“จงให้ฉันเป็นชื่อสุดท้ายที่พี่เลือกจะจดจำ...และสำหรับฉัน จะให้ชื่อของพี่เจตเป็นชื่อสุดท้ายที่เลือกจะลืม”

กลิ่นกันเกรา - บทที่ 2 ราตรีสังหาร 2/2 โดย มิรินKL/19มิถุนา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,#BL,นิยายวาย,ดราม่า,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กลิ่นกันเกรา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#BL,นิยายวาย,ดราม่า,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน

รายละเอียด

“จงให้ฉันเป็นชื่อสุดท้ายที่พี่เลือกจะจดจำ...และสำหรับฉัน จะให้ชื่อของพี่เจตเป็นชื่อสุดท้ายที่เลือกจะลืม”

ผู้แต่ง

มิรินKL/19มิถุนา

เรื่องย่อ

 

อสุภฤกษ์แรกแย้ม              โชยชาย โหมโบก

แนมกลิ่นกันเกราหหมาย   ฆาตเร้น

สางโหยจักเพ่งหมาย          โลหิต ดุจธาร

ซ่านสืบประจักษ์เค้น          ดุจดื่ม วิญญา

.................

 หมู่บ้านอันเงียบสงบส่งเสียงระงมขึ้นอีกครั้ง...ความหวาดผวาพึงปรากฏ

 การกล่าวขวัญครั้งใหม่หลังจากที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน...บ้านหนองนมควายมีผีปอบ!

.................

ร้อยตำรวจตรีจิราเจต เลือกที่จะย้ายมาประจำการที่อำเภอโพนนมควายด้วยเหตุผลส่วนตัว และนั่น ก็ทำให้เขาได้เจอกับคณิณเป็นครั้งแรก

คณิณ ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ชิดเชิงเขาเพียงลำพังในหมู่บ้านหนองนมควาย ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่ไม่สุงสิงกับคนอื่น ทำให้ไม่มีเพื่อนสนิทแม้แต่คนเดียว

เมื่อเกิดคดีขึ้นในหมู่บ้าน จิราเจตได้รับมอบหมายให้มาสืบคดี และนั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและคณิณพัฒนาขึ้น

ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี แต่คณิณดันกลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าควายของชาวบ้าน ด้วยคำกล่าวหาว่าเขาเป็นผีปอบ

..................

ฉันน่ะ...เป็นผีปอบ!

..............

**คำเตือน**

นิยายเรื่องนี้เป็นเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน

ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หรือก้าวล่วงบุคคลใด

มีการใช้คำหยาบ

มีการบรรยาฉากอีโรติก

มีฉากฆาตกรรมและการสืบสวนคดี

โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน

**อายุต่ำกว่า 18 ควรได้รับคำแนะนำ

////////

เข้ามาแล้วอย่าลืม

กดใจ ❤️

กดติดตาม 📌

กดเข้าชั้น 📚

เพื่อไม่พลาดตอนใหม่นะคะ

////////

สารบัญ

กลิ่นกันเกรา-บทนำ คืนลบหลู่,กลิ่นกันเกรา-บทที่ 1 โชยกลิ่น,กลิ่นกันเกรา-บทที่ 2 ราตรีสังหาร 1/2,กลิ่นกันเกรา-บทที่ 2 ราตรีสังหาร 2/2

เนื้อหา

บทที่ 2 ราตรีสังหาร 2/2

 “ทางนี้พี่เจต มาเร็วเข้าครับ” เชนเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเขาลงไปยังคันนาริมถนนลูกรัง ที่ถูกเรียกว่าเป็นถนนหลักของหมู่บ้านหนองนมควาย

ในขณะที่นายตำรวจผู้มาใหม่หาได้คุ้นชินเส้นทาง เขาเดินตุปัดตุเป๋ตามทางดินที่ถูกไถแปรตามไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะได้เห็นบริเวณที่ได้รับการแจ้งเหตุมาเมื่อเช้าตรู่

ชาวบ้านนับสิบต่างรุมล้อมจนไม่อาจมองเห็นจากตรงนี้ ครั้นพอได้ออกปากบอกขอทางให้เจ้าหน้าที่ ชาวบ้านเองก็ต่างทิ้งทางแหวกให้เดินเข้าไป พร้อมกับที่จิราเจตได้เห็นภาพอันน่าสยดสยองชวนสะอิดสะเอียนเหลือเกินสำหรับเขา

ซากแม่ควายตัวหนึ่งที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น เลือดแดงฉานอาบทั่วร่าง บางส่วนเริ่มแห้งกรังกลายเป็นสีคล้ำเข้ม

หากแต่สิ่งที่รุนแรงเหลือเกินกลับเป็นกลิ่นเหม็นและกลิ่นคาวที่คละคลุ้ง ชาวบ้านต่างเอามือปิดจมูก มีเพียง ป้าศรี ผู้เป็นเจ้าของควายที่นั่งร้องไห้โอบกอดร่างไร้วิญญาณของมัน ปากครวญคร่ำพรรณนาถึงความโหยหาที่แสนเจ็บปวด

“มะเฟืองเอ๊ย...ใครมันทำมึง ใครมันฆ่ามึง ลูกแม่...” น้ำเสียงเศร้าสร้อยเคล้าอารมณ์สะอื้นทำให้แกดูน่าเวทนาเหลือทน

ร่างกายผอมแห้งกับผิวเกรียมแดดและใบหน้าเหี่ยวย่นทิ้งร่องรอยกาลเวลาบ่งบอกว่าเธอโหมงานมาอย่างหนักจนไม่มีเวลาประทินผิว ริ้วที่หางตาเด่นชัดยามที่เงยขึ้นมาจ้องหน้าของจิราเจตที่ยืนนิ่งอึ้ง

“คุณตำรวจขา...ใครทำควายป้า ใครมันฆ่ามะเฟืองของป้า”

หยาดน้ำตานองหน้านำความสงสารระคนเวทนาให้กับหมวดหนุ่มผู้ถูกไถ่ถาม หากแต่เขาเองก็ไม่อาจสรรหาคำตอบมาไขข้อข้องใจของอีกฝ่ายได้เลย

“เอาละครับ...ผมขอความร่วมมือ” จิราเจตตั้งสติ “ช่วยออกห่างจากสถานที่เกิดเหตุให้มากที่สุด และอย่าเข้ามาในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนะครับ”

ชาวบ้านเชื่อฟัง ถอยกรูดกันออกห่างทันที มีเพียงป้าศรีที่ยังคงนั่งร้องไห้ ร่างกายเปรอะเปื้อนทั้งน้ำเลือดน้ำหนองเหม็นเน่า ทำให้จิราเจตนั้นแทบจะสะกดความเคร่งขรึมของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว

“ที่ลำคอมีร่องรอยการทำร้าย...” จิราเจตลอบมอง พูดแผ่วเบากับรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใช้ไม้เขี่ยรดูรอยแผลที่ลำคอ ก่อนเสียบไม้ลงไปจนมันไม่สามารถไปต่อได้แล้วดึงออกมา ในใจมีความคิดมากมายหมุนวนอยู่ “หน้าท้องถูกแหวกออก ที่สำคัญ”

“เครื่องในหายไปหมดเลยนะพี่เจต”

“อืม” จิราเจตรับคำเมื่อรุ่นน้องแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับเขา

ผู้หมวดหนุ่มค่อย ๆ มองสถานที่รอบข้าง แม้จะเป็นดินที่มีร่องรอยของการไถแปรไปบ้างแล้ว และมีรอยเท้าของชาวบ้านที่ปะปนกันอยู่รอบทิศ หากแต่หนึ่งในทางดินที่ถูกย่ำเหยียบมีรอยหนึ่งที่ลากไกลเป็นทางยาวออกไปสู่ชายป่า

“เชน เดี๋ยวถ่ายรูปทุกมุมอย่างละเอียดเอาไว้ด้วย แล้วก็ถ่ายตามจุดที่พี่บอก”

