รักแท้ต้องพิสูจน์ด้วยเลือดและน้ำตา เพื่อเปิดโปงความจริงที่ถูกซ่อนไว้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับและอันตราย ความรักของเขากลายเป็นแสงสว่างที่นำทางให้เธอค้น นิยายสืบสวนสอบสวนในโลกของ Dark แฟนตาซี Monster สัตว์ประหลาดเวทมนต์สงครามและความรัก

Dragon Warrior นักรบมังกร - ตอนที่11 ปราสาทซิลเวอร์ลีฟ: การเดินทางสู่เงื้อมมือแห่งความตาย" โดย Koonma @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,ผจญภัย,อาชญากรรม,แฟนตาซี,พระเอกเก่ง,นางเอกฉลาด,นางเอกสวยมาก,สืบสวน ,สืบสวนสอบสวน,ต่อสู้,เวทมนตร์,เวทมนต์,เหนือธรรมชาติ​,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Dragon Warrior นักรบมังกร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,ผจญภัย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,พระเอกเก่ง,นางเอกฉลาด,นางเอกสวยมาก,สืบสวน ,สืบสวนสอบสวน,ต่อสู้,เวทมนตร์,เวทมนต์,เหนือธรรมชาติ​

รายละเอียด

รักแท้ต้องพิสูจน์ด้วยเลือดและน้ำตา เพื่อเปิดโปงความจริงที่ถูกซ่อนไว้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับและอันตราย ความรักของเขากลายเป็นแสงสว่างที่นำทางให้เธอค้น นิยายสืบสวนสอบสวนในโลกของ Dark แฟนตาซี Monster สัตว์ประหลาดเวทมนต์สงครามและความรัก

ผู้แต่ง

Koonma

เรื่องย่อ

ชื่อเรื่อง:Dragon Warrior นักรบมังกร (กำลัง รีไรท์เนื้อหา)

ภาค 1 "ปริศนาเงาคำสาป:Shadow Curse Mystery

แนวเรื่อง: Dark Fantasy, การผจญภัย, ความลึกลับ

เนื้อเรื่องย่อ:

ปฐมบท: ในเงามืดของโลกที่แหลกสลาย

กาลครั้งหนึ่ง โลกนี้เคยเต็มไปด้วยสีสันและความสดใส มนุษย์เคยเดินเคียงข้างกับสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค—เหล่ามังกร ผู้ปกครองฟ้าดินและน้ำ ทั้งสองเผ่าพันธุ์แบ่งปันโลกนี้กันอย่างสงบสุขมานานนับพันปี แต่สงครามแห่งรากนาร็อก (Ragnarok) เปลี่ยนทุกสิ่ง เหล่ามังกรและมนุษย์ถูกบีบให้ต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง ทว่าหลังสงครามสิ้นสุดลง สิ่งที่หลงเหลือไว้กลับเป็นเพียงซากปรักหักพังและบาดแผลที่ไม่มีวันลืม

สารบัญ

Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่1 ปฐมบท,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่2 การพบกันครั้งแรก ,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่3 คำให้การของ สเคิล,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่4 คำให้การของชายขอทาน ,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่5 ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ 1,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่6 ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ 2,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่ึ7 สิ่งที่ฉันคิด กับ คนขับรถม้า,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่8 ในเงาของฝน: ความลับที่ถูกปกปิด,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่9 คืนที่ฝนโปรยปราย: การตามล่าในความมืด,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่10 การตามล่าในความมืด2,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่11 ปราสาทซิลเวอร์ลีฟ: การเดินทางสู่เงื้อมมือแห่งความตาย",Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่12 "ราตรีแห่งความมืดและรอยเลือด",Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่13 ห้องทำงานของลอร์ดธอร์น,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่14 ห้องทำงานของลอร์ดธอร์น2,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่15 "ร่องรอยเลือดและสัญลักษณ์ที่ขาดหาย",Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่16 ห้องทรมานแห่งความจริง,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่17 ปริศนาสามใบมีด,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่18 ปริศนาของไนท์เชด,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่19 ผู้สาปแช่งนิรันดร์,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่20 คำสาปนิรันดร์,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่21 ความโกรธที่ลุกโชน,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่ 22 เงามรณะใต้ปราสาท,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่23 ภายในห้องลับ,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่24 กุญแจแห่งความลับ,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่25 เบื้องหลังหน้ากาก,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่ 26 บททดสอบแห่งมิตรภาพ,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่27 บททดสอบแห่งมิตรภาพ 2,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่ 28 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่29 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย2,Dragon Warrior นักรบมังกร-ตอนที่30 จบ

