พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
“ก็ว่าคุ้นเหมือนได้ยินมาไม่นานมานี่ เฟรุนเธ แสดงว่าเธอ…” เพรามองไปที่จอก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยอย่าง เอมโป คนที่เคยเป็นกรรมการตัดสินครั้งก่อนของเขา บวกกับนามสกุลของเมลเลกยิ่งทำให้เพรา เข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น “เป็นลูกสาวของกรรมการ เห๊ย!!!”
พ่อครัวแค่สงสัยและพูดลอยๆออกมา แต่คำพูดของเขานั้นกลายเป็นเสียงกระทบเสียดสีผู้เข้าร่วมแข่งขันอีกท่าน จนทำให้เหมือนเกิดอาการฟิวส์ขาด คว้าเหล็กแท่งยาวแหลมเหมือนกับไม้เสียบบาร์บีคิวพุ่งไปที่คอหอยของเพรา แต่โชคดีของเพรา เพราะว่าระหว่างสองคนได้มีนอททัมยืนคั่นกลางไว้ ชายร่างใหญ่ใช้มือจับไปที่ต้นแขนของเมลเลกได้ทันก่อนเหล็กแหลมจะพุ่งเข้าคอของเพรา
“ต้องขอโทษ แทนน้องผมด้วย แต่การชักของมีคมแบบนี้ออกมา มันไม่งดงามหรอกนะ” ใบหน้าของนอททัมที่ปกติจะเป็นใบหน้ายิ้มแย้มผสมคนขี้อาย กลายมาเป็นชายโหมดดุดันไม่หวาดกลัวต่ออะไรทั้งนั้น ดวงตาสีส้มเข้มจ้องมองด้วยความโกรธ น้ำเสียงหนักแน่น เขาจะไม่ยอมให้สาวผู้ดีคนไหนทำร้ายผู้มีพระคุณของเขาได้
เมลเลกพยายามจะสู้แรงของนอททัมแต่ไม่เป็นผล เธอลดอาวุธลงพร้อมกับแสดงสีหน้าเศร้าๆออกมา “พวกเธอ ไม่เข้าใจหรอก ว่าความคาดหวังของวงตระกูลมันเป็นไง”
ในบรรยากาศที่ทั้งเศร้า สับสนและงงงวย ก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อพิธีกรอย่างมาอึล ได้เริ่มอธิบายกฎของการสอบแข่งขันครั้งนี้ “การสอบครั้งนี้เราจะแบ่งผู้เข้าแข่งขัน 10 กลุ่ม นั้นคือกลุ่มที่มีรหัสขึ้นต้นด้วยเลข 0 จนถึงเลข 9 โดยแต่ละกลุ่มนั้นจะได้วัตถุดิบหลักแตกต่างกันออกไป วัตถุดิบหลักผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นคนล่าเอง จากดันเจี้ยนขนาดกลางที่อยู่ใต้สเตเดียมสนามกีฬาแห่งนี้”
“คล้ายๆ กับตอนแข่งที่เมืองเอนจิใช่ไหมครับ” นอททัมหันถามเพรา เพราตอบคำตอบด้วยการพยักหน้า
“คณะกรรมการนั้น อย่างที่ทุกท่านเห็นคือพวกเราทั้งสามคน วิธีผ่านการสอบคัดเลือกรอบนี้ไปได้ก็ง่ายๆครับ ทำให้พวกเราสองในสามคนพอใจกับ อาหารของคุณ เท่านั้นเอง” ระหว่างที่มาอึลอธิบายจอภาพที่สเตเดียมได้โชว์เป็นหน้าของกรรมการทั้งสาม เพื่อเสริมคำอธิบาย “พวกเรามีเวลาให้พวกคุณ สองชั่วโมงกับการล่าวัตถุดิบหลัก และการปรุงอาหาร ถ้าอยากทราบแล้วแต่ละท่านจะได้วัตถุดิบอะไร เชิญดูที่กำไลเลยครับ”
