เมื่อตัวตนถูกสังหาร การปิดบังในจิตใจจากความจริงจึงเริ่มขึ้น "สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน นิยายเรื่องนี้เกิดจากการต่อยอดจากเรื่องสั้นที่ผมเคยเขียนเล่นๆ ไว้ครับ ด้วยความที่เป็นงานเขียนชิ้นแรกๆ ผมจึงขออภัยหากในช่วงแรกเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบนัก หรือตัวละครอาจจะยังไม่ชัดเจนพอ แต่ผมสัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือในการเขียนอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะติดตามและให้กำลังใจผมนะครับ ขอบคุณครับ"
แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ต่างโลก,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,พระเอกหล่อ,เวทมนตร์,เวทมนต์,ปีศาจ,แอคชั่น,แอ็คชั่น ,แอ็คชั่น,แอ็กชัน,ต่อสู้,ย้อนเวลา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ใครผิด..ที่ลิขิตชะตาเมื่อตัวตนถูกสังหาร การปิดบังในจิตใจจากความจริงจึงเริ่มขึ้น "สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน นิยายเรื่องนี้เกิดจากการต่อยอดจากเรื่องสั้นที่ผมเคยเขียนเล่นๆ ไว้ครับ ด้วยความที่เป็นงานเขียนชิ้นแรกๆ ผมจึงขออภัยหากในช่วงแรกเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบนัก หรือตัวละครอาจจะยังไม่ชัดเจนพอ แต่ผมสัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือในการเขียนอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะติดตามและให้กำลังใจผมนะครับ ขอบคุณครับ"
เมื่อตัวตนถูกสังหาร การปิดบังในจิตใจจากความจริงจึงเริ่มขึ้น
“ข้านี้ละคือความหวัง” หลังสิ้นเสียงร่างของชายชุดคลุมก็เผยใบหน้าให้เห็น พร้อมพลังสทองที่ระเบิดออกจากทั่วทั้งร่าง พลังมหาศาลนั้นถึงกับทำให้โกหกที่ถือปืนแขนขาดเพราะพยามจะยืนต้านพลังนั้น ร่างของเขากะเด็นไปกระแทกกับรั้ววิหาร
เทพอนูบิสเองยังต้องเอามือปิดตาเพราะความสว่างจ้าจากพลังนั้น
“ ที่แท้แกก็คือพวกพวกบนฟ้า ” เสียงของเทพอนูบิสคิดในใจขนาดจ้องมองไปยังแสงพลังขนาดใหญ่ที่ระเบิดออกมาจากร่างของชายตรงหน้า
" พวกแกมาทำอะไรที่นี่ ที่นี่คือมานครแห่งจิตสำนึกพวกแกไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาย่างกรายที่นี่" เทพอนูบิสผู้คุมแห่งวิหารแห่งความเชื่อนั้นตะโกนก้องเกล้าลาวกับไม่ได้กลัวพลังตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยเขาขยับกายลุกขึ้นพร้อมกับกระชับกระบองในมือและระเบิดพลังออร่าที่มีสีดำและสีเขียวปนกันแสดงให้เห็นถึงพลังความเชื่อนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของความหวังเลย
"มันได้เวลาที่หัวใจของคนเรามันจะเปลี่ยนแปลงแล้ว" ความหวังพูดขึ้นพร้อมกระชับดาบสัจธรรมในมือจนแน่นมันเปล่งประกายเป็นสีทองราวกับเป็นพระอาทิตย์ดวงเล็กเขาจ้องมองไปยังเทพอนุเบสอย่างไร้ความกลัว
