ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 122 สตรีศักดิ์แห่งอาณาจักรเอราเซียน [2]
ความรู้สึกบางอย่างจากโกรอสหญิงทำให้โพรทาเลียรู้สึกมวนท้องไปหมด ดวงตาสีเหลืองเขียวกำลังจับจ้องเธอเหมือนกำลังมองทุกสิ่งที่เธอกระทำอยู่ทะลุปรุโปร่ง แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจนั้นอีกฝ่ายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้วต้องปิดปังร่างกายด้วยชุดที่คล้ายกับชุดหญิงสาวชาวกรีก แต่มีผ้าคลุมหัวแบบยาวและมีผ้าขาวบางปิดตั้งแต่จมูกลงระดับเดียวกับผ้าคลุมหัว แต่ดวงตาของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าอีกฝ่ายที่เคยดูแลเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ช่างเป็นนามที่ควรส่งเสริมให้เธอเป็นพระแม่จริง ๆ องค์ราชาหันไปเอ่ยพูดกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเดินมาอยู่ตรงหน้าของมนุษย์หญิง
“มิเรีย สตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเอราเซียนเอ๋ย~ อย่างที่เจ้าได้ยินทั้งหมด มนุษย์ผู้นี้ต้องการจะยืมพลังของเจ้า”
“เจ้าค่ะ...”
“แล้วเจ้าจะ...-” องค์ราชากำลังจะเอ่ยถาม
“หม่อมฉันยอมให้นางยืมพลังของข้าเจ้าค่ะ!!” มิเรียเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนที่องค์ราชาจะถาม
!!!
ทุกคนได้ยินคำตอบนั้นของสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตกตะลึงกันไปตาม ๆ กันอย่างงุนงงที่ตัวนางตอบอย่างนั้น โพรทาเลียก็เช่นกันไม่นึกอีกฝ่ายจะยอมช่วยเธอเหมือนสมัยที่เธอยังเด็ก แต่จากสีหน้าของคนรอบข้างคงไม่ยอมให้เธอยืมพลังง่าย ๆ เป็นแน่ แต่ก็ไม่ทันคิดอะไรผู้ติดตามขององค์ราชาก็กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจต่อสิ่งที่สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวออกมา
“ไม่ได้!! ท่านจะยอมให้มนุษย์ผู้นี้ยืมพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ขอรับ องค์ราชา!!”
“ใช่!! นางมาร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ จู่ ๆ ก็มาขอกันง่าย ๆ พวกเราไม่ใช่โรงทานที่จะแจกอะไรให้ใครฟรี!! แล้วยิ่งเป็นพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ของฟรีที่จะขอกันง่าย ๆ”
โพรทาเลียได้ยินก็ถึงกับจุกไปเลยเธอก็ไม่ได้จะขอฟรี ๆ แต่ว่าเธอนั้นยังไม่ได้เสนอเลยว่าจะให้อะไรตอบแทน แต่ก็มีลูกเสริมเข้ามาอีก
“จริงด้วย ขอรับท่านจะไว้ใจมนุษย์ตัวสูงตรงหน้าได้อย่างใด เกิดนางเห็นพลังของท่าน แล้วลักพาตัวท่านไปจะทำไง!!”
“ใช่ ๆ!!”
“เราไม่ยอม!! เราไม่ยอม!!”
พวกผู้ติดตามต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกันยิ่งทำเอาโพรทาเลียที่อยู่ตรงนั้นไม่ชอบใจจริง ๆ ดีที่พวกนี้ตอนอยู่ที่ปราสาทไม่อยู่กันแปลว่าพวกนี้น่าจะตายไปแล้วก่อนจะมาที่ปราสาท แต่แล้วสายตาของโพรทาเลียก็เหลือบไปเห็นสายตาอันไม่พอใจของหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังกำหมัดแน่นอย่างไม่ชอบใจ ถึงภายใต้ผ้าคลุมนั้นจะไม่เห็นสีหน้าอารมณ์ แต่ดวงตานั้นช่างเด่นชัดว่าเจ้าตัวนั้นกำลังรู้สึกอันใดจนโพรทาเลียนั้นรู้สึกหน้าซีดเลยว่าพวกนี้กำลังทำให้แม่ตัวน้อยของเธอกำลังโกรธสุด ๆ
‘พวกนี้ตายแน่...’ โพรทาเลียคิด
มิเรียค่อย ๆ หมุนตัวไปหาพวกผู้ติดตามพร้อมกับน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก “ขอโทษนะ!!”