สิ้นเสียงของมาอึลกำไลของทั้งสามคนก็เปลี่ยนจากเลขประจำตัวผู้สมัครเป็น วัตถุดิบหลัก นอททัมได้ ‘กระต่ายหูยาวผู้กินเนื้อ’ เพราได้เป็น ‘ไข่ผําแมงป่องทิวา’ และเมลเลก ‘ผลมูนเบอร์รี่' เมื่อผู้เข้าแข่งขันได้ทราบว่าวัตถุดิบหลักของตัวเองเป็นอะไรกันบ้าง ทางผู้จัดได้เริ่มอธิบายกฎอีกเล็กน้อย พร้อมกับให้เวลาทุกคนเตรียมตัวอีก สิบห้านาที
“ทำไมสิ่งมีชีวิตที่รับพลังงานจากแสงจันทร์ ถึงอยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินของสเตเดียมนี้ได้แหละ” เพรามองดูที่กำไลของนอททัม และเมลเลก บวกกับของตัวเองนั้น มีแต่วัตถุดิบที่ปกตินั้นสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ดึงพลังงานเวทมนตร์จากดวงจันทร์ในการเสริมพลังทั้งนั้น ทำไมถึงไปอยู่ในนั้นได้ พื้นที่แสงจันทร์เข้าไปไม่ถึง
“เพราะว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนเมืองนี้เคยโดนเศษพระจันทร์ตกใส่นะสิ สิ่งมีชีวิตที่กินพลังงานดวงจันทร์เป็นอาหารจึงอาศัยอยู่ที่นี่ไง” เมลเลกหันมาตอบข้อสงสัยของเพรา
“ขอบใจนะ แต่เราถามกับพี่นอททัม ไม่ใช่เธอ”
“เกินไปแล้วนะ นายตัวโตอย่าห้ามฉันนะ”
ชูร์นั่งมองน้องชายตัวเอง แข่งขันทำอาหารครั้งแรกอย่างตื่นเต้นว่าน้องชายตัวเองจะโชว์เทพขนาดนั้น กับต้องมาเห็นเพื่อนตัวโตของเขาอุ้มแยกจาก ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ แต่เหมือนทั้งคู่กำลังตีกัน นอททัมทำได้แต่หน้าตาเศร้าๆ มองไปหา ชูร์ ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ ชูร์เองก็ได้แค่บอกว่าสู้ๆนะในใจ
“จะไหวไหมเนี่ย น้องฉัน”
................
ที่นี่คือดันเจี้ยนเศษหินดวงจันทร์ ดันเจี้ยนชื่อดังของเมืองแมโกทินนา จุดเด่นคือการมีอยู่ของเหล่ามอนเตอร์ระดับกลางที่ค่อนข้างหายาก เพราะพวกมันชอบออกหากินกลางคืน และรับพลังงานจากดวงจันทร์ แต่ด้วยเหตุการณ์เมื่อหลายร้อยปีก่อนทำให้ มีเศษหินจากดวงจันทร์ตกลงมาใส่เมือง จนเกิดเป็นพื้นที่ที่จะมอบพลังงานดวงจันทร์ให้กับผู้อยู่อาศัย
ในเวลานี้เหล่าผู้มีความฝันที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพ่อครัววังหลวงหนึ่งในความฝันอันสูงของเหล่าเชฟ กำลังไล่ล่าเหล่าวัตถุดิบหายาก เพื่อนำไปประกอบอาหารแข่งขันการเป็นพ่อครัววังหลวงคนใหม่ และคนที่กำลังไปด้วยดี ไม่ใช่ทั้งเพราหรือเมลเลก แต่เป็นนอททัม เพราะตอนนี้กำลังต่อสู้สบายๆกับ กระต่ายหูยาวผู้กินเนื้อ มอนเตอร์ดุร้าย ลักษณะเหมือนลูกบอลกลมๆสีขาว ทั่วไป แต่มีหูที่ยาวประมาณเมตรครึ่ง พวกอาศัยรวมตัวกันเป็นฝูงขนาดขนาดเล็ก 3 – 5 ตัว จู่โจมเหยื่อโดยการกัดด้วยฟันที่ซ่อนไว้ในขนปุยๆ
