ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 124 เหล่าโครงกระดูกทั้งหลาย
สิ่งที่ตกค้างในลำคอมันช่างทำให้นึกถึงช่วงอันขมขื่นที่เคยเผชิญ ภายในคอร้อนเหมือนโดนคนเอาอะไรมาเผา กลิ่นเลือดที่คลุ้งไปทั้งลำคอจนไม่สามารถกลืนอะไรเข้าไปได้เลยแถมยังทรมานไปทั้งร่างกายเหมือนคนกำลังจะตายไม่มีผิด แต่ความตายนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอจริง ๆ แต่แสงสว่างที่เจิดจ้าของประตูมันควรจะแสบตาแต่มันกับทำให้เธอรู้สึกสงบจนอยากจะเดินเข้าไปข้างในนั้น
โพรทาเลียตีตัวเองเล็กน้อยให้สติกลับมา ประตูบานใหญ่นี้กำลังล่อลวงเธอให้เข้าไปตายจริง ๆ แสงสว่างนี้คงเกิดจากผลไม้ที่เธอกินเข้าไปทำให้เส้นทางตรงหน้าเปิดออกเพราะนึกว่าเธอกำลังจะตาย ยิ่งมองคลื่นที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาภายในประตูนั้นก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ กับแสงที่กำลังเรือนแสงอยู่นั้น มิเรียมองเด็กน้อย เธอรู้สึกว่าเป็นกังวลถ้าอีกฝ่ายเข้าไปข้างในนั้น แต่เส้นทางของมนุษย์ตัวน้อยคนนี้เธอไม่สามารถกำหนดได้ เธอเดินตรงไปหาอีกฝ่าย
“เจ้าจะเข้าไปเลยเหรอ? เด็กน้อย”
โพรทาเลียที่ได้ยินน้ำเสียงโทนต่ำเหมือนเป็นกังวล ความรู้สึกที่คุ้นเคยกำลังทำให้เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้ยินความเป็นห่วงของอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
“ก็ต้องเข้าไปนั่นแหละ! อุตส่าห์ยอมทรมานแล้วทั้งที...จะรออะไรล่ะเนอะ!”
“...” มิเรียเห็นรอยยิ้มนั้นเธอกับรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา “คือว่า...”
มิเรียกำลังจะพูดบางอย่างออกมาอยู่นั้นก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจและเสียมารยาทแบบสุด ๆ
“แล้วเข้าไปในนั้น แล้วเกิดไม่รอดล่ะ? ก็สมน้ำหน้านั้นล่ะ!!”
ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างจอห์นที่กำลังกอดอกอย่างไม่พอใจ ทำเอาคนเป็นเจ้านายอย่างเจคอบถึงกับปวดหัวที่มีลูกน้องแบบนี้จริง ๆ
“เจ้าพูดอะไรให้มันมีสีสันไม่ได้เลยฤา!! จอห์น!!”
“แต่เจ้าชาย...”
“ข้าจะไม่พูดซ้ำสองนะ!!”
“ขออภัยขอรับ...”
จอห์นถึงกับก้มเงียบ เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายถึงต้องตะโกนใส่เขากัน ยิงทำให้สงสัยว่ามนุษย์ตรงหน้าทำอะไรให้เจ้านายของเขาสนใจโดยไม่ฟังเขาเลยสักนิด
“ขอโทษด้วยนะ เจ้ามนุษย์ จริงสิเจ้ายังไม่ได้บอกนามของตนเองเลยนะ ข้า เจคอบ เป็น...”
“ฉันรู้ว่าท่านเป็นใคร เจคอบ...แต่ชื่อฉันถ้าเป็นชื่อที่คุณชอบเรียกล่ะก็...เจ้าลูกน้อยน่าจะดีกว่านะ”
“เจ้าลูกน้อย!!”
ทุกคนต่างพูดพร้อมกันอย่างตกใจกับคำพูดอีกฝ่ายการเรียกว่าลูกน้อยอาจจะสื่อไปในหลายความหมายอย่างเช่นอีกฝ่ายเป็นลูกของเจ้าชายหรือเปล่า
“นี่เจ้า!! จะให้เจ้าชายเรียกเจ้าแบบนั้นงั้นหรือ?”
