ถ้าบทบาทของนางเอกมันจะเหนื่อยขนาดนี้นะ...

ANOTHER PART OF LOCKLYN - 6 คำอธิษฐานที่ไม่เป็นจริง โดย ALICEZ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ANOTHER PART OF LOCKLYN

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ANOTHER PART OF LOCKLYN โดย ALICEZ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ถ้าบทบาทของนางเอกมันจะเหนื่อยขนาดนี้นะ...

ผู้แต่ง

ALICEZ

เรื่องย่อ


มันจะมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ แซลลี่ เลนนี่ มักจะดูมันซ้ำ ๆ
จนจำบทสนทนาของตัวละครได้เกือบทั้งหมด
วันหนึ่ง แซลลี่ได้ประสบอุบัติเหตุที่เธอคิดว่าจะต้องตายแล้วแน่ ๆ
แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่ที่ ล็อกลิน ซึ่งเป็นดินแดนในหนังเรื่องโปรดของเธอ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของภารกิจ แซลลี่จะต้องดำเนินชีวิตไปให้ถึงตอนจบของหนังเรื่องนั้น
โดยการเดินตามเนื้อเรื่องที่เธอจำได้เป็นอย่างดี
แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะเมื่อแซลลี่เข้าไปยุ่งกับเส้นเรื่องเดิม
ทุกการกระทำของตัวละครในหนังได้ต่างออกไป อีกทั้งเธอยังได้กลายเป็นตัวเอกของเรื่อง
แซลลี่ต้องพบกับเหตุการณ์ใหม่ ๆ และตัวละครที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอต้องดำเนินชีวิตในล็อกลิน โดยที่มิอาจคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น

และในท้ายที่สุด แซลลี่จะกลับไปสู่โลกความจริงได้ไหมนั้น
ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตในเส้นเรื่องใหม่...ที่เธอเป็นผู้กำหนด


#แซลลี่ผู้พิชิต

 

สารบัญ

ANOTHER PART OF LOCKLYN-1 สัมผัสความตาย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-2 เรื่องต้องห้าม,ANOTHER PART OF LOCKLYN-3 น่าสงสัย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-4 เริ่มแล้ว,ANOTHER PART OF LOCKLYN-5 เลยตามเลย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-6 คำอธิษฐานที่ไม่เป็นจริง,ANOTHER PART OF LOCKLYN-7 ผู้พิชิต,ANOTHER PART OF LOCKLYN-8 ชายปริศนา,ANOTHER PART OF LOCKLYN-9 อีกาแห่งซาคาร์,ANOTHER PART OF LOCKLYN-10 ภาคีแม่มดดำ,ANOTHER PART OF LOCKLYN-11 ความจริง ความฝัน ความตาย,ANOTHER PART OF LOCKLYN-12 นักเวทฝึกหัด,ANOTHER PART OF LOCKLYN-13 เจ้าแห่งทะเลสาบ,ANOTHER PART OF LOCKLYN-14 มีอยู่จริง,ANOTHER PART OF LOCKLYN-15 ความลับของฮาโรลด์,ANOTHER PART OF LOCKLYN-16 รอหนังจบ,ANOTHER PART OF LOCKLYN-17 ทั้งวัน ทั้งคืน

เนื้อหา

6 คำอธิษฐานที่ไม่เป็นจริง

          เสียงร้องครวญด้วยความหวาดกลัวยังคงดังอยู่เนือง ๆ กลุ่มควันไฟลอยคุกรุ่นจากซากบ้านเรือนที่ถูกทำลาย ชายร่างสูงใหญ่เดินตรวจตรารอบ ๆ หมู่บ้านที่พังพินาศไปด้วยน้ำมือของเขาเอง เขาผู้นั้นคือคาเรย์ ผู้นำของกลุ่มลอร์ที่ออกตามล่าสตรีจากคำทำนายมาเกือบทั้งดินแดน แม้คาเรย์จะมีอำนาจและอายุขัยมาอย่างยาวนาน แต่คำทำนายของแม่มดเลวาน่าที่บอกไว้ว่าจะมีสตรีผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจและพลังเข้ามาหยุดสงคราม ทำให้จอมปีศาจอย่างคาเรย์หวั่นใจได้ไม่น้อย เขาได้ตีความถึงสตรีที่ถูกกล่าวไว้ว่าเธอผู้นั้นจะต้องเป็นแม่มด และหากสงครามจะต้องยุติลงนั่นแปลว่าเขาจะต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างแน่นอน