“ขอโทษด้วยนะ คุณกระต่าย แต่พวกคุณจะกัดผม ผมเลยต้องป้องกันตัว” นอททัมยืนมองฝูงกระต่าย พวกมันกำลังจะกระโดดกัดกินเนื้อของนอททัม ทำให้ต้องรับมือด้วยการต่อยสวนกลับไป “ไม่แรงไปใช่ไหม” ภาพที่หลายผู้เข้าสอบเห็นนั้นคือ ชายร่างใหญ่กำลังต่อยกระต่ายหูยาวพร้อมกันห้าตัวด้วยหมัดเดียว พวกมันสลบแบบไม่มีทางตื่นขึ้นอีกครั้งแน่นอน
“แม่เจ้าโว้ย ไอ้ยักษ์นั้นแรงเยอะเกินไปแล้ว ขนาดมีแขนเดียวนะเนี่ย” ผู้เข้าแข่งขันที่กำลังตามหาวัตถุดิบต้องหยุด เพราะตะลึงกำลังแขนที่ไม่สามารถหาใครเทียบได้
แม้ว่าทางฝั่งนอททัมจะหาวัตถุดิบได้ง่ายแสนง่าย แต่ในทางตรงกันข้ามกัน เหล่าผู้สมัครพ่อครัววังหลวงบางคนกำลังตกในที่นั่งลำบาก หนึ่งในนั้นก็คือ เพรา เพราะว่าเป้าหมายของเขานั้นคือ ไข่ผําแมงป่องทิวา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบอสใหญ่ของดันเจี้ยนนี้ ทั้งร่างกายที่ใหญ่เท่ากับม้าโตเต็มวัย เปลือกหนาแข็งเหมือนกับเหล็ก พิษที่แค่โดนเฉียดก็ทำให้ร่างกายชาได้ทันที แถมไข่ผํายังอยู่บนหลังของมันอีก
“ให้ตายสิ ทำไมต้องมาเสียเวลากับเรื่องนี้ด้วย” ตอนนี้เพรากำลังโดนแมงป่องทิวาไล่ล่าเพราะ ตอนที่เพรากำลังตักไข่ผำ มีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นกำลังวิ่งหนีกระต่ายหูยาวผู้กินเนื้อ พวกนั้นส่งเสียงดังมากจนทำให้แมงป่องทิวาตื่น เจ้าแมงป่องก็ดันเข้าใจผิดว่าเพรากำลังจะลอบสังหารตัวใหม่ ทำให้มันโกรธมากจนพยายามดับชีวิตของเพรา
เพราจึงต้องมาวิ่งหนีเจ้าแมงป่องยักษ์แบบนี้ “ใจหนึ่งก็อยากซัดหน้าให้มันจบๆ แต่อีกใจเราก็ยังอยากได้ไข่ผำบนหลังมันเพิ่ม ตักมาได้นิดเดียวเอง” ไข่ผำนั้นไม่ได้หมายถึงไข่ของแมงมุมแต่อย่างใด แต่เป็นพืชน้ำลักษณะเป็นสีเขียวขนาดเล็กคล้ายไข่ปลา คุณค่าทางอาหารสูงจนหลายคนเรียกได้ว่าเป็นคาเวียร์เขียว ปกตินั้นไข่ผำนั้นจะหาได้จากแหล่งน้ำจืดทั่วไป แต่ไข่ผําแมงป่องทิวาเกิดจากการจำศีลของแมงป่องทิวา พวกมันจะจำศีลโดยการหมุดดินใต้แม่น้ำในการจำศีลทำให้ไข่ผำนั้นเกิดเกาะอยู่บนตัวแมงป่องเป็นจำนวนเยอะ จนทำให้ชาวบ้านคิดว่าแมงป่องเป็นผู้สร้างไข่ผำ
ระหว่างที่เพรากำลังวิ่งหนีพร้อมกับหลบการโจมตีหางเข็มพิษของแมงป่องทิวาไปด้วย ปลายทางข้างหน้าได้มีหญิงสาวผมม่วงอมแดงกำลังยิ้มกอดอกขว้างทางเพรา “หลบไปยัยลูกคุณหนู”