“ฉันไม่ได้ขอนะ...แต่นั่นเป็นคำพูดที่เขาชอบเรียกสมัยฉันยังเด็กจนฉันบ่นบ่อย ๆ ล่ะนะว่าอย่าเรียกแบบนั้น...เพราะคุณอาจจะไม่สามารถมีคนรักได้นะ...”
เจคอบจ้องมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้น เขาไม่รู้เลยว่าชีวิตของเขาจะมีอะไรแบบนั้น โพรทาเลียเห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็รู้สึกน่าขันหน่อย ๆ ก่อนจะนึกบางอย่างที่อยากเตือนอีกฝ่ายอีก
“นี่...เจคอบ...”
“หือ?”
โพรทาเลียยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง “อย่าให้ศักดิ์ศรีของคุณพังความรักของคุณนะคะ”
เจคอบที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาค้างเพราะศักดิ์ศรีของเขานั้นมันสำคัญยิ่งกว่าอะไร แต่พอโดนเตือนแบบนี้ก็ทำให้คิดว่าศักดิ์ศรีของเขาทำให้ความรักของเขาพังงั้นเหรอ โพรทาเลียหันหลังให้โกรอสทั้งสามด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่นก่อนที่จะก้าวขาไปข้างหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างไม่ร้องขอว่าต้องการให้ใครตามไป นี่เป็นภารกิจของเธอแล้วเธอต้องเป็นคนกำหนดเองถึงการเดินทางครั้งนี้ มิเรียจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังก้าวไปข้างหน้านั้น ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไม่ต้องให้เด็กคนนั้นเข้าไปข้างใน ระหว่าที่เธอกำลังจะเข้าไปหานั้นก็มีบางอย่างผุดเข้ามาข้างในหัวพร้อมกับน้ำเสียงของใครบางคน
‘อย่าเข้าไปยุ่งนะ...เด็กน้อยต้องผ่านกาลเวลานี้ของเราไปก่อน...สักวัน...เดี๋ยวก็เจอ...แล้ว...’
สิ้นเสียงนั้นมิเรียก็ส่ายหน้าเบา ๆ น้ำเสียงที่คุ้นเคยนั้นคือน้ำเสียงของเธอที่เหมือนกับถูกส่งต่อมาให้เธอห้ามไปยุ่งกับการกระทำของอีกฝ่ายแต่ในนามเสียงนั้นเหมือนเอ่ยนามของใครบางคนออกมาจนเธอนั้นไม่รู้ว่าเป็นนามของใคร แต่เธอเชื่อว่าเป็นนามของคนตรงหน้า
“โพรทาเลีย!!”
น้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั้นทำเอาโพรทาเลียไม่กล้าที่จะหันกลับไป เพราะเธอกำลังก้าวข้ามไปยังอีกฝั่ง เธอได้แต่เพียงยกแขนโบกมือลาเท่านั้น
“ต้องกลับมานะ!! เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!!”
ความรู้สึกหนักอึ้งข้างในอกมันทำเอาเธออยากร้องไห้กับคำพูดอีกฝ่าย เมื่อก้าวข้ามประตูบานใหญ่มันทั้งหนาวและเย็นวาบไปทั้งร่างกาย เมื่อทะลุเข้ามายังอีกฝั่งก็ต้องตะลึงกับภาพอันแปลกประหลาดตาตรงหน้า รอบตัวนั้นเป็นสีเงินเหมือนทำจากโลหะทุกที ความเงาของมันทำให้เห็นร่างกายของเธอได้เลยยิ่น่าแปลกใจว่าที่นี่คือนรกงั้นเหรอ
“ที่นี่มัน...?”
โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าที่นี่มันคือที่ไหนหรือว่าเป็นทางผ่านตรงดิ่งไปยังนรกงั้นเหรอ แต่ว่าเธอพึ่งสังเกตว่าโกรอสก่อนหน้าที่เข้ามาไม่อยู่ตรงนี้ ยิ่งทำให้สงสัยว่าเธอถูกพามาที่ไหนจนเธอกำลังจะหันหลังออกไปจากที่นี่ แต่ว่าประตูที่พาเธอเข้ามายังที่แห่งนี้ได้หายไปแล้ว
“ซวยล่ะ!!”
