ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 121 สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรเอราเซียน
เหลือเวลาอีก 2 วัน
แสงแดดอันร้อนฉ่ากำลังสาดส่องลงมายังร่างผอมบางที่กำลังเดินไปตามทางเส้นถนน XX ถนนที่สร้างจากยางมะตอยเส้นทางนี้ไร้ยานพาหนะผ่านทางมาจึงเป็นสถานที่จะขอความช่วยเหลือก็ลำบาก หลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ออกจากป่า โพรทาเลียก็เดินทางมานานพอตัวจนมาถึงทะเลทรายอันร้อนฉ่าสุด ๆ ยิ่งทำให้เธอนึกถึงบททดสอบอันหฤโหดของแซเทิร์นขึ้นมา ทำให้บรรยากาศอันร้อนฉ่านี้ด้อยลงไปเลย แต่โพรทาเลียก็เกลียดอากาศร้อนมาก ๆ ยิ่งถนนสีดำปะทะกับแสงแดดมันก็ยิ่งร้อนเกินกว่าที่เธอจะรับมือไว้จริง ๆ จนเหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด เธอหยุดเดินแล้วยกชวดน้ำที่พกมาด้วยดื่มอย่างรวดเร็ว
“ฮ๊า~ ร้อนเป็นบ้า!!”
โพรทาเลียตะโกนออกมาดังอย่างสุดเสียงอย่างที่จะตะโกนออกมา เสียงหอบหายใจดังกว่าเสียงใด ๆ รอบตัว ดวงตาสีเขียวจ้องมองท้องฟ้าสีฟ้าอย่างเฉื่อยชา แสงแดดก็สาดซัดมาทางเธอก่อนที่จะยกมือปัดแสงแดดนั้น
“อย่าซัดเจ้าเทพพระอาทิตย์ให้หายไปจริง ๆ ทำไมต้องให้แดดมันแรงแบบนี้ด้วยนะ!!”
โพรทาเลียบ่นกับสภาพแวดล้อมรอบตัวของตนเอง ก่อนจะมองรอบกายของเธอนั้นที่ไม่มีอะไรนอกจากทราย หิน ต้นกระบองเพชร และถนนสีดำที่ทำจากยางมะตอยจนทำให้เธอตั้งคำถามกับตนเองจริง ๆ
“อยู่ไหนกันนะ? อาณาจักรของโกรอส...”
โพรทาเลียเอ่ยขึ้นมาก่อนจะยกหนังสือเก่า ๆ ที่ตัวปกทำจากหนังสัตว์ ส่วนกระดาษข้างในยับยู่ยี่ไปหมด เธอมองตัวหนังสือที่ไม่ใช่ทั้งภาษาอังกฤษและภาษากรีกแต่อย่างใด มันเป็นภาษาของเผ่าโกรอสแล้วโพรทาเลียก็อ่านมันออก แต่เธอกำลังอ่านจุดที่บอกว่าจะเจอทางเข้าอาณาจักรโกรอสยังไง
“จงไปยังทิศดวงอาทิตย์ เดินตามถนนสีทอง เสียงจะนำทางท่าน...”
โพรทาเลียเกาหัวอย่างเหนื่อยใจกับทิศที่บอกเพราะเธอเดินมาหลายชั่วโมงแล้วจริง ๆ แถมทะเลทรายมีเยอะกว่าอะไร แต่ว่าดีที่มันบอกว่าอยู่ที่ไหน
“อืมมม...”
โพรทาเลียกำลังนึกบางอย่างอยู่นั้นพวกเฟอร์ร่าก็โผล่ออกมาตรงหน้าของเธอ
“มีอะไรกันนะ?”
“ให้พวกเราออกไปหาให้ไหม?”
“จริงด้วยนะ พวกเราลอยได้นะ!” ลักซ์เอ่ยพูดขึ้น
รัลมองลักซ์ที่กำลังลอยไปมาก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ “โพรทาเลียมีรองเท้าเฮอร์มีสแล้วไม่ได้ใช้เหรอ?”
ทุกคนต่างได้ยินโพรทาเลียก็ถึงกับหน้าถอดสีหน่อย ๆ เพราะว่าตัวเธอนั้นลืมสนิทว่ามีของสะดวกสบายอยู่กับตัวนี่น่า
“โพรทาเลีย เจ้าลืมสินะ...”
“ใช่...สวมอยู่ก็ลืม...”
โพรทาเลียกำลังก้มมองรองเท้าที่ใส่อยู่ เธอลืมไปว่ารองเท้ามันมีปีกบินได้อยู่ ระหว่างที่กำลังเขินอายอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก้องในหูของเธอ
เป้ง~ เป้ง~ เป้ง~
โพรทาเลียระฆังดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้เธอเงยหน้าเพื่อหาต้นตอของเสียงจนทุกคนต่างมองมาที่เธออย่างสงสัยว่าเป็นอะไร
“มีอะไรหรือ? โพรทาเลีย”
“พวกเธอไม่ได้ยินเหรอ?” โพรทาเลียเอ่ยถามทุกคน
“เสียงเหรอ?”
ทุกคนต่างมองหน้ากันก่อนจะเงียบหูฟัง แต่เสียงนั้นไม่ได้ดังเข้าหูพวกอดีตชาติ ก่อนที่ทุกคนจะลอยมาเกาะบนใบหน้าของโพรทาเลียกันยกใหญ่ก่อนจะเริ่มได้ยินเสียงนั้น
“เสียงนั้นมาจากไหนนะ?”
“แต่น่าแปลกที่ไม่จับตัวโพรทาเลียก็ไม่ได้ยินเสียง...”
“แปลว่ามีแค่โพรทาเลียที่ได้ยินล่ะนะ”
“แต่ว่า...เสียงนี้...มันกำลังเรียกโพรทาเลียสินะ...” รัลเอ่ยถามอย่างสงสัย
“น่าจะใช่...”
“แต่น่ากลัวที่ได้ยินเสียงที่ไม่มีตัวตนนะ...” ลักซ์กลอกตาไปมาอย่างสงสัย
“มันมี...แต่เราแค่ไม่เห็นเท่านั้น...สำหรับพวกโกรอส การที่ผู้ใดได้ยินเสียงที่ดังระหว่างที่กำลังตามหาบางอย่างอยู่นั้น แปลว่าพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น...”
“แล้วมันคือที่ไหนนะ?”
“ไม่รู้สินะ...คงต้องลองเดินไปตามต้นเสียงของระฆังนี้ก่อนละ”
โพรทาเลียเอ่ยคำหนึ่งออกมาสองคำรองเท้าก็กางปีกออกมาก่อนที่เธอนั้นจะลอยไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เธอมองหน้าต้นเสียงว่าตรงไหนยิ่งขยับไปข้างหน้ามากขึ้นเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งก็รู้สึกถึงบางอย่างว่ากำลังลอยข้ามอาณาเขตบางอย่างก่อนที่เธอจะลอยไปพบเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึง โพรทาเลียลอยลงพื้นก็ต้องตะลึงกับสถานที่สุดอลังการ บ้านเมืองที่สร้างจากดินเหนียวผสมกับทรายและตรงกลางเมืองมีสิ่งก่อสร้างที่คล้ายปราสาทใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ยิ่งมองก็ยิ่งตะลึงกับสิ่งตรงหน้าที่คล้ายกับภาพวาดในสมุดที่เธอกำลังยกขึ้นมา
ภาพอาณาจักรเอราเซียน สร้างโดยเว็บ AI my www.bing.com
“ที่นี่ล่ะ...อาณาจักรของพวกโกรอส...เอราเซียน...”
สายลมพัดทรายขึ้นมากระทบใบหน้าของโพรทาเลีย เธอหลับตาชั่วขณะก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งตรงมาทางเธออย่างรวดเร็วและหลายจำนวนที่กำลังวิ่งตรงมาก่อนที่โพรทาเลียจะหันไปมองก็เห็นกลุ่มคนตัวเล็กกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ก่อนที่จะมาล้อมรอบตัวเธอไปหมดทุกคนมีส่วนสูงเพียงแค่สองฟุตกว่า ๆ เท่านั้นส่วนสูงประมาณหัวเข่าของเธอนั้นล่ะ เธอมองพวกตัวเล็กสีฟ้าชี้หอกมาทางเธออย่างกับเห็นเธอเป็นศัตรูก่อนที่จะมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“เจ้าผู้บุกรุก!! บังอาจเข้ามายังอาณาเขตของเรา!!”
