การแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จัก แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกัน มันเจ็บแบบนี้นี่เอง เพราะไม่มีสถานะอะไร นอกจากเป็นเมียตัวแทน
ชาย-ชาย,ดราม่า,ไทย,ครอบครัว,ผู้ใหญ่,เมียเด็ก,กุหลาบดิน,ดราม่า,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมียตัวแทน (Mpreg)การแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จัก แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกัน มันเจ็บแบบนี้นี่เอง เพราะไม่มีสถานะอะไร นอกจากเป็นเมียตัวแทน
นิลกาฬ ธีรวัฒนาวัฒน์ อายุ 32 ปี
ศัลยแพทย์หนุ่มหล่อมือหนึ่งพ่วงตำแหน่งเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังโดนผู้เป็นพ่อจับแต่งงาน กับลูกสาวเพื่อนสนิท เพราะมัวแต่ทำงานทำให้พ่อกลัวว่าลูกชายแก่ตัวมาจะไม่มีคนดูแล อยากให้แต่งงาน เขาก็แต่งให้แล้ว แต่ถ้าหลังแต่งงานแล้วอย่ามาก้าวก่ายเรื่องของเขาก็แล้วกัน
พีรฉัตร ศิริวงศ์ไพโรจน์ อายุ 24 ปี
หนุ่มนักเรียนนอกด้านการบริหารอาหารและเครื่องดื่มจากฝรั่งเศส ที่กลับบ้านมาโดนเซอร์ไพรส์ จากพี่สาวที่หนีการแต่งงาน ทำให้เขาต้องทำหน้าที่เป็นเมียตัวแทนทั้งที่ไม่รู้จักเจ้าบ่าวเลยแต่ต้องมาอยู่ ด้วยกันใช้ชีวิตสามีภรรยาเพื่อรอวันหย่า
“ไม่ได้ ถึงเราสองคนไม่ได้อยากอยู่ด้วยกัน แต่พ่อๆ สองคนเค้าตกลงกันแล้ว และคงขนของใช้คุณมาบ้านผมแล้ว เราทนอีกนิดแล้วกันกว่าจะถึงวันหย่า”
“ผมขอไปอยู่บ้านผมได้ไหมต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เดี๋ยววันไหนถ้าต้องออกงานด้วยกัน คุณค่อยมารับผมที่บ้านก็ได้”
ร่างบางเสนอทางออกให้ทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าจะได้ไม่อึดอัด
“ถ้าได้แบบนั้นก็ดีน่ะซิ พ่อๆ ของเรายอมที่ไหน หรือคุณจะลองขอพวกเค้าดูก่อนก็ได้ ผมก็ไม่ได้อยากจะแต่งหรอกนะไอ้งานแต่งบ้าๆ เนี่ย”
ร่างสูงบ่นยาวแต่ก็ไม่ยอมจอดรถให้อีกคนลงตามคำขอ ตรงกันข้ามเขากลับขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านของตัวเองตามเดิม
คำว่า งานแต่งบ้าๆ ทำเอาพีรฉัตรได้ยินแล้วถึงกับจุกเหมือนกัน ก็รู้ว่าไม่เต็มใจแต่งงาน แต่ช่วยพูดอะไรที่มันซอฟๆ กว่านี้ได้ไหม คนฟังพอได้ยินแล้วมันก็เจ็บเหมือนกันนะ
พอคุณหมอรูปหล่อทำหน้าที่สารถีหนุ่มขับรถคันหรูสัญชาติยุโรปเข้ามาจอดสนิทที่โรงจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลธีรวัฒนาวัฒน์ เขาก็กดเปิดประตูแล้วลงจากรถเดินเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ส่วนคนที่โดยสารมาด้วยรีบลงจากรถและเก็บสัมภาระของตัวเองก่อนจะเดินตามเข้าไป แบบงงๆ พอเดินมาถึงห้องโถงของคฤหาสน์ก็เจอชายสูงวัยนั่งอยู่เค้าจำได้เป็นคุณลุงอาทิตย์เพื่อนพ่อและเจ้าของคฤหาสน์นี่เอง
“สวัสดีครับ คุณลุงอาทิตย์” พีรฉัตรยกมือไหว้เจ้าของบ้าน
“หวัดดี น้องพรีน เรียกพ่อเถอะ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วอย่าเรียกลุงเลย ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว ธีรวัฒนาวัฒน์อย่างเป็นทางการนะลูก เป็นยังไงบ้างพี่นิลทำให้ลำบากใจอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“บอกพ่อมาเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ”
“งั้น เอาตรงๆ นะครับ เราเหมือนคนแปลกหน้ากัน พอต้องมาอยู่ด้วยกันเลยไม่รู้จะพูดอะไร มันเลยทำให้เราอึดอัดทั้งคู่ครับ”
“ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะลูก เจ้านิลลูกพ่อมันอาจจะเป็นคนพูดน้อย ดูหน้าจริงจังไปหน่อย เลยทำให้พรีนอึดอัด พรีนมีอะไรจะบอกพ่ออีกไหม”
“เอ่อ คือแบบ พรีนขอนอนคนละห้องได้ไหมครับ ไหนๆ ก็แต่งกันไปรอเวลาเลิกกันเท่านั้น”
“ฮือ เอาไงดี ถ้าพรีนต้องการแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวอีกไม่ถึงชั่วโมงพ่อพรีนจะมาพร้อมกับเสื้อผ้าของใช้ของพรีน พ่อจะได้ให้คนขนของพรีนไปไว้ในห้องนั้นเลย”
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพรีน”
“ไม่เป็นไรลูก ถ้าไม่สบายใจตรงไหนบอกพ่อได้เลยนะ งั้นเดี๋ยวพ่อพาพรีนไปดูห้องและเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วลงมารอทานข้าวพร้อมพ่อพรีนดีกว่านะ”
คุณอาทิตย์เดินนำพีรฉัตร ลูกสะใภ้หมาดๆ เดินไปดูห้องที่ต้องพักระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ ระหว่างที่กำลังจะไปถึงห้องของพีรฉัตรที่คุณอาทิตย์จะให้พัก ประตูอีกห้องก็โดนเปิดออกมาพร้อมด้วยร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาฟ้าประทานของ นิลกาฬก้าวออกมาจากห้องและมองพ่อกับภรรยาของตัวเองที่เดินมาพร้อมกันพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าคล้ายอยากจะถาม แต่โดนผู้เป็นพ่อถามก่อน
“แกกำลังจะออกไปไหนหรือเปล่านิล”
“ใช่ครับ ผมว่าจะออกไปหาเพื่อนข้างนอกหน่อย และก็จะเลยไปที่โรงพยาบาล คงกลับดึกๆ นะครับพ่อ แล้วพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”
คุณอาทิตย์หมั่นไส้ลูกชายเลยแกล้งว่า
“ฉันก็เอาเมียมาส่งแกน่ะซินิล แล้วแกจะออกไปได้ยังไง แกอย่าลืมว่าแกเพิ่งแต่งงานเมื่อคืน เดี๋ยวคนอื่นงงกันเจ้าบ่าวหนีไปเที่ยวคนเดียว”
“อย่าบอกนะพ่อว่าจะให้เรานอนห้องเดียวกัน พ่อก็รู้ว่าการแต่งงานของเราคือแต่งงานหลอกๆ อีกเดี๋ยวก็ต้องหย่ากัน ผมว่าแยกกันนอนตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่าครับ และที่สำคัญถึงแม้ผมจะแต่งงานแล้ว ผมก็จะทำตัวเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องปรับตัวเพื่อใครเลยนี่”
คำพูดไม่สนโลกของคุณสามีทำเอาร่างบางแสลงหู ไม่อยากได้ยิน นิลกาฬแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้สนใจอะไรในตัวภรรยา ให้ต่างคนต่างอยู่และไม่ก้าวก่ายกันตามข้อตกลง
“แกไม่ต้องห่วงหรอก น้องพรีนเค้ามาขอพ่อแล้วล่ะ ว่าจะขอนอนแยกห้องกับแก งั้นแกจะไปไหนทำอะไรของแกก็ไปเถอะ”
คุณอาทิตย์ได้ยินลูกชายพูดไม่ถนอมน้ำใจภรรยาที่ฟังอยู่เลยอดจะแก้ตัวให้ไม่ได้ร่างบางไม่ได้ หมั่นไส้ความปากร้ายของลูกชายด้วย ส่วนร่างสูงของนิลกาฬเลยเดินลงบันไดไปทันที แยกกันนอนไปเลยเค้าก็ไม่อยากแบ่งพื้นที่ส่วนตัวกับใครหรอกนะถึงแม้จะเป็นภรรยาก็เถอะ แต่เป็นภรรยาที่ไม่ได้อยากจะแต่งด้วยนี่นา
“หนูพรีนนอนห้องนี้นะลูก เดี๋ยวถ้าเสื้อผ้าของใช้หนูมาแล้วก็ให้เค้าขนมาไว้ห้องนี้เลย แล้วจะได้ให้แม่บ้านมาจัดให้”
คุณอาทิตย์พาพีรฉัตรมาห้องพักที่อยู่ติดกันกับห้องของนิลกาฬ เปิดเข้าไปภายในห้องกว้างขวางพอๆ กับที่บ้านของเขา พีรฉัตรรู้สึกขอบคุณในความเมตตาของอีกคนที่มีให้ตัวเองมาก
“ขอบคุณคุณพ่อที่เข้าใจและเมตตาพรีนนะครับ”
“ไม่เป็นไรลูก พรีนก็เหมือนลูุกคนหนึ่งของพ่อ นอกจากจะเป็นลูกสะใภ้แล้วอย่าลืมว่าพรีนก็เป็นลูกของจุมพลเพื่อนรักของพ่อด้วยนะ ฉะนั้นแล้วมีอะไรน้องพรีนบอกพ่อได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ ป่ะเราลงไปรอไอ้พลพ่อหนูกันเถอะ หิวหรือยังลูก”
“ยังไม่หิวมากเท่าไร่ครับ รอคุณพ่อก่อนดีกว่า”
ทั้งสองคนต่างวัยในฐานะพ่อสามีกับลูกสะใภ้ก็พากันเดินลงมายังห้องรับแขกของบ้านเพื่อรอคุณจุมพลเอาเสื้อผ้าของใช้มาให้ลูกชาย พอเดินลงมาถึงก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณจุมพลให้คนเข็นกระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของลูกชายคนเดียวเข้ามาพอดี พีรฉัตรเลยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะยกมือไหว้และสวมกอดอีกคนเพื่อขอกำลังใจ
“สวัสดีครับคุณพ่อ พรีนคิดถึงคุณพ่อจังเลยครับ”
คุณจุมพลกอดตอบลูกชายพลางเอามือมาลูบหลังไปมาอย่างเอ็นดูในความขี้อ้อนของลูก ถึงแม้จะโตจนแต่งงานมีสามีแล้วยังไงในมุมของพ่อลูกก็ยังเป็นลูกชายตัวน้อยๆ ของพ่อเสมอ
“พ่อก็คิดถึงน้องพรีนเหมือนกันลูก เป็นไงบ้างพ่ออาทิตย์ดูแลหนูดีไหม”
“พ่ออาทิตย์ต้อนรับและดูแลพรีนดีมากเลยครับ”
“สายบัว เดี๋ยวบอกเด็กๆ เอากระเป๋าคุณพรีนขึ้นไปไว้ที่ห้องข้างห้องตานิลนะ แล้วจัดเข้าตู้ให้หน่อย”
คุณอาทิตย์สั่งสาวใช้ที่เดินผ่านมา
“ได้ค่ะคุณท่าน”
“ป่ะเราไปทานข้าวกันดีกว่า” สามหนุ่มต่างวัยก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสามคนก็พากันออกมาคุยกันต่อที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
“จุมพลมึงให้คนตามหาน้องพิมพ์เจอยัง” คุณอาทิตย์ถามเพื่อนรักขึ้นด้วยความเป็นห่วงทั้งจิตใจของเพื่อนรักและเป็นห่วงน้องพิมพ์ลูกสาวที่ท้องอ่อนๆของเพื่อน
“ยังเลยมึง ให้ไปดูที่มหาลัยที่อิทธิพลสอนแล้ว เค้ายื่นเรื่องลาออกแล้วก่อนหน้าแล้ว ตอนนี้กูมืดแปดด้านสงสารลูกไม่รู้จะไปอยู่ยังไง พากันไปลำบากหรือเปล่าก็ไม่รู้” คุณจุมพลตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“มึงมีอะไรให้กูช่วยไหม ให้คนของกูช่วยตามอีกแรงดีกว่า” คุณอาทิตย์เสนอเพื่อนรักเผื่อช่วยกันแล้วจะได้เจอ พิมพ์ชนกเร็วขึ้น
“จริงป่ะ งั้นก็รบกวนมึงหน่อยละกัน ตอนนี้กูคงต้องทำงานคนเดียวรอยัยพิมพ์กลับมาก่อน”
“คุณพ่อครับ ถ้าพรีนจะไปช่วย คุณพ่อจะว่าอะไรไหมครับ”
พีรฉัตรมองเห็นความเศร้าโศกในน้ำเสียงและดวงตาของผู้เป็นพ่อ ก็รู้สึกสงสารเขาเป็นลูกมีอะไรที่ช่วยแบ่งเบาได้เขาก็ยินดีทำ เพราะตั้งแต่เด็กจำความได้พ่อคนนี้ดูแลเขากับพี่พิมพ์มาอย่างดีตลอด
“พรีนไหวไหมลูก แต่มันเป็นงานที่พรีนไม่ถนัดนะ”
“พรีนว่าน่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยากครับระหว่างรอพี่พิมพ์กลับมา เพราะตอนนี้พรีนก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว”
