จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

Memorise Sheep - 8 ทฤษฎี โดย livven @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า,ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Memorise Sheep

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ

รายละเอียด

จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

ผู้แต่ง

livven

เรื่องย่อ

Memorise Sheep

(ความทรงจำของแกะน้อย)

 

ผู้เขียน : livven

 

ภาพ : Kewrom

---------------------------------------------

 

เรื่องย่อ

จอมขวัญ เด็กสาวที่เรียนจบมัธยมต้น และตอนนี้ได้ย้ายโรงเรียนใหม่เพื่อที่จะเข้าเรียนมัธยมปลาย

ในวันแรกที่โรงเรียนใหม่นั้น เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อนคนแรกที่เข้ามาทักทายทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มันจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ย้อนเวลา... ความฝัน... ทะลุมิติ...

จอมขวัญที่เป็นคนอ่านนิยายหรือดูภาพยนตร์มาเยอะ ได้สันนิษฐานไปเรื่อย

แต่แล้วก็มีลางสังหรณ์เกิดขึ้นในจิตใจ บ่งบอกว่านี่มันผิดธรรมชาติ มันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก

ไม่รู้ว่าหนทางแก้ไขของเรื่องนี้คืออะไร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่...

.

"เราชื่ออิง อิงดาวน่ะ"

"อืม... เราชื่อจอม จอมขวัญ"

.

ขอให้ความทรงจำของพวกเราอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวตลอดไป

 

---------------------------------------------

 

Trigger warning

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เนื้อหาบางส่วน ถ้อยคำพูดหรือพฤติกรรมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมกับผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18ปี

ข้อมูลในเนื้อหาบางส่วน อาจจะมีแหล่งอ้างอิงที่ไม่น่าเชื่อถือ

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

 

---------------------------------------------

อัพทุกวันเสาร์

.

ติดตามข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://x.com/_Shy_Rabbit (●ˇ∀ˇ●)

สารบัญ

Memorise Sheep-0 บทนำ,Memorise Sheep-1 ครั้งแรก,Memorise Sheep-2 ที่ปรึกษา,Memorise Sheep-3 อีกแล้ว,Memorise Sheep-4 อยากกลับ,Memorise Sheep-5 กลับมาแล้ว,Memorise Sheep-6 ข้อความ,Memorise Sheep-7 วิจัย,Memorise Sheep-8 ทฤษฎี,Memorise Sheep-9 คืบหน้า,Memorise Sheep-10 เชิญชวน,Memorise Sheep-11 สวนสนุก,Memorise Sheep-12 หงุดหงิด,Memorise Sheep-13 เพื่อน,Memorise Sheep-14 ความฝัน,Memorise Sheep-15 ความหวัง,Memorise Sheep-16 บันทึก,Memorise Sheep-17 เรียกขวัญ,Memorise Sheep-18 ล่องลอย,Memorise Sheep-19 เห็นแก่ตัว,Memorise Sheep-20 คนคนนั้น

เนื้อหา

8 ทฤษฎี

“เธอไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่แปลกหรอก” เหมือนครูน้ำจะสังเกตเห็นรอยย่นตรงระหว่างคิ้วของฉัน จึงพูดกล่าวขึ้น

หลังจากนั้นเขาก็เล่าให้ฉันฟังว่า ทฤษฎีนี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับ และยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันคือความจริง แต่ฉันก็เคยเห็นภาพยนตร์หรือนิยายหลายๆ เรื่องนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาอยู่บ้าง เลยทำให้เข้าใจในสิ่งที่ครูกำลังอธิบาย

“การที่มันจะเกิดการทับซ้อนกันได้ นั่นแปลว่าจะต้องมีของสิ่งนั้นอย่างน้อยสองอัน” ครูน้ำอธิบายเพิ่มเติม

“ครูจะบอกว่า ในโลกนี้มีคนแบบเราอยู่อีกคนหนึ่งเสมอเหรอคะ”

“ไม่ใช่ เราเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่สิ่งของที่จะทำซ้ำขึ้นมาอีกครั้งได้ง่ายๆ”

ก็เป็นความจริงตามคำที่ครูกล่าว ฉันเคยเห็นในภาพยนตร์อยู่เรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นนำเสนอเกี่ยวกับมนุษย์โคลนนิ่ง ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีในโลกเรายังไม่ได้ล้ำสมัยขนาดนั้น

“ครูว่าเธออาจจะเข้าใจผิด ทฤษฎีการทับซ้อน...มันเกิดมาจากสิ่งเดียว และสิ่งนั้นจะสามารถอยู่ได้ทั้งสองสถานที่ในเวลาเดียวกัน”

 

ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ

 

นั่นคือความคิดที่อยู่ในหัวตอนนี้ แต่ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเปล่งสีคำนั้นออกไป

“อืม... ถ้างั้นครูทำการทดลองให้ดูดีไหม”

“ตอนนี้เหรอคะ ไม่ลำบากเหรอคะ”

