จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

Memorise Sheep - 14 ความฝัน โดย livven @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า,ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Memorise Sheep

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ

รายละเอียด

จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

ผู้แต่ง

livven

เรื่องย่อ

Memorise Sheep

(ความทรงจำของแกะน้อย)

 

ผู้เขียน : livven

 

ภาพ : Kewrom

---------------------------------------------

 

เรื่องย่อ

จอมขวัญ เด็กสาวที่เรียนจบมัธยมต้น และตอนนี้ได้ย้ายโรงเรียนใหม่เพื่อที่จะเข้าเรียนมัธยมปลาย

ในวันแรกที่โรงเรียนใหม่นั้น เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อนคนแรกที่เข้ามาทักทายทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มันจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ย้อนเวลา... ความฝัน... ทะลุมิติ...

จอมขวัญที่เป็นคนอ่านนิยายหรือดูภาพยนตร์มาเยอะ ได้สันนิษฐานไปเรื่อย

แต่แล้วก็มีลางสังหรณ์เกิดขึ้นในจิตใจ บ่งบอกว่านี่มันผิดธรรมชาติ มันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก

ไม่รู้ว่าหนทางแก้ไขของเรื่องนี้คืออะไร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่...

.

"เราชื่ออิง อิงดาวน่ะ"

"อืม... เราชื่อจอม จอมขวัญ"

.

ขอให้ความทรงจำของพวกเราอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวตลอดไป

 

---------------------------------------------

 

Trigger warning

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เนื้อหาบางส่วน ถ้อยคำพูดหรือพฤติกรรมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมกับผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18ปี

ข้อมูลในเนื้อหาบางส่วน อาจจะมีแหล่งอ้างอิงที่ไม่น่าเชื่อถือ

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

 

---------------------------------------------

อัพทุกวันเสาร์

.

ติดตามข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://x.com/_Shy_Rabbit (●ˇ∀ˇ●)

สารบัญ

Memorise Sheep-0 บทนำ,Memorise Sheep-1 ครั้งแรก,Memorise Sheep-2 ที่ปรึกษา,Memorise Sheep-3 อีกแล้ว,Memorise Sheep-4 อยากกลับ,Memorise Sheep-5 กลับมาแล้ว,Memorise Sheep-6 ข้อความ,Memorise Sheep-7 วิจัย,Memorise Sheep-8 ทฤษฎี,Memorise Sheep-9 คืบหน้า,Memorise Sheep-10 เชิญชวน,Memorise Sheep-11 สวนสนุก,Memorise Sheep-12 หงุดหงิด,Memorise Sheep-13 เพื่อน,Memorise Sheep-14 ความฝัน,Memorise Sheep-15 ความหวัง,Memorise Sheep-16 บันทึก,Memorise Sheep-17 เรียกขวัญ,Memorise Sheep-18 ล่องลอย,Memorise Sheep-19 เห็นแก่ตัว,Memorise Sheep-20 คนคนนั้น

เนื้อหา

14 ความฝัน

ฉันนั่งรถพ่อของหลิวกลับมากับพวกเพื่อนๆ ด้วยกัน ไม่ได้โทรให้แม่มารับตามที่บอกเมื่อเช้า ด้วยความที่ไม่อยากทิ้งเพื่อนและไม่อยากทำตัวเหมือนลูกคุณหนู เลยต้องนั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องบนท้ายรถกระบะของพ่อหลิว

ดรีมกับแฟนแยกย้ายกลับไปก่อน เนื่องจากบ้านของแฟนดรีมอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ จึงใช้เวลานานในการเดินทาง

พวกเรานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลิวสักพัก แม่ของเบลก็มารับและพาอิงดาวกลับไปด้วย เพราะเห็นว่าบ้านอิงดาวนั้นไปทางเดียวกัน

ส่วนพวกเราสี่คนนั่งเล่นเกมอยู่ด้วยกันจนค่ำ รู้สึกตัวอีกทีก็พระอาทิตย์ตกดินไปซะแล้ว

“กี่โมงแล้ว” เหมยเอ่ยถาม

“เกือบทุ่มแล้ว” หลิวตอบ

“ฉิบ... กลับบ้านได้แล้ว!!” ดูเหมือนว่าเหมยจะมีธุระที่บ้าน หรือนัดอะไรกับยายไว้หรือเปล่า ถึงได้ดูรีบแบบนี้

