"ในห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับ มนุษยชาติจะรอดพ้นจากการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ได้หรือไม่? เชิญร่วมติดตามการเดินทางอันแสนท้าทาย สู่ความจริงที่ยากจะคาดเดาใน 'Lost in the void วังวนอวกาศ'"

Lost in the void “วังวนอวกาศ” - บทที่ 3 ยินดีต้อนรับนาโช่ Welcome Nacho โดย Isra @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,ดราม่า,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Lost in the void “วังวนอวกาศ”

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

Lost in the void “วังวนอวกาศ” โดย Isra @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับ มนุษยชาติจะรอดพ้นจากการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ได้หรือไม่? เชิญร่วมติดตามการเดินทางอันแสนท้าทาย สู่ความจริงที่ยากจะคาดเดาใน 'Lost in the void วังวนอวกาศ'"

ผู้แต่ง

Isra

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ: วังวนอวกาศ (Lost in the Void)


โลกพังทลายจากหายนะ “DEAD RED EARTH” มนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายหนีขึ้นสู่สถานีอวกาศ T-TERRIA แต่ “นาโช่” เลือกที่จะอยู่บนโลกอันโหดร้ายพร้อมกับแมวคู่ใจ “แคท“ เขาต้องเผชิญกับการเอาชีวิตรอดในดินแดนรกร้าง ในขณะเดียวกันบนอวกาศ ทีมวิจัยค้นพบบางสิ่ง ที่อาจเป็นทั้งความหวังและภัยพิบัติ การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดจากซากแห่งธุรีดินของโลก และการเผชิญหน้ากับความลับแสนอันตรายในห้วงอวกาศ จะนำไปสู่ชะตากรรมที่ไม่มีใครคาดคิด!

สารบัญ

Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 1 Final Station of Life “สถานีชีวิตแห่งจักรวาล”,Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 2 นาโช่ มนุษย์จากดาวโลก Nacho: The Last Human of Earth,Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 3 ยินดีต้อนรับนาโช่ Welcome Nacho,Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 4 การตื่นจากความมืด "Awakening from Darkness",Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 5 การเปิดเผยเรื่องราวของ T-TERRIA "Revelations of T-TERRIA",Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 6 การเรียนรู้ของนาโช่ “A New Beginning of Nacho”,Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 7 การจากลา “Farewell”,Lost in the void “วังวนอวกาศ”-บทที่ 8 ที่มาของ T-Tera102 "Genesis of T-Tera102"

เนื้อหา

บทที่ 3 ยินดีต้อนรับนาโช่ Welcome Nacho

นาโช่นอนหมดสติท่ามกลางซากอาคารที่พังทลาย ขาขวาของเขาถูกทับด้วยวัตถุขนาดใหญ่ ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่างกายเหมือนเป็นไฟเผา ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับตัว

สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ จางหายไป เสียงหัวใจเต้นช้าๆ ก้องอยู่ในหัว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงในความมืด

นาโช่คิดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต การเลือกอยู่บนโลกที่ล่มสลายแทนที่จะอพยพไป

สถานี T-TERRIA เขาเลือกที่จะอยู่ต่อบนโลกที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

“นี่หรือคือ จุดจบ?” ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในจิตใจ ความกังวลและความกลัวก่อตัวขึ้นในใจของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกปล่อยวาง ความรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอีกต่อไป

เจ้าแคทก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้นาโช่เลือกที่จะอยู่ แมวตัวน้อยของเขา มันนอนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา แต่มันยังคงมองมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ฉันคงไม่ทิ้งแกไปได้หรอก เจ้าแคท...” นาโช่เคยพูดกับมันเบาๆ ขณะที่มันนอนอยู่ข้างๆ เขาในคืนที่เงียบสงบ เขารู้ดีว่าเขาไม่ได้สู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อสิ่งเล็กๆ ที่มีความหมายกับเขาเช่นกัน
 

นาโช่พยายามจะยกมือขึ้นหามัน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับ เขาเริ่มตาพร่า เห็นเพียงแค่ภาพซ้อนของมันผ่านม่านหมอกในสายตาของเขา

“ขอโทษนะ แคท... ฉันทำอะไรไม่ได้เลย” เขาคิดในใจ พร้อมกับรับรู้ว่าพายุที่กำลังเข้ามาอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะได้ยิน