“ใช้แค่สองอย่างนี้เอง”

ครูน้ำกล่าวขณะที่ยังค้นหาของที่อยู่ในกระเป๋าเพื่อทำการทดลองให้ฉันดูและเขาหวังว่ามันจะทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้น

หลังจากที่ค้นหาในกระเป๋าอยู่นาน ครูน้ำเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า เลเซอร์ มันสิ่งที่เขาใช้สอนในห้องเรียน รูปร่างเป็นรูปทรงกระบอกอันเล็ก พกพาง่าย และถ้ากดปุ่มอยู่ตรงกลางจะมีแสงสีแดงเป็นลำเส้นตรงยาว

เหมือนว่าอุปกรณ์ยังไม่ครบ เขาจึงหยิบสมุดบันทึกที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา และฉีกกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น แล้วทำการตัดกระดาษแผ่นนั้นให้มีรูเป็นเส้นตรงยาวสองรูอยู่ตรงกลางแผ่นกระดาษ

ครูน้ำถือกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา แล้วนำเลเซอร์ส่องไปที่กระดาษ แสงของเลเซอร์ตกกระทบกับกำแพง ทำให้ปรากฏเส้นสีแดงเรียงแถวกันหลายเส้น ทั้งที่จุดกำเนิดมีเพียงแสงของเลเซอร์แค่เส้นเดียว

“เห็นไหม แค่กระดาษมีรูแค่สองช่องก็ทำให้แสงของเลเซอร์แยกเป็นหลายเส้นได้ ทฤษฎีนี้เกี่ยวกับคลื่นแทรกสอด ถ้าเธอสนใจก็ไปอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้” ครูน้ำกล่าว

“หนูพอเข้าใจอยู่บ้างค่ะ แต่มันเกี่ยวกับเรื่องที่เจอยังไงเหรอคะ”

“เคยได้ยินโลกคู่ขนานหรือเปล่า”

“พอได้ยินมาบ้างค่ะ”

“พวกเขาเชื่อกันว่าโลกของเราไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว แต่ยังมีอีกโลกในเอกภพอื่นๆ ด้วย มีตัวตนของเราหลายคน ตัวตนของเราที่เลือกเส้นทางชีวิตไม่เหมือนกัน”

มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันต้องมีเหตุผลบางอย่างอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะทางวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ตาม

“แต่ถ้าอ้างอิงตามที่ครูบอก ตัวตนของเราจะอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่มีทางข้ามไปต่างโลกหรืออีกเอกภพได้” ฉันพูดความเห็นของตัวเองออกไป

“แล้วถ้ามันเกิดความผิดปกติของเอกภพล่ะ ...ถ้ามันมีอะไรบางอย่างไปเปิดประตูเวลานั้น แล้วสามารถข้ามไปอีกโลกได้ละ?” ครูน้ำถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง

มันก็เป็นความจริงที่ว่า ตอนที่ฉันข้ามไปอีกที่นั่น จุดเชื่อมสถานที่คือประตู ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าบ้านหรือประตูห้องน้ำในบ้าน แต่ครั้งล่าสุดละ ฉันกลับมาที่นี่ยังไง

“ถ้างั้น... ตัวตนของหนูในอีกโลกหนึ่ง เขาอยู่ไหนเหรอคะ ตอนที่หนูอยู่ที่นั่น” ฉันถามกลับไปด้วยความสงสัย

“ก็อาจจะมาอยู่ที่นี่แทนเธอก็ได้” ครูน้ำตอบกลับ

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมข้อความในโทรศัพท์ตอนนั้นถูกส่งไปหาหลิว ทั้งที่ตัวฉันไม่ได้เป็นคนส่งข้อความไป และยังไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกด้วย

เหมือนว่าฉันจะได้คำตอบมากขึ้น ได้รู้เหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ แล้ววิธีแก้ไขมันคืออะไร ฉันไม่อยากให้มันเกิดเรื่องพวกนี้กับคนอื่นเลย

“มันพอจะมีวิธีแก้ไขบ้างไหมคะ” ฉันกล่าวถาม

“มันเป็นเรื่องของจักรวาล เราที่เป็นอนุภาคเล็กๆ ในเอกภพนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย” ครูน้ำตอบกลับ

เอกภพนี้กว้างใหญ่ พวกเราที่เป็นมนุษย์เปรียบเสมือนเม็ดทรายในมหาสมุทร ที่มีขนาดเล็กและไร้ค่ามากที่สุด

“มันต้องมีทางสิคะ” ฉันไม่ยอมแพ้ที่จะหาทางออกของเรื่องนี้หรอกนะ ในเมื่อเคยมีมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้บ้างล่ะ มันต้องลองทำ เผื่อว่ามันจะมีสักทางออกให้แก่พวกเรา

“เราไปยุ่งอะไรกับเส้นแบ่งเวลาไม่ได้หรอกนะ เธอเป็นพระเจ้าหรือไง” ครูน้ำตอบกลับพร้อมกับเสียงถอนหายใจ

“ไม่ลองทำ ไม่มีทางรู้ค่ะ” ฉันเป็นพวกที่ต้องได้ลองทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่รอด แต่ถ้าลองทำแล้วมันได้ผลก็คุ้มค่าที่เสี่ยงหรือเปล่า

“จนกว่าเรื่องนี้มันจะจบลง หนูขอให้ครูเป็นที่ปรึกษาเรื่องนี้ได้ไหมคะ”

“ได้อยู่แล้ว ต้องลำบากเธอแล้วล่ะ”

 

ฉันบอกพ่อให้มารับเวลาเรียนตามปกติ ในระหว่างที่อยู่ในห้องสมุดกับครูน้ำ ฉันก็หาหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีที่ครูน้ำบอกมาก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องทฤษฎีทับซ้อน การแทรกสอดของคลื่น โลกคู่ขนาน

ฉันเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจ บทความในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างน่าดึงดูด ในนั้นเขียนไว้ว่า

 

นักฟิสิกส์คาดเดาไว้ว่ามีโครงสร้างอันแปลกประหลาด ที่มีผลกระทบเกี่ยวกับสถานที่และเวลาในอีกโลกหนึ่ง มันเรียกว่า รูหนอน

 

ในนั้นอธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า รูหนอนก็เปรียบเสมือนหลุมดำ เพียงแต่หลุมดำเป็นสิ่งที่มีจริงทางธรรมชาติและสามารถพิสูจน์ได้ แต่สำหรับรูหนอนนั่น ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันมีอยู่จริง เป็นเพียงการคาดเดาหรือจินตนาการของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

ถ้าให้เปรียบเทียบเหตุการณ์ของฉัน กับรูหนอนที่พวกเขาจินตนาการก็คงจะมีประตูบ้านของฉันนี่แหละ ที่ดูเข้าเค้าโครงของเรื่องนี้มากที่สุด

ไม่รู้ว่าก่อนที่พ่อจะซื้อบ้านหลังนี้ มันมีประวัติอะไรแปลกๆ มาก่อนหรือเปล่า แต่ถ้ามีประวัติแบบนั้นอยู่จริง พ่อก็คงไม่ซื้อมาอยู่อาศัยหรอก หรือเป็นฉันคนเดียวที่เจอกับอะไรแปลกๆ พวกนี้

ฉันพลิกหน้าหนังสือเล่มนี้ต่อไปเรื่อยๆ พบว่ามีบทความเกี่ยวกับเวลาด้วย ในนั้นเขียนไว้ว่า

 

เราไม่สามารถย้อนเวลาได้ แต่สามารถเดินทางไปยังอนาคตได้ โดยที่ตัวเราจะต้องเดินทางไวกว่าแสง

 

หรือว่าโลกที่ฉันไปอยู่ เวลาจะเดินช้ากว่าที่นี่

แล้วทำไมฉันถึงอยู่ที่นั่นนานไม่ได้ล่ะ

ทำไมต้องออกก่อนเวลาที่พวกเขาบอก ซึ่งคนพวกนั้น... ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นพระเจ้าที่ควบคุมโลกหรือควบคุมทุกเอกภพอยู่กันแน่

ฉันลองเอาคำพูดของครูน้ำกลับมาคิดอีกครั้ง

 

ในโลกนี้จะมีคนแบบเราอยู่อีกคนเสมอ

 

แต่ฉันกับตัวตนของฉันในอีกโลกนั่นไม่สามารถอยู่ที่เดียวกันได้ ไม่เหมือนกับทฤษฎีคลื่นแทรกสอดที่อ่านไปเมื่อครู่

ไม่ใช่... คลื่นแทรกสอดมีสองประเภท คือแบบเสริมกับหักล้าง

ถ้าตัวตนของฉันอีกคนในโลกนั้นมีอะไรเหมือนกันกับฉัน มันคงจะเป็นแบบเสริม แต่ถ้าเขาไม่เหมือนกับฉัน... เมื่อเจอกันย่อมอยู่ด้วยกันไม่ได้ จำเป็นต้องมีอีกคนหายไป

เพราะแบบนั้น ตอนที่ฉันเดินทางไปที่โลกนั่น ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดต่อครอบครัวมากกว่าปกติ รู้สึกเหมือนฉันไม่เคยทำอะไรดีๆ กับพ่อแม่เลยสักครั้ง ความรู้สึกมันส่งต่อให้กันได้หรือยังไง

พอจะหาคำตอบเจอก็เหมือนเจอทางตัน แต่ถ้าเจอทางตันก็แค่พยายามขุดมันอีกสักหน่อย คงจะเจอทางไปต่อเองแหละ

 

----------------------------------------------------

รูปภาพประกอบสำหรับช่วงที่อธิบายเรื่องเลเซอร์น้า เผื่อว่าใครงงๆ