ข้างหลังเธอเหลือเพียงแค่กำแพงหนาที่ทำจากหินสีดำหนา สีหน้าอันตกใจของโพรทาเลียเริ่มซีดเผือกว่าเธอเลือกทางผิดงั้นเหรอ แต่เธอเหลือเวลาไม่มากเธอต้องรีบหาทางไปยังนรกให้ได้ เธอหมุนตัวไปข้างหน้าเพื่อเดินตามทางที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่ ในมุมมืดจุดหนึ่งมีเงาปริศนากำลังจ้องมองเธอจากที่ไกล ๆ เขายกมือขึ้นก็เกิดควันสีดำขึ้นมาบนฝ่ามือ
โพรทาเลียกำลังเดินไปตามทางที่ไร้จุดสิ้นสุดและไร้ประตูให้เข้าไป มันยิ่งทำให้เธอสับสนว่าเธอเหลือเวลาแค่ไหนกันที่จะออกไปจากที่นี่ ยิ่งเดินเธอก็ยิ่งล้ามันต่างจากข้างนอกสุด ๆ การหายใจมันลำบากสุด ๆ จนเธอนั้นต้องหาน้ำขึ้นมาดื่ม เธอค้นหาขวดน้ำในกระเป๋าคาดเอว พอหยิบขวดน้ำขึ้นมาแล้วยกดื่มเพียงแค่ไม่กี่อึกเธอต้องกระอักน้ำออกมาจากปากพร้อมเลือดสีแดงไหลออกมา
“อ๊า!! ร้อน!! เรื่องบ้าอะไรกัน!!!”
โพรทาเลียตะโกนออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากปาก เธอมองน้ำในขวดที่ไม่มีอะไรนอกจากความใสของมัน
“ระวังไว้นะ ที่นี่ต่างจากข้างนอกกินเข้าไปแล้วมันเหมือนจะเป็นพิษต่อเจ้านะ!!” รัลปรากฏตัวออกมาพร้อมกับลอยมาตรงหน้า
“รัล...หมายความว่าไง...”
“ข้าไม่แน่ใจนะว่าเป็นอย่างที่ข้าได้ยินจากท่านพี่ไหม...นี่อาจจะเป็น...สถานที่หนึ่งในนรกที่ไม่เคยมีคนเห็นนะ...”
“สถานที่ในนรก...แต่มันไม่เห็นร้อนเลยสักนิด…”
“หน้าตาของมันอาจจะเป็นแบบนั้นแต่ระวังไว้ สิ่งที่เธอดื่มหรือจะกินมันอาจจะเป็นพิษฆ่าเธอได้...”
“บ้าชิบ!!”
โพรทาเลียสบถออกมาอย่างไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเข้ามายังสถานที่อันแปลกประหลาดแบบนี้แถมของกินที่เธอเอามายังกลายเป็นพิษอีก รัลที่กำลังมองอีกฝ่ายที่กำลังทรมานจากพิษที่ได้รับนั้น เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังมาทางนี้
“มีอะไรกำลังมา!!”
“ว่าไงนะ!?”
โพรทาเลียรีบเช็ดเลือดที่ออกมาจากปากของตนเองแต่ยังไงก็ตามทีมันก็ยังไหลออกมาอยู่ดี เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองตรงหน้าก็เห็นเหล่ากองทัพสิบนายกำลังวิ่งพุ่งตรงมาทางนี้
“โครงกระดูกเหรอ!?”
“ฮาเดสส่งมาหรือไงกัน?” รัลกล่าวขึ้นมาอย่างสงสัย
“พวกโครงกระดูกเนี่ยนะ?”
“ใช่...แต่...อีกอย่าง...ถ้าไม่ใช่ฮาเดส...ก็อาจจะเป็นสายเลือดของเขาก็ได้”
“สายเลือดฮาเดสเหรอ?”