ในท้องฟ้ามีโดรนกู้ชีพของสถานี T-TERRIA เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสียงลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่โดรนเร่งรีบก่อนที่พายุจะถล่ม

โดรนหยุดนิ่งอยู่เหนือนาโช่ แสงสีฟ้าจากตัวเครื่องส่องลงมาพร้อมกับตรวจพบสัญญาณชีพสองจุด หนึ่งเป็นของนาโช่ อีกหนึ่งเป็นเจ้าแคทที่นอนใกล้ ๆ 

บนสถานีอวกาศนานาชาติ T-TERRIA
บรรยากาศบนยานเต็มไปด้วยความเงียบงัน เจ้าหน้าที่ทุกคนจับจ้องไปที่จอมอนิเตอร์ที่กำลังถ่ายทอดสดจากโดรนกู้ชีพ สภาพของนาโช่ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารทำให้ทีมงานทุกคนรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ

มาร์ค: (เสียงตื่นเต้น) "เจอแล้ว! เขาติดอยู่ใต้ซากอาคาร... แต่พายุกำลังเข้ามา! เราต้องรีบช่วยเขาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป!"

คำพูดของมาร์คทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความเร่งด่วน สัญญาณเตือนเรื่องพายุที่กำลังจะมาถึงเริ่มดังขึ้น ทุกวินาทีที่ผ่านไปเหมือนจะกดดันทีมงานเข้าไปอีก พวกเขารู้ดีว่าหากพายุมาเร็วเกินไป โอกาสในการช่วยนาโช่ก็จะลดลงอย่างมาก

เบื้องหน้านาโช่ เสียงสังเคราะห์จากโดรนดังขึ้น "ตรวจพบสัญญาณชีพ" จากนั้นมันเปิดตัวแอนดรอยด์ที่ถูกตั้งโปรแกรมมาเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แอนดรอยด์ลงสู่พื้นอย่างเงียบเชียบ 

ก่อนจะเริ่มตรวจวัดชีพจรของนาโช่
"ชีพจรอ่อน ต้องทำการปฐมพยาบาลทันที" เสียงสังเคราะห์ของแอนดรอยด์ดังขึ้นอีกครั้ง 

เมื่อโดรนเข้ามาและแอนดรอยด์เริ่มทำการปฐมพยาบาล นาโช่รู้สึกถึงความเย็นของเครื่องมือที่แตะบนร่างกาย มันเหมือนการตื่นจากความฝันที่เขากำลังจะถูกกลืนเข้าไปโดยสมบูรณ์ 

แต่ความคิดในหัวของเขายังคงวนเวียนอยู่กับการตัดสินใจและการสูญเสียที่ผ่านมาของเขา เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นคนที่ดื้อดึงและกลัวการเปลี่ยนแปลง เขาเลือกที่จะต่อสู้กับสิ่งที่เขารู้จัก แม้ว่ามันจะเป็นโลกที่กำลังจะล่มสลายก็ตาม

เขาเคยบอกตัวเองว่าเขาไม่ต้องการที่จะยอมรับว่าชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน เขายังคงเกาะยึดอยู่กับอดีต แม้ว่าจะรู้ดีว่าการตัดสินใจเหล่านั้นอาจทำให้เขาเสียสละโอกาสในการรอดชีวิตไปหลายครั้ง

ในขณะที่แอนดรอยด์กำลังเร่งช่วยเหลือ ชีวิตของนาโช่ยังคงถูกตัดสินด้วยความลังเลและความกลัวที่จะยอมรับสิ่งใหม่ๆ

มันรีบฉีดยาแก้ปวดเข้าสู่ร่างกายเขา และใช้เครื่องมือเลเซอร์เพื่อหยุดเลือดที่ไหลออกมา พร้อมทำการประเมินอาการเบื้องต้นเพื่อให้การช่วยเหลือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด

แต่เวลากำลังวิ่งไป แอนดรอยด์พยายามทำงานให้เร็วที่สุด ทว่ามือกลของมันยังมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว เมื่อเปรียบเทียบกับความรุนแรงของบาดแผลที่นาโช่เผชิญอยู่ เวลาที่เหลือน้อยทำให้ทุกวินาทีมีค่ามากกว่าเดิม แต่ทุกการเคลื่อนไหวต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะซากอาคารที่ทับขาของนาโช่ไว้ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อน ทีมงานต้องใช้ความแม่นยำ และเทคโนโลยีที่มีข้อจำกัดในการยกวัตถุออกทีละนิด

มาร์ค: (เสียงเคร่งเครียด)"ระวังหน่อย ร่างกายเขาอ่อนแอมาก! ถ้าพลาดไปเพียงเล็กน้อย เราอาจทำให้เขาเจ็บมากกว่าเดิม!"

เสียงการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ช่วยชีวิตดังผสมกับเสียงหายใจหนักของเจ้าหน้าที่ที่กำลังพยายามจะไม่ทำพลาด โดรนค่อยๆ ยกวัตถุที่ทับขาของนาโช่ออก แต่เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ พายุก็ใกล้เข้ามา ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากขึ้น

เมื่อยกวัตถุออกได้ในที่สุด โดรนค่อย ๆ ยกตัวนาโช่ขึ้นด้วยแขนกลอัตโนมัติ เครื่องมือทางการแพทย์ของโดรนเริ่มทำงานทันที พวกมันฉีดยาชาและหยุดเลือดที่ไหลจากบาดแผลของนาโช่ การทำงานของทีมงานที่สถานีบน T-TERRIA ต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันเวลาที่พายุจะเข้ามา

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันไปมองนาฬิกาบนผนัง ขณะที่เสียงพายุก็เริ่มก้องดังมาจากด้านล่าง

อเล็กซ์: (น้ำเสียงเร่งรีบ)"เรามีเวลาไม่ถึง 10 นาทีแล้ว! ถ้าพาเขากลับมาไม่ได้ก่อนพายุมา เราอาจเสียเขาไป!"

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบที่กดดัน นักวิจัยพยายามประสานงานให้ทันกับเวลา แต่แสงสีแดงจากระบบเตือนภัยเริ่มกระพริบเร็วขึ้น ทำให้ทุกคนยิ่งรับรู้ถึงความเร่งด่วนมากขึ้น

อเล็กซ์: (เสียงตึงเครียด)"พายุใกล้เข้ามาแล้ว เหลือเวลาไม่ถึง 7 นาที พวกเราต้องรีบ!"

เสียงเครื่องมือทำงานแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่ ทีมงานเร่งมือในการจัดการโดรนและแอนดรอยด์อย่างเต็มที่ แต่ข้อจำกัดทางเทคโนโลยีก็ยังคงทำให้การช่วยเหลือล่าช้า มาร์คหันไปมองหน้าจอและอดนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตไม่ได้

มาร์ค: (เสียงสั่นเล็กน้อย)"ฉันเคยเห็นคนมากมายที่ไม่รอดในวันนั้น... คราวนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก"

แอนดรขึ้นกำลังพยายามในขั้นตอนถัดไป แต่มือกลและสภาพอากาศ เศษซากต่าง ๆ มีข้อจำกัด ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงและเสี่ยงต่อการทำให้สถานการณ์แย่ลง เสียงลมพายุที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นทำให้ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความกดดัน

ดร.เอลีย์: (เสียงเคร่งเครียด)"เราเหลือเวลาไม่ถึง 5 นาที! ถ้าเราล้มเหลวในการยกวัตถุขึ้น นาโช่จะไม่รอด"

เสียงเครื่องมือทำงานอย่างรวดเร็ว แต่ระบบสื่อสารเริ่มมีปัญหาจากพายุ ทำให้การควบคุมโดรนขาดหายไปบางครั้ง นักวิจัยต้องพยายามแก้ไขสัญญาณอย่างเร่งด่วน

อเล็กซ์: (เสียงเร่งรีบ)"สัญญาณจากโดรนเริ่มไม่เสถียรแล้ว! พวกเราจะควบคุมการช่วยเหลือต่อได้ยังไงถ้าข้อมูลขาดหายแบบนี้?"

ดร.เอลีย์: (เสียงมุ่งมั่น)"เราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวเขามาให้ถึง T4 พาเขากลับมาหาเราให้ได้ เราจะไม่ยอมใหเกิดการสูญเสียเด็ดขาด!!"