พวกผู้ติดตามขององค์ราชาต่างเงียบแล้วหันไปมองสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เอ่ยบางอย่างขึ้น แต่เสี้ยววินาทีนั้นดวงตาอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นแข็งก้าวขึ้นมา
“พวกท่านกล้าขัดคำพูดของข้า ก็แปลว่ากล้าขัดสาส์นจากทวยเทพใช่ ฤๅ ไหม เจ้า ค่ะ?”
“ทวยเทพ!!”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ต่างพากันเงียบกริบไปในทันใด โพรทาเลียรู้เลยว่าพวกนี้กลัวทวยเทพแค่ไหนก็หมายความว่าพวกนี้ก็นับถือเทพกรีกคงต้องระวังอย่าให้ทวยเทพรู้เรื่องของเธอเยอะดีกว่า แต่ทว่าคำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์มันตงิด ๆ อยู่ในใจของเธอชอบกล ก่อนที่องค์ราชาจะมองลูกน้องของตนที่ทำอะไรไม่คิดเอาแต่โวยวายอันดับแรก เป็นเขาเองก็รำคาญใจในตัวพวกนี้เช่นกัน
“ได้ยินกันแล้วใช่ไหม? พวกเจ้า...เทพอะพอลโลส่งสาส์นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเจ้ากล้าขัดอีก?”
“ขออภัยขอรับองค์ราชา”
“พวกกระหม่อมมิทราบว่าเป็นสาส์นจากทวยเทพ...”
“งั้นจนเลิกต่อว่าผู้มาเยือนซะ! ก่อนที่เราจะสั่งให้พวกเจ้าไปอยู่ในห้องเอกสารไปอีกหลายสัปดาห์!!”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปเลยเหมือนกลัวว่าตนเองจะต้องไปห้องเอกสารเพื่อทำงานกันต่ออีก สตรีศักดิ์สิทธิ์พอใจกับคำพูดขององค์ราชาที่เข้าข้างเธอก่อนที่เธอจะเดินเข้าหามนุษย์ตรงหน้า
“เอาล่ะ เด็กน้อยตามเรามา เราหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีกว่าว่าเจ้าต้องการอะไรจากเรากันแน่?”
“เชิญท่านนำเราไปก่อนเลย ท่านมิเรีย”
มิเรียหมุนตัวไปข้างหลังพร้อมกับเดินก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจผู้คนมากมายยืนอยู่เต็มไปหมด พวกนั้นเห็นเธอก็รีบหลบชิดมุมกันหมด โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็แอบอดขำไม่ได้ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปยังปราสาทใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าใหญ่ผู้คนรอบเมืองต่างมองมาที่เธอด้วยความสนใจ ประตูปราสาทเปิดออกก็มีคำกล่าวว่าใครมาจนเธอสะดุดกับสองชื่อที่เธอไม่เห็นว่าเดินนำหน้าก่อนที่เธอจะหันไปมองข้างหลังก็เห็นทั้งสองคนเดินตามโดยที่ผู้คนมองกันอย่างสงสัยว่าองค์ชายกับองครักษ์ทำไมถึงเดินอยู่ท้ายสุดแทน
‘น่าอายเป็นบ้า...ทำอย่างกับเราเป็นคนสำคัญซะงั้น!!’ โพรทาเลียคิด
พวกเขาทั้งสี่คนเข้าไปภายในปราสาทก็เดินไปตามเส้นทางอันหลากหลายจนกระทั่งไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ โพรทาเลียก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นแล้วจนเธอนั้นรู้สึกว่าต้องพูดอะไรเสียหน่อยก่อนจะไปถึงสถานที่ที่เธอไม่คุ้นเคย
“ฉันขอถามอะไรสักอย่างหน่อยสิ”
“หือ?” มิเรียหันไปมองอีกฝ่ายที่เอ่ยพูดขึ้น เธอก็หยุดตามอีกฝ่ายที่หยุดเดิน
สองหนุ่มโกรอสสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ มนุษย์สาวถึงมีคำถามอะไรระหว่างเดินตรงไปยังสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร
“มีอะไรจะถามข้างั้นฤๅ”
“ที่ท่านบอกว่าทวยเทพส่งสาส์นมานั้น...คงเป็นเรื่อง...โกหกใช่ไหม?”