“ครับพี่” รุ่นน้องรับคำ หยิบกล้องมิเรอร์เลสที่พกติดตัวมาด้วยขึ้นบันทึกภาพอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ส่วนจิราเจตแยกตัวออกมามองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจพื้นที่ ก่อนจมูกซึ่งเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นคาวเลือดจะได้กลิ่นแปลก ๆ ที่โชยมาตามสายลม...กลิ่นหอมเย็น ๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่น ถึงจะเพิ่งได้กลิ่นเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็จำมันได้

เมื่อรับรู้ว่าเขาได้กลิ่นอะไร สายตาก็สอดส่องมองกลับไปยังกลุ่มชาวบ้านที่มุงดูกันอยู่ตรงนั้น ใบหน้าขาวลออโดดเด่นแซมแทรกอยู่ในกลุ่มผู้คน...สายตานิ่งเรียบจ้องมองไปยังสัตว์ที่ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใด ๆ ออกมา มีเพียงเสน่ห์ที่ชวนมองอย่างน่าประหลาดและดอกไม้ที่ทัดอยู่ตรงหูเสมอ

...กลิ่นดอกกันเกรา

หอมหวนเหลือเกิน

อยู่ ๆ จิราเจตก็ละความสนใจจากสถานที่เกิดเหตุ จ้องมองไปยังหนุ่มน้อยผู้นั้นอย่างไม่อาจละสายตาได้ อะไรกันนะที่ทำให้เขารู้สึกถึงความน่าค้นหาจนอยากจะเข้าไปทำความรู้จักเหลือเกิน

หากได้รู้ชื่อในตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง อกซ้ายไหวสั่นขึ้นมาอย่างพิลึกพิลั่น พลันริมฝีปากก็วาดรอยยิ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“น่ากลัวเหลือเกิน อะไรนะที่สามารถทำควายตัวใหญ่ขนาดนี้ได้” หนึ่งเสียงของชาวบ้านตั้งคำถาม

“นั่นสิ ควายตัวขนาดนี้สี่คนรุมจับยังเอาลงยากเลย”

“หรือว่า...เป็นฝีมือของผีปอบวะ” พลันเมื่อความเห็นนี้ถูกเอ่ยขึ้นมา สรรพเสียงรอบทิศทางกลับเงียบสนิทไปชั่วขณะ ชาวบ้านต่างหันมองหน้ากันเหรอหรา ก่อนเสียงซุบซิบนินทาจะค่อย ๆ ระงมขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์

“เข้าใจเลยว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น” จิราเจตเอ่ยแผ่วเบากับตัวเอง “ชนบทแบบนี้กับความเชื่อเรื่องผีสางมันตีคู่กันมาเลยจริง ๆ”

เชนย่ำเท้าเข้าหา “ได้ยินที่ชาวบ้านพูดใช่ไหมพี่เจต”

“แล้วนายคิดว่าไง” จิราเจตเหลือบตามองรุ่นน้อง

“ใครจะไปรู้ล่ะพี่ บ้านป่าแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีปอบขึ้นมานี่ยกมาทั้ง สภ. ก็เอาไม่อยู่นะครับ”

“ฉันว่าไม่มีหรอก ผีปอบอะไรนั่นน่ะ”

“รุ่นพี่ผมนี่โคตรหัวสมัยใหม่เลยครับ ไม่เชื่อเรื่องผีสาง แบบนี้ผมน่าจะฝากความหวังเอาไว้ได้”

“เปล่า...” คนพูดหลุบตาต่ำ “ฉันไม่ค่อยสะดวกจะเจออะไรพวกนี้เท่าไหร่” แม้จะเก็บอาการ หากแต่ความหวาดหวั่นในใจก็เผยออกมาผ่านไหล่กว้างที่สั่นระริก

“อย่าบอกนะว่า...พี่เจต กลัวผี!?”