เสียงจากโดรนขยับดังขึ้น ขณะที่นาโช่ถูกนำขึ้นมาบนแพลตฟอร์ม โดรนกู้ชีพเร่งการเคลื่อนย้ายของเขากลับไปยังสถานี ขณะที่พายุขนาดใหญ่เริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่งบนพื้นดินเบื้องล่าง ทุกคนต่างลุ้นว่าการช่วยเหลือครั้งนี้จะสามารถเสร็จทันเวลาหรือไม่

ขณะนั้น นาโช่กำลังถูกเคลื่อนย้ายกลับมายังสถานี T-TERRIA ผ่านโดรนกู้ชีพ อย่างเร่งด่วน

บรรยากาศในโซน T4 ที่เป็นศูนย์วิจัยเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสีขาวนวลสาดส่องลงมาจากเพดานสูง ส่งประกายสะท้อนบนพื้นและผนังที่สะอาดเอี่ยมไร้ที่ติ เสียงเครื่องมือวิเคราะห์ชีววิทยาทำงานเบาๆ ตัดกับความเงียบที่กดดันของทีมวิจัย ห้องนี้เป็นพื้นที่ของนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการสำรวจสิ่งมีชีวิตต่างดาวและชีววิทยาขั้นสูง แต่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการรักษาผู้บาดเจ็บ การรักษาทางการแพทย์ฉุกเฉินไม่ใช่ความเชี่ยวชาญหลักของพวกเขา

ความเงียบงันถูกทำลายเป็นครั้งคราวด้วยเสียงเครื่องมือสแกนชีวภาพ และเสียงหัวใจของนักวิจัยที่เต้นแรงด้วยความกังวล ทุกสายตาจับจ้องไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่กำลังถ่ายทอดสดภาพจากโดรนกู้ชีพ การช่วยเหลือจากทางไกลเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ แต่ภารกิจนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด

อเล็กซ์: (เสียงตึงเครียด) "เราไม่พร้อมขนาดนั้น! นี่มันไม่ใช่พื้นที่แพทย์ฉุกเฉินนะ ต้องไป T2 เรามีแค่เครื่องมือพื้นฐานเท่านั้นนะ" 

ดร.เอลีย์: (พยายามรักษาความสงบ)
"ฉันเข้าใจอเล็กซ์ แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อให้เขารอดชีวิต เราอาจจะไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูง แต่เราต้องยื้อเวลาเขาไว้ให้ถึง T2" 

อเล็กซ์: (เสียงสั่นเล็กน้อย)
"แต่นี่ไม่ใช่การทดลองเหมือนที่เราทำประจำ นี่คือชีวิตคนจริง ๆ เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่มีทางรู้ว่าอาการเขาจะแย่ลงไหม และสัญญาณก็ติดต่อไม่ได้อีก! T2 ทำอะไรกันอยู่"

ดร.เอลีย์: (ตัดสินใจรวดเร็ว)
"เนื่องสถานการณ์นี้ไม่เคยมีมาก่อน เราจะใช้โดรนกู้ภัยและแอนดรอยด์กู้ชีพช่วยกัน ผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อให้เขาปลอดภัยขึ้น เราสามารถห้ามเลือดและรักษาเบื้องต้นได้ แม้ที่นี่จะไม่พร้อมสำหรับการรักษาฉุกเฉินเต็มรูปแบบ แต่ถ้าเราทำการผ่าตัดส่วนที่อันตรายและเตรียมเขาสำหรับการย้ายไป T2 ได้ เขาจะมีโอกาสรอด"

มาร์ค: (เสียงเคร่งเครียด)
"ใช่ เราต้องทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถอยู่ได้จนกว่าจะถึง T2 โดรนกู้ภัยและแอนดรอยด์ของเราจะต้องทำงานให้ดีที่สุด ไม่มีเวลาให้พลาด"

อเล็กซ์: (หายใจลึก พยายามปรับอารมณ์) "ตกลง… เราจะทำตามแผน ใช้โดรนและแอนดรอยด์ในการผ่าตัดและควบคุมความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด จากนั้นเราจะนำเขาส่งโซนการแพทย์ T2 ต่อไป"

ดร.เอลีย์: (น้ำเสียงหนักแน่น)
"ไม่ว่าจะเจออะไร เราจะไม่ยอมให้นาโช่ต้องสูญเสีย ช่วยเขาไว้ให้ได้ก่อน ทุกวินาทีมีค่า"

มาร์คหันไปมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพการช่วยนาโช่ผ่านโดรน เขาอดนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อครั้ง "Dead Red Earth" ไม่ได้ ในครั้งนั้น มนุษยชาติส่วนใหญ่พยายามหลบหนีจากโลกที่ล่มสลาย ท่ามกลางภัยพิบัติ และสงคราม แต่มนุษย์ไม่ได้รอด ทุกคน