“นึกว่าจะเก่งกว่านี่นะเนี่ย ถ้าเป็นตัวโตสู้กับเจ้าสัตว์หลายขานี่ได้สบาย” เมลเลกยืนพูดคุยกับเพราด้วยน้ำเสียงใจเย็นพร้อมกับทำท่าเหมือนคนกำลังซ้อมเล่นเปียโน
“เห้ยๆๆๆ ยังไม่หลบอีก งั้นเธอก็จัดการเองแล้วกัน” ดูเหมือนทั้งสองคนจะคุยคนละภาษากันทำให้เพราต้องตัดสินใจกระโดดผ่านเมลเลกไป แล้วปล่อยให้เธอเจอกับแมงป่องทิวาตัวใหญ่คนเดียว
“นายกับฉัน มันคนละระดับกัน” สิ้นคำพูดเพราก็วิ่งผ่านหญิงสาวไปทันที “บ้านแมงมุมใยไหม”
สิ้นเสียงของเมลเลก เจ้าแมงป่องทิวาที่กำลังวิ่งอาละวาดอยู่ ก็เหมือนโดนแช่แข็งไม่ให้ขยับไปไหน แม้แต่เสียงร้องของมันยังร้องออกมาไม่ได้ ความเงียบสงบครั้งนี้ทำให้เพราต้องกลับหลังหันมาดู ผู้สร้างความเงียบสงบ เมลเลกปีนขึ้นไปบนตัวแมงป่องยังง่ายดาย หยิบขวดแก้วขนาดเล็กที่พกติดตัวนำไปสอดเข้าไปใน ปลายเข็มพิษของแมงป่อง ภาพที่เพราเห็นนั้นเขายังไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ทำให้เจ้าแมงป่องหยุดนิ่งเกิดขึ้นจากอะไร และเมลเลกทำได้อย่างไร
“สงสัยเหรอนายเด็กล้างจาน” เมลเลกกระโดดลงมาจากแมงป่อง แล้วเดินมาหาเพราด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความสะใจในชัยชนะครั้งนี้ “ฉันบอกแล้วว่า เรามันคนละระดับกัน เวทีนี้ไม่เหมาะกับนายหรอกนะ” เมลเลกตบบ่าเบาๆ แล้วเดินจากไป
“แล้วเจอกันในวันที่ฉันเป็น พ่อครัววังหลวงนะ …ปิดบ้าน” สิ้นเสียงของเมลเลก ร่างกายของแมงป่องยักษ์ล้มลงสลบไป เมลเลกเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเดินถือขวดแก้วที่เติมไปด้วยพิษจากเหล็กในแมงป่อง กับตะกร้าที่ไปด้วยมูนเบอร์รี่ “ถือว่าฉันช่วยเด็กใหม่แล้วกัน ไข่ผำบนหลังเจ้าแมงป่องนั้นฉันยกให้นาย”
เพรายังสับสนไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่ยืนงง แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่ได้ ไข่ผําแมงป่องทิวาเพิ่มขึ้น เพราเริ่มสังเกตว่ามีหลายคนที่ต้องถอนตัวเพราะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้จนไม่มีแรงที่จะทำอะไร จากผู้สมัครเป็นร้อยคน เพราก็เห็นคนถอนตัวไปแล้วเกือบครึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเพราที่ต้องไปสนใจ
“น้องเพรา ปลอดภัยดีใช่ไหม” นอททัมที่กำลังเดินหาทางออกได้มาเจอเพรา กับเจ้าแมงป่องทิวาตัวยักษ์นอนนิ่งไม่ขยับไปไหน “ฝีมือน้องเพราเหรอ”
“ใช่ก็ดีสิ”
….
ตอนนี้เหล่าพ่อครัวที่รอดเหล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนที่แสนน่ากลัวกำลังหอบวัตถุดิบหลัก รวมไปถึงคนที่ยังได้วัตถุดิบเสริมออกมากันไม่มากก็น้อย ตอนนี้หนึ่งในพ่อครัวผู้เข้าแข่งขันที่หลายคนกำลังจับตานั้นคือ นอททัม เพราะเป็นไม่กี่คนที่ไร้ซึ่งรอยแผลจากการต่อสู้ พร้อมของในมือเขาอย่าง เจ้ากระต่ายนับสิบตัว ทำให้หลายคนมองว่าคนๆนี้เป็นคู่ปรับด้านพละกำลังที่เคี้ยวยากอีกคนหนึ่ง
อีกท่านหนึ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือหญิงงามราวกับผลไม้ป่าที่หายากอย่าง เมลเลก เฟรุนเธ หนึ่งในว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลเฟรุนเธ คนต่อไป เธอเป็นคนแรกที่กลับออกมาจากดันเจี้ยนพร้อมเนื้อตัวที่ยังสะอาดเหมือนไม่ได้ไปผจญในพื้นที่อันตรายเลย
“เจ้าตัวโต กับ ยัยผมม่วง เริ่มลงมือทำกันแล้ว ว่าแต่น้องฉัน…” ชูร์ที่มองคู่แข่งของเพรากำลังเริ่มประกอบอาหารกันบ้างแล้ว แต่กลับไปมองดูน้องชายตัวเองที่พึ่งขึ้นมาจากดันเจี้ยนด้วยอาการหอบ
“แฮ่กๆ นอกจากวิ่งหนีแมงป่องแล้ว ต้องมาเจอฝูงกระต่ายอีก อย่าให้รู้นะว่าใครทำมันโมโหขนาดนั้น เกือบโดนมันกัดอีก ไม่สิโดนไปเต็มๆแล้วต่างหาก” เพรามองไปที่เขาข้างซ้ายของตัวเองที่มีกระต่ายหูยาวผู้กินเนื้อตัวเล็กกำลังกัดน่องของเพราอยู่
เพราเดินลากไอ้เจ้ากระต่ายตัวป่วนไปหานอททัม เขาขอยืมกระทะที่ยังไม่ได้ใช้ฟาดเจ้ากระต่ายไปเต็มๆแรงหนึ่งที่จนสลบ “อะ ของฝาก” เพราหิ้วเจ้าปีศาจขนปุยวางไว้กองกับเจ้ากระต่ายตัวอื่นๆ ที่นอททัมได้หามา ส่วนตัวเขาเดินไปเตรียมของเพื่ออาหาร แถมยังเป็นสเตชั่นทำอาหารที่อยู่ติดของนอททัมด้วย
เมื่อจัดการของที่ล่ามาได้เรียบร้อยเสร็จ เพราก็รีบเดินมาดูพวกวัตถุดิบเสริมของทางการแข่งขันที่เตรียมมาให้ อยู่กลางสนามแข่งขัน ทั้งความหลากหลาย ทั้งจำนวนนั้นมีมากจนสามารถทำอาหารเลี้ยงคนทั้งเมืองได้เลย
“ลืมดูไปเลยว่าเขามีนมให้ไหม” นอททัมเดินตามหลังเพราได้เห็นรอยแผลของเพราอยู่หลายจุด ถึงมันจะไม่ได้เป็นแผลอันตรายมากแต่ก็จะดูทำให้ทำอาหารลำบากแน่ “จะไม่ทำแผลหน่อยเหรอ น้องเพรา เลือดยังไหลอยู่เลยนะ อ้าว รู้ได้ไงว่าพี่ต้องการนมวัวพอดี ขอบคุณนะ” นอททัมรับนมจากเพรา
“ก็มันเป็นในวิธีเตรียมกระต่ายในหนังสือผมไง ส่วนเรื่องแผลเนี่ยนะ เสียเวลาเปล่าพี่ ร่างกายผมมันเป็นพวกฟื้นตัวไว แป๊บๆ ก็หายแล้ว แป้งสาลี แป้งสาลีอยู่ไหนนะ... ผมว่าพี่เอาเวลาไปห่วงตัวเองก่อนไหม ผมรู้ว่ากระต่ายพวกนี้มันแล่ง่าย แต่พี่เองก็ต้องใช้เวลาแล่นานกว่าคนอื่นอยู่ดี” สิ้นคำพูดของเพรา นั้นทำให้ตัวนอททัมนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย เขาได้แต่ตอบรับแล้วเดินกลับไปสเตชั่นอย่างเงียบๆ