โพรทาเลียหันไปมองเจ้าของเสียงตะโกนนั้นก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นโกรอสเพศชายที่รู้จัก แต่เธอจำได้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายนั้นมีนิสัยที่ดูขี้ขลาด ไม่สู้คนจนต้องหลบหลังคนอื่น ๆ เสมอ แต่คนตรงหน้าของเธอนั้นกับดูมีความกล้ามากกว่าครั้งใด ๆ แถมชุดที่อีกฝ่ายใส่นั้นดูเหมือนชุดทหารแบบกรีกที่ใส่ชุดเกราะเต็มยศ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนอยู่ในระดับหัวหน้าหน่วยยิ่งน่าสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นมีตำแหน่งอะไรในอาณาจักรแห่งนี้กัน
“ไม่อยากเชื่อจริง ๆ” โพรทาเลียพึมพำออกมาเบา ๆ
“เจ้าผู้บุกรุกจงออกไปจากอาณาจักรเอราเซียนเดียวนี้!! ที่นี่ไม่ต้อนรับให้มนุษย์อย่างพวกเจ้า!!”
“ไม่ต้อนรับ?” โพรทาเลียเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ถูกต้อง!! ในนามขององค์ชายอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเอราเซียน”
“องค์ชาย?” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายเอ่ยว่าตัวเองเป็นองค์ชาย
‘แบบนี้เอง...พวกโกรอสแต่ละคนถึงดูมีมารยาทและอัธยาศัยดี เพราะมีการศึกษาที่สูงกันนี่เอง...เจ้าหมอนี้ถึง...ดูอ่อนแอที่สุดเพราะเป็นพวกสมองมีแต่กล้ามสินะ!!’ โพรทาเลียคิด
โพรทาเลียกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องในอดีตของคนรู้จัก ระหว่างนั้นเองพวกเฟอร์ร่าก็โผล่ออกมาอยู่แถวไหล่ของโพรทาเลีย
“เจ้าแมลงตัวเล็กนี้ยังจะพูดมาอีกไหม!?” ลักซ์เอ่ยอย่างรำคาญใจ
“น่าว่า...คงเป็นพวกบ้าน้ำลายนั้นล่ะ?” เซเรน่าเอ่ยขึ้น
“ข้าว่าเจ้านี้คงเป็นพวกเบ่งอำนาจเห็นว่าตัวเองใหญ่สุดละมั้ง” รัลกำลังปีนเส้นผมของโพรทาเลียขึ้นมาอยู่บนศีรษะของโพรทาเลีย
“ไม่นึกว่าสมัยนี้ก็ยังมีคนประเภทนี้อยู่สินะ”
“ไม่ต้องสมัยเจ้าหรอก...สมัยไหนก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้นล่ะ”
โพรทาเลียพึมพำออกมาเบา ๆ จนเจ้าโกรอสเพศชายจ้องมองอย่างสงสัยว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
“เจ้ากำลังคุยกับใคร!!”
“หือ?” โพรทาเลียมองรอบ ๆ ก่อนจะหันมามองอีกฝ่าย “ไม่มีนี่?”
“แต่เมื่อกี้เจ้าพึมพำบางอย่างอยู่!! หรือว่าเจ้ากำลังร่ายมนตร์ใส่พวกข้า!!”
“ทำแล้วได้อะไรล่ะ?” โพรทาเลียหยีตามองอย่างสงสัยว่าเจ้านี้มีแต่คิดเออเองหมดเลยนี่น่า
“เจ้าจะล้างปราดพวกเรานะสิ!!”
“ห๊า!?”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกบางอย่างขึ้นมาว่าพวกนี้คงได้คำพยากรณ์บางอย่างแล้วแน่ ๆ ว่าจะมีคนบุกรุกเข้ามาพังที่นี่ ตามที่มิเรียเอ่ยเล่าให้ฟัง
“เฮ้อ...ฉันขอพูดไว้อย่างละกัน การที่จะมองว่าคนไหนบุกรุกหรือหลงทางเข้ามามันก็ควรมองอย่างรอบคอบดีกว่าจะเอาอาวุธมาจ่อคนอื่นยังจะดีกว่านะ บอเรซ!!”