          “แทบไม่เหลือแม่มดแล้วนายท่าน”

          “อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชา

          “ที่เหลืออยู่เวลานี้ไม่ได้ตรงตามคำทำนายเลย แต่ได้ข่าวว่ามีแม่มดกลุ่มหนึ่งหนีออกจากที่นี่ไปตั้งแต่ช่วงค่ำวาน”

          “ไปไหน”

          “หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเห็นจะเป็นล็อกลิน”

          คาเรย์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาทอดสายตามองไฮรัมที่ในเวลานี้แทบดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน “ให้พักผ่อนกันเสียพอ เพราะนี่จะเป็นการพักผ่อนครั้งสุดท้ายของพวกนาง”

 

          ในขณะที่ทามาร่ากำลังง่วนอยู่กับการต้มยาสมุนไพร แซลลี่ก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับการเย็บตุ๊กตาให้โมนา แม้เธอจะชอบงานฝีมือ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเก่งเรื่องนั้น ตุ๊กตาที่เธอทำจึงออกมาไม่ตรงตามที่ใจคิดไว้สักเท่าไร เด็กหญิงที่นั่งดูมาตลอดทั้งวันจึงได้แต่ขำคิกคักให้กับตุ๊กตาที่บูดเบี้ยวของเธอ

          “ขำแปลว่าชอบ” เธอยื่นตุ๊กตาทำมือให้กับโมนา

          “ก็มันตลกนี่” โมนาว่าพลางรับตุ๊กตามากอดเอาไว้

          “อย่างน้อยเจ้าเน่านั่นก็มีเพื่อน” แซลลี่มองตุ๊กตาตัวเก่าของโมนาพร้อมกับยิ้มให้เด็กหญิง

          “ขอบคุณ”

          โมนาแย้มรอยยิ้มให้กับเธอ นั่นทำให้แซลลี่ต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างรู้สึกดีที่ตุ๊กตาไม่สมประกอบของเธอทำให้โมนามีความสุข

          “นี่แซลลี่ พรุ่งนี้ล็อกลินจะมีงานฉลอง เจ้าไปได้นะถ้าอยากไป” หญิงชราที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าหม้อต้มยาตะโกนบอกแซลลี่

          “งานฉลองอะไรคะ?”

          “มันเป็นวันที่น้ำในทะเลสาบจะมีแสงสว่างเรือง เชื่อกันว่ามีเทพผู้คุ้มครองล็อกลินอาศัยอยู่ใต้ทะเลสาบ” โมนาบอกเล่าตามที่เธอเคยได้ยินมาจากแม่ของเธอ

          “ใช่ ว่ากันว่าเจ้าแห่งทะเลสาบผู้คุ้มครองเรา จะปรากฏให้เห็นปีละครั้ง ซึ่งก็คือแสงจากใต้ทะเลสาบที่เราจะได้เห็นนั่นแหละ” ทามาร่าพูดก่อนจะเดินมาหาแซลลี่ เพื่อที่จะได้บอกเล่าได้ง่ายขึ้น “ชาวล็อกลินมีความเชื่อว่า ถ้าได้ล้างหน้าขณะที่น้ำในทะเลสาบส่องแสงนั้นจะโชคดี”

          คำบอกเล่าทำให้แซลลี่นิ่งเงียบไป เธอคุ้นเคยกับงานเฉลิมฉลองนั้นเป็นอย่างดี และรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างงานเฉลิมฉลองนั้น หญิงสาวมองหน้าโมนาสลับกับหญิงชรา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่อนึกถึงฉากเรียกน้ำตานั้นขึ้นมา

 

          ทะเลสาบล็อกลินส่องแสงสว่างเรือง ความสวยงามของสิ่งมหัศจรรย์นี้สร้างเสียงฮือฮาจากผู้คนที่อยู่รอบทะเลสาบได้ไม่น้อย ผู้คนที่เฝ้ารอคอยปรากฏการณ์นี้ ต่างพากันลงไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาพร้อมกับขอพร

แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังชื่นมื่นกับน้ำในทะเลสาบอยู่นั้น ก็ได้มีธนูไฟพุ่งข้ามมาจากอีกฝั่ง ซึ่งมันไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่คุ้นเคย ชาวบ้านต่างพากันแตกฮือเมื่อถูกบุกรุก งานเฉลิมฉลองจำต้องเลิกรา แล้วการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น ผู้คนต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น