เพราได้ของที่ตัวเองต้องการครบแล้วนั้นคือแป้งสาลี ไข่ไก่ พร้อมกับพวกสมุนไพร และอีกหลายอย่าง ดูเหมือนวัตถุดิบของเพราจะค่อนข้างเยอะเลย ทางด้านนอททัมเองกำลังเริ่มเครียดกับการถลกหนังน้องกระต่าย
“เห้อ มันต้องเป็นหนังฆาตกรโรคจิตแน่ๆ”
นอททัมลงมือถลกหนังเจ้ากระต่าย ทั้งมือและมีดผลัดกันไปมา ภาพที่หลายคนทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมคนอื่นๆ ได้เห็นคือชายร่างใหญ่ยักษ์กำลังใช้มีดกระชากเครื่องในของกระต่าย ใช้มืออันใหญ่จิกกระชากเนื้อส่วนต่างๆ อ่างล้างมือเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของชายร่างยักษ์ที่เปื้อนรอยเลือดกำลังยิ้มด้วยความน่ากลัว (ที่จริงนอททัมเขา ยิ้มแห้งเพราะคิดว่าตัวเองทำเละ)
เวลาเดินผ่านไปหลายชั่วโมง จนถึงช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย นั่นคือการตัดสินการเป็นอยู่ของว่าที่พ่อครัววังหลวงหลายๆ คน นั่นคือการชิมอาหารตัดสินอาหาร ด้วยจำนวนผู้สมัครที่มาก ทำให้กรรมการต้องแบ่งกลุ่มไปตามโจทย์ที่มอบไว้ โดยเริ่มจากกลุ่มของเพรา กลุ่มไข่ผําแมงป่องทิวา แต่ผ่านมาแล้วสิบกว่าคน ก็ยังไม่มีใครได้รับการผ่านจากกรรมการทั้งสามท่านเลย
“011 ดิฉันไม่คิดว่าการคลุกผักสลัดเนื้อย่าง กับไข่ผำโรยหน้าเพิ่มเติม เป็นอาหารที่ใช้ความคิด ดิฉันขอไม่ชิม พวกคุณว่าไงบ้าง” คุณหญิงเอมโปกล่าวพร้อมมองด้วยสายตาดูถูก มือของเธอประคองแก้วน้ำชาอย่างเบื่อหน่าย
มาอึลพยักหน้า “อย่างที่แหละครับ ไข่ผำชนิดนี้ชนิดที่อาศัยอยู่บนหลังสัตว์อื่นด้วย แถมไม่ได้ผ่านความร้อนอาจจะมีพยาธิอยู่ การใส่ใจเรื่องสุขภาพของผู้กิน คือพื้นฐานของพ่อครัววังหลวงครับ” เขาขีดฆ่าใบสมัครของผู้เข้าแข่งขันแล้วยืนให้ พร้อมกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ค่อยมีความรู้ แล้วมาสมัครใหม่นะครับ ต่อไป 012 013 014 ทั้งสามคนสละสิทธิ์เนื่องจากโดนพิษของแมงป่องบาดเจ็บสาหัส”
“ก็เป็นทุกครั้งที่จะมีพวกไก่อ่อนมาลองสนามแล้วดับตั้งแต่เริ่ม อ้าวยังมีอีกคนเหรอ มาอึล รีบให้คะแนนเด็กนี่ดีกว่า” ฟรองซัวพูดอย่างหงุดหงิด
“ครับๆ ต่อไปคนสุดท้ายของโจทย์ ไข่ผําแมงป่องทิวา เชิญ 015 นำเสนออาหารของคุณได้เลยครับ”
เพราเดินถือจานอาหารด้วยท่าทางมั่นใจ แม้หัวใจจะเต้นรัวอยู่ในอก พร้อมเสิร์ฟจานอาหารที่ดูเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ยั่วยวน “ปลากะพงย่างพาสต้าไข่ผำซอสเพสโต้”
[เกร็ดความรู้หลังครัว]
ไข่ผำ หรือ ผำ พืชน้ำที่มีรสจืด ไม่มีกลิ่น ลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีเขียว ทรงกลม ได้รู้จักกับผำเพราะได้ไปกินที่บ้านเพื่อน บอกตามตรงเลยครั้งแรกที่เห็นชั้นนึกว่า แหนแดง ตอนนั้นที่ได้กินเป็นแกงสักอย่างใส่ไข่ผำไปด้วย ไอ้เราก็ชอบลองของแปลกสะด้วย ชิมไปไม่มีรสของผำเลย เหมือนกินแกงที่ข้นขึ้น ก็เลยลองเอาผำไปลวกในน้ำร้อนดู กินเปล่าๆ รู้สึกจืดมีความกลิ่นน้ำจืดอยู่