“!?”
มิเรียได้ยินคำพูดนั้นก็ตะลึงเล็กน้อยจนหนุ่ม ๆ โกรอสที่ได้ยินคำพูดอันไม่น่าฟังของมนุษย์สาวก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตะโกนเอ่ยพูดขึ้นมาเสีย
“เจ้า!! กล้าพูดเยือนนั้นกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างใด!! มากล่าวหาว่าคนของเรา!! พวกผู้อาวุโสพูดถูกมนุษย์ผู้นี้ไม่น่าไว้ใจ!! องค์ชาย!!”
เจคอบมองมนุษย์หญิงอย่างสงสัยแต่คนที่น่าสงสัยดันเป็นคนที่ไม่ตอบโต้แต่อย่างใดอย่างมิเรียมากกว่าจนเขานั้นหันไปมองด้วยสายตาเศร้าหมองเล็กน้อย
“มิเรีย! มนุษย์ผู้นี้...พูดหมายความว่าไง?”
“องค์ชาย!! ไปถามท่านมิเรียทำไม!? ต้องถามเจ้ามนุษย์สาวผู้นี้สิ!!”
“เงียบซะ!! จอห์น!!”
“อึ้ก!!”
มิเรียหันไปมองเจคอปที่กำลังมองด้วยสายตาที่ขอว่าอยากให้เธอไม่โกหกเขาอีก หญิงสาวไม่ได้สนใจโกรอสหนุ่มที่ถามตนเองก่อนที่นางจะหันไปมองมนุษย์สาวด้วยสายอันอ่อนโยน
“เจ้ารู้ได้เยือนใดว่าข้านั้นโกหก?” มิเรียเงยหน้ามองมนุษย์สาวตรงหน้า
ทำให้สองหนุ่มตะลึงกับคำพูดของมิเรียว่าเธอโกหกเรื่องสาส์นจากทวยเทพอย่างงั้นเหรอ
“ฉันสัมผัสได้ล่ะนะว่าท่านไม่ได้ติดต่อกับอะพอลโล แล้วคำพูดของท่านนั้นดูเหมือนเป็นน้ำเสียงที่อยากให้เรื่องพวกนี้จบไว ๆ และออกจากที่แห่งนั้น”
คำอธิบายของโพรทาเลียนั้นทำเอาหนุ่ม ๆ ต่างตะลึง สิ่งที่มนุษย์กล่าวออกมาตรงกับนิสัยของมิเรียที่ไม่ชอบอะไรที่น่ารำคาญ เธอชอบรุกและไม่ยอมที่จะพลาดสิ่งที่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่
“หึ ๆ ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ารู้จักนิสัยของข้ากัน”
“อ๊ะ...ก็...” โพรทาเลียไม่กล้าบอกว่าเธอรู้จักอีกฝ่ายในอนาคต
“ลำบากพูดก็ไม่ต้องกล่าวก็ได้...ฤๅว่าเจ้านั้นเกี่ยวข้องกับท่านเทพเหรอ?”
“อ๊ะ!! ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขานะ!!” โพรทาเลียรีบปฏิเสธทันที
“เหรอ...?” มิเรียมองอีกฝ่ายที่รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“มิเรีย!!”
มิเรียหันไปมองทางชายหนุ่มทั้งสองแล้วคนตะโกนดันเป็นจอห์น องครักษ์ขององค์ชาย
“เจ้าไม่ควรกระทำแบบนั้นนะ!! การโกหกสำหรับสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องไม่ดีนะ!!”
“ใครจะสนยังไงข้าก็ทำบ่อย ๆ อยู่แล้ว”
“มิเรีย!!”
“ถ้าเจ้าไม่หุบปากของเจ้า จอห์น ข้าจะไม่คุยด้วย!!”
“!!”
จอห์นได้ยินแบบนั้นก็เงียบทันใดเพราะตนเองไม่อยากให้อีกฝ่ายเกลียดตนเอง โพรทาเลียเห็นก็นึกสภาพสองสามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันจริง ๆ แต่ก็ทำให้เธอนึกถึงอดีตจริง ๆ
“หึ คุณนี่น่า...จะอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ไม่เปลี่ยนไปจริง ๆ นะ”
!!!
โกรอสทั้งสามได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงอีก คำพูดอีกฝ่ายช่างแปลกเหมือนบอกว่ารู้จักมิเรียมาก่อนจนจอห์นต้องเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
“เดียวนะ!! เจ้าพูดแบบนั้นหมายความว่าไง!?” จอห์นเอ่ยถามขึ้น
“หือ?” โพรทาเลียหันหน้าอีกฝ่ายที่ถามขึ้นมา “ขอโทษที ฉันพูดมากกว่านี้ไม่ได้ล่ะนะ”
“เจ้า!!”
จอห์นได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจคำพูดอีกฝ่ายจนอยากจะกระโจนเข้าหาแล้วเค้นความลับจากอีกฝ่ายออกมา แต่ว่าคนข้าง ๆ เขาก็ยกมือมาห้ามไม่ให้เขาขยับไปไหน
“พอเถอะ จอห์น...”
“แต่ว่า...องค์ชาย!!”
“เจ้าจะเซ้าซี้มนุษย์ผู้นี้ทำไม!? เจ้าน่าจะรู้คำตอบนะว่านางไม่ยอมกล่าววาจาใดแน่ ๆ”
“แต่นางพูดออกมาแบบนั้นมีหรือที่ใครจะไม่สงสัยล่ะขอรับ!! ข้าไม่ชอบคำพูดของนางผู้นี้!!!!”
“จอห์น!!”
“พอกันทั้งสองคนนั้นแหละ!! ข้ายอมให้พวกเจ้าเดินตามมาก็บุญแล้วนะ ถ้ายังกล่าวคำพูดเสียมารยาทต่อแขกของข้าก็ไสหัวทั้งสองไปให้พ้น!!”
โกรอสหนุ่มทั้งสองถึงกับคอตกที่อีกฝ่ายกล่าวแบบนั้นทำเอาความเป็นองค์ชายกับองค์รักษาหายไปพริบตาเพียงเพราะโกรอสหญิงตรงหน้ องค์ชายเงยหน้ามองมิเรียด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“มิเรีย...”
“ข้ายังไม่หายโกรธหรอกนะ”
มิเรียทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจบางอย่างก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินไปข้างหน้าต่อ เจคอบได้ยินแบบนั้นก็คอตกกว่าเดิม โพรทาเลียที่อยู่ตรงนั้นก็ชักสงสัยล่ะว่าผู้ใหญ่สามคนมีความความลับอะไรหรือเปล่า แต่เธอนั้นรู้สึกว่ามันไปทางเชิงที่เธอเคยเห็นในทีวี
‘อืม...หรือว่า...รักสามเส้าเหรอ?’ โพรทาเลียคิด
สายตาของโพรทาเลียเป็นประกายเธอคิดเลยว่าเจคอบต้องชอบมิเรีย แต่มิเรียไม่สนใจแล้วหันไปรักจอห์นแทนแน่ ๆ แต่ปัจจุบันมิเรียก็แต่งงานกับจอห์นไปแล้วนี้สิ โพรทาเลียรู้สึกสงสารเจคอบจริง ๆ แต่ความรักของคนสองคนเธอไม่สามารถไปขัดขวางอะไรได้นั้นล่ะ ความรักของใครของมันเหมือนความรักของเธอที่เปิดใจให้ชายที่เธอรู้จากได้ไม่นาน แต่ข้างในมันกับรู้สึกรักเขามากกว่าที่เธอรู้จักเขา ตอนนี้เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินตามมิเรียไปทันใด
เส้นทางข้างหน้าเหมือนเปลี่ยนไปจากสีน้ำตาลจากดินทรายเป็นทรายสีขาวเหมือนงาช้าง โพรทาเลียจ้องมองข้างหน้าที่มีรูปปั้นค่อนข้างใหญ่คล้ายมนุษย์เพศชายทำให้รู้เลยว่าเป็นใคร พวกเขามาหยุดที่ประตูใหญ่สีขาวงาช้างประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ โดยไม่มีผู้ใดมาเปิดให้ พวกเขาเดินกันเข้าไปข้างในที่ลักษณะคล้ายโบสถ์ใหญ่ที่มีพื้นที่ที่ใหญ่พอที่จะบรรจุคนได้หลายคน แต่พอเงยหน้าขึ้นแสงสว่างบางอย่างก็สาดส่องเข้ามาผ่านดวงตาของโพรทาเลีย เธอยกมือขึ้นปัดแสงนั้นแต่สายตาก็เห็นภาพตรงหน้าอันเด่นชัดกับรูปปั้นขนาดใหญ่คล้ายรูปปั้นข้างนอก แต่รูปปั้นนี้สูงใหย่กว่าตัวข้างนอกเท่านั้น ทำเอาคิดเลยว่าเทพอะพอลโลช่างเป็นที่เคารพสำหรับโกรอสพวกนี้
“พวกคุณดูเหมือนจะนับถือชายผู้นี้จริง ๆ นะ”
“เทพอะพอลโลเคยช่วยพวกเราจากโรคร้ายไว้ได้แถมเขายังมอบพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้กับตระกูลของมิเรียด้วย!!” จอห์นกำลังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ทุกคนต่างมองจอห์นที่เกริ่นขึ้นมาอย่างยกย่องมิเรียจนเจ้าตัวเขินอายที่ชายหนุ่มสรรเสริญแบบนี้ โพรทาเลียเห็นก็นึกถึงช่วงเวลาที่สามีภรรยาคู่นี้จีบกันจริง ๆ ทำเอาเจคอบที่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจจริง ๆ
“อะแฮ่ม...ก็ตามที่จอห์นกล่าวนะ...เรานับถือชายผู้นั้นเป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณของเรา”
‘ผู้มีพระคุณ? บางอย่างในตัวอะพอลโลก็มีทั้งดีและไม่ดี...ไม่งั้นเมื่อหลายปีก่อนคงไม่โดนบิดาของตนเองลงทัณฑ์เป็นแน่...แล้วก็...’
โพรทาเลียยกมือของตนขึ้นมามองหลังมือที่มีตราสัญลักษณ์เรียงกันตราของอะพอลโลมีขึ้นมาแต่มันจางจนเกือบมองไม่เห็น
‘นายยังไม่ยอมรับสินะ...แต่ว่าฉันจะทำให้นายยอมรับในตัวฉันให้ได้ ธีเอมัส...’
มิเรียหันกลับไปที่รูปปั้นใหญ่พร้อมกับกุมมือภาวนาสรรเสริญบางอย่างก่อนที่จะถอดผ้าคลุมออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นผมลอนสีดำเข้มกับผิวกายสีฟ้าที่ตัดกับเส้นผมอันงดงาม โพรทาเลียเห็นก็รู้สึกคุ้นเคยว่าคนนี้แหละคือคนที่เธอรู้จักตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ทำให้เธอนึกถึงช่วงที่เธอกำลังทนทุกข์ก็มีโกรอสสองสามตนเข้ามาช่วยรักษาและป้อนอาหารให้เธอทาน อ้อมกอดจากคนไม่รู้จักทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โพรทาเลียเงยหน้าขึ้นไปทางอื่นไม่ให้พวกนี้เห็นว่าเธอร้องไห้ออกมาเล็กน้อย
มิเรียที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางแปลก ๆ ก็มองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างออกมาหลังจากรอเวลาสักหน่อย
“เอาล่ะ...เจ้าอยากยืมพลังของเรา…อยากให้ข้าทำอะไรให้?”
“ช่วยรักษาคนคนหนึ่งให้ฉันได้ไหม?”
“หือ?”