ยังไม่ได้พูดอะไรต่อนั้นโครงกระดูกตนหนึ่งก็พุ่งมาฟาดฟันใส่โพรทาเลีย ตัวเธอรีบถอยหลังสุดกำลัง พื้นที่โดนโครงกระดูกฟาดใส่ถึงกับยุบลงไปจนเกิดดรอยแตกรอยแยกเป็นวงกลม เธอเห็นแบบนั้นก็อารมณ์ขึ้นทันทีที่โดนโจมตีก่อนแบบนี้
“โจมตีแบบนี้...จะฆ่ากันเลยเหรอ!? ได้!! ฉันกำลังเลือดขึ้นหน้าเลยล่ะ!!”
“เลือดขึ้นปากมากกว่ามั้ง...” รัลกล่าวมองสภาพอีกฝ่ายที่เลือดยังไหลออกมาจากปาก
“หุบปาก! รัล!!”
โพรทาเลียจับไปที่ด้ามดาบแล้วชักออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว ดาบของเธอกำลังเปร่งประกายเหมือนมันได้รับพลังจากเจ้าของอย่างเต็มที โพรทาเลียปล่อยพลังออกมาจากร่างกายอย่างเต็มกำลังก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปจัดการพวกมันทั้งสิบตน เธอตวัดดาบหมุนตัวฟันตัวตรงหน้า ก่อนจะไถลไปฟันอีกตัวกลางลำตัวจนมันล้มลงไป กระบวนท่าต่าง ๆ โจมตีพวกโครงกระดูกได้อย่างง่ายดายจนทำให้คนที่แอบซ่อนอยู่นั้นเห็นถึงกับตะลึงในสิ่งที่เห็น ก่อนที่เขานั้นจะเรียกพวกโครงกระดูกเพิ่มขึ้นมาอีก
โพรทาเลียที่กำลังหอบหายใจหลังจากจัดการพวกโครงกระดูกสิบตน ยิ่งร่างกายไม่สมบูรณ์จากการรับพิษเธอยิ่งรู้สึกหอบและอ่อนล้าสุด ๆ
“บ้าจริง...”
โพรทาเลียสบถออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนเข้ามา เธอก็หันไปมองทิศของเสียงก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด นั้นก็คือกองทัพโครงกระดูกอีกชุดที่กำลังวิ่งมาทางนี้แถมยังมีจำนวนที่เยอะกว่าด้วย
“อ๊ากกกกกกกก!! ฉันกำลังรีบนะเว้ย!! ฉันช้ากว่านี่ เจสันต้องตายจริง ๆ แน่!!”
‘!!!’
ผู้หลบซ่อนอยู่นั้นได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปชั่วขณะก่อนที่พวกโครงกระดูกกำลังโจมตีเด็กสาวอยู่ เขามองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเอ่ยชื่อนั้นคงไม่ได้หมายถึงเจสัน เกรซใช่ไหม เพราะมีคนเดียวเท่านั้นที่ตายในช่วงนี้ ยิ่งทำให้คิดว่าอีกฝ่ายนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเจสัน เขาครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเห็นว่าเด็กสาวล้มลงเพราะความอ่อนล้า โครงกระดูกกำลังจะฟาดใส่เด็กสาว ผู้หลบซ่อนเห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาหยุดการโจมตีทุกอย่าง
‘หยุด!!’
โพรทาเลียเห็นการโจมตีตรงหน้าที่กำลังจะฟาดฟันใส่เธอ ทำให้เธอต้องยกมือที่ถือดาบขึ้นมาห้องกัน แต่ทว่าโครงกระดูกก็หยุดชะงักไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โพรทาเลียจ้องมองอย่างตกใจที่จู่ ๆ โครงกระดูกก็หยุดนิ่งไป ก่อนที่พวกมันจะเก็บอาวุธแล้วถอยหลังกันไป โพรทาเลียจ้องมองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะมีฝีเท้าดังขึ้นมาตามทาง เธอหันไปต้นเสียงท่ามกลางกองทัพโครงกระดูกมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผิวกายที่ซีดเผือก ผมดำหยักศกและดวงตาสีดำกำลังจ้องมองมาทางนี้ ถึงรูปลักษณ์อีกฝ่ายจะดูแตกต่าง แต่เธอก็จำได้อย่างดีว่าคนนั้นคือใคร
“นิโค...ดิแองเจโล...”
“รู้สึกเธอจะรู้จักฉันนะ...คนแปลกหน้า...”
“ก็...นิดหน่อย...แต่นาย...เป็นคนควบคุมพวกมัน...จะฆ่าฉันเหรอ?”
“ก็...ใครที่เข้ามายังที่แห่งนี้...ถ้าไม่ใช่พวกโกรอส...ฉันจะตัองฆ่าให้หมดล่ะนะ...”
“เหอะ ๆ”
‘นี่เหรอ...คนที่ยิ้มอย่างน่ารัก...ตอนมาช่วยพาพวกฉันไปค่ายนะ...’ โพรทาเลียคิด
นิโคจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังมองเขา ความรู้สึกของเขากำลังคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครแล้วทำไมต้องการจะช่วยเจสันกัน แต่ว่าการช่วยคนที่ตายไปแล้วไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นั้นทำให้เขาคิดว่าควรจะพูดยังไงกับอีกฝ่าย
“จงกลับไปซะ!!”
“เอ๊ะ?” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวอย่างตกใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไร “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกให้เธอกลับไปซะ!!”
“หมายความว่าไง?”
“เธอบอกเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ? ว่าจะมาช่วยเจสัน เกรซ”
“ใช่ แต่ว่า...”
“เขาตายไปแล้ว!!” นิโคขึ้นเสียงจนมันดังไปทั้งบริเวณนั้น
เสียงอีกฝ่ายที่ดังเข้าโซนประสาทของโพรทาเลียทำให้เธอนิ่งไปชั่วขณะ เธอรู้ว่าเจสันตายไปแล้ว แต่เธอยังไม่หมดความหวังว่าอีกฝ่ายที่กำลังจะตายในอีกไม่ช้า ถ้าเธอไม่รีบจนเธอนั้นรู้สึกว่าต้องตอกหน้าอีกฝ่ายสักทีกับคำพูดนั้นของอีกฝ่าย
“แล้วไง!?”
“ว่าไงนะ!?” นิโคยกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย
โพรทาเลียพยายามพยุงตนเองให้ลุกขึ้นแต่มันก็ลำบากยิ่งกว่าอะไรจนเธอพยุงตัวเองได้ เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะพูดต่อ
“ฉันบอกว่า...แล้วไง!? ฉันไม่สนใจหรอกนะว่านายจะพูดอะไร แต่ว่า...เจสัน เกรซยังมีชีวิตอยู่!!”
“เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง!? เขาตายมานานแล้ว!! เขากำลังเดินทางสู่เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ เธอจะไปขัดขวางเขาหรือไง!?”
“ฉันไม่สนใจ!! ฉันต้องไปช่วยเขาขึ้นมาจากนรกนั้นเพื่อให้สมดุลของโลกฉันกลับมา!! ไม่งั้นครอบครัวเขา...ครอบครัวฉัน...!! มันกำลังพัง!! ถ้าไม่มีเจสัน...ลูกน้อยทั้งสองของฉันก็จะหายไป...”
โพรทาเลียก้มมองมือของเธอที่กำลังสัมผัสหน้าท้องของเธอพร้อมความรู้สึกที่อัดอั้นสุด ๆ เธอนึกสองแฝดตัวน้อยของเธอที่เป็นแรงผลักดันให้เธอมีรอยยิ้มได้ เธอเงยหน้าจ้องมองนิโคอีกครั้ง
“ฉันไม่สนใจว่านายจะห้ามอะไร แต่ฉันจะช่วยเขา!! ฉันจะช่วยเจสันจนกว่าร่างกายนี้จะพังทลาย!!”
นิโคมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูมีอารมณ์ที่หลากหลายกว่าที่เขาจะเข้าใจ แต่มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงพี่สาวของเขาที่ไม่มีใครช่วยเธอได้จนเธอเสียสละตัวเองแล้วตายจากไป
‘เธอเป็นใครกัน...ทำไม...คนอย่างเธอถึงไม่โผล่มาตอนที่พี่สาวฉันอยู่กัน...ถ้าเธอโผล่มาเธอจะช่วยพี่สาวฉันไหม...ฉันอิจฉาเหลือเกิน...อิจฉาที่มีคนยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น...เหมือนพี่สาวฉัน...’ นิโคคิด
นิโคก้มหน้าลงเขาหันหน้าหนีอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหน โพรทาเลียมองอีกฝ่ายว่าถ้าอีกฝ่ายหนีเธอจะล็อกตัวอีกฝ่ายทันที นิโคเอามือขึ้นมาเช็ดบางอย่างบนใบหน้า ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาพร้อมกับมือที่นิ้วกำลังแตะเข้าหากัน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเจสันยังไง...แต่ฉันจะยอมปล่อยเธอไป...แต่ฉันบอกคำเดียว...เธอไม่มีวันช่วยเขาได้หรอกนะ!!” นิโคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังดูถูกอีกฝ่ายถึงความตั้งใจนั้น
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่านายจะคิดยังไง!! แต่ฉันจะทำให้นายเห็นว่าฉันสามารถช่วยเจสันกลับมาได้!! พาเขามายืนตรงหน้านายได้!!”
“แล้ว...ที่ไหน...ที่เธอจะพาเขาไปส่ง?” นิโคถามสถานที่ที่อีกฝ่ายจะพาเจสันไปส่ง
โพรทาเลียได้ยินคำถามก็อย่างมั่นใจ “ค่ายฮาล์ฟบลัด!!”
“งั้นเหรอ...งั้นฉันจะรอละกัน!!”
นิโคตอบอีกฝ่ายจบเขาก็ดีดนิ้วของเขาที่ตั้งตารออยู่สักพัก โพรทาเลียเห็นท่าทางอีกฝ่ายดีดนิ้วแบบนั้นก็รู้สึกเสียวขาของตนเองก่อนจะก้มมองก็เห็นหลุมสีดำที่อยู่ใต้เท้าตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนที่ร่างกายของเธอจะตกลงเข้าไปในหลุมนั้นอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! นิโคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!! เจ้าบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
น้ำเสียงอีกฝ่ายทำให้นิโคนึกถึงเพอร์ซีย์ขึ้นมาทันที นานแค่ไหนที่เขาไม่ได้กลับไปยังค่ายฮาล์ฟบลัดกันคงถึงเวลาที่เขานั้นจะต้องยอมเสียเวลาที่จะไปเยี่ยมทุกคนที่ค่ายเสียหน่อย แต่เขาเดินมามองมองหลุมดำที่เขาสร้างขึ้น
‘ถ้าเธอผ่านนรกนั้นมาได้จริง ๆ สร้างปาฏิหาริย์นั้นให้ฉันเห็นหน่อยละกัน คนแปลกหน้า...’นิโคคิด
หลุมดำนั้นพาโพรทาเลียไปสู่เส้นทางอันดำมืดที่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีดำรอบกายของเธอ ร่างกายที่ตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกก็ยิ่งตกลงมาเรื่อย ๆ ไม่เห็นก้นทางเลยสักนิด เวลายิ่งผ่านไปก็ไร้วี่แววจนกระทั่งเห็นบางอย่างเห็นแสงสว่างที่ก้นทางที่คิดว่าไม่น่าจะมี โพรทาเลียเห็นก็ฉีกยิ้มอย่างดีใจที่เธอกำลังจะถีงเส้นทางสู่นรก พอหลุดออกมาเส้นทางนั้นก็ต้องตาโตอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เธอเห็นนั้นก็คือกลางอากาศภายใต้ท้องฟ้าที่ไหนไม่รู้ก่อนที่ร่างกายของเธอจะพุ่งตกลงข้างล่าง
“ชิบ!! ทำไมต้องกลางอากาศตลอดเลยเนี่ย!!!”
เสียงตะโกนของโพรทาเลียดังไปทั่วพืนที่นั้นแล้วที่ที่เธออยู่นั้นทั้งดำมืดและไร้สีสัน เสียงอันดังก้องของโพรทาเลียทำให้คนที่เฝ้ารอได้แต่ฉีกยิ้มอย่างดีใจว่าคนที่เธอรอมาถึงเสียที
“พี่โพรทาเลีย!!”
จบตอนที่ 124 โปรดติดตามตอนที่ 125 ต่อไป