“อึ้ก!! ทำไมเจ้าถึงรู้จักข้า!?”
“ไม่ต้องรู้ดีกว่าว่าฉันรู้จักนายได้ไง แต่ว่าการที่พวกนายกำลังกล่าวหาผู้มาเยือนแบบฉันโดยไม่มีหลักฐานเท่ากับมีความผิดมาตราที่ 25 ของอาณาจักรเอราเซียน!!”
“ห๊า! เจ้าพูดอะไร!! เจ้าเป็นคนภายนอกจะรู้จักกฎของอาณาจักรเราได้เยี่ยงใด!!”
โพรทาเลียหยิบสมุดที่อ่านก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วเปิดหน้าที่จำได้ว่าเขียนกฎต่าง ๆ ที่มียาวจนเกือบปาไปครึ่งหน้าของสมุดเล่มนั้น เธอเปิดจากด้านหลังก่อนมันจะหามาตราที่เธออ่านจนจำได้
“อะแฮ่ม! มาตราที่1 เมื่อผู้มาเยือนหรือผู้ผลักหลงเข้ามายังอาณาจักร จงต้อนรับพวกเขา แต่พวกนายกับจ่ออาวุธมาทางฉัน แถมยังกล่าวหาฉันว่าเป็นผู้บุกรุกอีก โดน 2 กระทงแบบนี้คงไม่ต้องหัวเลยว่าจะเห็นแสงอาทิตย์วันไหนเลยนะ”
โพรทาเลียพูดจบพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกยิ้มออกมาจนพวกโกรอสทหารแต่ละตนถึงกับหน้าซีดเผือด มีโกรอสชายตนหนึ่งที่ใส่แว่นก็รีบเปิดหนังสือที่เขียนกฎอาณาจักรก่อนจะเห็นกฎที่ว่านั้นก็เอ่ยตะโกนออกมา
"จริงของนาง!! หัวหน้า!! กฎที่นางกล่าวทั้งหมดตรงหมดเลยนะขอรับ!!"
“ว่าไงนะ!!”
ทุกคนหันไปมองหัวหน้ากันอย่างตกใจก่อนจะหันมามองผู้มาเยือนกันอย่างช้า ๆ ก่อนที่โพรทาเลียจะปิดหนังสือในมืออย่างรวดเร็ว เธอยกยิ้มอย่างกับบอกว่าตัวเธอนั้นชนะในครั้งนี้ ทุกคนเห็นรอยยิ้มที่แฝงความน่ากลัวอยู่ข้างในก็รีบปล่อยอาวุธในมือแล้วคุกเข่าขอความเมตตาจากเธอทันที
“ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วย!!”
“พวกแก!! ลุกขึ้น!!” บอเรซมองทุกคนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่ทุกคนกำลังก้มหัวให้แก่มนุษย์อย่างน่าละอาย "ข้าบอกให้ลุกขึ้น!!"
“พอได้แล้วท่านพี่!!”
เสียงอันคุ้นเคยตะโกนสุดเสียงจนผู้คนโดยรอบต่างชะงักแล้วหันไปมองก่อนจะก้มทำความเคารพให้แก่คนผู้นี้ ดวงตาสีฟ้ากลมกลืนกับสีผิว เครื่องแต่งกายสองชั้น ชั้นแรกเป็นชุดสีขาว ชั้นสองด้านนอกจะเป็นเสื้อคาดตัวที่มีสีเนื้ออ่อน ๆ แต่นอกจากโกรอสชายหนุ่มที่กำลังเดินมานั้นก็มีชายชราที่ใบหน้าอันชรา ผมสีขาวเทายาว ดวงตาสีฟ้าอ่อน เครื่องแต่งกายคล้ายกับโกรอสชายแต่เป็นชุดทรงยาวถึงเท้าพร้อมกับไม้เท้าที่แกะสลักจากไม้ เธอจำใบหน้าของชายชราได้ดีก่อนที่อีกฝ่ายจะเสียไปเมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่เข้ามาอยู่บนเกาะ
“ปู่...กาเซียน...” โพรทาเลียพึมพำออกมา
พวกเขากำลังเดินตรงมาหาทางนี้ บอเรซเห็นครอบครัวของตนเองที่กำลังเดินตรงมา แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ผู้เป็นบิดาและน้องชายด้วยสายตาไม่พอใจ
“เสด็จพ่อ...เจคอบ!” บอเรซเอ่ยชื่อน้องชายก็หันไปมองด้วยสายตาไม่พอใจ “เจ้าเอาเรื่องข้าไปบอกเสด็จพ่อสินะ!! หน้าไม่อาย!!”