เหมยอยู่กับยายแค่สองคนเหมือนกับอิงดาวเลย เพียงแค่ยายของเหมยนั้นดูจากหน้าตาน่าจะอายุน้อยกว่ายายของอิงดาวอยู่มาก และเนื่องจากยายของเหมยเคยเป็นครูมาก่อนจึงได้รับเงินบำนาญ ทำให้รายได้ค่อนข้างมั่นคงกวา

“ยายบอกว่าจะทำกับข้าวไว้รอกู” เหมยพูดต่อ

เวลาเหมยอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่สนิทจะพูดเป็นกันเองมากขึ้น แต่พออยู่กับกลุ่มเพื่อนใหม่จะระวังคำพูดตัวเองเสมอ

“กลับดิ!! เดี๋ยวยายมึงก็อดข้าวแล้วความดันขึ้นหรอก” พรีมกล่าวเสียงดัง

ทั้งสองคนบอกลาก่อนจะวิ่งออกจากบ้านหลิวไปด้วยความเร็วเทียบเท่ากับพวกนักแข่งโอลิมปิกเลยล่ะ

“เหลือเราสองคนแล้ว ทำอะไรดี” หลิวถาม

“ทำอะไร... กูก็กลับบ้านดิ”

“อ้าว... ไม่อยู่ต่อก่อนเหรอ”

“อยู่ก็แย่ล่ะ กูโทรให้พ่อมาแล้ว”

หลิวพยักหน้ารับก่อนที่จะถอนหายใจ เหมือนกับว่าผิดหวังที่เพื่อนทิ้งเขาไป แต่จะรู้อะไรไหมว่า มันดึกแล้ว! และฉันต้องกลับไปกินข้าวกับพ่อแม่เหมือนกัน

 

พอถึงกลับมาถึงบ้าน ฉันลงจากรถแล้วได้กลิ่นอาหารลอยมาแต่ไกล ทำเอาน้ำลายไหลได้เลย

เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน และเดินมุ่งตรงเข้าไปที่โต๊ะอาหารก็เห็นของกินตรงหน้าวางเต็มไปหมด

ของที่ฉันชอบกิน ของที่พ่อชอบกิน รวมอยู่บนโต๊ะเดียวกัน ทำเอาฉันกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า

“วันนี้ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง” แม่เอ่ยถาม

“สนุกดีค่ะ ได้แกล้งเพื่อนด้วย”

“ขี้แกล้งจังเลยนะ เดี๋ยวเพื่อนก็หายหมดหรอก” แม่หรี่ตาลงก่อนพูด

“ก็ขี้แกล้งเหมือนแม่นั่นแหละ” พ่อที่เดินเข้าทางทีหลังพูดแทรกขึ้น

“ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย”

“ดูก็รู้ว่าลูกได้นิสัยใครมา”

ฉันนั่งมองพ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องนิสัยของฉันเหมือนใครกันแน่อยู่ตลอด แล้วลองคิดตามที่พ่อกับแม่พูด ก็พบว่าฉันนิสัยค่อนข้างเหมือนแม่ แต่ก็มีบางมุมที่เหมือนพ่อด้วย

“กินข้าวกันเถอะ หนูหิวแล้ว”

ถ้ายังทะเลาะกันต่อไป วันนี้คงไม่ได้กินข้าวมื้อค่ำแน่ๆ

 

หลังจากจบมื้อค่ำที่มีปากเสียงกันนิดหน่อยระหว่างที่ทานอาหาร ฉันอาสาช่วยแม่เก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะ ส่วนพ่อก็แยกย้ายไปเคลียร์งานที่เหลือค้างไว้ประมาณหนึ่งแล้วไปอาบน้ำเข้านอนพร้อมกับแม่ที่ล้างจานเสร็จพอดี

ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ พร้อมกับกดปุ่มเปิดเพื่อให้เครื่องทำงานได้

หน้าจอปรากฏให้เห็นโฟลเดอร์ที่แยกประเภทข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ ฉันไม่มีความคิดล้มเลิกที่จะค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นแน่นอน

ถึงฉันจะทำมันแค่คนเดียว แต่มันก็เริ่มมีบางอย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่บางอย่างก็ดูไม่เป็นอย่างคิด