เนื้อหา

ตอนที่11 ปราสาทซิลเวอร์ลีฟ: การเดินทางสู่เงื้อมมือแห่งความตาย"

 

ปราสาทซิลเวอร์ลีฟ: การเดินทางที่ลึกลับและน่าหวาดหวั่น

รถม้าค่อยๆ ลัดเลาะไปตามทางหินขรุขระ ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและก้อนหินยื่นออกมาเหมือนฟันฉลาม ราวกับว่าทางนี้พยายามขัดขวางการเดินทางของพวกเขา ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ทางเดินเลียบหน้าผานั้นลื่นและอันตราย เสียงล้อบดกับพื้นกรวดดังก้องราวกับเสียงคำเตือนที่สะท้อนก้องไปมาในหูของผู้กล้าท้าทายเส้นทางนี้

ปราสาทซิลเวอร์ลีฟ ปรากฏขึ้นที่ปลายสายตาของพวกเขา มันตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง ราวกับยักษ์หลับที่ถูกลืมเลือน แสงจันทร์ซีดเซียวส่องผ่านเมฆหนาทึบลงมาสาดส่องบนผนังหินสีเทาของปราสาท เผยให้เห็นเงาของเถาวัลย์ที่เกาะกุมคล้ายอสูรกายที่พยายามกลืนกินมันไป ปราสาทที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและความหวัง ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงอนุสรณ์สถานแห่งความตายและความเงียบงัน ร่องรอยของการต่อสู้ที่รุนแรงยังคงปรากฏให้เห็นทั่วทุกแห่ง ราวกับว่ามันไม่เคยหยุดนิ่งนับตั้งแต่สงครามครั้งสุดท้าย

“มันดูน่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้มาก” เบลล์เอ่ยเสียงกระซิบ

ไนท์นั่งเงียบอยู่ในรถม้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่ปราสาทที่อยู่ไม่ไกลออกไป ดวงตาคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด ส่องประกายท่ามกลางความมืด “อาเธอร์ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล” เขาพึมพำเบาๆ แต่เสียงของเขาก็เข้าหูอาเธอร์ที่ขับรถอยู่

อาเธอร์ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดผ่านช่องสื่อสารระหว่างคนขับและในตัวรถม้า “มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทหารยามเฝ้าปราสาทอยู่เลยสักคน”

“ระวังตัวไว้ เหตุการณ์ดูไม่ปกติ” ไนท์หันมาบอกกับเบลล์

เบลล์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พยายามควบคุมความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? วันนี้มีแต่เรื่องประหลาด นี่มันไม่ใช่ชีวิตปกติที่ผู้พิทักษ์ทั่วไปจะต้องเจอจริงๆ หรอ? มันดูน่ากลัวไปไหมค่ะ หัวหน้า” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวล สายตาของเธอจับจ้องไปที่ปราสาทอย่างไม่วางตา ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้เธอหยุดหายใจได้

“คุณหนูเบลล์ครับ คุณหนูคงต้องทำใจให้ชิน เพราะว่าคุณมากับบอสผม รับประกันเลยว่าชีวิตคุณจะมีเรื่องตื่นเต้นทุกวัน เหมือนที่วัยรุ่นสมัยนี้ชอบพูดกัน ‘หนึ่งวันพันกว่าเรื่อง’” อาเธอร์พูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะอารมณ์ดี

เบลล์พึมพำกับตัวเอง “พวกคุณเป็นคนยังไงกันแน่ ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านเรื่องเฉียดตายมา แต่พวกคุณยังดูไม่สนใจเหมือนมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไร”

ไนท์หันมามองเธอเล็กน้อย รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของเขาปรากฏขึ้น

“แล้วปราสาทของหัวหน้ากิลที่อยู่ตรงหน้าที่คุณบอกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล คุณใช้พลังเวทย์ตรวจสอบเหรอ?” เบลล์ถามไนท์

“ผมก็แค่ใช้ลางสังหณ์น่ะ ไม่ได้ใช้พลังเวทย์อะไร” ไนท์ตอบอย่างจริงจัง

“ลางสังหณ์? คุณจะบอกว่าลางสังหณ์ของคุณใช้ในการสืบคดีอย่างนั้นหรอ? มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” เบลล์พูดกลับอย่างไม่เชื่อมั่น

“อย่างที่ผมบอก เดี๋ยวคุณหนูก็ชินครับ คุณหนูเบลล์ แต่ว่าลางสังหรณ์ของบอสเนี่ย ผมบอกได้เลยว่าเขาแม่นมาก” อาเธอร์เสริม