“…”
“หุบปาก!! บอเรซ!! คนที่หน้าไม่อายคือเจ้าต่างหาก!!”
“เสด็จพ่อ...” บอเรซมองคนเป็นบิดาตะคอกใส่ตนแบบนั้นก็ยิ่งไม่พอใจ “มีตรงไหนที่ข้าทำสิ่งหน้าไม่อายกัน!! ข้าช่วยปกป้องจากผู้บุกรุกนะ!!”
“แต่ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว!! ว่าจงรอบคอบและใช้ความคิดมากกว่านี้!! ถ้าคนที่มาเป็นแค่บุคคลทั่วไปจะทำเยี่ยงใด!!”
“แต่ว่า!! คนผู้นี้ดูออร่าของมันสิ!! ออร่าที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปด้วย!!” บอเรซชี้มาทางโพรทาเลีย
สิ่งที่บอเรซเห็นจากตัวโพรทาเลียเป็นออร่าที่เบ่งประกายถึงพลังอันหลากหลายออกมาจากตัวเธอ ทำเอาโพรทาเลียคิดเลยว่ารอบตัวเธอมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ แต่คงเพราะเธอมีพลังของอดีตชาติอยู่ร่างกายทำให้เธอดูเป็นคนที่ทรงพลังยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปเป็นแน่
“พอได้แล้ว!! เจ้าจงกลับไปซะ! ก่อนที่ข้าจะสั่งลงโทษเจ้า!”
“แต่ว่าตามคำพยากรณ์จะมีผู้บุกรุกเข้ามาทำร้ายอาณาจักรเรานะ!! เสด็จพ่อจะยอมให้มันเข้ามาหรือไง!!”
“บอเรซ!!”
“อึ้ก!!” บอเรซกำหมัดอย่างเจ็บใจก่อนจะตะโกนสั่งลูกน้องของตนเอง “ทุกคนกลับ!!”
เหล่าทหารทุกนายได้ยินคำสั่งก็รีบเก็บอาวุธของตนเองแล้วเตรียมตัวถอยกลับกันอย่างรวดเร็ว โพรทาเลียโล่งใจที่หนึ่งเรื่องหมดไปได้แต่ยังมีอีกเรื่องที่ตรงหน้ายังไม่ไปไหน ชายชรามองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะกล่าวคำขอโทษออกมา
“ข้าขออภัยอย่างยิ่งที่คนของข้าก่อเรื่องกับเจ้า ผู้มาเยือน”
โพรทาเลียส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยนะ”
“แต่ยังไงให้ข้าแสดงความรับผิดชอบต่อลูกชายของข้าเสียหน่อยเถอะ”
“อ๊า...งั้น…ช่วยฟังคำขอของฉันได้ไหมล่ะ?”
“ฟังคำของั้นเหรอ?”
“ใช่...ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกท่านมีสตรีศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหมล่ะ?”
โพรทาเลียจำได้ดีเลยว่าในชนเผ่าโกรอสจะมีคนผู้หนึ่งที่ทุกคนจะเรียกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ตามคำบอกเล่าของพวกมิเรียเคยเล่าให้ฟังแถมคนคนนี้ที่ทุกคนพูดถึงยังเป็นบุคคลที่มีพลังในการรักษาอีก ตอนแรกก่อนมาเธอก็ลองหลายวิธีในการรักษาอีกฝ่ายแต่พลังของเธอกับช่วยไม่ได้สักอย่างจนเธอต้องหาวิธีอื่นจนจำได้ว่ามีที่นี่ที่จะช่วยเธอได้โดยไม่ต้องหวังพลังของทวยเทพ
“!!” องค์ราชาได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพินิจเล็กน้อยแล้วเอ่ยบางอย่างออกมา“ขอโทษด้วย แต่เราคงทำให้ไม่ได้!!”