มาร์คเคยเห็นผู้คนล้มตายจากความพยายามที่จะหนีไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า แต่พวกเขาก็ไม่ทันหนีจากการล่มสลายของโลก 

มาร์ค: (น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย) "ฉันเคยเห็นคน..คนเยอะเลย..พวกเขาไม่รอดในวันนั้น (Dead Red Earth) คราวนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก ฉันจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียแบบนั้นอีก" 

ดร.เอลีย์ ยืนฟังบทสนทนาของมาร์คเงียบๆ เธอรู้ว่ามาร์คกำลังเจอความกดดันเหมือนกับเธอเองที่เคยเจอมาก่อน ในอดีตเธอเคยรับผิดชอบโครงการวิจัยชีววิทยาและเทคโนโลยี ที่เต็มไปด้วยความก้าวหน้าและความคาดหวัง 

แต่ในครั้งนั้นเกิดความผิดพลาด เธอสูญเสียตัวอย่างสำคัญและสมาชิกในทีมบางคนจากความผิดพลาดในการทดลอง อดีตเหล่านี้ยังคงตามหลอกหลอนเธอจนถึงทุกวันนี้ 

ดร.เอลีย์: (พูดกับตัวเองเบาๆ) "ฉันไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก… ฉันเคยพลาดไปครั้งหนึ่งในอดีต ตอนนั้นฉันไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่คราวนี้... นาโช่ต้องรอด" 

เธอมองไปที่เครื่องมือที่มีอยู่ในห้อง T4 พวกมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาฉุกเฉิน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมแพ้ การช่วยนาโช่ในครั้งนี้เป็นเหมือนโอกาสที่เธอจะได้แก้ตัว 
 

ดร.เอลีย์: (น้ำเสียงมุ่งมั่น) "เราอาจไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูง แต่เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้ ทีมงานที่ T2 อาจไม่พร้อมสนับสนุนเราในตอนนี้ แต่เราต้องทำให้เขารอดชีวิตจนถึงตอนนั้น" 

มาร์คพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ แม้ว่าทั้งสองจะรู้ดีว่าข้อจำกัดของเทคโนโลยีในโซนนี้มีมากมาย แต่พวกเขาก็จะไม่ยอมให้ความผิดพลาดในอดีตตามมาหลอกหลอนพวกเขาอีกต่อไป 

ดร.เอลีย์ มองไปที่หน้าจอ แววตาของเธอสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะช่วยนาโช่ ราวกับว่านี่เป็นโอกาสที่เธอจะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเธอยังมีความสามารถในการปกป้องชีวิตคนอื่น ไม่ใช่แค่การวิจัยสิ่งมีชีวิตบนโลกหลังหายนะ 

ดร.เอลีย์: "ทุกวินาทีมีค่า เราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาไปถึง T2 ได้อย่างปลอดภัย" 

มาร์ค: (เสียงเครียดแต่มุ่งมั่น) "ใช่แล้ว เราจะต้องทำให้มันสำเร็จ คราวนี้เราจะไม่ยอมให้ความสูญเสียเกิดขึ้นอีก" 

เสียงเครื่องมือทำงานอย่างรวดเร็ว ทีมวิจัยในโซน T4 พยายามประสานงาน T2เพื่อทำให้มั่นใจว่านาโช่จะรอดชีวิตผ่านวิกฤตนี้ไปได้

การนำตัวนาโช่ขึ้นมาถึง สถานีอวกาศ T-TERRIA Zone T4 และเข้าสู่การผ่าตัดเบื้องต้น

โดรนกู้ภัยค่อย ๆ นำร่างของนาโช่ขึ้นมาถึงสถานี T-TERRIA โซน T4 หลังจากที่ยกวัตถุอันหนักอึ้งออกจากขาของเขาในภาคพื้นดิน ขณะที่โดรนลงจอดในโซนสูญญากาศ ณ  T4 ประตูเปิดออกเผยให้เห็นนักวิจัยและแอนดรอยด์กู้ภัย ซึ่งกลายเป็นทีมแพทย์เฉพาะกิจ ที่รออยู่ นาโช่ถูกย้ายไปยังโต๊ะรักษาชั่วคราวทันที ทีมวิจัยใน T4 รู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่พื้นที่สำหรับการผ่าตัดหรือรักษาฉุกเฉิน แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น 