“ปราสาทของหัวหน้ากิลตรงหน้านั่น ฉันยังไม่เห็นว่ามันจะมีพิรุธอะไรเลย นี่คือหนึ่งในป้อมปราการเก่าแก่ที่แข็งแกร่งที่สุด มันจะมีอะไรได้ยังไง มันออกจะดูเงียบสงบ” เบลล์พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจ

“บางครั้ง ความเงียบสงบก็เป็นเพียงภาพลวงตา” ไนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง “ในที่ที่เงียบเกินไป มักจะมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่เสมอ”

อาเธอร์ ผู้ขับรถม้าที่นั่งอยู่ข้างหน้า มองผ่านสายฝนและหมอกหนาทึบไปยังทางข้างหน้า “เราใกล้จะถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตึงเครียด แม้จะดูเงียบสงบ แต่ในแววตาของเขากลับมีความระวังและพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด

….

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านเส้นทางขรุขระที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและก้อนหินคม เหมือนเส้นทางที่ยืดเยื้อออกมาจากความฝันที่เลือนลาง เสียงล้อบดกับกรวดดังก้องในความเงียบของคืนที่เต็มไปด้วยความอึมครึม ฝนตกลงมาเป็นระลอก ทำให้พื้นดินเปียกชื้นและลื่นไถลราวกับว่าธรรมชาติกำลังพยายามขัดขวางการเดินทางของพวกเขา แสงจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ ทิ้งเพียงเงาสลัวๆ ที่สร้างบรรยากาศน่าหวาดหวั่น

ในขณะที่รถม้าเคลื่อนผ่านพื้นที่อันเงียบสงัด ปราสาทซิลเวอร์ลีฟเริ่มปรากฏขึ้นที่ปลายสายตา มันตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงชัน ราวกับยักษ์หลับใหลในเงามืด ผนังหินสีเทาของปราสาทเต็มไปด้วยเถาวัลย์ที่เกาะกุมไว้เหมือนกับเงื้อมมือของปีศาจที่พยายามจะกลืนกินมัน แสงจันทร์ที่ลอดผ่านเมฆเพิ่มความเย็นยะเยือกให้กับบรรยากาศ ร่องรอยของการต่อสู้รุนแรงยังคงหลงเหลือให้เห็นตามจุดต่างๆ เสียงกรีดร้องและเสียงดาบกระทบกันยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ

“นี่มันน่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก” เบลล์พูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย สายตาของเธอไม่อาจละออกจากปราสาทที่ดูราวกับจะมีชีวิต

ไนท์นั่งเงียบอยู่ในรถม้า สายตาของเขาจ้องมองไปยังปราสาทอย่างเยือกเย็น ราวกับนักล่าที่เฝ้าจับตาดูเหยื่อ เขาไม่ต้องการพูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล “อาร์เธอร์ คุณรู้สึกอะไรไหม” เขาถามเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความสงสัย

อาร์เธอร์ที่นั่งขับรถม้าอยู่ด้านหน้า หันกลับมาสบตากับไนท์ผ่านกระจกเล็กๆ ที่ใช้สื่อสารกัน ดวงตาของเขามีประกายแห่งความระวังระไว “กลิ่นเลือด...มันแปลกเกินไป” เขาพูดด้วยเสียงที่มั่นคงแต่แฝงด้วยความกังวล

เบลล์หันไปมองไนท์ “กลิ่นเลือด? คุณหมายถึงอะไรคะ? ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” เธอถามอย่างสับสน สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความวิตกกังวล

“คุณไม่เคยชินกับมัน เบลล์” ไนท์ตอบเรียบๆ “แต่มันมีบางอย่างที่ไม่ปกติที่นี่ เราควรเตรียมตัวไว้”

ทันใดนั้น อาร์เธอร์ก็กระโดดพุ่งออกจากรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ หายลับไปในความมืดของป่าทึบ การกระทำที่ฉับไวของเขาทำให้เบลล์ตกใจ “เขากำลังทำอะไร?” เธอถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและสับสน

ไนท์ไม่ตอบ แต่ขึ้นมาควบคุมบังเหียนแทนอาร์เธอร์ สายตาของเขาจ้องตรงไปยังทางข้างหน้า ราวกับรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น “อาร์เธอร์รู้สึกถึงอันตราย...เขาไปตรวจสอบก่อนที่เราจะเข้าไป”

“อันตรายอะไร...จากไหน?” เบลล์ยังคงสงสัย แต่เธอรู้ว่าการถามไปตอนนี้คงไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

...