“เอางั้นก็ได้ลูก แล้วพรีนอยากทำอะไรอีกไหม”
“พรีนอยากจะปรับปรุงห้องอาหารของโรงแรมครับ พรีนอยากให้ห้องอาหารของคุณแม่กลับมาดังอีกครั้ง”
พีรฉัตรหมายถึงห้องอาหารฉัตรมณีของโรงแรมที่ก่อตั้งโดยคุณฉัตรมณีภรรยาของเจ้าของโรงแรม ตอนที่แม่ของเขาดูแลอยู่ห้องอาหารนี้ขึ้นชื่อว่ามีอาหารนานาชาติที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ให้ทานและที่เลื่องลือว่าอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมแขกทุกคนที่มาพักต้องมาลองชิมหรือแขกที่ไม่ได้มาพักก็ต้องหาโอกาสเข้ามาทานอาหารของที่นี่ให้ได้คืออาหารไทยสูตรชาววังที่บางอย่างบางเมนูหาทานได้ที่นี่ที่เดียว
“ถ้าลูกไหว ไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยมากพ่อไฟเขียวเลย”
“ก็ดีเหมือนกันนะพ่อก็สนับสนุน อยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวก็เหงา เจ้านิลก็คงมีแต่ทำงานที่โรงพยาบาลไม่มีเวลาอยู่กับน้องพรีนแน่ ๆ” คุณอาทิตย์สนับสนุนอีกเสียง
“งั้นพรีนขอเริ่มงานพรุ่งนี้เลยได้ไหมครับคุณพ่อ พรีนไม่อยากอยู่เฉย ๆ”
“หนูไม่อยากพักผ่อนหรือเที่ยวก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่อ่ะครับ พรีนอยากเริ่มเลย เริ่มเร็วเราได้เปรียบ”
“งั้นก็ตามใจลูก เดี๋ยวพ่อแจ้งเลขาพี่พิมพ์เค้าก่อน ส่วนเรื่องเวลาเข้างานลูกสะดวกกี่โมงก็ค่อยไป ไม่ต้องซีเรียส ว่าแต่ลูกจะไปยังไงเดี๋ยวพ่อให้คนขับรถมารับไหม”
คุณจุมพลก็ยังเป็นห่วงลูกชายอยู่มากเพราะพีรฉัตรไปอยู่เมืองนอกนานหลายปีน่าจะไม่คุ้นเคยกับถนนหนทางของเมืองไทยที่ผุดขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนอยู่เมืองไทยก็มีคนขับรถคอยไปรับไปส่ง
“มึงไม่ต้องกังวลหรอกไอ้พล คนขับรถที่บ้านกูก็มีเอาคนขับรถที่บ้านกูก็ได้ หรือถ้าน้องพรีนอยากขับเองรถบ้านกูก็มีเยอะแยะเอาไปขับได้เลย” คุณอาทิตย์บอกทั้งเพื่อนรักและลูกสะใภ้
“เอ่อ พรีนอยากขับรถเองมากกว่าครับ แล้วก็พรีนพอมีเงินเก็บอยู่บ้างเรื่องรถขอพรีนซื้อเองดีกว่าครับ พรีนสบายใจกว่า” พีรฉัตรบอกพ่อๆ ทั้งสองคนเพราะไม่อยากรบกวนใครโดยเฉพาะที่บ้านของพ่ออาทิตย์ เพราะอีกหน่อยก็ต้องหย่าขาดจากนิลกาฬแล้ว เขาไม่อยากให้อีกคนมาว่าเอาได้ว่าขูดรีดพ่อเค้า
“เอาตามที่ลูกว่าก็ได้ถ้างั้น แล้วลูกมีรถในดวงใจหรือยัง เล็งๆ ยี่ห้อไหนรุ่นไหนไว้บ้างหรือเปล่า ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้วเราออกไปจองรถกันเลยไหมลูก”
คุณจุมพลถือโอกาสชวนลูกชายเพื่อออกไปเปิดหูเปิดตา พีรฉัตรหันมามองคุณอาทิตย์เพื่อเป็นนัยว่าจะขออนุญาตออกไปข้างนอกกับพ่อของตน
“ไปเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพ่อก็ว่าจะออกไปหาพี่นันท์เค้าที่บริษัทหน่อย เจอกันอีกทีตอนเย็นนะลูก”
คุณอาทิตย์บอกลูกสะใภ้เพื่อจะได้ไม่เป็นกังวล เกรงใจเพื่อนด้วยเหมือนเอาลูกเขามาทรมาน บังคับให้แต่งงานกับลูกชายตัวเอง แต่ไอ้ลูกชายมันดันหนีเมียไปทำงานตั้งแต่วันแรก
“งั้นเราไปดูรถกันเถอะลูก” คุณจุมพลชวนลูกชายไปข้างนอกทันที