พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
"ห่วย"
สิ้นคำว่า ‘ห่วย’ จากพัมพี ทำให้ทุกสายตาในครัวจับจ้องมองพัมพีและเพรา เพราะทุกคนรู้ว่าเพราเป็นพ่อครัวฝีมือดีที่สุดในย่านนี้ ทั้งเรื่องรสชาติที่ทำตามสูตรแบบไม่ขาดแม้แต่กรัมเดียว ทั้งความเร็วในการทำอาหาร หัน สับ แล่ แม้แต่ปอกผลไม้ยังเร็วกว่าคนสองคนทำรวมกันอีก การที่เพราโดนด่าแบบนั้นยิ่งทำให้คนในครัวรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่เด็กเล่นขายของเท่านั้น พ่อครัวแนวหน้าของครัวรับรู้ได้ถึงอารมณ์เศร้าของเพื่อนในทีม ทำให้อารมณ์ที่ไม่รู้สึกดีกลายเป็นอารมณ์โมโห
ตึ้ง!
เพราตบโต๊ะในครัว "ว่าไงนะ ไอ้ฟักทอง"
"ห่วยไง ยังเด็กหูตึงแล้วเหรอ จะพูดออกรอบนะว่า ฝีมือของแกมัน…" พัมพีลุกจากโต๊ะ เดินมาจับใบหูของเพราแล้วกระซิบคำเดิม "ห่วย"
ยังไม่ได้สิ้นคำว่าห่วย เพราคว้ากระทะกำลังร้อนที่ใกล้มือที่สุดพร้อมจะฟาดหัวพัมพีให้หลับจมกองพื้นไปอีกคน แต่คนตรงหน้าเพราไม่ใช่พ่อครัวมือใหม่แต่เป็นพ่อครัววังหลวง ทักษะความสามารถของเขาเป็นเหนือเพราอยู่แล้ว พัมพีอาศัยจังหวะตอนที่เพรากำลังคว้ากระทะเตะตัดขาเพราจากด้านหลัง ทำให้พ่อครัวเพรากำลังจะล้มลงพื้น จากนั้นใช้มืออีกข้างจับไปที่ต้นคอเพราเหมือนเวลาจับแมวที่กำลังอาละวาด พ่อครัวตัวน้อยกระเสือกกระสนคว้าหาอาวุธใหม่ พ่อครัววังหลวงเห็นว่าเจ้าแมวดำตัวนี้ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เขาใช้อีกข้างที่ว่างจับข้อมือเพราไปจ่อบนเตาร้อนๆ
"เลิกเสียสติสักห้านาที ถ้าทำไม่ได้บอกลามือแกได้เลย" น้ำเสียงของพัมพีไม่ใช่แค่กว่าขู่แน่นอน ด้วยความหวาดกลัวของเพราทำให้เขาหยุดอยู่นิ่ง ทำให้พัมพีปล่อยตัวเพราลงมา "เออต้องแบบนี้สิ เก่งมากเจ้าแมวน้อย เดี๋ยวนะ ไอ้แว่นตรงนั้นลูกแพร์น้ำผึ้ง ปอกแล้วแช่น้ำเกลือสิโว้ย กว่าจะเอาไปตุ๋น มันก็ดำหมดแล้ว" พัมพีชี้นิ้วไปทางแม็กซ์ที่กำลังปอกลูกแพร์ อย่างเก๋ๆ กังๆ จนผลไม้ช้ำ
เพราหันไปดูแม็กซ์ทันที ทำให้อารมณ์ของพ่อครัวหนุ่มพุ่งปรี๊ดอีกครั้ง "แม็กซ์ เคยบอกแล้วว่าถ้าปอกไม่ไว ให้แช่ในน้ำเกลือเลยไง แล้วไปลดเกลือในสูตรเอา!" แม็กซ์เกิดอาการลนลานมากขึ้นอีกจนตัวเขาไม่รู้จะต้องเตรียมอะไรต่อไป
'พลาดตอนไหนไม่พลาด พลาดตอนแบบนี้...เวรกรรมอะไรของไอ้แว่นมันนะ แถมไอ้สองคนนี้ มันเป็นพ่อลูกกันเหรอ นิสัยเหมือนกันแป๊ะ' เสียงในใจของคนครัว
"เข้าเรื่องต่อ ที่บอกว่าห่วยเพราะว่า..." อาจจะเป็นโชคไม่ดีของพัมพี กว่าจะพูดเข้าเรื่องได้แต่ละคำถึงยากเย็นแบบนี้ เพราะพัมพีหันไปเห็นสิ่งที่เขาเข้าใจว่าเป็นพรมเช็ดเท้ากำลังลุกขึ้น หัวหน้าพ่อครัวตื่นจากการสลบ
