึ้นจนพวกเขาหันไปมองรัลจนเจ้าตัวหันมามองทุกคนแล้วส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ข้าเปล่าทำนะ!!”
“แล้วสายฟ้ามาจากไหนนะ?” โพรทาเลียเอ่ยถาม
“จริงด้วย...”
“หรือว่า...”
“การโจมตีเมื่อกี้ถือว่าดีเลยล่ะ ถือว่าฝีมือไม่ตกเลยล่ะ!!”
เสียงเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับเท้าเอวอย่างพึงพอใจกับการโจมตีของตนเองที่ยังรุนแรงเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นก็เห็นหญิงสาวผมสีทองแต่งชุดกรีกเดินออกมาจากหลังต้นไม้
“เฮเลน?” โพรทาเลียเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
“ถูกครึ่งค่ะ พี่”
โพรทาเลียไม่เข้าใจที่พูดนอกจากคำพูดที่เรียกเธอว่าพี่ ทำให้นึกถึงอีกคนขึ้นมาทันที
“โฟกัส?”
โฟกัสในร่างเฮเลนยิ้มให้พี่สาวอย่างดีใจจนเธอดี๊ด๊าวิ่งตรงมาหาพี่สาวพร้อมกับกอดแขนอย่างรวดเร็ว
“ดีใจจริง ๆ ที่พี่ปลอดภัย พวกเฮเลนบอกว่าพี่กำลังเจออันตราย ฉันไม่สามารถออกมาจากค่ายได้ทันที เพราะคุณเรเชลบอกให้อยู่เฉย ๆ”
“แล้วออกมาได้ไง? ขอยืมร่างเฮเลนมาเหรอ?”
“ไม่เชิงนะ ตอนแรกหนูถอดจิตออกมาเหมือนพวกเฮเลนที่มีแค่ร่างจิตวิญญาณเท่านั้นนะคะ”
“ถอดจิต?”
“คิก ๆ หนูทำได้พี่ก็ต้องทำได้ล่ะนะ!” โฟกัสทำท่าภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ ก่อนจะหันไปหาชายที่ตอนนี้ร่างไหม้เกรียนไปหมด “ถ้าพี่ไม่ป้องกันได้นะ หนูคงทำตัวเท่มาช่วยพี่ได้ทันทีแล้วแท้ ๆ”
“แหม ๆ” โพรทาเลียยกมือขึ้นมาลูบหัวของอีกฝ่ายเบา ๆ “แค่เธอออกมาช่วยโจมตีหมอนั้นไม่ให้ขยับได้พี่ก็พอใจแล้วนะ”
“คิก ๆ”
โฟกัสชอบใจกับการโดนพี่สาวลูบหัวเบา ๆ ความรู้สึกอันเอ็นดูของพี่สาวนั้นทำให้เธอเคลิบเคลิ้มสด ๆ แต่ไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้นเจ้าของร่างก็กำลังซึมซับความรู้สึกก็พึ่งพอใจเช่นกันก่อนที่
แต่ไม่ใช่เธอคงเดียวที่ฟิน เฮเลนน่าที่ให้ยืมร่างก็กำลังฟินเหมือนกันอยู่ภายในร่างกาย ก่อนที่โฟกัสจะกลับร่างของเธอทันที
“ดีใจที่พี่ปลอดภัยมาก ๆ เลยล่ะ พี่จะกลับค่ายเลยไหมคะ?”
“คงยังไม่ได้หรอกนะ”
“ทำไมคะ?”
“พี่ต้องออกตามหาคุณเจสันต่อนะ...เพราะรู้เส้นทางที่จะไปหาเขา...รู้แค่วิญญาณนะ...แต่ร่างมนุษย์พี่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน...”
“งั้นเหรอคะ...หนูอยากให้พี่กลับมาค่ายไว ๆ จัง หนูโดนหมายหัวจนขนลุกไปหมดแล้วล่ะ...”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“คือว่า...หนูเผลอไปสร้างเรื่องนิดหน่อยเข้านะคะ” โฟกัสยกมือขึ้นมาเคาะหัวตัวเองเบา ๆ แล้วก็แลบลิ้นออกมาด้วยท่าทางอันน่ารัก
“โฟกัส...”
โพรทาเลียมองน้องสาวที่ไม่เคยสร้างเรื่องอะไรให้เธอเห็นเลยสักครั้งแต่นี่กับสร้างเรื่องหลังจากแยกกันได้ไม่นาน น้องสาวทำให้เธอชักสงสัยแล้วว่าไปเรื่องอะไรกันแน่
ระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่นั้นก็มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทางด้านข้างของพวกเธอ แสงสว่างเกิดขึ้นบริเวณจุดที่ธีเอมัสอยู่ ทุกคนต่างยกมือขึ้นมาบังดวงตาของตนเองกันอย่างรวดเร็ว แสงสว่างอันเจิดจ้าช่างแสบตาอย่างกับแสงอาทิตย์ที่สามารถแผดเผาทุกสิ่งได้ ไม่กี่นาทีก็เกิดคลื่นแรงระเบิดกระจายออกมาแว็บแรกแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกคนจะค่อย ๆ ขยับแขนลงกันสิ่งรอบข้างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างมองกันและกันว่าเมื่อกี้มันอะไร แต่โฟกัสมองไปที่จุดปลายทางที่เกิดแสงก็เห็นสิ่งไม่คาดคิด
“พี่...ค่ะ...” โฟกัสเอ่ยเรียกพี่สาว
แต่ว่าไม่ต้องเอ่ยเรียกโพรทาเลียแต่อย่างใด เธอก็หันไปยังทิศทางของแสงเช่นเดียวกันก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ตรงหน้า หลังจากแสงสว่างอันเจิดจ้าหายไปก็มีแสงแดดสาดส่องผ่านร่างที่คล้ายมนุษย์กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อจ้องมองรูปลักษณ์ของร่างมนุษย์นั้น ทรงผมที่มองไม่ออกว่าสีอะไรเนื่องจากมุมแสงมุมมืดให้มองเป็นสีน้ำตาล แต่จากการมองด้วยดวงตามองความมืดนั้นทำให้เธอเห็นว่าผมเป็นสีทอง ร่างกายที่มีธนูปักอยู่สามสี่คันบนร่างกาย ดวงตาของโพรทาเลียเปิดกว้างเมื่อนึกถึงชายที่ตรงกับลักษณะที่เขียนลงในไดอารี่ของพ่อ
“คุณ...เจสัน...”
จบตอนที่ 119 โปรดติดตามตอนที่ 120 ต่อไป