          บ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ตั้งแต่ริมทะเลสาบ ไปจนถึงเนินเขาถูกไฟไหม้เสียหาย ผู้คนล้มตายราวกับใบไม้ร่วง กระท่อมของทามาร่าถูกไฟไหม้วอด รวมถึงตัวหญิงชราด้วยเช่นกัน ล็อกลินที่แสนสงบในเวลานี้ได้กลายเป็นหมู่บ้านเต็มไปด้วยฝันร้าย และผู้คนที่อยู่ในค่ำคืนนี้จะไม่มีวันลืมเลือน

 

“ไปเถอะ” เสียงโมนาพูดขึ้น นั่นทำให้แซลลี่หลุดจากภวังค์ความคิดของเธอ เธอมองหน้าโมนาค้างไว้และทำท่าจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เด็กหญิงก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน “ให้มันเป็นไปตามนั้น”

“ฉันไม่อยากไป” แซลลี่บอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ทำไมล่ะ หนึ่งปีมีเพียงหนึ่งครั้ง อีกอย่างเดี๋ยวนี้เจ้าไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้ว ข้าคงไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก ข้าแก่แล้ว เดินเหินก็ไม่ค่อยจะสะดวก” ทามาร่าว่า

“แม่ข้ามีชุดสวย ๆ ท่านไม่ได้ใส่ชุดพวกนั้นมานานแล้ว และคงไม่ว่าอะไรถ้าท่านจะใส่มันไปงานฉลอง” เด็กหญิงวัยหกขวบส่งยิ้มให้กับแซลลี่ ราวว่าไม่รู้ชะตากรรมของล็อกลิน และแซลลี่ก็ไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

แซลลี่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้โมนาแล้วลูบหัวเด็กน้อยเบา ๆ เธอหันมองหน้าทามาร่าเพียงแค่แวบเดียว ก่อนจะรีบก้มหน้าแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไป สร้างความงุนงงให้กับหญิงชราอยู่ไม่น้อย แต่ทามาร่าก็ไม่ได้คิดหาคำตอบแต่อย่างใด และปล่อยให้แซลลี่ได้อยู่ตามลำพัง

ภาพในหนังหลั่งไหลเข้ามาในหัวแซลลี่ มันทำให้เธอร้องไห้จนตัวโยน เดิมทีขณะดูหนังฉากนี้มันก็ทำให้เธอน้ำตาคลออยู่หลายครั้งหลายครา พอได้มาอยู่ที่นี่จริง ๆ มันทำให้แซลลี่ทำใจยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น เพราะหนังเรื่องนี้ต้องดำเนินเรื่องต่อไป

แซลลี่ขังตัวเองอยู่ในห้องพักใหญ่ และเมื่อออกมาก็พบกับชุดสีแดงที่แขวนอยู่หน้าห้อง เธอมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเบา ๆ ก่อนจะละออกมา เธอเดินออกมาข้างนอก จึงได้พบกับจูเลียที่กำลังผ่าฟืนอยู่หน้ากระท่อมของเธอ แซลลี่ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาจูเลียทันที

“ขอบคุณสำหรับชุดนะคะ” แซลลี่กล่าว นั่นทำให้จูเลียต้องเงยหน้าขึ้นมอง แม้เธอจะส่งยิ้มทักทาย แต่แววตาของจูเลียนั้นยังดูโศกเศร้าอยู่เสมอ

“โมนาบอกว่าชุดนั้นเหมาะกับเจ้า” จูเลียว่า

“ไว้อีกสองสามวันฉันจะซักมาคืนนะคะ”

“ไม่ต้อง” จูเลียร้องปฏิเสธ “ข้าให้เจ้า ถือเป็นการขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับโมนา อีกอย่างข้ายังไม่เคยได้สวมมันเลยสักครั้ง...และคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”

น้ำเสียงเศร้าสร้อยของจูเลียทำให้แซลลี่ต้องรีบเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ มันเป็นชุดที่สวยมาก ฉันสัญญาว่าจะดูแลมันให้ดีที่สุด”