"โอ๊ย ไอ้เพรา ไอ้เพรา! แสบโว้ย! ไอ้เด็กเวรนั้นอยู่ไหนแล้ว...ไอ้เด็กเปรต" หัวหน้าพ่อครัวมองหาไล่ล่าตัวเพรา ดวงตาอาฆาตแค้นทำให้เขามองเห็นแต่เป้าหมาย แม้แต่พ่อครัวชื่อดังอยู่ตรงหน้าของเขายังไม่คิดจะสนใจมอง เมื่อหัวหน้าเจอตัวเพรา เขาหยิบมีดปาใส่เพราโดยไม่สนอันตรายที่เกิดขึ้น "ตาย! ตายไป ไอ้เพรา"
เพราที่มัวแต่สนใจพัมพี ทำให้พึ่งรู้ตัวว่ามีดกำลังใกล้ตัวเข้ามา โดยปกติสถานการณ์แบบนี้ของใกล้มือที่สุดจะต้องช่วยชีวิตของเขาได้แต่ด้วยแรงปะทะของพัมพีและเพราทำให้ของบนสเตชั่นทำอาหารตกลงพื้นหมด สมองของเพราคิดอะไรไม่ออกนอกจากสั่งให้มองหาของต่อไปทั้งๆที่รอบตัวเขาไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว มีดเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"ยืนมองแล้วมีดจะหายไปเองเหรอไอ้เด็กโง่!" พัมพีเตะขาขึ้นสูง ‘กำแพงลมร้อน’
เมื่อสิ้นคำพูดของพัมพีทำให้สิ่งที่ตามมาคือกระแสลมอันรุนแรงพัดของในครัวติดเพดานบน รวมไปถึงมีดของหัวหน้าเชฟก็ปักติดเพดานไปด้วย ดูเหมือนสถานการณ์จะปลอดภัยแล้ว แต่พัมพียังไม่หยุดเรียกลมพัดของเพราะถ้าปล่อยตอนนี้ ทั้งน้ำมัน แก้วกระจก เขียงหนัก และของมีคมอื่นๆ จะตกลงมาใส่ร่างทุกคนในครัวนี้
"ทุกคนออกจากที่นี่ก่อน เร็ว! ถ้าไม่อยากโดนมีดปักหัว น้องบริกรคนนั้นไปบอกเพื่อนด้วยว่าปิดรับออร์เดอร์"
ทุกคนต่างวิ่งออกไปทางหลังร้านกันหมด หลังจากที่เพราวิ่งออกเป็นคนสุดท้าย พัมพีคว้าเขียงขึ้นมาเป็นหมวกกันกระแทกก่อนจะพุ่งออกตามเพราออกไป เสียงเครื่องไม้เครื่องมือตกลงกระแทกใส่กันมากมายจนทุกคนไม่อยากจะคิดสภาพครัวเลยว่าจะพังแค่ไหน
เพราเดินไปประคองตัวเพื่อนของเขา “เจ็บตรงไหน เธอช่วยดูคนอื่นทีว่ามีใครได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ขอเวลาสักครู่จัดการตัวปัญหาก่อน”
"จะไม่คิดถาม เฮ้ยยย" เพรากระชากคอเสื้อ แล้วต่อยหนึ่งหมัดเน้นๆ โดยพัมพีไม่ได้ขัดขืนอะไร "อุ๊ย โทษทีๆ ครัวพังเลยเดี๋ยวจ่ายเงินคืนให้นะ"
เพรากระชากคอเสื้ออีกรอบ "ครัวพังซ่อมใหม่ได้ ถ้าเพื่อนฉันตายขึ้นมา เงินของแกไม่ว่าจะหมื่น แสนหรือกี่ล้านก็ตามมันแทนกันไม่ได้นะโว้ย" เพรามองด้วยสายตาแบบพร้อมเอาเลือดในตัวของพัมพีออกให้หมด ถึงเป็นสายตาอันน่ากลัวพัมพีเองก็รู้สึกชอบแววตานั้นเหลือเกิน มือของเพราที่กำลังกระชากคอเสื้อของพัมพีเริ่มมีกลิ่นไม้เหมือนมีอะไรกำลังเผาคอเสื้อของเขา
ระหว่างสองพ่อครัวหนุ่มกำลังจะมีเรื่องกัน ตัวปัญหาเบอร์หนึ่งของครัวก็ได้เดินออกจากครัว "เอ๊ยไอ้เพรา ฉันจะไล่แกออก ไม่ว่าพ่อจะว่ายังไงก็ตามกูจะไล่มึงออก! แต่ก่อนออกขอสักหมัด..." หัวหน้าพ่อครัวร่างกายเต็มไปด้วยเศษอาหารกับซอส เขาเกิดอาการเลือดขึ้นหน้า วิ่งไปกระชากไหล่เพราอย่างแรงพร้อมง้างหมัดต่อยหน้าเด็กหนุ่ม
“ขอมาก็จัดให้ ไอ้หมูสกปรก!”
