จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

Memorise Sheep - 18 ล่องลอย โดย livven @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า,ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Memorise Sheep

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,แฟนตาซี,หญิง-หญิง,ข้ามเวลา,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ข้ามเวลา,โลกคู่ขนาน,เพื่อน,มิตรภาพ,นักเรียน,ดราม่า,ยูริ,yuri,แฟนตาซี,ทะลุมิติ

รายละเอียด

จอมขวัญ เด็กสาวที่เพิ่งจะเข้าช่วงมัธยมปลาย และดูเหมือนชีวิตในโรงเรียนใหม่กำลังเริ่มต้นไปได้ด้วยดี แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนสำคัญ

ผู้แต่ง

livven

เรื่องย่อ

Memorise Sheep

(ความทรงจำของแกะน้อย)

 

ผู้เขียน : livven

 

ภาพ : Kewrom

---------------------------------------------

 

เรื่องย่อ

จอมขวัญ เด็กสาวที่เรียนจบมัธยมต้น และตอนนี้ได้ย้ายโรงเรียนใหม่เพื่อที่จะเข้าเรียนมัธยมปลาย

ในวันแรกที่โรงเรียนใหม่นั้น เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อนคนแรกที่เข้ามาทักทายทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น มันจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ย้อนเวลา... ความฝัน... ทะลุมิติ...

จอมขวัญที่เป็นคนอ่านนิยายหรือดูภาพยนตร์มาเยอะ ได้สันนิษฐานไปเรื่อย

แต่แล้วก็มีลางสังหรณ์เกิดขึ้นในจิตใจ บ่งบอกว่านี่มันผิดธรรมชาติ มันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก

ไม่รู้ว่าหนทางแก้ไขของเรื่องนี้คืออะไร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่...

.

"เราชื่ออิง อิงดาวน่ะ"

"อืม... เราชื่อจอม จอมขวัญ"

.

ขอให้ความทรงจำของพวกเราอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวตลอดไป

 

---------------------------------------------

 

Trigger warning

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เนื้อหาบางส่วน ถ้อยคำพูดหรือพฤติกรรมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมกับผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18ปี

ข้อมูลในเนื้อหาบางส่วน อาจจะมีแหล่งอ้างอิงที่ไม่น่าเชื่อถือ

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

 

---------------------------------------------

อัพทุกวันเสาร์

.

ติดตามข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://x.com/_Shy_Rabbit (●ˇ∀ˇ●)

สารบัญ

Memorise Sheep-0 บทนำ,Memorise Sheep-1 ครั้งแรก,Memorise Sheep-2 ที่ปรึกษา,Memorise Sheep-3 อีกแล้ว,Memorise Sheep-4 อยากกลับ,Memorise Sheep-5 กลับมาแล้ว,Memorise Sheep-6 ข้อความ,Memorise Sheep-7 วิจัย,Memorise Sheep-8 ทฤษฎี,Memorise Sheep-9 คืบหน้า,Memorise Sheep-10 เชิญชวน,Memorise Sheep-11 สวนสนุก,Memorise Sheep-12 หงุดหงิด,Memorise Sheep-13 เพื่อน,Memorise Sheep-14 ความฝัน,Memorise Sheep-15 ความหวัง,Memorise Sheep-16 บันทึก,Memorise Sheep-17 เรียกขวัญ,Memorise Sheep-18 ล่องลอย,Memorise Sheep-19 เห็นแก่ตัว,Memorise Sheep-20 คนคนนั้น

เนื้อหา

18 ล่องลอย

กว่าจะฉันกับอิงดาวจะลงมากินข้าวก็เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว

ญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานศพของแม่ยังคงนั่งคุยเล่นกับคุณยายก่อนสักพัก แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองไปพักผ่อน

และพ่อยังคงนอนอยู่ที่วัดเพื่อเฝ้าศพของแม่กับพวกเพื่อนๆ วัยเด็กของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้คุณยายบอกไปก่อนแล้วว่าไม่ต้องนอนที่นั่นก็ได้ กลับมานอนบ้านด้วยกัน

แต่พ่อก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะนอนที่นั่น เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้นอนอยู่เคียงข้างร่างกายของแม่ ถึงจะไม่ได้นอนด้วยกันบนเตียงนอน แต่แค่ได้อยู่ในสถานที่เดียวกันก็ยังดี

ส่วนฉันและอิงดาวนอนอยู่ห้องเดียวกัน ฉันกลัวว่าถ้าอิงดาวอยู่คนเดียว และนี่ยังเป็นสถานที่ที่เธอเคยมาครั้งแรกอีก คงยากที่จะนอนหลับสนิท ฉันจึงบอกให้เธอมานอนด้วยกัน

และวันพรุ่งนี้เป็นวันเผาศพของแม่แล้ว

ฉันยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันได้เสียแม่ไปแล้ว และกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ฉันรู้ว่ายังเหลือคนในครอบครัวอยู่อีกหลายคน แต่แล้วยังไง ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม ขาดคนใดคนหนึ่งไปก็เหมือนรูปภาพที่ชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ไม่ครบ