เมื่อแซลลี่ยินดีที่จะรับชุดสีแดงนั้นไป มันทำให้จูเลียยิ้มกว้างขึ้น แม้ดวงตาจะเศร้าหมองก็ตาม ตอนที่ดูหนังเธอไม่ค่อยได้ใส่ใจตัวละครนี้สักเท่าไร แต่ตอนนี้เธอได้รับรู้แล้ว ว่าตัวละครที่ไม่ค่อยถูกเอ่ยถึงนั้นได้แบกเรื่องราวอันแสนเศร้าไว้หนักหนาเพียงใด

หลังจบบทสนทนาแซลลี่ก็เดินกลับมาที่กระท่อมของทามาร่า หญิงสาวหยุดมองวิวหมู่บ้านที่อยู่รอบทะเลสาบ เธอถอนหายใจเพราะอดจินตนาการภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้ไม่ได้เลย หากเป็นได้เธออยากหยิบรีโมทขึ้นมากดหยุดหนังเอาไว้ หรือไม่ก็กดข้ามฉากงานฉลองไปเสียเลย

 

บ้านเรือนริมทะเลสาบครึกครื้นกว่าที่เคย แซลลี่เดินออกมาจากห้องด้วยชุดสีแดงของจูเลีย โดยปกติแล้วหญิงสาวมักจะเนื้อตัวมอมแมมจากการทำงานบ้านและทำสวนอยู่เป็นประจำ แต่ตอนนี้เธอดูสวยสง่าเสียจนทามาร่าต้องเอ่ยปากชม

“เจ้าสวยมาก”

“ขอบคุณค่ะ หนูจะรีบกลับนะคะ” แซลลี่บอกด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“เที่ยวให้สนุกเถอะ”

น้ำเสียงอบอุ่นของทามาร่าทำให้ดวงตาของแซลลี่เริ่มอุ่นขึ้นอีกครั้ง เธอพุ่งตัวเข้าไปกอดหญิงชราเอาไว้แน่น ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่ทามาร่ามอบความรักและให้การดูแลเธอเป็นอย่างดี ทามาร่าเป็นดั่งตัวละครที่ถูกผู้กำกับหลอกให้รักก่อนที่จะทำร้ายจิตใจคนดูด้วยการเขียนบทให้ตาย แม้แซลลี่จะผ่านการดูฉากนี้ซ้ำ ๆ มาเป็นร้อยครั้ง แต่เมื่อได้เห็นทามาร่ายืนอยู่ตรงหน้าแล้วเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย มันจึงสร้างความเจ็บปวดใจให้กับเธออย่างมหาศาล เพราะเธอได้ผูกพันกับตัวละครนี้ไปแล้ว

แซลลี่ดึงหมวกที่ติดอยู่กับชุดขึ้นมาคลุมหัว ก่อนจะเดินออกมาจากกระท่อม แสงไฟจากหมู่บ้านด้านล่างสว่างไสวดูสวยงามกว่าทุกครั้ง แต่หญิงสาวกลับร่ำไห้ไปตลอดทาง เธอพยายามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวความสวยงามนี้ไว้ เพราะเมื่อทะเลสาบส่องแสง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป

“ว้าว ไม่ยักรู้ว่าโจเซฟีนใส่เสื้อผ้ามีสีสันแบบนี้ด้วย” คริสเอ่ยขึ้นทันทีที่เขาได้พบกับแซลลี่

“ของคุณจูเลีย” แซลลี่บอกด้วยน้ำเสียงสะบัด อีกทั้งยังนึกด่าทอคริสอยู่ในใจ ว่าทำไมไม่เอาเวลาไปปกป้องหมู่บ้าน แทนที่จะมายืนลวนลามเธอด้วยสายตาเช่นนี้

“โอ้ มันช่างเหมาะกับเจ้ามาก ๆ”

“ขอบใจ”

“เป็นอะไร ดูเจ้าไม่สนุกกับงานเลย” คริสพูดขึ้น และเมื่อเขาสังเกตดี ๆ ก็พบว่าใบหน้าของหญิงสาวมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ “เจ้าร้องไห้เหรอ”

“เปล่า” แซลลี่ปฏิเสธก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาบนพวงแก้ม แต่เมื่อหลักฐานมันมัดตัว เธอจึงต้องยอมรับไปในที่สุด “อือ ใช่ อยู่ ๆ ก็รู้สึกแปลก ๆ”

“เกี่ยวกับความจำของเจ้าหรือเปล่า” น้ำเสียงของคริสดูเป็นห่วงเธออยู่ไม่น้อย

“ไม่รู้สิ ไม่เห็นจะจำอะไรได้เสียที” เธอบอกไปด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

“นี่แซลลี่” คริสเรียกพลางวางมือหนาลงบนบ่าของแซลลี่ ก่อนจะออกแรงบีบมันเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องจำอะไรแล้วก็ได้ ถ้าชีวิตที่นี่มีความสุขดี จำแต่สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ก็พอ”

ออร่าของพระเอกที่อยู่รอบตัวคริส เกือบทำให้แซลลี่เผลอไผลไปกับแววตาของเขา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้เป็นใครสักคนในหนังเรื่องนี้ นั่นจึงทำให้แซลลี่ถอยห่างออกมาจากหนุ่มร่างสูง

“คนนั้นสวยกว่าอีก” แซลลี่เปลี่ยนเรื่อง พลางเบนสายตาไปมองเทียน่าที่กำลังเดินมา

“สวยมาก”

น้ำเสียงล่องลอยเหมือนโดนมนตร์สะกดของคริสทำให้แซลลี่ต้องทำหน้าระอา ไม่ว่าโลกจะแตกล็อกลินจะระเบิด คริสก็ยังเป็นคริส เธอหมุนตัวเดินหนีออกมาจากตรงนั้นอยากรู้งาน เพราะหลังจากนี้คริสต้องอยู่กับเทียน่าตามบท แซลลี่จึงถือโอกาสหาที่นั่งริมทะเลสาบซึ่งส่วนใหญ่ถูกผู้คนจับจองไว้หมดแล้ว กว่าเธอจะหาที่เงียบ ๆ ได้ก็ต้องเดินห่างออกมาจากย่านชุมชนอยู่พอสมควร

แซลลี่นั่งทบทวนสิ่งที่จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เธอต้องพยายามทำใจยอมรับมันให้ได้ และไม่ลืมที่จะสอดส่องหาที่ปลอดภัยให้ตัวเองหากเวลานั้นมาถึง หญิงสาวนั่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังรู้สึกเศร้าใจที่หนังเรื่องโปรดทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดได้มากเพียงนี้

หญิงสาวนั่งกอดเข่าอยู่ริมทะเลสาบโดยไม่รู้เลยว่าผ่านไปกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง จนกระทั่งเสียงฮือฮาดังขึ้น แซลลี่ถึงได้เงยหน้าขึ้นมา และได้เห็นว่าใจกลางของทะเลสาบมีลำแสงเล็ก ๆ ส่องขึ้นมาจากข้างใต้ เธอลุกขึ้นยืนแล้วค่อย ๆ เดินไปริมตลิ่ง เพียงครู่เดียวผืนน้ำทั้งทะเลสาบก็สว่างวาบขึ้น ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ รีบกรูลงไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตัว ในขณะที่แซลลี่นั้นได้แต่ยืนมองน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตา

หญิงสาวค่อย ๆ นั่งลงแล้วจุ่มมือที่สั่นเทาลงไปในน้ำพร้อมกับหยดน้ำตา เธอดึงมือเปียก ๆ ขึ้นมาทาบบนใบหน้าของตัวเองพร้อมกับเอ่ยคำอธิษฐานด้วยน้ำเสียงสั่น

“ขอท่านจงคุ้มครองผู้คนในล็อกลิน”

เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น เมื่อออกมาถึงจุดที่คนส่วนใหญ่รวมตัวกัน เธอก็ได้เห็นว่าคริสกำลังยืนคุยอยู่กับเทียน่า และดูเหมือนว่าทั้งสองจะเข้ากันได้ดี ส่วนเคนเนธนั้นคงจะอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบอย่างที่เคยปรากฏในหนัง

แซลลี่ถอนหายใจก่อนจะสังเกตเห็นธนูไฟพุ่งขึ้นเหนือทะเลสาบ เธอรู้ได้ทันทีว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อธนูลูกแรกลอยข้ามมา เพียงชั่วครู่มันได้กลายเป็นเสียงกรีดร้อง แล้วผู้คนก็เริ่มวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นอย่างในหนังไม่มีผิด แซลลี่ได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองผู้คนวิ่งผ่านเธอไป ฉากการต่อสู้ที่เคยผ่านตาเธอมาแล้วนั้น ในตอนนี้มันชัดสมจริงยิ่งกว่าสวมแว่นสามมิติเสียอีก