เพราปล่อยมือจากพัมพีแล้วหันง้างหมัดสวนกลับไปต่อยหัวหน้า หมัดของเพราลงที่แก้มซ้ายอย่างเน้นๆ ในเวลาเดียวกันพัมพีที่อยู่ข้างๆ ยกเท้าถีบลงไปที่ท้องอีกแรง ด้วยความแรงทวีคูณทำให้หัวหน้าพ่อครัวกระเด็นติดกำแพงหลังร้านจนสลบไปอีกรอบหนึ่ง
"เออ ต่อยหน้าขนาดนี้คงจะอยู่หรอก" เพรากระตุกผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งลงพื้น
"เดี๋ยวสิ เพรา เรายังพูดถึงฝีมือทำอาหารแกไม่จบเลยนะ" พัมพีเดินไปจับไหล่เพรา แต่โดนเพราปัดตบ
"มึงรู้จักกูยังไม่ถึงห้านาที แต่มึงทำลายสิ่งที่กูรักขนาดนี้ มึงยังกล้ามาคุยกับกูอีกเหรอ"
“เรื่องนั้นก็ขอโทษไปแล้วไง แต่เดี๋ยวสิ…”
เพราเดินออกไปถนนใหญ่ฝ่าฝูงชนที่ทยอยกำลังมาดูเสียงดังที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มอาศัยผู้คนผ่านไปผ่านมาเป็นตัวขัดขวางพัมพีที่กำลังเดินตามพร้อมเรียกชื่อเพราไปด้วย บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ เมฆฝนกำลังก่อตัว ทำให้การตามตัวของเพราเริ่มยากขึ้น ตอนนี้ในหัวของเพราเอาแต่โทษตัวเอง
'ถ้าเราใจเย็น ถ้าเราเป็นคนพูดง่าย ถ้าหากเราปรับตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ คงจะไม่เกิดเรื่องหรอก'
ร้าน หมอเทวดาอู่ยนต์ เกียรัน
พ่อครัวหนุ่มยืนมองบ้านตัวเองที่เป็นอู่ซ่อมรถยนต์ ช่วงเวลายามเย็นคือช่วงที่คนงานในอู่กำลังเลิกงานแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวภายในใจทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะหน้าใครเท่าไรนัก เพราเดินผ่านอู่แล้วสังเกตเห็นว่ายังมีคนงานคนหนึ่งยังนอนซ่อมอยู่ใต้ท้องรถ เขาใช้เท้าสะกิดเบาๆ เป็นคำทักทายว่ากลับมาแล้ว
"เพรา ขอโทษนะ เลิกนิสัยมาแบบเงียบๆ แล้วเอาบาทามาสะกิดพี่แกได้ไหม"
เพรายิ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับ "เออๆ บ่นมากระวังจะเหมือนพ่อพี่นะ เดี๋ยวผมทำอาหารให้แล้วไปเรียกคุณลุงด้วยนะพี่"