"นี่คือการตัดสินแล้วไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามประสงค์ของท่าน" ความหวังเอยออกมาขนาดจ้องมองไปยังเทพอนูบิสอย่างไร้ความกลัว
โกหกที่ตอนนี้น่าจะตายไปแล้วแต่ทว่าเขาก็ยังหายใจอยู่ร่างของเขานั้นกระแทกกับผนังรั้วของวิหารอย่างแรง ร่างเขาจมกองเลือดสีดำ นอนแน่นิ่ง
“ ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจที่แท้ทั้งหมดนี้ มันเป็นแผนของเจ้าความจริงนั่นเองพวกเราหลงกลมันแล้ว พวกกระเบื้องบนคงจะไม่รู้เรื่องนี้แน่ ข้าจะต้องรีบตายแล้วเกิดใหม่เพื่อที่จะนำแผนการทั้งหมดนี้ของความจริงไปแจ้งให้กับเบื้องบนให้ทราบ” โกหกคิดในใจเหมือนว่าเขาจะเข้าเรื่องทั้งหมด
แต่ทว่าดูเหมือนความหวังนั้นจะรู้ว่าโกหกคิดอะไรอยู่สายตาของเขาแม้จะเพ่งเล็งไปยังเทพอนูบิสเจ้าคุ้มครองวิหารแห่งความเชื่อแต่เขาก็รู้มองไปที่โกหกเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขารู้ดีว่าศึกนี้นั้น เขายังไม่มีพลังมากพอที่จะเอาชนะความเชื่อได้เพราะความเชื่อมันถูกสะสมมาเป็นเวลานานวิหารอันใหญ่โตนี้เป็นสัญลักษณ์ยืนยันได้อย่างดีว่าความเชื่อนั้นฝังรากลึกเพียงใดในจิตสำนึกแห่งนี้
"จงออกไปซะนี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า"
"เจ้าก็รู้ว่ามันไม่มีทางจะเป็นอย่างนั้น อนูบิส"
"เข้ามาเถอะมันจบเรื่องของเรากัน"
หลังสิ้นคำก็ไม่มีอะไรมาก ร่างนึงเงาดำไว้จนมองไม่เห็นร่างนึงสีทองร้าวกับดาวตกพุ่งเข้าใส่กันยางรวดเร็วจนสายตาของคนธรรมดานั้นยากที่จะมองเห็นเสียงดาบและแรงปะทะนั้นระเบิดดังสนั่นแล้วกลับอุกกาบาตตกใส่โลก
โกหกที่ตอนนี้พยายามหาอะไรบางอย่างเพื่อที่จะปลิดชีพตนเองเพื่อไปเกิดใหม่แนะนำแผนการทั้งหมดของความจริงที่ทำให้ความหวังนั้นมาที่วิหารความเชื่อไปแจ้งกลับเบื้องบนเพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เขารู้ดีว่าความจริงนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดตั้งแต่การสังหารความรู้สึกจนมาถึงการปรากฏตัวของความหวังทั้งหมดนี้เป็นแผนการล่อลวงแม้เขาจะยังไม่เข้าใจว่าเหตุใด ความหวังจึงจะต้องมาต่อสู้กับความเชื่อ ทั้งๆที่พวกเขาฝ่ายมืดนั้นมีพลังสูงกว่าและอยู่มานานก็ยังไม่เห็นว่าพวกฝ่ายดีความคิดสร้างสรรค์นั้นจะลงมือแต่จนมาถึงบัดนี้เขาถึงได้รู้ว่าความจริงนั้นไม่ปลุกให้ความหวังตื่นขึ้นแล้ว
การเผยความจริง
เสียงก้องกังวานดังก้องไปทั่ว “ข้ายังมีความหวัง!”
ชายสวมเสื้อคลุมคลี่คลุมใบหน้า ดวงตาสีทองสว่างจ้า พลังพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรงจน โกหก ผู้ถือปืนในมือต้องถอยกรูด แรงกระแทกอันมหาศาลฉีกแขนของเขาออกจากร่าง ร่างไร้วิญญาณของเขากระแทกเข้ากับรั้ววิหาร อานูบิสเองก็ต้องยกมือขึ้นบังแสงจ้าที่สาดส่องเข้าตา
“นี่มัน... พวกเบื้องบน!” อานูบิสคิดในใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เสียงของเขาสั่นเครือ “นี่คือเมืองแห่งจิตสำนึก เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเหยียบที่นี่!”
