ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 123 ความหวังสีดำ
คำเตือนนี้เป็นคำเตือนที่โพรทาเลียไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากเทพที่เธอยังไม่อยากเจอเสียเลย ตอนนี้จะทำให้เธอรู้สึกตึงเครียดไปหมดสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้ว่าจะทำเป็นขั้นตอนกับต้องเร่งมือ เธอต้องออกตามหาวิญญาณของเจสันโดยด่วน แต่ว่ามันก็ง่ายเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเพราะที่นี่ ณ อาณาจักรเอราเซียนนั้นมีสถานที่แห่งหนึ่งที่มีประตูไปสู่นรกอยู่ ถ้าเป็นไปตามที่เธอเคยฟังจากพวกมิเรียตามเรื่องราว ณ วันหนึ่งเมื่อถึงวันที่ต้องตายประตูสู่ความตายจะเปิดทางให้แก่พวกเขา
อะพอลโลทิ้งคำเตือนก่อนจะหายไปเธอมองมิเรียที่กำลังทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พวกเจคอบรีบวิ่งมาดูมิเรีย เธอค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงงว่าตนเองเป็นอะไร เพราะเธอจำบางเรื่องไม่ได้หลังโดนสิงร่าง แต่เธอเห็นสองหนุ่มเข้ามาพยุงเธอก็ต้องรีบผลักทั้งสองคนออกทันที
“พวกเจ้ามาพยุงข้าทำไมกัน!?” มิเรียเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ
“เมื่อกี้เจ้าจะล้มเราเลยไปช่วยนะ”
“ใช่ ๆ” จอห์นพยักหน้าเห็นด้วยกับเจคอบ
“เหรออออ~ แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“เทพอะพอลโล…เข้ามายืมร่างเธอชั่วขณะ” โพรทาเลียเอ่ยพูดด้วยสีหน้าซีเรียส
“ทำไมสีหน้าของเจ้าดูตึงเครียดเยี่ยงนั้น?” มิเรียมองหน้าเด็กน้อยที่มีสีหน้าอันตึงเครียดสุด ๆ
“ก็เมื่อกี้เทพอะพอลโลบอกให้มนุษย์ไปตามหาวิญญาณของชายคนนั้น ไม่งั้นเธอจะไม่สามารถช่วยมนุษย์ชายคนนั้นได้นะ มิเรีย” จอห์นอธิบายให้มิเรียฟัง เธอได้ยินก็ตกใจก่อนจะมองเด็กน้อย
“ว่าไงนะ? นี่เจ้าจะให้ข้ารักษามนุษย์ที่ไม่มีวิญญาณเหรอ!?”
“ใช่...ฉันนึกว่ารักษาร่างเขาเสร็จจะสามารถทำให้วิญญาณเขากลับมาได้ง่ายขึ้น...”
“จะบ้าเหรอ!! ถึงร่างกลับเป็นปกติก็มีสิทธิ์เสียชีวิตเหมือนกันนะ!!”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปเลยว่าการรักษาโดยไร้วิญญาณนั้นจะมีสิทธิ์เสี่ยงอันตรายแค่ไหนในชีวิตของเจสัน เธอเกือบทำให้ชายที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของครอบครัวเธอต้องตายเสียแล้ว ทำให้ต้องคิดยิ่งเยอะเข้าไปอีกจนใบหน้าที่มีแผลเป็นยิ่งย่นเข้าไปอีก มิเรียจ้องมองอีกฝ่ายที่เป็นแค่เด็กน้อย แต่ใบหน้านั้นกับมีบาดแผลทำให้เธอสงสัยตั้งแต่แรกเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเจอกับอะไรมาถึงทั้งร่างกายดูจะมีบาดแผลอย่างเดียว แต่เธอไม่ชอบเสียเลยที่เห็นสีหน้าของเด็กน้อยดูตึงเครียดเยี่ยงนี้ ทำให้เธอครุ่นคิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้เธอก็เอ่ยบางอย่างออกมา
“แล้ววิญญาณของชายคนนี้อยู่ไหน เจ้าจะต้องไปตามหานะ!!”
“ฉันรู้ว่าวิญญาณเขาอยู่ไหน...แต่...สถานที่ที่ต้องไปนี่สิ...”
“มันทำไม?” จอห์นถามขึ้น
“มันทั้งอันตรายและไม่ปลอดภัย...แล้วก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับแค่คนตายเท่านั้น!!”
คำพูดของโพรทาเลียทำให้เจคอบที่เป็นองค์ชายถึงกับอึ้งไปเลยจนเขารู้สึกว่ามนุษย์หญิงตรงหน้ามาที่นี่โดยเหมือนรู้ว่าสถานที่นี้มีอะไรอยู่จนเขาชักดาบออกมาพร้อมกับพุ่งโจมตีใส่มนุษย์สาวอย่างรวดเร็ว
“เจคอบ!! อย่านะ!!” มิเรียตกใจกับการกระทำอีกฝ่ายที่พุ่งโจมตีมนุษย์หญิงคนนี้
โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็หยิบดาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับป้องกันการโจมตีของโกรอสหนุ่ม การโจมตีของอีกฝ่ายทำให้เธอนึกถึงอดีตที่เคยเจอมามันช่างลำบากและสนุกเหมือนทุกที อีกฝ่ายกระโดดถอยหนีพร้อมกับโจมตีต่อแต่มนุษย์ตรงหน้ากับรับการโจมตีของเขาได้หมดโดยที่ไม่เคยมีใครตามทันสักนิด
“เจ้าเป็นใครกันแน่!? การโจมตีของเราถึงรับได้หมดแถมเจ้ามาที่นี่เจ้ารู้ว่ามีสิ่งนั้นถึงมาที่นี่!!”
“ทำไมกัน? แค่ฉันรู้ว่าสถานที่นี่มันมีอะไร? ท่านถึงกับต้องหวาดกลัวถึงขั้นต้องชักดาบกันเลยหรือ องค์ชาย?”
ทั้งสองคนต่างตวัดดาบปะทะกันอย่างดุเดือด เจคอบไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับการโจมตีได้อย่างที่เขาคิด แต่เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องการอะไรจากสิ่งที่พวกเขากล่าวกัน
“อย่ามาเล่นลิ้น ถ้าเจ้ารู้ถึงขนาดนั้นก็น่าจะรู้ว่าประตูนั้นทำอะไรได้มากกว่านั้น นอกจากส่งคนที่กำลังตายไปได้ มันก็เป็นบทลงโทษสั่งไปตายได้เหมือนกัน!! เจ้าเป็นมนุษย์ที่สูงกว่าเราก็อาจจะบังคับเราได้เช่นกัน!!”
“ห๊า? ฉันจะทำแบบนั้นกับท่านเปรียบเสมือนทั้งอาจารย์และพ่อคนหนึ่งของฉันงั้นเหรอ?”
“ว่าไงนะ!!”
ดาบทั้งสองคนปะทะกันก่อนที่โพรทาเลียจะดันอย่างแรงจนอีกฝ่ายต้องกระโดดถอยหลังจนไถลไปกับพื้นอย่างแรง เจคอบใช้มือยั้งกับพื้นจนตัวเองหยุดไถล เขาเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายที่พูดสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าตนเองนั้นมีลูกศิษย์ที่เปรียบเสมือนลูกด้วยงั้นเหรอ
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“เป็นใครไม่สำคัญ...แต่แค่เชื่อฉันหน่อย...ฉันแค่มาที่นี่แค่ขอผ่านทางไปยังที่แห่งนั้นที่ที่พวกท่านเรียกว่า ประตูสู่ความนิรันดร์!!”
อีกที่ ณ นรก
เนินผาสูงเฉียดฟ้าที่มองเห็นทุกมุมมองรอบนรกเกือบหมดได้อย่างไม่ต้องเดินไปไหนไกล เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ไปตามทางสู่ประตูนำทางคนตายสู่ภพไหม ดวงตาสีเทามองผู้คนที่กำลังเดินตรงไปตามทางนั้น ทำให้เธอมีความคิดอันด้านลบออกมาทุกคนจะต้องมาตายกัน ณ ที่แห่งนี้จริง ๆ ใช่ไหม ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น หญิงสาวในเครื่องแต่งกายชุดหนังก็เดินมาหาเธอ
“ดูเหมือนเจ้าจะกังวลกับสถานที่นี่นะ~”
โฟกัสเงยหน้าด้วยสีหน้าหมองหม่น แต่แล้วสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเห็นการแต่งกายของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไป
“นี่เธอ…ทำไมแต่งแบบนั้นกัน?”