ฉันเคยคิดว่าตัวเองยึดติดกับแม่มากเกินไป เหมือนกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกินน้ำนม แต่ฉันไม่เคยปฏิเสธนั้นเลยสักครั้ง

เวลาโดนพ่อดุ แม่ก็จะเป็นคนคอยปลอบใจ

เวลาฉันทำอะไรสักอย่างสำเร็จ แม่ก็จะเป็นคนที่ยินดีออกนอกหน้ามากกว่าพ่อซะอีก

แถมกับข้าวฝีมือแม่ยังอร่อยที่สุดด้วย ฉันจำรสชาติพวกนั้นได้ไม่มีวันลืม

ถึงแม่จะบอกว่าพ่อก็รักฉัน แต่พ่อยังอยู่ตรงนี้ พ่อไม่ได้หนีไปเหมือนกับแม่

แม่หนีไปแล้ว

แม่ไม่กลับมาแล้ว

แม่ทำผิดสัญญาที่เคยให้ไว้

ฉันมีความคิดแบบนั้นตลอดการกินข้าว ฉันสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของอิงดาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม

รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนจิตใจดี เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่น แต่บางครั้งมันก็มากเกินไปจนรู้สึกเกรงใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมาได้นะ” อิงดาวพูดขึ้น พร้อมกับตักกับข้าวมาใส่ได้จานของฉัน

“ก็เรื่องเดิมๆ” เพราะยังจมปลักอยู่กับแม่ถึงได้รู้สึกเศร้าขนาดนี้ อยากรู้จังเลยว่าตอนเธอเสียคุณยายไปตอนนั้น เธอจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง

“ต่อให้เป็นเรื่องเดิมๆ ก็พูดได้ ถ้าพูดออกมาแล้วสบายใจก็ระบายออกมาให้เต็มที่ได้เลย เราจะเป็นคนรับฟังเอง” อิงดาวเอ่ยถ้อยคำนั้นด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ฉันลอบถอนหายใจก็จะเอ่ยถาม “เธอผ่านเรื่องพวกนั้นมาได้ยังไง”

“เรื่องอะไรเหรอ”

“คุณยายเธอไง”

“เรื่องนั้น... จริงๆ ก็ยังทำใจไม่ได้ แต่เราก็แก้ไขไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งย่อมมีเกิดและมีดับ เพียงแค่มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ว่าสิ่งนั้นจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน พอสิ่งนั้นจากไป เราก็ต้องทำใจและยอมรับมันให้ได้

ทุกคืนเรายังนอนฝันถึงคุณยายอยู่เลยนะ แต่เราก็ย้ำกับตัวเองตลอดว่า คุณยายน่ะ ไม่กลับมาแล้ว เขาไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไง... คุณยายก็ยังมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ ถึงแม้ว่าในโลกความเป็นจริงคุณยายจะจากไปแล้วก็ตาม”

“เธอเก่งมากเลยนะ” ฉันมองอิงดาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เธอเป็นคนที่ดีมากจริงๆ ไม่อยากให้มีคนมาทำร้ายเธอเลย รู้สึกอยากปกป้องไม่ให้มีคนทำมาให้เธอเสียน้ำตาอีก

“จอมก็เก่งได้เหมือนกันนะ พยายามเข้าล่ะ”

 

เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน ดวงตะวันขึ้นสู่บนฟากฟ้าทำให้พื้นพื้นที่สว่าง แต่แสงนั้นไปไม่ถึงจิตใจของฉัน ความโศกเศร้าทำให้จิตใจดำมืด โลกที่เคยสดใสแปลงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม

สภาพอากาศวันนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรนัก หยาดน้ำฝนที่ตกลงมาเหมือนแทนความรู้สึกของคนที่ยืนอยู่ตรงนี้

วันนี้เป็นวันที่จะต้องเผาศพของแม่แล้ว เมื่อคืนฉันนั่งคุยกับอิงดาวจนรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่พอได้มายืนอยู่ตรงหน้าโลงศพ ความรู้สึกที่เคยหายไปพลันกลับมาอีกครั้ง และยังรุนแรงกว่าเดิมมากด้วย

“เราไม่เผาได้ไหมคะ” ฉันหันไปถามพ่อ

ฉันสัมผัสได้จากแววตาของพ่อว่าเขาเองก็ไม่อยากเผาเช่นกัน แต่... “มันเป็นพิธี ต้องทำ” พ่อตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเศร้า

“สักวัน... แม่อาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้นะคะ”

“แม่ไม่กลับมาแล้ว!!” พ่อตะคอกเสียงดังตอบกลับมา

ความหวังที่เคยมีอยู่เพียงเล็กน้อย ตอนนี้มันได้หล่นวูบและแตกสลายไปแล้ว ฉันรู้สึกได้ว่าดวงตาของตัวเองร้อนผ่าว มีไอน้ำเกาะอยู่ที่ม่านตาจนภาพตรงหน้าพร่ามัว