หญิงสาวตรงหน้าเพราคนนี้คือ ชูร์ พี่สาวของเพรา เธอเป็นช่างมือดีของอู่ยนต์เกียรันซึ่งก็คืนอู่ของพ่อเธอเอง โดยปกติชูร์ชอบมัดผมบอร์นของเธอเป็นหางม้าพร้อมใส่หมวกสีแดงสด ใบหน้าที่ดูหวานแต่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันไม่ต่างจากเพราที่หน้ามีแต่คราบซอสต่างๆ ช่างสาวชอบใส่สปอร์ตบราทำงานแล้วค่อยทับด้วยชุดหมีสีส้มตัวโปรดแต่ก็ไม่ชอบรูดซิปใส่ชุดหมีครึ่งท่อนจนชอบมีผู้ชายมาซ่อมรถที่เป็นประจำทั้งๆ ที่รถไม่ได้พังอะไรก็ตาม
"ฉันไม่ทานหรอกนะฝีมือเชฟบ้านๆแบบแกอะวันนี้ รู้ไหมว่าวันนี้เรามีแขก แถมเป็นเชฟชื่อดังด้วยนะ แกนะชอบเขานะ" ชูร์ลุกแล้วรีบดึงแขนเพราเข้าบ้านอย่างเร็ว
"อีกแล้วเหรอ เมื่อไรพวกพี่จะแยกคำว่าลูกค้ากับแขกจริงๆ ได้สักที" เพราพูดพร้อมกับพยายามเดินตามชูร์เข้าไปในบ้าน
"เออน่า บ้านใหญ่ไปอยู่หลายคนสนุกออก"
ในบ้านของเพราก็ไม่ต่างจากบ้านของคนทั่วไป ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาไม่ได้สวยงามมาก ชูร์บอกว่าแขกเขาเดินทางผ่านมาเมืองนี้พอดีแล้ว แต่อยู่ดีๆ รถบ้านของแขกโดนภูตนักแกะของ ทำเอาไม่เหลืออะไหล่ให้เครื่องทำงานได้เลย เกียรันเสนอว่ามาพักบ้านพวกเพราก่อน แต่ที่จริงเกียรันเขาบ้าคนดังเห็นว่าเป็นพ่อครัวชื่อดังเพราะอาจจะรู้จักด้วย แต่เขามีลูกติดมาด้วยสองคน ทำให้ที่บ้านอาจจะวุ่นวายแต่เด็กพวกนั้นนิสัยดีไม่สร้างเรื่องแน่นอน
เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัว กลิ่นหอมของสตูเนื้อที่ลอยออกมาทำให้เพราหยุดนิ่ง หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยด้วยกลิ่นของอาหารที่เขาไม่คุ้นเคย เขาไปที่เด็กหัวสีส้มอ่อนสองคน อายุประมาณสิบขวบ กำลังเคี่ยวซุปกับจัดโต๊ะอาหารอยู่
"สวัสดีครับ พี่ชูร์งานเสร็จแล้วเหรอครับ พี่ชายคงเป็นพี่เพราใช่ไหม ผมมัฟส่วนนั้นน้องชายผมฟิน พวกผมเตรียมข้าวเย็นให้พวกพี่ไว้แล้วนะครับ ทานอาหารให้อร่อย" มัฟตักอาหารสองจานวางบนโต๊ะ ชูร์ที่เห็นอาหารอันน่ากินก็รีบนั่งตักอย่างรวดเร็วด้วยความหิว
เพรานั่งมองอาหารหน้าตัวเองได้แต่นั่งคิดว่า 'ทำไมเด็กอายุเท่านี้ ทำสตูเรทเรทแล้วไม่มีกลิ่นคาวเลย ตัวสตูสีแดงอมน้ำตาลมันวาว ตัวเนื้อเอาช้อนกดลงไปกำลังเปื่อยได้ที่ กลิ่นของเครื่องเทศ นี่มัน...กลิ่นกานพลู แต่นี่ไม่ใช่กานพลูปกติแน่' เพราตักตสตูเข้าปากอมซอสไปมา หลับตาเพื่อให้ความรู้สึกของลิ้นมันมากขึ้น
เพราลืมตาขึ้นมาพบว่าภาพตรงไหนได้เปลี่ยนไปเป็น...