“เท่ใช่ไหม!? ตอนพวกเจ้าเด็ก ๆ เราเห็นมนุษย์ใส่ชุดแบบนี้เราเลยอยากใส่มั่ง!! พอได้กลับมานรกข้าเลยไปแหล่งของสะสมของบิดาเลยเจอชุดนี้เข้า โคตรดีเลยล่ะ!!”
“นี่เธอ…สามารถแตะของคนเป็นได้ด้วยเหรอ?”
“ได้สิ ถ้ามีสื่อกลาง~” เซียเอ่ยด้วยสีหน้าร่าเริงที่ไม่เหมาะกับคนที่ดูมืดมนเลยสักนิด
โฟกัสได้ยินแบบนั้นก็รู้เลยว่าสื่อกลางคืออะไรจนเธอลืมนึกเลยว่าตัวเธอนี่แหละคือสื่อกลางให้อีกฝ่าย ทำให้คิดเลยว่าทำไมการทดสอบของเธอถึงง่ายยิ่งกว่าอะไร บทของอีกฝ่ายแค่เดินเล่นกันหลายในนรกนี้ประมาณสองสามชั่วโมงเธอได้เห็นสิ่งมากมายที่นี่ก็ตามที แต่ก็ได้รับคำชมว่าเธอสามารถทนต่อสิ่งรอบ ๆ ในนรกได้เพราะสถานที่ต่าง ๆ สำหรับมนุษย์กึ่งเทพนั้นมันไม่สามารถทนได้เลยสักนิด ทำให้เธอนึกถึงคำเตือนของพ่อแม่ว่าจนระวังการไปนรกเพราะมันเป็นสถานที่ที่ไม่ควรไปเหยียบเลยสักนิด
“เฮ้อ…ฉันไม่น่าเชื่อเธอเลยจริง ๆ”
“แหม ๆ อะไรกัน~ ฉันไม่น่าเชื่อตรงไหนฤๅ”
“บททดสอบของเธอมั้งง่ายไป!!”
“ไม่เลยนะ บททดสอบของข้านั้นมันรุนแรงเหมือนกัน!! แต่...” เซียเดินมาอยู่ข้างหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับจับไหล่อีกฝ่าย “แต่เพราะเจ้ามีร่างกายและจิตใจอันแข็งแกร่ง เจ้าถึงผ่านการทดสอบที่ถึงจะง่าย แต่มันก็ยากสำหรับบางคน”
“แล้วทำไมพี่ฉันถึงกับต้องเจอบทดสอบพวกนั้น ความโศกเศร้า...ความโกรธ...อ้างว้าง...เจ็บปวด...เสียสละ...แล้วบททดสอบอะไรอีกล่ะที่จะตามมาหลังจากนี้...ทำไมพี่สาวฉันถึงกับได้บททดสอบที่ไม่เป็นธรรม!!”
“เฮ้อ...ข้ารู้ว่าเจ้าคิดมากเยี่ยงนี้...แต่การทดสอบของเจ้านั้นต่างจากพี่เจ้าถึงมันจะดูง่าย แต่วันข้างหน้านั้นทดสอบของเราจะเป็นบทเรียนให้เจ้าในอนาคต”
โฟกัสฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีทำไมการตัดสินใจเกี่ยวกับบทเรียนพวกนี้เธอถึงสวยหรูเกินไปจนเธอรู้สึกแย่แทนพี่สาวที่ตลอดมาต้องทนทุกข์กับสิ่งต่าง ๆ บททดสอบที่มีให้ยังไม่ใจดีกับเธอเลยสักนิด
‘พี่ค่ะ...’ โฟกัสคิด
โฟกัสเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เป็นสีขาวไปหมด เธอนึกถึงพี่สาวที่ตอนนี้กำลังทำอะไรถึงช้าแบบนี้ เวลามันกำลังดำเนินไปเร็วแล้วเหลือแค่วันพรุ่งนี้วันสุดท้ายที่พวกเธอจะทำให้กาลเวลากลับเป็นปกติ
ย้อนกลับมาที่อาณาจักรเอราเซียนตามเส้นทางเดินที่ทำมาจากหินทรายเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นหินสีดำเหมือนถูกแบ่งโซน โกรอสทั้งสามกำลังเดินนำหน้าโพรทาเลียที่กำลังเดินตามทั้งสามอยู่จนมาถึงโซนที่เริ่มเป็นสีดำ ทุกจุดเหมือนถูกแต่งให้เป็นสีดำ แต่ตามทางก็แสงสว่างจากโคมไฟ ระหว่างที่เดินไปก็ระแวงว่าระหว่างทางที่เดินนั้นจะมีอะไรโผล่ออกมาไหม แต่ก็มีแสงสว่างสีฟ้าเปล่งออกมา พวกเขาเดินจนมาถึงห้องห้องหนึ่งที่มีประตูบานใหญ่ที่ทำมาจากเหล็กดำ ประตูบานใหญ่ที่มีลวดลายอันไม่เหมือนประตูสู่ความตาย มันกับมีการแกะสลักเป็นรูปเถาวัลย์ที่รัดกัน ดอกไม้บานสะพรั่งตามเถาวัลย์ ส่วนทางเข้านั้นกับไม่ใช่ช่องว่าง แต่เป็นเหมือนคลื่นน้ำเรือนแสงสีฟ้าเหมือนเปลวไฟ เธอเงยหน้ามองก็รู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกาย
แต่แล้วก็มีเสียงสะอื้นดังขึ้นมา พวกมิเรียได้ยินแบบนั้นก็รีบพาโพรทาเลียซ่อนตัวตามเสาจนเจ้าตัวนั้นตกใจเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่เธอจะแอบออกมาดูว่าเสียงที่ว่านั้นคืออะไรเมื่อโผล่หน้าออกมาเล็กน้อยตรงหน้าประตูนั้นมีครอบครัวกลุ่มหนึ่งกำลังร่ำไห้ให้แก่โกรอสชายที่กำลังจับร่างกายของหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ้อนวอนอีกฝ่ายที่มีร่างกายซีดเผือกยิ่งกว่าอะไร โพรทาเลียมองอย่างสงสัยว่าสิ่งที่กำลังเห็นนั้นคงไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดใช่ไหม โกรอสชายย่อตัวลงแล้วกอดหญิงชราตรงหน้า พอมองดูแล้วน่าจะเป็นผู้เป็นแม่ ชายชราอีกคนก็เดินเข้ามากอดคนนั้นน่าจะเป็นพ่อ พวกเขาทั้งสามกอดกันอย่างโศกเศร้า โกรอสกลุ่มใหญ่นี้น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันที่กำลังอำลาโกรอสชายตรงหน้า โกรอสชายยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ทั้งครอบครัว เวลานั้นได้มาถึงแสงสว่างที่ประตูเจิดจ้าขึ้นโกรอสชายหันไปที่ประตูก่อนจะเดินเข้าไปข้างในประตูหินดำแล้วหายเข้าไปยังคลื่นน้ำนั้น เสียงร่ำไห้ก็ยิ่งดังขึ้นมากกว่าเดิมความโศกเศร้าหลังเห็นโกรอสชายหายเข้าไปในประตู เสียงดังนั้นแทรกซึมเข้าไปข้างในจิตใจของโพรทาเลีย เธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งหัวใจทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเกือบเสียลูกสาวไปตอนนั้นมันจุกอกแค่ไหน
“พวกคุณต้องพบเจอกับเรื่องนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“ใช่...พวกเราทุกคนต้องพบกับความตายสักวัน...แต่...เมื่อไหร่ก็เท่านั้น” เจคอบตอบพร้อมกับมองไปที่มิเรียด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์มาก ๆ “แต่พวกเราเผ่าโกรอสรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับนิมิตที่จะส่งมาให้ ตัวพวกข้าก็เช่นกัน…”
เจคอบเน้นคำว่าพวกเราจนทำเอายิ่งสงสัยว่าสามคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงกันจนถ้ากลับไปโลกเดิมคงต้องไปสืบเสียหน่อยว่าพวกนี้เป็นยังไงกันมั่ง แต่ตอนนี้เธอสนใจแผนการของเธอต่อดีกว่า แต่พวกนี้บอกว่าต้องใกล้ตายถึงจะเข้าไปได้ แต่ตอนนี้เธอยังไม่ตายแล้วจะเข้าไปยังไง
“ถ้างั้นฉันจะเข้าไปยังไง? ถ้ายังไม่ตายนะ?” โพรทาเลียเอ่ยถามอย่างสงสัย
พวกโกรอสได้ยินคำถามนั้น พวกเขาก็มองหน้ากันอย่างสงสัยว่ามีวิธีนั้นไหม แต่พวกเจคอบก็ไม่เคยได้ยินว่ามีวิธีข้ามไปโดยไม่รู้ตายไหม ก่อนที่มิเรียจะเอ่ยพูดขึ้น
“ขอโทษเด็กน้อย เราไม่เคยมีวิธีนั้น ตอนเจ้าบอกว่าจะผ่านเข้าไป ข้าก็กังวลเช่นกันว่าเจ้าจะพาตัวเองไปตายเสียมากกว่า”
“งั้นเหรอ...”
เมื่อได้คำตอบนั้นโพรทาเลียก็ยิ่งครุ่นคิดเลยว่าจะมีวิธีอื่นที่จะช่วยพาเธอไปยังอีกฝั่งได้ไหม ระหว่างที่กำลังคุยนั้นครอบครัวก่อนหน้ากำลังเดินออกไปด้วยความโศกเศร้า โพรทาเลียก็หลบมุมอีกครั้งแต่ก็แอบมองด้วยความรู้สึกปวดใจ ถ้าเป็นคนที่เธอรักแล้วต้องจากไปทั้งที่ต้องลากันก็เจ็บปวดใจเหมือนกัน ตอนนี้ไม่มีผู้คนแล้วพวกเขาก็ให้โพรทาเลียออกมาจากที่ซ่อน พวกเขาเดินจนมาใกล้ถึงประตูแห่งนิรันดร์ก็มีสิ่งที่เด่นสะดุดตาโพรทาเลียขึ้นมา เธอหันไปเจอสิ่งแปลกประหลาดนั้นก็คือใจกลางพื้นที่นี่กับมีต้นไม้ขนาดเล็กตั้งตระหง่านอยู่ แล้วสิ่งแปลกไปอีกคือมันเป็นต้นไม้ที่ทั้งต้นเป็นสีดำยกเว้นผลไม้ที่เป็นพวงเล็ก ๆ เป็นสีแดง ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัยว่ามันคือต้นอะไร เพราะเธอไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าไหนพูดถึงต้นไม้สีดำเลย
“เอ่อ...ต้นนี้มัน...คือต้นอะไรนะ?”
โพรทาเลียยกมือขึ้นหันไปทางต้นไม้สีดำ พวกโกรอสหันมามองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นก่อนจะมองทิศที่อีกฝ่ายเอ่ย แต่พวกเขาไม่เห็นสิ่งใดที่เป็นต้นไม้เลยสักนิด
“เด็กน้อย...คือว่า...”
“ตรงไหนของเจ้ากัน? ไม่เห็นมีอะไรเลยสักนิด!!”
“เอ๊ะ?” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็สงสัยว่าพวกโกรอสหมายถึงอะไร “ก็ต้นไม้สีดำตรงนี้ไง?”
โพรทาเลียยกมือทั้งสองข้างหันไปทางต้นไม้ พวกโกรอสมองกันก็ไม่เห็นมันมีอะไรก่อนที่มิเรียจะพูดขึ้น
“ก็มันไม่มีอะไรจริง ๆ นี่น่า เจ้าจะรีบไปไหมเนี่ย!?”
จอห์นยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มีอะไรตรงนั้นเขาเห็นแค่พื้นโล่ง ๆ ที่เป็นวงกลม แล้วตรงกลางเป็นดินก็เท่านั้น เจคอบได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงเรื่องที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง
“เมื่อคนที่ต้องการความหวัง...มันจะโผล่มา...” เจคอบเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาจนทุกคนหันไปมอง
“เจ้าหมายความว่าไง? องค์ชาย” มิเรียเอ่ยถามขึ้น
“เป็นประโยคที่องค์ราชาจะพูดกับเรา...เมื่อมาที่นี่ว่าประตูนี้ไม่ได้มีแค่สู่ความตายอย่างเดียว...แต่ยังเป็นหนทางให้บางคนที่ต้องการ แล้วห้องนี้ก็มีสิ่งบางอย่างที่ทุกคนเรียกว่า ความหวัง อยู่ที่นี่ แล้วมันจะโผล่มาเมื่อคนผู้นั้นต้องการความหวัง”
“ความหวัง?”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็หันกลับไปมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังโผล่มาตรงหน้า เธอไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรเธอได้แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างมันก็ไร้ความหมาย เธอยื่นมือไปข้างหน้าตนเองอย่างช้า ๆ เพื่อจะลองสัมผัสต้นไม้นี้ แต่แล้วพอมือเข้าไปใกล้ผลไม้บนต้นก็เปล่งแสงออกมาจนน่าประหลาดใจ เธอสัมผัสกับพวงหนึ่งมันก็ตกลงสู่มือของเธอก่อนจะเรืองแสงสว่างจนทุกคนเห็นก็เอามือมาบังทันใด
“เมื่อกี้มันอะไรนะ!!”
“ไม่มีใครเป็นอะไรนะ?” มิเรียเอ่ยถาม
โพรทาเลียค่อย ๆ เอามือลงก็ไม่เห็นต้นไม้นั้นแล้ว “ต้นไม้...หายไปแล้ว...”
“หายไปเหรอ?”
“ใช่...แต่...” โพรทาเลียกางมือออกก็เห็นผลไม้หนึ่งพวงเล็กอยู่ในมือของเธอ ทุกคนต่างรีบเดินมาดูกัน โพรทาเลียย่อตัวให้พวกนี้ “เคยเห็นไหม?”
“คล้ายกับเบอร์รีเลยนะ”
“แต่มันทำอะไรได้ล่ะ?”
“หรือว่าสิ่งนี้เป็นหนทางพาเจ้าไปฝั่งนั้นกัน? เด็กน้อย?” มิเรียเอ่ยถามขึ้น
“…”
โพรทาเลียนิ่งเงียบโดยจ้องมองผลไม้พวงนี้ก่อนจะอ้าปากกว้าง แล้วกินผลไม้เข้าไปอย่างรวดเร็วความรู้สึกที่ได้รับมันทั้งขมและฝืนคอมากต่างจากรูปร่างที่ดูน่าจะหวานและชุ่มฉ่ำพอกลืนลงคอ ความรู้สึกต่อมาทำเอาอยากอ้วกออกมา ความรู้สึกที่ตามมาคือความเจ็บปวดและแสบเข้าไปถึงข้างในอกเหมือนมีอะไรมาแทงในอกของเธอก่อนที่ตัวเธอจะกระอักเลือดสีแดงเข้มออกมา จนทุกคนเห็นก็ตกใจที่อีกฝ่ายกระอักเลือดพร้อมกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น โพรทาเลียรู้สึกทรมานข้างในเป็นอย่างมาก ยิ่งเธอไอออกมาเป็นเลือดจนเลอะเต็มพื้นอีก
“อึ้ก! แฮ่ก! แฮ่ก!”
“เด็กน้อยเจ้าไม่เป็นอะไรนะ?!” มิเรียรีบเข้ามาดูอาการอีกฝ่าย เธอพยายามจะใช้พลังรักษา แต่อยู่ที่นี่เธอไม่สามารถใช้พลังได้
“ฉันไม่เป็นอะไร...”
สีหน้าของโพรทาเลียรู้สึกเจ็บปวดสุด ๆ ไม่คิดเลยว่าเธอต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่แล้วแสงสว่างที่ประตูก็เจิดจ้าขึ้นเหมือนครั้งก่อนหน้าที่โกรอสชายจะเข้าไป เธอมองไปที่ประตูพร้อมกับลุกขึ้นช้า ๆ
“นี่อาจจะเป็น...หนทางที่สามารถพาฉัน...ข้ามไปอีกฝั่ง...ได้เหมือนคนตาย...สินะ...”
จบตอนที่ 123 โปรดติดตามตอนที่ 124 ต่อไป