“เอ๊ะ? ท่านหมายถึงอะไร?” โพรทาเลียเอียงคออย่างสงสัยกับคำพูดอีกฝ่าย
“คนผู้นั้นเป็นสิ่งสำคัญของอาณาจักรเรา เราไม่สามารถยกนางให้เจ้าได้!”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็แอบขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมา “ใครบอกว่าฉันต้องการให้ท่านยกสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ฉันกัน!!”
“อ๊ะ!!”
องค์ราชาตกตะลึงกับคำพูดหญิงสาวที่เขาเผลอคิดไปเอง เขานึกว่าหญิงสาวต้องการตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เพราะส่วนใหญ่ผู้คนที่ได้รู้จักสตรีศักดิ์สิทธิ์มีแต่ต้องการตัวอีกฝ่ายอย่างเดียว พวกเหล่าผู้ติดตามเห็นท่าทางอันน่าอับอายเช่นนี้ขององค์ราชาก็ได้แต่กู้หน้าให้แก่องค์ราชาก่อนจะชี้หน้าของหญิงสาวตรงหน้า
“บังอาจ! เจ้ากล่าวหาว่าองค์ราชาของเราเข้าใจในสิ่งที่เจ้ากล่าวผิดฤๅ”
“อ้าว? ก็มันจริงนี่น่า ฉันยังไม่ได้กล่าวเลยว่าต้องการตัวของคนผู้นั้น ฉันแค่ต้องการยืมหลังของคนผู้นั้นก็เท่านั้น!!”
“พลัง?” องค์ราชาทวนคำพูดของอีกฝ่าย
“ใช่ ฉันแค่ต้องการยืมพลังเท่านั้น!!”
“โกหก!! ไม่มีใครเชื่อเจ้าหรอกนะ!! องค์ราชา มนุษย์ผู้นี้ต้องการดูดพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์แน่ ๆ”
“จริงขอรับ!! นางต้องไม่ใช่คนดีอย่างที่องค์ชายบอเรซกล่าวแน่ ๆ”
โพรทาเลียจ้องมองพวกนี้ที่กล่าวหาว่าเธอนั้นอาจจะเป็นศัตรูที่จ้องจะเอาพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์แน่ ๆ จนเธอนั้นปวดหัวขึ้นมาทันทีแต่ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่กำลังปวดหัวพวกองค์ชายที่อยู่ข้างหลังก็มองกันอย่างสงสัย
“พวกอาวุโสเป็นแบบนี้ตลอดจนน่ารำคาญชอบกล...”
“ไม่ใช่แค่ท่านพี่นะ น้องก็เช่นกัน” โกรอสชายอีกคนเอ่ยพูดขึ้น
“เฮ้อ...สงสาร...มนุษย์ผู้นี้จริงๆ”
โพรทาเลียทำหน้าคิ้วขมวดเป็นอย่างมาก เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะทำไงให้พวกนี้เลิกโวยวายก่อนที่ตัวเธอนั้นจะนึกบางอย่างขึ้นมาถึงคำพูดของเจคอปที่จะส่งมอบสิ่งหนึ่งให้ก่อนจะแยกทางกัน
‘เจ้าจงเก็บเอาไว้เพื่อสักวันมันจะช่วยเจ้าได้’ เจคอปกล่าวพร้อมกับยื่นบางอย่างใส่มือของเธอ
นั้นทำให้เธอนึกถึงสิ่งนั้นก่อนจะจำได้ว่าเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอว เธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าคาดเอวอย่างรวดเร็ว ทำให้การกระทำของเธอนั้นเป็นที่จับตาของพวกผู้ติดตาม
“องค์ราชารีบหนี!! นางผู้นี้กำลังหยิบอาวุธออกมาแน่ ๆ ขอรับ!!”
“จริงด้วยขอรับ!! รีบหนีเร็วขอรับ!!”
พวกผู้ติดตามรีบดึงตัวองค์ราชาออกจากตรงนั้น แต่ตัวเขาไม่ขยับไปไหน เพราะท่าทางของหญิงสาวนั้นเหมือนหาของมากกว่าจะหยิบอาวุธมากกว่า เขาเลยไม่คิดจะหนี แต่คนเป็นลูกรำคาญพวกผู้ติดตามจึงเข้าไปตักเตือนเสียหน่อย
“นี่!! พวกคุณใจเย็น ๆ ก่อนสิ!!”
“องค์ชายจะให้ใจเย็นได้ไง! ท่านใจเย็นเกินไปแล้ว!!”
“เกิดนางชักดาบขึ้นมาทำไง!?”
“ถ้าชักดาบก็คงชักไปนานแล้ว ข้างกายนางก็มีดาบนะ!!”
เจคอปชี้ไปที่ข้างเอวของหญิงสาวก็เห็นว่าข้างเอวมีดาบอยู่ถ้าอีกฝ่ายจะฆ่าพวกเขา ไม่หยิบดาบข้างเอวดีกว่าหรือไง พวกเขาถกเถียงกันจนกระทั่งโพรทาเลียจับของที่ต้องการได้แล้ว เธอก็รีบหยิบขึ้นมาพร้อมกับโชว์ให้พวกคนตรงหน้าเห็น
“สิ่งนี้พอจะทำให้ท่านช่วยเราเจอกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ไหมล่ะ?”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งของที่อีกฝ่ายนำออกมา สร้อยคอทองคำบริสุทธิ์ที่มีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์อยู่ตรงกลางพร้อมกับลวดลายอันประณีต เจคอปที่มองสร้อยนั้นก็ตกตะลึงเช่นกันก่อนจะก้มมองสร้อยที่ตนเองใส่
‘ทำไม...สร้อยนั้น...คล้ายกับของที่เราใส่อยู่?’ เจคอปคิด
โพรทาเลียมองทุกคนก็ตะลึงกันยกใหญ่จนตัวเธอเองนั้นต้องเอ่ยบางอย่างขึ้นมาให้พวกคนตรงหน้าได้สติกลับมา
“อะแฮ่ม! ทีนี้ฉันขอใช้สิทธิ์จากสร้อยเส้นนี้ได้หรือไหม? องค์ราชากาเซียน!!”
“!!”
ทุกคนต่างตะลึงที่หญิงสาวปริศนาที่โผล่มาทำท่ารู้จักสิ่งต่าง ๆ ของที่นี่แถมยังมีตราสัญลักษณ์ราชวงศ์รวมไปถึงรู้จักพระนามขององค์ราชา ยิ่งทำให้องค์ราชาประหลาดใจที่หญิงสาวตรงหน้ารู้จักตน
“นี่เจ้ารู้จักเรางั้นฤๅ”
“ความลับ สิ่งบางอย่างท่านอย่าพึ่งรู้ดีกว่าในตอนนี้”
“สามห้าว!! แปลว่าเจ้าโกหก เจ้าสามารถอ่านใจคนอื่นจนรู้พระนามขององค์ราชาแน่ ๆ!!”
“ใช่ ๆ!!”
พวกผู้ติดตามให้ท้ายกันจนทำเอาองค์ราชาส่ายหัวเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยบางอย่าง
“พวกเจ้าช่วยหุบปากสักครู่หนึ่งได้หรือไหม!!”
น้ำเสียงอันดุดันอย่างไม่ต้องตะโกนก็ทำให้พวกผู้ติดตามหงอยไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่องค์ราชากาเซียนจะหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้าต่อ
“รู้สึกวันนี้เป็นวันโชคไม่ดีของข้าเสียจริง มีแต่ลูกและบริวารที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้”
“ฉันไม่ถือสาท่านหรอกนะ”
“ขอบคุณจริง ๆ ที่ไม่ถือสา...งั้น...มิเรีย”
องค์ราชาเอ่ยนามของคนคนหนึ่งออกมาทำเอาโพรทาเลียตาลุกวาวขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของนามนั้นจะค่อย ๆ เดินตรงมาทางนี้ด้วยเครื่องแต่งานชุดกระโปรงยาวมีผ้าคลุมหน้าทั้งตัวเหลือเพียงให้เห็นแค่ดวงตาสีน้ำเงิน
“ถวายบังคม องค์ราชา” มิเรียจับชายกระโปรงทั้งสองข้างแล้วย่อตัวเล็กน้อย
“ผู้มาเยือน นางผู้นี้คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าอยากเจอ มิเรีย”
จบตอนที่ 121 โปรดติดตามตอนที่ 122 ต่อไป