อานูบิสผู้พิทักษ์วิหารแห่งศรัทธา ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาของเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว เขาจับไม้เท้าแน่น ปล่อยพลังสีดำและสีเขียวเข้มข้นออกมา พลังแห่งศรัทธาอันแรงกล้า ท้าทายพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของความหวัง
ความหวัง กุมดาบแห่งความจริงแน่น สายตาของเขาจ้องมองอานูบิสอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีทองของเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
“ข้าเลือกแล้ว” โฮปประกาศเสียงดัง “ผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่พระเจ้าต้องการ”
โกหก นอนนิ่งอยู่บนพื้น กองเลือดสีดำไหลออกมาจากร่างที่ใกล้ไร้วิญญาณ แม้ว่าลมหายใจของเขาจะหยุดลง แต่ประกายไฟแห่งชีวิตยังคงคุกรุ่นอยู่
“ความจริง... แผนการของท่าน... พวกเราเป็นแค่เบี้ย... ผู้มีอำนาจนั้นตาบอด... ข้าต้องตาย... เกิดใหม่... เปิดเผยความจริง... ดาบแห่งความจริง... วิหารแห่งศรัทธา...” ความคิดของ Lie วุ่นวาย สับสน
แววตาของความหวังแวบขึ้น เขาจ้องมองอานูบิส แต่สายตาของเขาเหลือบไปเห็น โกหก ชายผู้ยังไม่สิ้นลมหายใจ เขาเข้าใจถึงความร้ายแรงของการต่อสู้ครั้งนี้ ศรัทธาคือพลังที่ฝังรากลึกมายาวนาน ยึดครองทุกอณูของวิหารแห่งจิตใจนี้
“ออกไป!” อนูบิสตะโกนเสียงดัง “นี้เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย” อนูยิสพูดพร้อมระบิดพลังที่ไม่น้อยไปกว่าความหวัง
“เรื่องนี้จะจบลงที่นี่ อานูบิส” ความหวังตอบเสียงแข็ง
ความเงียบเข้าปกคลุม ร่างหนึ่งดำมืด อีกร่างสว่างไสว การต่อสู้ปะทุขึ้น เสียงปะทะกันของดาบและไม้เท้าดังก้องไปทั่ว แสงสว่างจ้าสาดส่องจากการต่้อสู้ของทั้งสอง
โกหกใกล้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน สายตาเหมอมองไร้จุดหมายจากการเสียเลือด เขาพยามค้นหาวิธีที่จะจบชีวิตและเริ่มต้นใหม่ คำโกหกไม่มีวันตาย ความจริงเขาต้องการไปเกิดใหม่เพื่อเปิดเผยแผนการอันชั่วร้าย แผนการที่คุกคามรากฐานของวิหารแห่งศรัทธา
ในที่สุดโกหกเขาก็เข้าใจ ความจริงอยู่เบื้องหลังการกำจัดอารมณ์ การมาถึงของความหวัง เขาเป็นแค่เบี้ยบนกระดานหมากรุกของ "ความจริง" ศรัทธาที่เคยเป็นหลักนำทาง กลายเป็นเพียงเครื่องมือล่อลวง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตั้งแต่การสังหารความรู้สึกจนมาถึงการปรากฏตัวของความหวังทั้งหมดนี้เป็นแผนการล่อลวงแม้เขาจะยังไม่เข้าใจว่าเหตุใด ความหวังจึงจะต้องมาต่อสู้กับความเชื่อ ทั้งๆที่พวกเขาฝ่ายมืดนั้นมีพลังสูงกว่าและอยู่มานานก็ยังไม่เห็นว่าพวกฝ่ายความคิดสร้างสรรค์นั้นจะลงมือ
ความหวังท้าทายศรัทธา แม้ว่าพวกเราที่อยู่มานานความมืดจะมีพลังมากกว่า แต่คำถามยังคงวนเวียนอยู่ในใจ: เหล่าเทพเจ้าตาบอดจริงหรือ? ประกายแห่งความจริงเริ่มก่อตัวขึ้น เขาไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่เขารู้ดีว่า "ความจริง" ไม่เคยกลัว และ "ความหวัง" ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว