ถ้าบทบาทของนางเอกมันจะเหนื่อยขนาดนี้นะ...

ANOTHER PART OF LOCKLYN - 1 สัมผัสความตาย โดย ALICEZ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ANOTHER PART OF LOCKLYN

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ถ้าบทบาทของนางเอกมันจะเหนื่อยขนาดนี้นะ...

ผู้แต่ง

ALICEZ

เรื่องย่อ


มันจะมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ แซลลี่ เลนนี่ มักจะดูมันซ้ำ ๆ
จนจำบทสนทนาของตัวละครได้เกือบทั้งหมด
วันหนึ่ง แซลลี่ได้ประสบอุบัติเหตุที่เธอคิดว่าจะต้องตายแล้วแน่ ๆ
แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่ที่ ล็อกลิน ซึ่งเป็นดินแดนในหนังเรื่องโปรดของเธอ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของภารกิจ แซลลี่จะต้องดำเนินชีวิตไปให้ถึงตอนจบของหนังเรื่องนั้น
โดยการเดินตามเนื้อเรื่องที่เธอจำได้เป็นอย่างดี
แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะเมื่อแซลลี่เข้าไปยุ่งกับเส้นเรื่องเดิม
ทุกการกระทำของตัวละครในหนังได้ต่างออกไป อีกทั้งเธอยังได้กลายเป็นตัวเอกของเรื่อง
แซลลี่ต้องพบกับเหตุการณ์ใหม่ ๆ และตัวละครที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอต้องดำเนินชีวิตในล็อกลิน โดยที่มิอาจคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น

และในท้ายที่สุด แซลลี่จะกลับไปสู่โลกความจริงได้ไหมนั้น
ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตในเส้นเรื่องใหม่...ที่เธอเป็นผู้กำหนด


#แซลลี่ผู้พิชิต

 

สารบัญ

ANOTHER PART OF LOCKLYN-1 สัมผัสความตาย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-2 เรื่องต้องห้าม,ANOTHER PART OF LOCKLYN-3 น่าสงสัย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-4 เริ่มแล้ว,ANOTHER PART OF LOCKLYN-5 เลยตามเลย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-6 คำอธิษฐานที่ไม่เป็นจริง,ANOTHER PART OF LOCKLYN-7 ผู้พิชิต,ANOTHER PART OF LOCKLYN-8 ชายปริศนา,ANOTHER PART OF LOCKLYN-9 อีกาแห่งซาคาร์,ANOTHER PART OF LOCKLYN-10 ภาคีแม่มดดำ,ANOTHER PART OF LOCKLYN-11 ความจริง ความฝัน ความตาย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-12 นักเวทฝึกหัด,ANOTHER PART OF LOCKLYN-13 เจ้าแห่งทะเลสาบ,ANOTHER PART OF LOCKLYN-14 มีอยู่จริง

เนื้อหา

1 สัมผัสความตาย

ช่วงเวลาหลังเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่ แซลลี่ เลนนี่ ไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะต่อให้ทำงานจนหัวหมุนมาทั้งวัน ก็มิอาจทำให้เธอเหนื่อยเท่ากับการนั่งรถโดยสารกลับที่พัก การที่ต้องเบียดเสียดอยู่ในที่แคบ ๆ เหมือนปลากระป๋อง มันทำให้พลังชีวิตของเธอลดไปจนเกือบหมด และนั่นคือสิ่งที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่แซลลี่จากลาบ้านที่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ มาทำงานในเมืองใหญ่ เธอใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน มันเป็นความซ้ำซากที่เธอคุ้นชินและไม่ได้รู้สึกว่ามันมีปัญหาอะไร ซึ่งไม่ใช่กับ แคทเธอรีน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ ที่มองว่าการใช้ชีวิตของแซลลี่มันน่าเบื่อ แคทเธอรีนต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะชวนแซลลี่ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน แต่ก็ล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในที่สุดมันก็จบลงที่เธอต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ห้องของแซลลี่แทน

“อันที่จริงคืนนี้เราควรออกไปหาอะไรอร่อย ๆ ข้างนอกกินกัน แทนที่จะสั่งมากินที่ห้องนะแซลลี่” แคทเธอรีนบ่นพลางหยิบอาหารที่เพิ่งมาส่งออกจากถุง

“เธอควรเลิกพยายามแคทเธอรีน เธอก็รู้ว่าจิตวิญญาณของฉันถูกจองจำไว้ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ตลอดไป” แซลลี่อมยิ้มในขณะที่มือของเธอนั้นกำลังกดรีโมทเพื่อเปิดหนังเรื่องโปรด

“เรื่องนี้อีกแล้ว!” แคทเธอรีนโวย เมื่อเห็นว่าแซลลี่เปิดหนังเรื่องเดิมที่เธอเคยดูไปเกินสิบรอบแล้ว “ฉันแทบจะพูดตามตัวละครได้อยู่แล้วแซลลี่”

“ฉันดูมาเป็นร้อย ๆ รอบแล้วยังไม่เห็นเบื่อเลย” แซลลี่ว่า และมันไม่ได้เกินจริงเลย เพราะเธอเปิดหนังที่ว่าบ่อยจริง ๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันเป็นการเปิดทิ้งเปิดขว้างเสียมากกว่าการตั้งใจดู

“ถามจริง หนังสิบกว่าปีที่แล้วนะ ไอ้ศึกพิภพมนตรานี่น่ะ”

“เปิดไว้เป็นเพื่อนน่ะ ฟังเสียงเอาก็เพลินดี”

“แปลกคน”

“แต่ไม่รวมเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครนะ” แซลลี่ยักไหล่พร้อมเบ้ปากเล็กน้อย “บทมันค่อนข้างน่ารำคาญ เธอก็รู้”

“ฉันถึงสงสัยไงว่าเธอทนดูมันได้ยังไงเป็นร้อย ๆ รอบ” แคทเธอรีนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกจานอาหารมาหน้าทีวี

“ฉันแค่อยากรู้สึกเหมือนได้อยู่ในหนัง เสียงสายฝนกระทบใบไม้ กลิ่นฟืนไฟจากเตาผิง ตื่นมาเจอสวนดอกไม้หน้าบ้าน เฮ้อ ชีวิตที่หาไม่ได้จากโลกแห่งความจริง”

“ใช่ เพราะโลกแห่งความจริง เราต้องทำงานสู้ชีวิตอยู่ในเมืองที่สุดแสนจะวุ่นวายนี่ยังไงล่ะ”

 ในเมื่อแคทเธอรีนไม่สามารถลากเพื่อนรักออกไปจากห้องได้ จึงจบที่ทั้งสองคนต้องนั่งดูหนังเรื่องนั้นด้วยกัน พร้อมกับวิจารณ์ไปตลอดชั่วโมงกว่า มันเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของหญิงสาวที่ไม่ชอบออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนอย่างแซลลี่

 

ในโลกของผู้วิเศษมีจอมเวทนามว่า คริส โกเบอร์ หน้าที่ของเขาคือปกป้องดินแดนไม่ให้มีผู้ใดเข้ามารุกราน เช่นเดียวกันกับ เคนเนธ โดเลอร์ จอมเวทผู้พิทักษ์และเป็นสหายรักของคริส พวกเขาร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายครั้งหลายครา กระทั่งทั้งสองได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ เทียน่า โรส เธอเป็นแม่มดที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีพลังบางอย่าง ที่อาจทำให้เธอสามารถต่อสู้กับเหล่าร้ายได้ นั่นจึงเป็นหน้าที่ของจอมเวททั้งสอง ที่ต้องช่วยกันหาทางทำให้เทียน่าได้กลายเป็นแม่มดที่ทรงพลัง แต่ความใกล้ชิดทำให้พวกเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน ไม่ต่างจากเทียน่าที่มีความรู้สึกดี ๆ ให้ทั้งคริสและเคนเนธ

ความลังเลใจของแม่มดสาว นำพามาซึ่งความบาดหมางระหว่างเพื่อนรักทั้งสอง มันจึงเป็นอุปสรรคระหว่างที่พวกเขาต้องทำภารกิจปกป้องดินแดน แต่ในท้ายที่สุด ผู้ที่ยอมเสียสละรับความพ่ายแพ้ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ย่อมเป็นเคนเนธ ชายหนุ่มผู้แสนดีที่น้อมรับความผิดหวัง เพียงเพื่ออยากเห็นผู้หญิงที่เขารักมีความสุข...

