จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

Memorise Sheep - 7 วิจัย โดย livven @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า,ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Memorise Sheep

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ

รายละเอียด

จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

ผู้แต่ง

livven

เรื่องย่อ

Memorise Sheep

(ความทรงจำของแกะน้อย)

 

ผู้เขียน : livven

 

ภาพ : Kewrom

---------------------------------------------

 

เรื่องย่อ

จอมขวัญ เด็กสาวที่เรียนจบมัธยมต้น และตอนนี้ได้ย้ายโรงเรียนใหม่เพื่อที่จะเข้าเรียนมัธยมปลาย

ในวันแรกที่โรงเรียนใหม่นั้น เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อนคนแรกที่เข้ามาทักทายทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มันจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ย้อนเวลา... ความฝัน... ทะลุมิติ...

จอมขวัญที่เป็นคนอ่านนิยายหรือดูภาพยนตร์มาเยอะ ได้สันนิษฐานไปเรื่อย

แต่แล้วก็มีลางสังหรณ์เกิดขึ้นในจิตใจ บ่งบอกว่านี่มันผิดธรรมชาติ มันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก

ไม่รู้ว่าหนทางแก้ไขของเรื่องนี้คืออะไร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่...

.

"เราชื่ออิง อิงดาวน่ะ"

"อืม... เราชื่อจอม จอมขวัญ"

.

ขอให้ความทรงจำของพวกเราอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวตลอดไป

 

---------------------------------------------

 

Trigger warning

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เนื้อหาบางส่วน ถ้อยคำพูดหรือพฤติกรรมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมกับผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18ปี

ข้อมูลในเนื้อหาบางส่วน อาจจะมีแหล่งอ้างอิงที่ไม่น่าเชื่อถือ

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

 

---------------------------------------------

อัพทุกวันเสาร์

.

ติดตามข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://x.com/_Shy_Rabbit (●ˇ∀ˇ●)

สารบัญ

Memorise Sheep-0 บทนำ,Memorise Sheep-1 ครั้งแรก,Memorise Sheep-2 ที่ปรึกษา,Memorise Sheep-3 อีกแล้ว,Memorise Sheep-4 อยากกลับ,Memorise Sheep-5 กลับมาแล้ว,Memorise Sheep-6 ข้อความ,Memorise Sheep-7 วิจัย,Memorise Sheep-8 ทฤษฎี,Memorise Sheep-9 คืบหน้า,Memorise Sheep-10 เชิญชวน,Memorise Sheep-11 สวนสนุก,Memorise Sheep-12 หงุดหงิด,Memorise Sheep-13 เพื่อน,Memorise Sheep-14 ความฝัน,Memorise Sheep-15 ความหวัง,Memorise Sheep-16 บันทึก,Memorise Sheep-17 เรียกขวัญ,Memorise Sheep-18 ล่องลอย,Memorise Sheep-19 เห็นแก่ตัว,Memorise Sheep-20 คนคนนั้น

เนื้อหา

7 วิจัย

เมื่อถึงเวลาพักทานอาหารมื้อเที่ยง พวกเรานัดว่าจะนั่งโต๊ะเดิม และพอกินข้าวเสร็จแล้ว ฉันก็ขอแยกตัวออกไปพบกับคุณครู

ทุกคนไม่ได้ถามต่อว่า ฉันไปทำอะไรที่ห้องพักครูตอนกลางวัน เพราะว่าตอนกำลังจะหมดคาบเรียน ครูฟิสิกส์คนนั้นบอกว่า ให้ฉันไปช่วยงานเขา

เพื่อนๆ ของฉันไม่อยากจะเสียสละเวลาพักกลางวันมาช่วย เลยทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ครูพูด มีเพียงอิงดาวที่พร้อมให้ความช่วยเหลือฉันเต็มที่ แต่ฉันก็ปฏิเสธไปด้วยถ้อยคำถนอมน้ำใจ

ฉันเดินมาถึงห้องพักครู แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมห้องพักครูนี้ถึงได้มีเพียงครูฟิสิกส์คนนั้นเพียงคนเดียว เขาไม่มีเพื่อนคบเลยเหรอ

“ขออนุญาตเข้าไปนะคะ” ฉันเคาะประตูห้องพร้อมกับเปิดประตูเล็กน้อยพอให้คนข้างในได้ยินเสียง

“เข้ามาสิ”

ฉันเดินเข้าไปและปิดประตูให้เรียบร้อย ความคิดในตอนนี้คือ... ฉันควรถามชื่อครูก่อนไหม ตอนเรียนคาบแรกเขาก็ไม่ได้แนะนำตัวแบบเป็นกันเอง มีเพียงช่องทางการติดต่อสำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเรียนและต้องการจะปรึกษา

“หนูขอถามชื่อครูได้ไหมคะ”

“น่านน้ำ เรียกครูน้ำก็ได้”

ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหน้าอ่อนกว่าวัย หรือเป็นเด็กที่เพิ่งจบใหม่ เขาทำให้ฉันเหมือนกำลังนั่งเรียนพิเศษกับพี่ข้างบ้าน ถ้าเกิดว่าฉันมีความหน้าด้านอีกสักหน่อยก็อยากจะถามอายุของเขา

“วันเสาร์นี้เธอว่างหรือเปล่า ครูไม่อยากรบกวนเวลาพักเที่ยง”

“ว่างค่ะ” ฉันตอบกลับไป

“ครูไปค้นหามาแล้ว เหมือนจะมีทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เธอเจอ”

“จริงเหรอคะ”

“อืม ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ห้องสมุดตอนบ่ายนะ ตอนเช้าครูมีนัดประชุม”

“ค่ะ”

ฉันตอบรับคำชวนนั้นไปแล้ว หวังว่าข้อมูลของครูน้ำที่ค้นคว้ามาจะมีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด

แต่ก่อนที่ฉันกำลังจะเปิดประตูก้าวออกจากห้อง ครูน้ำพูดขึ้นมาว่า “ถ้ามีคนถาม ให้บอกว่ามาทำวิจัยกับครู”

ฉันพยักหน้ารับคำและเดินออกจากห้องนั้น

แน่นอนว่าจะต้องมีคนถาม โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่ตอนนี้ควรจะอยู่ที่โรงอาหาร แต่กลับมายืนหลบมุมตรงบันไดเหมือนเป็นสายลับ

“คุยเรื่องอะไรกันอะ” ดรีมเป็นตัวแทนกลุ่มในการถามครั้งนี้

“ก็... เรื่องวิจัย”

“อะไรวะ? เพิ่งจะเข้าเรียนได้สามวันก็เริ่มทำวิจัยแล้ว” หลิวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

หลิวคงจะเข้าใจว่าฉันโดนคุณครูบังคับแน่นอน เพราะปกติฉันไม่ใช่เด็กเรียนที่นั่งหน้าห้องตลอด แต่ก็ไม่ได้โง่จนสอบไม่ผ่าน เป็นเพียงนักเรียนที่ได้เกรดกลางๆ

“หรือครูบังคับมึงให้ทำ?” พรีมกล่าว

ไม่รู้ในสายตาของพวกเพื่อนๆ จะเห็นฉันเป็นคนยังไง แต่พอได้มาเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น ฉันเริ่มสนใจเรื่องพวกนี้ทันที เพราะวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ฟิสิกส์คือการศึกษากฎของธรรมชาติ

ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ของมัน แต่โลกใบนี้มันบอกกล่าวกับพวกเราด้วยเสียงไม่ได้ มันเลยแสดงให้เห็นเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ บ่งบอกว่ามันมีข้อจำกัด มีขอบเขต และต้องมีคนคอยควบคุมความสมดุล

“กูอาสาทำกับครูเขาเอง พอดีตอนนี้กูกำลังสนใจเรื่องนี้” ฉันตอบกลับ

“แต่มันดูยากนะ” อิงดาวกล่าว

“ก็ต้องลองดู ถ้ามันยากเกินความสามารถ เราก็จะถอนตัว”

คำโกหกนี้... ไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อหรือเปล่า แต่ฉันไม่เชื่อ เพราะฉันจะไม่ถอนตัว จะต้องหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้ หาทางแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้องปกป้องทุกคนให้ได้

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ย้อนเวลาตอนนั้น ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องดี รู้สึกถึงความอันตรายที่กำลังมาเยือน และคนที่อยู่ในความฝันนั้นทำให้ลางสังหรณ์ของฉันชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

“อย่าหักโหมเกินไป ถ้าจะทำวิจัยยื่นเข้ามหาลัย ก็ยังมีเวลาอีกสองปีกว่า” เหมยพูดขึ้น

“รู้แล้วน่า”

“แล้วทำเรื่องอะไร” เบลถาม

“อืม... เกี่ยวกับปรากฏการณ์ของโลก แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำเรื่องไหน” ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคำโกหก แค่บอกไปไม่หมดก็เท่านั้น

เบลพยักหน้ารับ ใบหน้าของเบลเหมือนกับว่ารู้อะไรบ้าง พอฉันบอกว่าจะทำเรื่องอะไร เขาก็ดูกังวลแปลกๆ หรือเป็นฉันที่คิดมากไปเอง

“ไปๆ เข้าเรียนได้แล้ว” เหมยพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงออดเพื่อเตือนว่า นี่คือเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว

 

ทุกคนแยกย้ายไปเข้าห้องเรียนของตัวเอง

ระหว่างทางที่กำลังเดินไปที่ห้องเรียน อิงดาวก้าวเท้ายาวขึ้นเพื่อให้เดินทันฉัน “ถ้าไม่อยากทำ เดี๋ยวเราไปบอกครูให้”

อิงดาวเป็นคนใจดี เข้าใจความรู้สึกคนอื่น และยังเข้ากับผู้คนได้ง่าย ในความคิดของเธอคงอยากจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากวิชาฟิสิกส์ที่แสนยากเย็น แต่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อความรู้ของวิชานี้มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันต้องการ มันก็เป็นเพียงทางเดียว

“ไม่เป็นไร ถ้างานวิจัยนี้เสร็จแล้ว คงจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา”

“อืม ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ตลอดเลยนะ”

อยากยกมือลูบหัวลูกหมาน้อยตัวนี้จริงๆ ทั้งที่ตัวเองเกลียดวิชานี้ แต่กลับจะมาช่วยฉัน ตอนกำลังค้นหาข้อมูลคงจะอาเจียนออกมาเป็นสายรุ้ง

 

วันนี้ฉันกลับบ้านมาแล้วปกติดีทุกอย่าง หรือว่ามันจะจบแล้ว

แต่ก็ดีแล้วล่ะ ให้ได้มีเวลาพักผ่อนกันบ้าง เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม วิชาเรียนส่วนใหญ่จึงไม่ได้สั่งการบ้าน

คงเป็นวันที่ดีในการเปิดคอม เล่นเกม และหวังว่าจะไม่มีอะไรมาขัดในช่วงเวลาแห่งความสุข

 

และเช้าวันเสาร์ก็มาถึง เมื่อคืนไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ฉันนั่งเล่นเกมคนเดียวได้สักพัก หลิวก็ส่งข้อความมาขอเล่นด้วย พอเล่นเสร็จก็แยกย้ายกันนอน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการย้อนเวลา หรือความฝันแปลกๆ

 

ถ้าได้นอนหลับสบายๆ แบบนี้ทุกวันก็คงดี

 

ฉันตื่นมาตอนเก้าโมงเช้า เป็นเวลาที่กำลังดีสำหรับการตื่นนอนในเช้าวันเสาร์ และลงมากินข้าวเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้

ตอนทานข้าวมื้อเย็น แม่บอกว่าจะไปช่วยลุงเก็บทำข้าวเหนียวมูนมะม่วง เพราะเมื่อวานก่อนทำได้แค่เก็บผลมะม่วง ลุงกับป้าไม่คิดว่าต้นจะออกลูกเยอะขนาดนี้เลยชวนแค่แม่ไปเก็บกันสามคน ไม่ได้บอกคนอื่นเลย

ส่วนฉันมีนัดตอนบ่ายโมงกับครูน้ำ ฉันควรจะเตรียมตัวอะไรเพิ่มเติมไหม หรือจะไปแค่ตัวกับหัวใจ ในระหว่างที่นั่งกินข้าวคนเดียว ฉันก็นั่งเรียงคำพูดให้ดูเป็นผู้เป็นคนมากที่สุด

 

แม่ให้ลุงขับรถมาส่งฉันที่โรงเรียน พอเดินเข้าประตูหน้าโรงเรียน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือที่พวกนักเรียนเรียกกันว่ายาม นั่งเฝ้าประตูอยู่ และเขาถาม “เจ้าหนู มาทำอะไรที่โรงเรียนตอนวันหยุดล่ะ”

“มาทำวิจัยค่ะ”

“กับครูคนไหน”

จำเป็นต้องถามละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าครูน้ำถึงบอกว่าให้ตอบแบบนั้น “ครูน้ำ น่านน้ำค่ะ รู้จักไหมคะ”

“ก็... เหมือนจะเคยได้ยิน เข้าไปได้แล้ว”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ และเดินตรงไปที่ห้องสมุดตามที่นัดกับคุณครูไว้

 

พอฉันเข้ามาที่ห้องสมุด ก็มองเห็นครูน้ำกำลังยกกองหนังสือมาวางไว้บนโต๊ะ ฉันเดาว่าน่าจะเป็นหนังสือที่เป็นแหล่งอ้างอิงของข้อมูลที่ครูน้ำได้ค้นหามา

“นั่งก่อนสิ” เขาเห็นว่าฉันมาแล้ว เลยบอกให้นั่งรอก่อน แต่ฉันควรไปช่วยเขาก่อนไหมนะ

“ไม่ต้องคิดมาก เธอเพิ่งจะอยู่ ม.สี่ ให้มาค้นเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเองได้ยังไง ระหว่างนี้เธอลองเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ครูฟังหน่อย” ครูน้ำพูดขึ้นพร้อมกับเปิดแฟ้มวางเอกสารที่เตรียมไว้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ฉันเล่าเรื่องให้ครูฟังตั้งแต่ตอนจนจบ โดยที่เขาไม่พูดขัดเลยสักคำและค่อยจดบันทึกที่เขาสนใจ

“ควอมตัม”

“คะ?”

“เธอเคยได้ยินคำว่า ปรากฏการณ์ควอมตัม หรือเปล่า”

“ไม่เคยค่ะ”

ฉันส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา ปกติฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และเมื่อก่อนฉันคิดว่าเรื่องการย้อนเวลาหรือความฝันต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องของเวทมนตร์ มันคงเป็นอิทธิพลมาจากการอ่านนิยาย

แต่นักวิทยาศาสตร์ในช่วงยุคที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ ก็มีคนคิดว่าเขาเป็นพ่อมด แม่มดที่สามารถร่ายเวทได้ตามใจสั่ง

“มันคือทฤษฎีทับซ้อน”

“คะ?”