ห้องนอนของเพราเองปลายเตียงเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดกำลังถักไหมพรมตุ๊กตาเป็นลูกจันทน์เทศ เธอกำลังร่ายมนตร์ใส่ในตุ๊กตากลิ่นหอมของลูกจันทน์ออกมาจากตุ๊กตาไหมพรม นอกจากกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ยังมีกลิ่นหอมจากเทียนหอมบนหัวเตียงกลิ่นละมุนเข้ากันอย่างลงตัวกับลูกจันทน์เทศ ดวงตาของเพรากำลังปิดลง เคลิบเคลิ้มไปกับความอบอุ่นของสตู แสงแดดอุ่น ทำให้ไม่อยากออกจากเตียง
“เฮโล่ เพรา สิบเจ็ดแล้วนะเลิกนิสัยอมข้าวได้แล้ว ลูก” ชูร์ดีดหน้าผากของเพราไปหนึ่งที ทำให้เพรากลับมาได้สติว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
"กานพลู ลูกจันทน์เทศ ของพวกนี้หาซื้อจากเมืองนี้ไม่ได้แน่ พวกแกสองคนหามาจากไหน ถึงจะหามาได้กลิ่นเครื่องเทศมันต้องฉุนออกมาสิทำไมถึงควบคุมกลิ่นได้!" เพราตบโต๊ะด้วยอารมณ์ไม่พอใจในรสชาติอาหาร เป็นสตูที่แม้แต่เขาเองยังทำให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ และยังเป็นฝีมือทำอาหารขั้นสูงที่สามารถดึงผู้ชิมเคลิบเคลิ้มเข้าสู่ภวังคจิตของอาหารรสมือต้องไม่ธรรมดา
"อาหารคือความผ่อนคลาย ดูท่าอาหารที่ทำยังลดความเครียดเรื่องเมื่อเย็นไม่พอใช่ไหม ลองชาคาร์โมไมด์เพิ่มเติมดีกว่า ลดภาวะเครียดได้ดีนะ น้องเพรา" เสียงผู้ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่เพรากำลังโวยวายเดินมาข้างๆ แล้วรินชาใส่แก้วให้ "หันมาถามพี่ชายพัมพีคนดีคนนี้ดีกว่านะน้องเพรา โอ้ ขอบคุณนะ" เด็กชายฝาแฝดคนหนึ่งเดินถือซุปของพัมพีมาวางไว้บนโต๊ะ สำหรับพัมพี
พัมพีนั่งมองหน้าเพรายิ้มเย้ยอย่างสบายใจ ส่วนทางเพรามองด้วยสายตาอาฆาตไม่พอใจที่พ่อครัววังหลวงมายุ่งกับชีวิตเขาอีกรอบ ชูร์ที่นั่งระหว่างทั้งสองคนก็รู้สึกอิ่มแต่อยากจะอ้วกเพราะแรงกดดันของทั้งสองคนมันน่ากลัวเกินไป
“อาหารอร่อยมากเลย อุ้ยตายแล้ว หมอดูบอกพี่ว่าคนที่เกิดเดือนนี้ห้ามออกจากห้องหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ พี่ต้องเข้าห้องนอนด่วน” ชูร์เริ่มหาทางหนี เพราะโต๊ะนี้จะมีสงครามในอีกไม่ถึงห้านาที ตัวเธอต้องหนีให้ได้เลย
“โทษนะพี่ วันเกิดพี่มันเดือนที่แล้ว” เพราเห็นชูร์ที่กำลังจะลุกหนีเขาไปพูดดักทันที แต่ชูร์ก็ไม่สนใจทำเป็นหูทวนลมเสียงของน้องชายตัวเอง แถมยังชวนสองฝาแฝดหนีสงครามครั้งนี้ไปอีกด้วย
"บังเอิญเนอะ ว่าลูกชายอู่นี้คือคนเดียวกับแมวดำเลือดร้อนคนนั้น" พัมพีลุกไปหยิบขวดใสเล็กๆ ที่วางไว้ข้างเครื่องปรุงต่างๆ "ผงกานพลูน้ำค้าง รู้จักไหม" พัมพียื่นให้เพราดูผงในขวดใสข้างในเป็นผงสีน้ำตาลอ่อน
"ไม่เคยหรอก สิบเจ็ดปีตั้งแต่เกิดมาไม่เคยก้าวออกจากเมืองนี้เลย แต่เคยเห็นนะในวารสารเกี่ยวกับอาหาร ว่าเป็นตัวท็อปเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมมากแต่กว่าจะได้มาเป็นผงมันต้องไปตากแห้งสามปี โดนน้ำนิดเดียวก็ต้องตากใหม่ ของแบบนี้อยากลองใช้มากเลย" เพราเปิดขวดสูดดมกลิ่น เขามองเครื่องเทศด้วยแววตาเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของเล่นใหม่ จากสองคนตีกันจนตายกลับกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายกับคนลุงใจดีไปแล้ว
‘เป็นเด็กที่อารมณ์รุนแรง แต่พอเป็นเรื่องอาหาร ก็กลายเป็นน้องแมวได้ของเล่นเลย’ พัมพีเห็นเพราดมสมุนไพรที่เขาเป็นคนเอามาให้เพรา
"แกเอาไปเหอะ ถือว่าเป็นการขอโทษละกัน"
"จริงเหรอ แต่ว่า..." เพราวางขวดกานพลูลงดันคืนให้พัมพี "ไม่รู้จะได้ใช้มันไหม" เพราถอนหายใจทำหน้าเซ็งๆ
"เพราะเมืองนี้มันห่วยใช่ไหม เพราะคนที่นี่ไม่รู้จักคุณค่าของมันใช่ไหม" พัมพีดันคืนกลับให้เพรา "ฟังนะเพรา เมื่อตอนนั้นที่ฉันบอกว่าห่วย คือสูตรอาหารร้านนั้นมันห่วย มันไม่คู่ควรกับแกหรอก"
"คงใช่ ที่เมืองนี้อาหารก็คือของแก้ความรู้สึกหิวเท่านั้น ผมพยายามศึกษาอาหารจากทั่วทุกมุมโลก พยายามทำสิ่งที่ตัวเองอยากสร้างขึ้นมา แต่คนเมืองนี้เขาติดกับอาหารที่เขาเคยกินอยู่แค่สี่ถึงห้าอย่างเท่านั้น ไม่สนใจหรอกว่าอาหารจะเป็นยังไง ไม่กล้าแม้จะลอง คงมีแต่พี่ คุณลุง และ…คุณแม่เท่านั้นที่ชอบความแปลกใหม่ในอาหารของผม จะให้ไปตั้งตัวใหม่กับเมืองข้างหน้า เราเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ถ้าเราไปครอบครัวจะเป็นยังไง เงินทุนก็ไม่มี หรือที่จริงผมนี่แหละแค่ข้ออ้าง” เพราพูดก็เอาแต่ถอนหายใจด้วยความเศร้า
"แล้วไม่ออกไปจากเมืองนี่ละ"
"ฮ่ะ นี่ลุงไม่ได้ฟังที่พูดเลยใช่ไหม!" เพราทุบโต๊ะ แล้วยกจานสตูไปใส่ซิงค์ล้างจาน
พัมพีถอนหายใจ มองด้านหลังเพราด้วยแววตาสงสาร เพราที่กำลังเช็ดจานให้แห้งพร้อมเดินไปดูหม้อสตูว์อย่างตั้งใจ เอานิ้วปาดเขียงที่วางทิ้งยังไม่ได้ล้างมาดม พัมพีเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เดินเข้าไปหาเพรา พร้อมกับอธิบายการทำเมนูอย่างละเอียด เพราจากที่ดูเป็นก้าวร้าวก็กลับเป็นคนพูดน้อยอย่างกับเด็กได้ของเล่นใหม่
ชูร์กับชายแก่ร่างท้วมใหญ่ 'เกียรัน' แอบยืนดูทั้งสองคนด้วยความอมยิ้มที่เห็นเพราแสดงความสุขในการทำอาหารขนาดนี้ ทั้งคู่ไม่อยากขัดจังหวะความสุข เลยชวนเด็กแฝดมัฟฟินไปดูดาวดาดฟ้าชั้นสี่ของบ้าน
"เวลาน้องยิ้มนึกถึงคุณน้าเลยนะพ่อ ก็แน่สิแม่ลูกกัน" ชูร์หยิบหนังยางมารวบผมให้ตึง "การมาของพัมพี มันเหมือนตัวเร่งเครื่องเลยเนอะ"
"นั้นสินะ จะช้าหรือเร็ว ยังไงพวกแกก็ต้องออกไปบินสู่โลกกว้างนั่นแหละที่พ่อต้องการ"
...
เช้าวันต่อมา
ช่วงเช้าตรู่เป็นเพราที่ได้ตื่นเป็นคนแรกของบ้านเป็นประจำ เพราะติดนิสัยออกไปทำงานแต่เช้านี่แหละ แต่ว่าวันนี้คงไม่ใช่ ชายหนุ่มถอนหายใจลุกขึ้นจากเตียง พับผ้า จัดเตียงให้เรียบร้อย หยิบแก้วน้ำมารดต้นกะเพราต้นจิ๋วอย่างสบายใจ
ก๊อกๆ
เสียงของประตูดังขึ้น เป็นฝีมือของน้องฝาแฝดมัฟ "คุณพ่อบอกว่า เดี๋ยวเขาทำข้าวเช้า พี่เพราสนใจทำกับคุณพ่อไหมฮับ"
"แต่พี่ไม่ชอบทำอาหารกับคนอื่น อาหารครอบครัวพี่ พี่ทำเองได้ พ่อแกนี่ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจัง" เพราตอบน้องมัฟ แล้วค่อยหยิบเสื้อยืดสีขาวมาใส่ จากนั้นค่อยเดินลงมาข้างล่าง มุ่งตรงไปห้องครัว
‘เดี๋ยวนะ น้องมัน เรียกพัมพีว่า พ่อ ใช่ไหม เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ’
พอเพราเดินเข้าไปในครัว ก็เห็นชายวัยกลางคนหนวดเครากำลังขึ้นเป็นตอ มาพร้อมกับชุดนอนลายน้องแมวสีฟ้าอ่อน ที่กำลังแยกไข่ขาวกับไข่แดงพร้อมฮัมเพลงในลำคอไปด้วย พัมพีใช้มือข้างซ้ายจับชามไข่ขาว แล้วอีกมือชี้ไปที่ไข่ขาวพร้อมดีดนิ้ว...
'พายุน้อย'
ลมอ่อนๆ ค่อยๆ ก่อตัวรวมตัวกันในชามไข่ขาว พวกมันหมุนตัวเองด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยไป ระหว่างนี้พัมพีหยิบ เกลือ พริกไทย ใส่เข้าไปเล็กน้อย สีของไข่ขาวเริ่มฟูขึ้นเป็นฟองขาวสวยงาม
"ตีสักสองนาทีน่าจะพอ... นี่แกจะยืนดูอีกนานไหม คุณพ่อครัวตกงาน" พัมพีหันมามองด้วยรอยยิ้มแสนกวน พร้อมโยนผ้ากันเปื้อนที่ปักชื่อของเพราไว้ให้
"โอ๊ย ลุงทำบ้าไรเนี่ย แล้วใครจะบอกมาช่วย ผมจะทำของผมเองน่า..." เพราคว้าผ้ากันเปื้อนมองไปที่รอยปักชื่อด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วค่อยๆ เดินไปแขวนไว้ที่เดิม "อย่าหยิบของคนอื่นมั่วสิ...เฮ้ย!"
พัมพียื่นชามที่เต็มไปด้วยตัวอ่อนผึ้งแดงยักษ์ ซึ่งเป็นสัตว์อันตรายอาศัยแถวป่าทางเหนือของเมืองนี่ ตัวอ่อนของมันขนาดเท่านิ้วโป้งของผู้ใหญ่ทั่วไป สีชมพูอมเหลืองที่ผิวมีเมือกใสพร้อมกับไอร้อนอ่อนๆ
"รีบทำความสะอาดเมือกมันออกมา อย่าให้ความสดมันหายไป คุณพี่สุดหล่อคนนี้อุสาออกล่าแต่เช้ามืดเลยนะ เอาละเราจะทำอาหารเช้าแบบเมืองรูมมิม ไข่ดาวก้อนเมฆ แพนเค้กกรอบกินคู่กับตัวอ่อนผึ้งแดงนึ่ง เมือกรีบคั่นด้วยฉันจะเอาไปทำซอส"
"เดี๋ยวนะ นี้ไปล่าเองเลยเหรอ"
"ระดับพ่อครัววังหลวงนะเฮ้ย คนมีความสามารถจะเสียเงินไปซื้อทำไม ต้องทำทุกอย่างให้เร็วก่อนที่ทุกคนจะหิว มันเป็นเรื่องปกติของพวกเราไม่ใช่เหรอ" เพราถอนหายใจแล้วยอมทำตามที่พัมพีสั่งแต่โดยดี
เสียงของการตีไข่ มีดกระทบเขียงไม้อย่างรวดเร็ว เสียงซ่าจากน้ำมันที่ทอดตัวอ่อนผึ้ง เสียงซอสกำลังเดือดได้ที่ อาหารเช้าแสนอร่อยกลิ่นลอยไปถึงชั้นสอง ปลุกสาวช่างอย่างชูร์ ตื่นเดินตามเสียงและกลิ่นมาถึงห้องครัว ชูร์นั่งรออาหารด้วยความตื่นเต้นที่ได้กินอาหารฝีมือเชฟพ่อครัวดังอีกมื้อ
เพรายกจานแพนเค้กมาเสิร์ฟให้ "แล้วพ่อพี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"
พัมพียกกระทะแล้วตักไข่ดาวร้อนๆ ทับแพนเค้กไปอีกที "อ๋อ ลืมบอกเลย ลุงแกออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้ามืด พอดีเห็นหลังไวไว ตอนฉันกำลังออกไปล่าตัวอ่อน...อุ๊ย!" พัมพีเอามือจับไปที่ท้องเพราะโดนเพราศอกไปหนึ่งที
เพรามองหน้าพัมพีอย่างดุเพื่อจะสื่อว่า ถ้าชูร์รู้ว่านี้คือแมลง บ้านแตกแน่ ส่วนพัมพีที่พึ่งจะนึกออกก็ทำหน้าตาเลิกลักทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