“หงุดหงิดเคนเนธ ยอมคริสทำไมตัวเองดีกว่าไอ้หมอนั่นตั้งเยอะ คริสทั้งเจ้าชู้แถมยังชอบใช้อำนาจ นางเอกก็นะ หงุดหงิดโว้ย” แคทเธอรีนบ่นหลังจากเพิ่งดูหนังจบ

“บอกแล้วว่าบทมันน่ารำคาญ”

“หนุ่มฮอตนิสัยเสียมักเป็นสเปคของพวกนางเอก เธอเองก็ชอบตาคริส โกเบอร์นั่นใช่ไหมล่ะ” แคทเธอรีนว่าพลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ

“ถ้าเป็นออสติน มัวร์ที่รับบทคริส โกเบอร์ฉันก็ไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าต้องมีแฟนแบบคริสฉันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ”

“เธอชอบผู้ชายร้าย ๆ ฉันรู้” แคทเธอรีนทำปากยื่นอย่างรู้ทัน

“ต่อให้ออสตินจะหล่อตรงสเปคแค่ไหน แต่เว้นเรื่องนี้ไว้สักเรื่องแล้วกัน และถ้าฉันเป็นเทียน่า ฉันจะไม่ตกลงปลงใจกับใครเลยสักคน เพราะถ้าพูดถึงคริสความประทับใจแรกก็ไม่มีแล้ว ทำตัวเป็นไอ้หนุ่มเพลย์บอย ส่วนเคนเนธก็ไม่สู้เพื่อตัวเองเอาเสียเลย ถ้าฉันเป็นนางเอกจะขอครองโสด แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำภารกิจพิทักษ์ดินแดนอย่างเดียว” แซลลี่ว่า

“งั้นหนังคงจบภายในยี่สิบนาที” แคทเธอรีนพูดสวนขึ้นมาทันที

“เขาถึงต้องเขียนบทให้มันยืดเยื้อน่ารำคาญอย่างนั้นไงล่ะ”

ทั้งสองสาวนั่งพูดคุยกันจนดึกดื่น ก่อนแคทเธอรีนจะกลับไป ทำให้แซลลี่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองเพียงลำพังอีกครั้ง เธอเปิดหนังศึกพิภพมนตราอีกรอบทั้งที่เพิ่งดูมันจบไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องไม่เงียบจนเกินไป และระหว่างที่หญิงสาวกำลังล้างจาน เธอก็ได้พูดตามตัวละครในหนังไปด้วยอย่างเคยชิน

“แม้ข้าจะเป็นจอมเวทที่ใครต่อใครบอกว่าเก่งนักหนา แต่ผู้ที่จะปกป้องดินแดนนี้ได้มีเพียงเจ้าเท่านั้น เทียน่า” แซลลี่พูดออกมาอย่างไม่ผิดพลาดไปแม้แต่คำเดียว ก่อนจะต่อบทของเทียน่าได้อย่างแม่นยำ “ไม่ใช่แค่ข้า มันต้องเป็นเรา”

ถึงแม้ว่าเธอจะเปิดหนังเรื่องนี้บ่อย จนท่องบทได้ราวกับเป็นนักแสดงคนหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคเหล่านั้น แซลลี่ก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้ เมื่อถึงฉากที่เธอชอบ หญิงสาวก็มักจะเดินมาดูมันทุกครั้งก่อนจะกลับไปทำงานอื่นต่อ โดยที่ยังคงเปิดมันทิ้งไว้จนจบ

 

เช้านี้ยังคงเป็นเช่นเคย แซลลี่ต้องเดินทางไปทำงานด้วยการแออัดกับผู้คนอย่างที่เป็นในทุก ๆ เช้า เธอไม่รู้ว่าต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะเธอไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้รู้สึกถึงความสำเร็จ เธอคิดว่าตัวเองพึงพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ ในขณะเดียวกันชีวิตเรื่อยเปื่อยที่เป็นอยู่นี้ ทำให้แซลลี่รู้สึกล้มเหลวในชีวิตเช่นกัน และเธอก็ไม่รู้วิธีการที่จะออกจากความรู้สึกนั้น

แซลลี่ไม่ใช่คนทะเยอทะยาน การทำงานในแต่ละวันมักเป็นการทำให้มันจบไปแบบวันต่อวัน เธอไม่เคยฝันถึงตำแหน่งใหญ่โต เพราะเธอต้องการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่ต้องมีเพิ่มมากขึ้น เธอขอแค่ให้มีงานทำในทุก ๆ วัน และไม่อดตายก็เพียงพอแล้ว

แม้แซลลี่จะมีความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง แต่มันก็แค่ชั่วขณะที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องหากิจกรรมบางอย่างทำ เพื่อขจัดความฟุ้งซ่านออกไป และส่วนใหญ่มักเป็นการดูหนังหรืออ่านนิยาย เพราะมันทำให้เธอได้จินตนาการถึงตัวตนอื่น เธอมักสมมติบทบาทให้ตัวเองเป็นตัวละครที่เก่งกาจอยู่บ่อยครั้ง อย่างน้อยเธอก็ได้เป็นคนเก่งในโลกจินตนาการของเธอเอง

“ไปหาอะไรกินกัน” แคทเธอรีนเอ่ย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเก็บของเตรียมเลิกงาน

“กินอะไรดีล่ะ” แม้ใจอยากจะกลับห้องพักมากกว่า แต่แซลลี่ก็อยากจะยอมเพื่อนซี้บ้างสักวัน

“เล็งไว้ร้านหนึ่ง คิดว่าเธอต้องชอบ” แคทเธอรีนบอกอย่างมั่นใจ

“ก็ได้ ฉันจะเชื่อเธอ”

ไม่บ่อยนักที่แซลลี่จะยอมเถลไถลไปที่อื่น เพราะทุกครั้งเมื่อถึงเวลาเลิกงาน แซลลี่จะรีบมุ่งหน้าตรงกลับห้องพักของตัวเองในทันที แต่วันนี้เธออยากตามใจแคทเธอรีนบ้าง อีกทั้งอยากซื้อหนังสือเล่มใหม่ แม้เล่มเก่าที่มีอยู่นั้นยังอ่านไม่หมดเลยก็ตาม

ในระหว่างที่แซลลี่และแคทเธอรีนกำลังเดินอยู่บนสะพานอย่างไม่ได้เร่งรีบอะไร จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาทางหญิงสาวทั้งสองด้วยท่าทีรีบร้อน แคทเธอรีนที่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบเบี่ยงตัวหลบ โดยไม่รู้เลยว่าแซลลี่ที่กำลังเดินเอ้อระเหยไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์นั้น ส่งผลให้ชายคนดังกล่าวได้ชนเธอเข้าเต็มแรง แซลลี่ที่ไม่ได้ระวังตัวจึงพลัดตกสะพานไปในทันที

“แซลลี่!”

แคทเธอรีนตะโกนเรียกสุดเสียงด้วยความตกใจ เบื้องล่างเป็นคลองที่น้ำตื้นเพียงหน้าแข้ง นั่นทำให้หัวของแซลลี่กระแทกกับพื้นด้านล่างอย่างจัง

ภาพที่แคทเธอรีนเห็นคือแซลลี่นอนจมอยู่ในน้ำที่แดงฉานไปด้วยเลือดของเธอเอง หญิงสาวกรีดร้องออกมาก่อนจะรีบวิ่งไปที่บันไดเพื่อลงไปหาแซลลี่ ผู้คนที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ สะพานต่างก็พากันมามุงดู ในขณะที่แคทเธอรีนนั้นวิ่งปรี่ลงไปราวกับคนเสียสติ

แซลลี่รู้ตัวว่าตกลงมาจากสะพาน เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือเธอกำลังจะได้เข้าใกล้ความตาย มันเป็นสิ่งที่เธอนึกสงสัยมาตลอดว่าจะเป็นอย่างไร และในตอนนี้เธอกำลังจะได้รู้คำตอบนั้นแล้ว

เสียงอื้ออึงเหนือผิวน้ำฟังไม่ได้ศัพท์ แซลลี่รู้สึกเหมือนเธอจมอยู่ใต้น้ำมาเป็นชั่วโมง แล้วในขณะที่บรรยากาศรอบตัวกำลังมืดมัวลง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาในหัว ‘แม้ข้าจะเป็นจอมเวทที่ใครต่อใครบอกว่าเก่งนักหนา แต่ผู้ที่จะปกป้องดินแดนนี้ได้มีเพียงเจ้าเท่านั้น แซลลี่

แม้ใกล้จะหมดสติเต็มที แต่เธอก็รับรู้ได้ว่ามีคนรายล้อมอยู่รอบตัวเต็มไปหมด เสียงพูดคุยดังระงมจนจับใจความแทบไม่ได้ จิตของเธอพยายามดิ้นรนหาทางรอดสุดชีวิต ซึ่งขัดกับร่างกายที่ไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้แซลลี่เกิดความคิดที่อยากยอมแพ้เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

แต่แล้วก็มีเสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูของเธอเบา ๆ มันเป็นเสียงแหบพร่าของตัวร้ายที่เธอได้ยินจากหนังเรื่องศึกพิภพมนตราอยู่บ่อย ๆ

ดำเนินเรื่องของเจ้าไปให้ถึงตอนจบ แล้วจะได้กลับมา เจ้าเป็นนางเอกของเรื่องนี้แล้ว แซลลี่ เลนนี่

แม้จะไม่เห็นหน้า แต่แซลลี่ก็สามารถจินตนาการได้ถึงใบหน้าผู้เป็นเจ้าของเสียงได้ ปีศาจร้ายแห่งดินแดนผู้วิเศษที่เธอแสนชัง ปีศาจที่ถูกกำจัดซ้ำ ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่เธอเปิดหนังเรื่องนั้น ในตอนนี้แซลลี่รู้สึกกลัวราวกับกำลังจะได้เผชิญหน้ากับยมทูต เธอสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาของผู้ชายที่ดึงร่างของเธอขึ้นเหนือน้ำ มันเป็นความรู้สึกประหลาด ราวว่าวิญญาณกำลังถูกดึงออกจากร่าง

หญิงสาวใช้แรงที่เหลือเพียงน้อยนิดลืมตาขึ้น แต่แล้วสิ่งที่แซลลี่ได้เห็นนั้นกลับไม่ใช่ปีศาจที่เธอจินตนาการไว้ เพราะเบื้องหน้าของเธอเป็นชายหนุ่มที่มีดวงตาสีฟ้าประหลาด ส่วนอื่น ๆ บนใบหน้าของเขาถูกปกปิดอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ ท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหลังร่างสูงมืดดำราวกับกำลังจะเกิดอาเพศ

เพียงเสี้ยววินาทีร่างของเขาก็สลายกลายเป็นฝุ่นสีดำ ร่างของแซลลี่ถูกปล่อยให้จมลงสู่ใต้น้ำอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้มันจะลึกกว่าเดิม หญิงสาวจมดิ่งลงเบื้องล่างโดยที่ไม่สามารถคาดคะเนความลึกได้ สติของเธอค่อย ๆ เลือนหายไปกับความมืดใต้ผืนน้ำ และสิ่งที่เธอจะได้พบพานหลังจากนี้คงเป็นความตายที่เธอมิอาจเลี่ยง