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่ของปราสาทซิลเวอร์ลีฟ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานพับที่ผุกร่อนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด เสมือนเสียงคร่ำครวญจากอดีตที่ถูกทิ้งร้างไปนาน ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากปราสาทนี้ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูน่าสะพรึงกลัว ราวกับว่าปราสาทกำลังต้อนรับพวกเขาด้วยเงื้อมมือแห่งความตาย

เมื่อรถม้าหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าปราสาท กลิ่นคาวเลือดก็ปะทะเข้ากับจมูกของพวกเขาทันที มันเป็นกลิ่นที่ฉุนและรุนแรง ราวกับว่าความตายได้เข้าครอบครองสถานที่นี้มานานแสนนาน เบลล์ยกมือขึ้นปิดจมูก สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียนและหวาดกลัว “หัวหน้า...ที่นี่มันเหมือนกับสุสาน” เสียงของเธอสั่นเครือ ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

ไนท์ก้าวลงจากรถม้าด้วยความสงบ สายตาของเขาจับจ้องไปที่สภาพรอบๆ ปราสาท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปทั่วทุกมุม “กลิ่นนี้...ไม่ใช่แค่กลิ่นเลือด มันคือกลิ่นของความตายที่ฝังลึกในสถานที่นี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ขณะที่เขาก้าวเข้าไปสำรวจบริเวณรอบๆ

เบลล์ตามหลังไนท์ลงมาอย่างหวาดหวั่น สายตาของเธอจับจ้องไปที่ศพของทหารที่นอนกองอยู่บนพื้นหินอ่อนที่เต็มไปด้วยรอยเลือดแห้งและรอยขีดข่วน พื้นที่เคยงดงามบัดนี้กลับกลายเป็นภาพสะท้อนของความโหดร้ายและความสิ้นหวัง “ที่นี่...มันเหมือนสนามรบที่ถูกทิ้งร้าง” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แทบจะกลั้นหายใจ

ไนท์เดินเข้าไปใกล้ศพทหารนายหนึ่งที่นอนเสียชีวิตด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดขณะที่ตรวจสอบรอยแผลนั้น “นี่ไม่ใช่สงครามธรรมดา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกสังหารหมู่ด้วยความโหดเหี้ยม” เขากล่าวพร้อมชี้ไปที่รอยแผล “พวกเขาตายอย่างทรมาน และการโจมตีนั้น...ดูเหมือนจะเป็นฝีมือมนุษย์”

“แต่ใครกันล่ะที่กล้าทำเรื่องแบบนี้?” เบลล์ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือ ความกลัวและความสงสัยถาโถมเข้ามาในใจของเธอ

ไนท์ตรวจสอบรอยแผลและร่องรอยรอบๆ “จากร่องรอยเหล่านี้...การโจมตีดูเหมือนจะเกิดจากพลังเวทมนตร์และคมมีดที่เฉียบคม นี่ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดทำได้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเฉียบขาด

“แต่นายมั่นใจได้ยังไงล่ะว่ามันเป็นฝีมือของคน ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเหมือนที่โจมตีรถม้าของเรา?” เบลล์ถามด้วยความสงสัยและความหวาดหวั่น

ไนท์หันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย “การโจมตีรถม้าของเรานั้นคล้ายกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่...มันมีร่องรอยของเวทมนตร์และการใช้พลังที่ซับซ้อน นี่คือฝีมือของจอมยุทธเวทมนตร์ พวกเขาสามารถผนึกพลังลงในหมัดและโจมตีเกราะเหล็กจนบุบได้...ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดทำได้”

เบลล์ยังคงยืนนิ่งด้วยความกลัว แต่เธอพยายามควบคุมอารมณ์และรวบรวมความกล้า “หัวหน้า...คุณคิดว่าเราจะปลอดภัยไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล

ไนท์หันมามองเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา “ถ้าคุณกลัว ผมจะปกป้องคุณเอง เบลล์” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าที่เคย

“ฉันไม่จำเป็นต้องให้คุณมาปกป้องหรอก” เบลล์ตอบกลับอย่างไม่มั่นใจ แต่ในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

ไนท์ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในตัวปราสาทเพื่อสำรวจต่อไป แต่ในใจของเขายังคงเฝ้าระวัง รู้สึกได้ว่าความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในที่นี้ยังคงรอคอยการเปิดเผย