ฉันต้องกลั้นน้ำตานั้นไว้ ฉันจะต้องผ่านไปให้ได้เหมือนที่อิงดาวบอก

“พูดกันดีๆ สิ เหลือกันแค่สองคนพ่อลูกแล้วนะ” คุณยายเดินเข้ามาแตะมือพ่อเบาๆ หวังว่าจะทำให้อารมณ์ของพ่อสงบลงได้

“ไม่เป็นไรนะ” อิงดาวเอ่ยถามฉัน พร้อมกับยกมือโอบที่ไหล่

“อืม” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงในลำคอเบาๆ

“ถึงเวลาแล้ว ขึ้นไปวางก่อนสิ เขาให้ญาติที่ใกล้ที่สุดเข้าไปวางก่อน” คุณยายกล่าว พร้อมกับยื่นมือเป็นชี้ที่ดอกไม้จันทน์สีขาว

ฉันกับพ่อพยักหน้ารับพร้อมกัน และหยิบขึ้นมาคนละอัน

“หนูก็ไปด้วยสิจ๊ะ” คุณยายพูดและกันไปทางอิงดาว

“หนูเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ”

“แต่หนูไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณแม่เขานะคะ”

“ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ แต่เกี่ยวข้องกับลูกสาวเขาก็นับนะ” คุณยายเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“ค่ะ” อิงดาวพยักหน้าและเดินไปหยิบดอกไม้จันทน์

พวกเราเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกันสี่คน และวางดอกไม้จันทน์สีขาวบริสุทธิ์ไว้บนโลงนั่นทีละคน คุณยายเอ่ยถ้อยคำเล็กน้อยตรงนั้นก่อนแล้วเดินออกมา

เมื่อพวกเราวางกันเสร็จแล้ว ทุกคนที่เข้ามาร่วมงานก็เดินมายื่นต่อแถวหยิบดอกไม้จันทน์ และเดินขึ้นไปวางที่พวกเราเคยวางไว้ก่อนหน้านี้

พอทุกคนที่เข้ามาร่วมงานวางกันจนครบแล้ว สัปเหร่อทำพิธีกรรมยางอย่างก่อนจะยื่นคบเพลิงไปตรงนั้น พวกเรามองเห็นได้ไม่ชัดมากเพราะอยู่ห่างไกล

แต่พอกลุ่มควันลอยขึ้นปล่องไฟ น้ำตาที่ฉันเคยกลั้นเอาไว้ ตอนนี้มันเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆ ฉันทนดูภาพนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องรีบออกจากที่นี่

ฉันเริ่มก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้น และก้าวให้ไวขึ้นเมื่อความรู้สึกมันเริ่มชัดเจน

“จอม!!” ฉันได้ยินเสียงอิงดาวตะโกนเรียกอยู่ข้างหลัง แต่ฉันจะไม่หันหลังกลับไป ตอนนี้ต้องออกจากที่นี่ ห้ามเห็นควันนั้นเด็ดขาด

ก้าวเดินด้วยความเร็วปกติไม่ได้แล้ว... ต้องรีบวิ่งออกไปจากที่นี่

ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอื่นด้วย แต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นอิงดาวที่ตามมา คงไม่มีใครตามฉันมาแล้วล่ะ ก็ตอนนี้ไม่มีแม่คอยปลอบแล้ว...

ฉันวิ่งมาเรื่อยๆ จนได้หยุดอยู่ที่ลานกว้างของวัด ซึ่งตามปกติแล้วน่าจะเป็นสถานที่จัดงานวัดประจำปี

“...จอม” อิงดาวที่วิ่งตามมายืนมองฉันอยู่ไกลๆ พอเธอรู้ว่าฉันไม่วิ่งต่อแล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหา

ฉันหันหลังกลับไปมองอิงดาว แต่เธอไม่ได้พกร่มมาด้วย ทำให้เส้นผม และเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายเปียกโชก

“ทำไมไม่เอาร่มมาด้วย” ฉันรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อกางร่มบังน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้า

“กลัวว่าจะตามไม่ทัน ก็เลย...”

“เป็นห่วงสุขภาพตัวเองด้วย ถ้าพรุ่งนี้ไม่สบายขึ้นมาจะไปเรียนยังไง” เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ที่ต้องไปโรงเรียน ถ้าอิงดาวไม่สบาย ฉันคงทำโทษตัวเองมากกว่านี้

“เราไม่เป็นอะไร แต่จอมน่ะ... โอเคหรือเปล่า”

ฉันกำลังจะเปิดปากพูดคำว่าไม่เป็นอะไร แต่พอเงยหน้าไปเห็นกลุ่มควันที่ล่องลอยอยู่บนปล่องไฟ คำพูดที่อยากเอ่ยก็ไม่มีอีกต่อไป

“ร้องไห้ออกมาได้นะ”

ไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร แต่เมื่อได้ยินคำนั้นแล้วความรู้สึกที่อดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้มันเอ่ยล้นออกมาทางดวงตา เสียงสะอื้นที่ดังพร้อมกับเสียงฝนนั่นทำให้รู้สึกเหมือนได้ถูกปลดปล่อย

อิงดาวเอื้อมมือโอบกอดเข้าที่ร่างกายของฉัน นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น

“คนเก่งก็ร้องไห้ได้นะ”