“ไอ้ห่านี่...พูดเบา ๆ สิวะ” จิราเจตกัดฟันเอ่ยเสียงแข็ง “เออ...อย่าให้ชาวบ้านรู้เชียว เกิดได้ข่าวว่าตำรวจกลัวผีขึ้นมาใครมันจะให้ความเคารพวะ”

มือหนึ่งของเชนยกปิดปากแล้วขำพรืด เหลือบสายตามองดูรุ่นพี่ที่เคยคิดฝากความหวัง แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกขำขันขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนสุดท้ายเสียงหัวเราะก็เงียบหายไปเมื่อฝ่ามือของจิราเจตซัดเข้าที่ท้ายทอยดังผัวะ!

“เอ๊อะ!!!...พี่เจต เบา ๆ กับผมบ้างก็ได้” เชนเกาหัวแกรก “สมองเบี้ยวหมดแล้วมั้ง”

“คุณตำรวจ...พวกผมว่าไม่มีคนร้ายหรอกครับ งานนี้ต้องเรียกหมอผีแล้ว ควักไส้ควักพุงหายไปขนาดนี้...ผีปอบชัวร์”

“ใช่ ๆ ผีปอบแน่ ๆ แย่เลย...แบบนี้ฉันจะอยู่ยังไงละเนี่ยถ้าหมู่บ้านเรามีปอบ”

“แต่หมู่บ้านเราไม่เคยมีเรื่องอะไรพวกนั้นเลยนะ”

น้ำเสียงวิพากษ์ดังขรม ชาวบ้านต่างเริ่มถูกจิตใจที่หวั่นไหวปรุงแต่งความเชื่อและความกังวลจนกลายเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันทำท่าขนลุกเกรียว ซึ่งแน่นอนว่าหลักฐานในคราวนี้คือควายแม่พันธ์ที่ถูกควักไส้ควักพุ่งพร้อมกับเครื่องในที่หายไปอย่างเป็นปริศนา

จิราเจตยืนนิ่ง ขนลุกซู่ทั่วร่าง อกสั่นขวัญแขวนไปหมด เมื่อในหัวของเขาเองก็เริ่มประกอบจินตนาการขึ้นมาให้เป็นรูปลักษณ์ของผีร้าย พร้อมกับฉากการฆ่าควายตัวนี้อย่างสยดสยอง นั่งกระซวกเครื่องในแล้วฉีกกระชากจนขาดสะบั้นก่อนกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย

เขามองตามรอยเท้าที่หายเข้าไปในชายป่าอีกครั้ง...แล้วมันก็เดินไปทางนั้นอย่างนั้นหรือ

หากแต่ในเวลานี้ ถึงจะกลัวผีจนขี้ขึ้นสมอง เขาก็ต้องเอาความกล้าเข้าข่ม...หาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาชั่งวัด เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงความจริงที่ว่า เรื่องนี้มันเป็นฝีมือผีหรือคน วิตกอย่างเดียวในเวลานี้คือเมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายคราวหนึ่ง ก็เสี่ยงที่จะเกิดเรื่องราวซ้ำซ้อน นั่นอาจจะทำให้ประชากรในหมู่บ้านต่างหวาดกลัวขึ้นมาได้

แต่ตอนนี้ไม่มีหลักฐานใด ๆ เลยสักอย่างเดียว

ถ้าหากมันเป็นการปองร้ายของอะไรสักอย่างไม่ว่าคนหรือผี ชาวบ้านที่นี่ก็เท่ากับว่าต้องเสี่ยงอันตรายไปด้วย แล้วพ่อหนุ่มกันเกราผู้นั้นก็อาจจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ไม่ได้หรอก...” จิราเจตโพล่งขึ้นมา ทำเอาเชนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ งุนงง “ฉันจะไม่ยอมให้มีใครเป็นอะไรไปหรอก”

“ถ้าเกิดมันเป็นผีปอบจริง ๆ” รุ่นน้องเว้นช่วง “พี่เจตจะสู้กับปอบเหรอครับ”

“ถ้าเกิดเจอขึ้นมาจริง ๆ ก็ลองลั่นลูกตะกั่วใส่มันก่อน” จิราเจตเอ่ย “แล้วถ้ามันไม่เป็นอะไร นั่นละ...”

“......”

“วิ่งอย่าได้คิดชีวิต มนต์บทไหนที่คิดได้ตอนนั้นก็สวดไปด้วย!”

..............................................................................................