"เป็นอะไรกันทำหน้าอย่างกับ โดนผีอำ อุ๊ยตาย ไอ้ท็อปปิ้งอันนี้อะไรอ่ะ เวลากัดมันแบบทั้งหวาน ทั้งมันเคี้ยวกุ็บๆ" ชูร์ที่จิ้มตัวอ่อนผึ้งแดงแบบไม่มีแววที่หยุดจนทั้งคู่มองว่า 'ถ้ารู้ว่าเป็นแมลง จะอ้วกออกมาไหม'
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังแถหาทางโกหกชูร์ ก็เหมือนเสียงสวรรค์ เสียงของเกียรันตะโกนจากอู่เรียกชูร์กับเพราให้มาช่วยตาลุงในอู่หน่อย สิ้นเสียงคำขอร้องเพราถอดผ้ากันเปื้อนเดินออกไปอย่างเร็ว ตามด้วยชูร์ที่กำลังจูงแขนพัมพีตามไปด้วย พอเพราเดินออกมาเจอ เป็นรถบ้านขนาดใหญ่ เพราเดินเอามือลูบตัวรถด้วยความสวยงามของมันจนเตะสะดุดกับชายที่นอนอยู่ใต้ท้องรถ
"อ้าว เพราพอดีเลยลูกดึงพ่อออกไปหน่อย พุงมันติดรถ" เป็นเสียงของเกียรันที่พยายามดึงตัวออกจากรถ
"พ่อ! บอกกี่ครั้งแล้วถ้าจะเช็กท้องรถให้ หนูทำให้ ไม่งั้นพ่อต้องลดพุงนะ" ชูร์ที่เดินตามมา เห็นสภาพพ่อตัวเองก็เหนื่อย รีบมาดึงตัวเกียรันอย่างเร็วไว
"ก็นานๆ ทีจะมีรถบ้านรุ่นใหม่ๆ มาให้ก็ต้องเช็กดูบ้างจะทำไมละ อ้าว พัมพีมาด้วย ก็ครบองค์ประชุมพอดี"
"ประชุมอะไร ลุงพัมพีนี้ต้องด้วยเหรอ คนนอกก็อยู่ส่วนคนนอกสิ"
"เพรา พ่ออ่ะเคยคุยกับพี่แกเรื่องนี้ไว้แล้ว ว่าอยากให้แก ออกจากเมืองนี้ ... เฮ้ย ไม่ใช่ฉันเบื่อแกหรอกนะ แต่ฉันอยากให้แกกับพี่แก รู้จักอะไรใหม่ๆ บ้างตอนฉันเท่าพวกแก ฉันกับแม่แกก็ออกเดินทางไปทั่วเลย หาประสบการณ์ เดินทางชีวิตใหม่ ไอ้เพรา! ชูร์!" ระหว่างที่เกียรันอธิบายความในใจพร้อมกับเดินเช็กสภาพรถไปด้วย ก็จะหันมาคุยกับทั้งสอง แต่ภาพที่เห็นทั้งสองเดินเข้าตัวรถบ้านไปส่ะแล้ว
"จ้า พ่อ พ่อยังไม่เอาอะไรเข้าเลยเหรอ ห้องโล๊งโล่ง" ชูร์ชะโงกหัวออกจากประตู
"รถเปล่าโว้ย ก็ที่เคยบอกไงโว้ย แกกับฉันต้องมาแต่งกัน เรามีเวลาแปดเดือนนะโว้ย" เกียรันเขย่าคอลูกสาวเตือนสติ "ส่วนแกเพรา พ่อได้คุยกับพัมพีแล้ว ว่าแปดเดือนต่อไปนี้แกต้องฝึกทักษะทำอาหารและฝึกใช้เวท"
"เพื่ออะไรนะ ยังไงนะ งงมากตอนนี้ เราผมกับเจ้านี่ อะไรนะ" เพราถอนหายใจชี้ไปที่พัมพี "ลุงงั้นเหรอ"
"เออสิ นี่คุยกับคุณเกียรันมาแล้ว ฉันจะสอนออกล่า ใช้เวท ทำอาหาร ภายในแปดเดือนก่อนที่ฉันต้องกลับวังหลวง...เพราะฉันและคุณเกียรันคิดว่าเด็กปากดีอย่างแก เป็นพ่อครัววังหลวงได้แน่ เหมือนแม่ของนายไง"