อย่างเช่น เรื่องเส้นเวลาของแต่ละโลกคู่ขนาน ถ้ามีโลกคู่ขนานอยู่จริง เส้นเวลาพวกนั้นจะไม่มีทางทับซ้อนกันเด็ดขาด

ฉันจึงสันนิษฐานไว้ว่า อาจจะมีใครสักคนบนโลกทดลองเรื่องเส้นเวลาจนเกิดความผิดปกติ ทำให้โลกเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

แต่ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นหลุดเข้าไปอยู่ที่ไม่ควรอยู่ล่ะ…

ยังไงก็ต้องหาทางป้องกันไว้ก่อน ถ้าสามารถป้องกันได้ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้

แต่มันจะทำยังไง... ในเมื่อฉันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีพลังวิเศษอะไร ไม่มีความรู้เรื่องนี้มากพอ หรือไม่มีทุนที่จะวิจัยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ

พอได้กลับมาเปิดคอมและอ่านข้อมูลที่เคยค้นหาไว้ก่อนหน้านี้ ในหัวสมองกลับว่างเปล่า รู้สึกอยากปล่อยวางแล้วปล่อยให้มันเป็นไปธรรมชาติ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้กับคนอื่น

นอนดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้จะดีขึ้น

 

เมื่อศีรษะถึงหมอน หนังตาที่พยายามยกขึ้นอยู่ตลอดก็ปิดลงมาอย่างง่ายดาย ความรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยล้าเริ่มจางหายไป

เข้าสู่ห้วงนิทราได้ไม่นาน ความรู้สึกเหมือนกำลังตกจากตึกสิบชั้นก็ผลุดขึ้นมา ฉันทนไม่ไหวจนต้องลืมตาขึ้นทันทีที่มีความรู้สึกใกล้ถึงพื้นดิน

แปลก...

ยังไม่ทันได้ลืมตาเต็มที จมูกที่ใช้รับรู้กลิ่นก็เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เหมือนอยู่ในโรงพยาบาล...

หา!?

พอลืมตาขึ้นเต็มตื่น มองดูสิ่งที่อยู่รอบตัว พบว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ และกำลังนั่งอยู่บนอะไรบางอย่าง เมื่อก้มลงไปมองดูพบว่าเป็นโถส้วม

ห้องน้ำ? ห้องน้ำโรงพยาบาล?

ฉันรีบลุกขึ้นยื่นแล้วเปิดประตูออกไป ภาพตรงหน้าเผยให้เห็นว่าเป็นตัวฉันที่กำลังสวมชุดนักเรียน บนปกเสื้อปักสามดาว ทำให้รู้ว่าเด็กสาวคนนี้เรียกอยู่มัธยมปลายปีสุดท้าย

อยู่ ม. หก เหรอ...

แต่ปัจจุบันฉันเรียนอยู่ ม. สี่ ชุดนี้ต้องปักแค่หนึ่งดาวสิ

เสียงเรียกชื่อคนไข้ให้ไปรับยาช่องต่างๆ ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ฉันแน่ใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาลแน่ๆ ไม่มีทางเป็นที่อื่น

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติของฉันให้กลับมาที่เดิม เป็นพ่อที่โทรเข้ามา ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับสายนี้

“ค่ะ”

[จอมอยู่ไหน มาที่โรงพยาบาลหรือยัง]

เป็นพ่อเองเหรอ ที่พาฉันมาที่นี่ แล้วมาทำอะไรล่ะ...

“มาแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ห้องน้ำ”

[ถ้างั้นรีบมาที่ห้องxxx ตึกผู้ป่วยใน]

“ค่ะ จะรีบไปนะคะ”

พ่อกดวางสายทันทีที่ฉันตอบรับ และฉันกำลังเดินไปที่เลขห้องตามที่พ่อบอกในสาย

ฉันเดินไปถึงหน้าห้องนั่นแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงที่กล่าวประโยคไม่น่าฟังออกมา ทำให้ต้องหยุดเดินและตั้งใจฟังอีกครั้งให้แน่ใจ ว่าข้อความที่พูดออกมานั้นเป็นความจริง

“คุณผู้หญิงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไตค่ะ”

“...”