นาโช่อยู่ในสภาวะช็อก ขาขวาของเขามีบาดแผลลึก เลือดหยุดไหลชั่วคราวด้วยการห้ามเลือดโดยแอนดรอยด์บนพื้นดิน แต่สัญญาณชีพของเขายังคงอ่อนแอ หากไม่ได้รับการผ่าตัดเบื้องต้นทันที เขามีโอกาสสูงที่จะสูญเสียขาหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกภายใน

อเล็กซ์:"เรามีเวลาจำกัด! ถ้าไม่ผ่าตัดขาของเขาตอนนี้ เขาจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจสูญเสียขาไปเลย!"

ดร.เอลีย์: (น้ำเสียงกังวลแต่พยายามตั้งสติ) “เราต้องตัดสินใจแล้วว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะทนได้ถึง T2 โดยไม่มีการรักษาเบื้องต้น เรามีเวลาไม่มาก... แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย เขาอาจเสียชีวิตก่อนจะถึง T2”

อเล็กซ์: (เสียงตึงเครียด) “ดร.เอลีย์ เราไม่มีเครื่องมือที่เพียงพอสำหรับการผ่าตัดเต็มรูปแบบที่นี่ ถ้าเราผ่าตัดแล้วเกิดความผิดพลาด... มันจะยิ่งแย่ลงไปอีก!”

มาร์ค: (น้ำเสียงเคร่งเครียด) “แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เขาก็อาจจะตายอยู่ตรงนี้ เราไม่สามารถเสี่ยงที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไร”

ทีมวิจัยตัดสินใจใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อทำการผ่าตัดเบื้องต้น แอนดรอยด์ที่ถูกตั้งโปรแกรมเพื่อการรักษาทางชีววิทยาเริ่มทำการเปิดบาดแผลและห้ามเลือดอย่างละเอียด ขณะที่พวกเขาต้องรีบประเมินสถานการณ์ของนาโช่อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายของเขาสามารถทนต่อการย้ายไปยังโซน T2 ได้

สัญญาณชีพของนาโช่เริ่มกลับมาดีขึ้นหลังการรักษา: หลังจากการผ่าตัดเบื้องต้นเสร็จสิ้น ทีมงานในโซน T4 ต่างจับจ้องไปที่หน้าจอแสดงผลชีพจรของนาโช่ที่ยังคงอ่อนแรง สถานการณ์เต็มไปด้วยความเงียบงัน ทุกคนกำลังรอผลลัพธ์จากการรักษาเบื้องต้น ความตึงเครียดลอยอยู่ในอากาศ

อเล็กซ์: (เสียงตึงเครียด) "สัญญาณชีพยังไม่ดีขึ้นเลย... เราคงทำได้ไม่มากไปกว่านี้แล้ว"

ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขาทำเต็มที่แล้ว แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีที่ดูเหมือนนานเกินไป ทุกสายตาจ้องมองไปที่เครื่องวัดชีพจรที่ยังคงเต้นช้า ๆ และอ่อนแรง ความรู้สึกกดดันแผ่กระจายไปทั่วห้อง

ทันใดนั้น เสียงเครื่องวัดชีพจรก็เปลี่ยนไป

เสียงเครื่องวัดชีพจร: (ดังขึ้นอย่างค่อย ๆ) "บี๊บ... บี๊บ..."

ชีพจรของนาโช่เริ่มกลับมาเต้นเป็นจังหวะที่ชัดเจนและมั่นคงขึ้น ทุกคนในห้องหันมามองหน้ากันด้วยความโล่งอกเล็กน้อย

ดร.เอลีย์: (น้ำเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความหวัง) "ชีพจรเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว... สัญญาณชีพของเขามีเสถียรภาพมากขึ้น เราอาจจะยื้อชีวิตเขาไว้ได้จนถึง T2"

มาร์ค: (หายใจออกเบา ๆ) "ดีมาก... อย่างน้อยเราก็ทำให้เขาพอที่จะรอดไปถึงขั้นต่อไปได้"

เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงเต้นด้วยจังหวะที่มั่นคงและชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสัญญาณชีวิตของนาโช่เริ่มตอบสนองกับการรักษา ทีมงานใน T4 เริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย

อเล็กซ์: (น้ำเสียงผ่อนคลาย) "อย่างน้อยเราเห็นผลลัพธ์จากการรักษานี้แล้ว ชีวิตเขาเริ่มมีเสถียรภาพ เราจะย้ายเขาไปที่ T2 ได้ในเร็ว ๆ นี้"

ทุกคนในห้องหายใจออกด้วยความโล่งอก แม้ว่าจะรู้ว่าความท้าทายยังคงรออยู่ข้างหน้า แต่การที่สัญญาณชีพของนาโช่กลับมาเป็นสัญญาณแห่งความหวังที่พวกเขารอคอย

ดร.เอลีย์: (น้ำเสียงมุ่งมั่น) "ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะย้ายเขาไปถึง T2 ได้ทันหรือไม่ เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้าย... ทุกวินาทีมีค่า"

ความเสี่ยงหากไม่ทำการผ่าตัดเบื้องต้น:

  1. ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ:
    หากไม่ทำการผ่าตัดและห้ามเลือดในเบื้องต้น นาโช่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากบาดแผลที่ลึกและเสียเลือดมากเกินไป การติดเชื้อที่รุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนไม่สามารถรักษาได้ในภายหลัง
  2. การสูญเสียขา:
    ถ้าไม่มีการผ่าตัดเพื่อตัดเนื้อเยื่อที่ตายและจัดการเส้นเลือด นาโช่อาจสูญเสียขาจากการขาดการไหลเวียนของเลือดที่ถูกกดทับเป็นเวลานาน และการเน่าเปื่อยของเนื้อเยื่อจะทำให้ต้องตัดขาในที่สุด
  3. ภาวะช็อก:
    สัญญาณชีพของนาโช่ในตอนนี้อ่อนแอมาก การเสียเลือดและความเจ็บปวดจากการถูกทับทำให้เขาอยู่ในภาวะช็อก ถ้าไม่มีการรักษาชั่วคราวเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของสัญญาณชีพ เขาอาจจะเสียชีวิตก่อนที่จะไปถึงโซน T2

ขั้นตอนการผ่าตัดเบื้องต้น:

  1. ห้ามเลือดเพิ่มเติม:
    แอนดรอยด์ทำการห้ามเลือดเพิ่มเติมโดยการใช้เครื่องเลเซอร์ขั้นสูง เพื่อลดการสูญเสียเลือดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย
  2. ตัดเนื้อเยื่อที่ตายออก:
    เนื่องจากขาของนาโช่ถูกทับเป็นเวลานาน เนื้อเยื่อบางส่วนเริ่มตาย แอนดรอยด์ใช้เครื่องมือตัดเนื้อเยื่อที่เสียหายออก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการลุกลามของความเสียหาย
  3. ใส่เฝือกชั่วคราว:
    หลังจากที่ทำการผ่าตัดเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว แอนดรอยด์ทำการใส่เฝือกชั่วคราวเพื่อให้ขาของนาโช่ยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้ขณะเคลื่อนย้ายไปยังโซน T2

ฉากการส่งตัวนาโช่ไปยังโซน T2
หลังจากการผ่าตัดเบื้องต้นเสร็จสิ้น ทีมงานใน T4 ติดต่อกับโซน T2 และเตรียมโดรนกู้ภัยอีกชุดเพื่อเคลื่อนย้ายนาโช่ไปยังโซนการแพทย์ ที่นั่น เขาจะได้รับการผ่าตัดและการฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ

อเล็กซ์: (เสียงตึงเครียด)
"เราพร้อมที่จะส่งตัวเขาแล้ว แต่สภาพร่างกายของเขายังอ่อนแอมาก หวังว่าเขาจะทนถึง T2 ได้"

ดร.เอลีย์: (พยายามให้กำลังใจ)
"เขาแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิด อเล็กซ์ เราต้องเชื่อว่าเขาจะผ่านไปได้"

มาร์ค: (น้ำเสียงหนักแน่น)
"โดรนพร้อมเคลื่อนย้ายแล้ว ทีมงาน T2 รอรับเขาอยู่ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาเขาไปให้เร็วที่สุด"

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบงันและความกังวล ขณะที่ทีมงานส่งนาโช่ออกไปด้วยความหวังว่าการผ่าตัดเบื้องต้นนี้จะช่วยให้เขารอดชีวิตจนถึงโซน T2