สิ้นคำพูดนั้นโพรทาเลียก็นำลูกแก้วโปร่งใสออกมาจากกระเป๋าคาดเอว พวกโกรอสเห็นสิ่งนั้นก็ระแวงว่าหยิบลูกแก้วออกมาทำไม โพรทาเลียดึงตัวของเจสันออกมาจากลูกแก้วก็ทำให้ทุกคนเห็นร่างกายของชายที่ทั้งบอบช้ำและบาดเจ็บของมนุษย์เพศชายที่พวกเขาไม่รู้จัก มิเรียสั่งให้อีกฝ่ายนำตัวคนเจ็บมาวางที่แท่นสูง โพรทาเลียอุ้มเจสันด้วยท่าเจ้าหญิงใครเห็นเธออุ้มอีกฝ่ายคงตกใจที่เธอสามารถอุ้มชายคนหนึ่งได้อย่างใด แต่อย่าลืมว่าโพรทาเลียนั้นเป็นมากกว่าหญิงสาวร่างบางเธอต้องพบอะไรมาเยอะ แค่ร่างของชายหนุ่มคนเดียวก็แค่ถุงถั่วถุงหนึ่งเท่านั้น
มิเรียตรวจสอบร่างกายของมนุษย์เพศชายที่ชีพจรยังเต้นอยู่แต่สภาพเขาดูไม่ได้เลยจริง ๆ
“มนุษย์ผู้นี้ไปเจอศึกอะไรมา?”
“เอ่อ...เขาโดนยิงกับตกจากที่สูงนะ...”
“อาการสาหัสแบบนั้นยังรอดมาได้อีก?” มิเรียเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
โพรทาเลียได้ยินคำถามนั้นก็ไม่กล้าพูดต่อเลยว่าอีกฝ่ายตอนนี้มีเพียงร่างเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้ วิญญาณเธอต้องไปพาอีกฝ่ายมา มิเรียกำลังตรวจสอบบางอย่างนั้นก็มีสิ่งบางอย่างดลใจให้เธอหันไปมองโพรทาเลียที่อยู่ตรงหน้าทันใด
“จงเปิดทางอันตรายเพื่อนำชายผู้นี้กลับมาซะ!”
น้ำเสียงของมิเรียเปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มเข้ม โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงพร้อมกับมองอีกฝ่ายยอย่างสงสัยดวงตาของมิเรียกลายเป็นสีขาวสว่าง ทำให้เธอเห็นรู้สึกว่ามีคนอยู่ในร่างของมิเรีย
“คุณเป็นใคร!?”
“หึ ๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าของมิเรียทำให้ดูน่าขนลุกหน่อย ๆ “เจ้าน่าจะรู้จักข้านะ...สาวน้อยปริศนา”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วทันใด คนที่เธอไม่อยากเจอดันมาอยู่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว สายตาของเธอหันไปทางพวกโกรอสหนุ่มที่ตอนนี้นั่งลงไปคุกเข่าไปแล้วเพื่อเคารพอีกฝ่าย เธอจ้องมองอีกฝ่ายอีกครั้ง
“อะพอลโลสินะ”
“หึ ๆ ถูกต้อง ช่างน่าแปลกใจ เจ้าเป็นใครแล้วทำไมถึงมีตราสัญลักษณ์ของเราอยู่บนศีรษะ”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็จับศีรษะของตนเองที่อีกฝ่ายเล่นมาจับตอนนั้นแล้วมาสร้างสัญลักษณ์บนหัวของเธอตามใจชอบจนพวกเทพตนอื่นต่างก็มาทำจุดต่าง ๆ ตามร่างกายของเธอเพื่อบ่งบอกว่าเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเธอ โพรทาเลียหยีตามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ออกจากร่างนี้ซะ!! ฉันไม่ได้ว่างมาสนทนากับท่าน!!”
“แล้วคิดว่าข้าว่างนักฤๅ? ข้ากำลังเตือนเจ้าเด็กน้อยรีบตามหาวิญญาณของชายหนุ่มคนนี้ก่อนที่ไม่นานเขาจะหมดลมหายใจ! คนของข้าก็จะไม่สามารถรักษาเขาได้!”
“!!”
จบตอนที่ 122 โปรดติดตามตอนที่ 123 ต่อไป