พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท - เมนูที่ 10 คุณกระต่ายว่ายน้ำนม เบอร์ 2 โดย คอคิจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์

รายละเอียด

พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา

ผู้แต่ง

คอคิจ

เรื่องย่อ

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์

Record the recipe of the Royal chef

หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)

__________________________

 

การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง 

“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้

“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์

“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด

“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล

“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง

 

_____________________________

 

 

สารบัญ

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 1 สลัดสไลม์ทอด,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 2 สตูว์เนื้อ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 3 แซนด์วิชทงคัตสึหมูโคลน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 4 ฟาฮิตาไก่,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 5 ปูถ่านหิน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 6 เค้กปูแบบพอดีคำ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 7 แพนเค้กนุ่มฟู,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 8 ไข่ผำบนหลังแมงป่อง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 9 ปลากะพงย่างพาสต้าไข่ผำซอสเพสโต้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 10 คุณกระต่ายว่ายน้ำนม เบอร์ 2,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 11 นมถั่วพิตาชิโอ้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 12 ขนมพระพาย,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 13 สไลม์ผลไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 14 ระบำจิ้งจอกม่านหมอกเพลิง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 15 คาเนลโลนีทุเรียนซ่อนแอบ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 16 หมึกต้นไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 17 โอโคโนมิยากิหมึกต้นไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 18 ยำเห็ด ซุปเห็ด สเต๊กเห็ด และพุดดิ้ง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 19 เจ้าปลามีขา,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 20 ดอกบัวเงือกหวาน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 21 ช่อม่วงไส้กุ้ง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 22 เคลพีสามทาง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 23 สตรอเบอร์รี่ ครีมชีส พาร์เฟต์,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 24 เข็มกลัดว่าที่พ่อครัววังหลวง (ชั่วคราว),บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 25 ไก่ผัดเมล็ดวินลัท,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 26 บุหลันดั้นเมฆ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 27 แกะขนทราย,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 28 ปอเปี๊ยะสด,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 29 ป๊อปคอร์นวาซาบิ

เนื้อหา

เมนูที่ 10 คุณกระต่ายว่ายน้ำนม เบอร์ 2

หลายวันต่อมา

การเดินทางของพวกเพราเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ได้มีอะไรติดขัด ถึงบางวันจะมีการตีกันของสองพี่น้อง เพราและชูร์ ที่ชอบเถียงกันว่าจะเดินทางไปเส้นทางไหน คนหนึ่งอยากให้แวะสถานที่จำพวกป่า ภูเขา สวนไร่ต่างๆ เพราะอยากซื้อทุกอย่างมาลองทำอาหาร ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่าจะออกจากเขตเกนยิส เขตที่ขึ้นชื่ออุตสาหกรรมงานประดิษฐ์อยากจะแวะเก็บความสวยงามให้ครบทุกเมือง โชคยังดีที่มีนอททัมเป็นคนกลาง เขาน่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการวางแผนเดินมากที่สุดได้เป็นคนวางแผนทุกอย่างเอง ถึงจะสองคนจะไม่ชอบใจนักแต่ก็ดีกว่าให้พี่น้องตัวเองเป็นคนเลือก

“ช่วงเย็นน่าจะถึงเอสทาริคแล้ว ถ้าไม่มีใครตกใส่รถอะนะ” ชูร์ตรวจสอบระยะทางและระยะเวลาในการเดินทางก่อนเดินมาแจ้งนอททัมที่นั่งอ่านหนังสือทำอาหารอยู่

“คุณชูร์ ผมก็ไม่ได้อยากตกใส่รถสักหน่อย ว่าแต่น้องเพรายังไม่ออกจากห้องอีกเหรอ” 

“ช่วงสองสามวันมานี้หมอนั้นกำลังฝึกสมาธิอยู่” ชูร์เดินมานั่งข้างนอททัมแล้วดูว่าในหนังสือมีเมนูไหนน่ากินบ้าง “นายก็เห็นใช่ไหมว่าหมอนั้น ใจร้อนแค่ไหนพอใจร้อน เพราเองก็ทำออกมาไม่ได้เต็มที่ นายลองไอ้เมนู ‘เปียวปลงเปา’ ดูไหมฉันอยากกิน ตอนนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย” ชูร์จิ้มไปที่เมนูลักษณะเป็นเมนูติ่มซำชนิดหนึ่ง

“มันเรียกว่าเสี่ยวหลงเปาครับ ผมทำไม่ได้หรอกมันต้องจับจีบมือผมมีข้างเดียว”

“ฉันก็นึกว่านายทำได้ทุกอย่างเหมือนคนปกติก็นายเก่ง งั้นทำกระต่ายตุ๋นน้ำนมได้ไหม เมนูตอนที่นายทำสอบคัดเลือก”

“ตอนนั้นผมตุ๋นด้วยหม้อแรงดันยังตั้งชั่วโมงหนึ่งเลย คุณชูร์จะรอไหม”

“เอาก็เอา!”

นอททัมถอนหายใจกับความแต่ใจของครอบครัวนี้เหลือเกิน แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสแก้ตัวและพัฒนาทักษะทำอาหารตัวเองไปด้วย นอททัมลุกขึ้นเดินไปเปิดห้องครัว เขาเริ่มหยิบวัตถุดิบต่างๆออกมา ได้แก่ นม เลม่อน กระเทียม น้ำมัน เกลือพริกไทย และพระเอกของเมนูอย่าง กระต่ายหูยาวผู้กินเนื้อที่ได้ทำการแล่เก็บไว้อย่างดี หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมกระต่ายหูยาวพวกนี้ถึงอยู่กับนอททัมได้ นั้นเพราะว่าตอนกรรมการตัดสิน หนึ่งในคณะกรรมการอย่างมานึล เห็นว่านอททัมล่ามาเยอะเกินจึงอยากให้นอททัมเอากลับไปด้วย ทำให้หลายวันมานี้ทั้งสามคนกินเนื้อกระต่ายทุกมื้อ

“ให้ฉันช่วยปอกกระเทียมไหม” ชูร์เดินมาสะกิดข้างหลังนอททัม 

“คุณชูร์ปอกเป็นเหรอครับ”

“แค่กระเทียมเนอะ เอามานี้เลย แม่จะปอกให้หมด” ชูร์แย่งกระเทียมมาจากมือของนอททัม แล้วไปนั่งปอกอยู่โต๊ะกลางครัว

นอททัม เขาเองไม่ได้ว่าอะไรแถมยังดีด้วยที่มีคนมาช่วยเรื่องที่ไม่ถนัด เพราะด้วยมีมือแค่ข้างเดียวทำให้ทำอะไรที่ละเอียดไม่ค่อยได้ พ่อครัวตัวใหญ่หยิบเขียงสีแดงเพื่อเตรียมหันเนื้อกระต่ายเป็นชิ้นลูกเต๋า ถึงจะลำบากอยู่บ้างแต่ก็ได้ลูกเต๋าทรงเบี้ยวๆออกมา จากนั้นตั้งกระทะและเทน้ำมันรอจนร้อนได้ที่ ค่อยๆนำเนื้อกระต่ายไปจี่บนกระทะให้มีสีน้ำตาลอ่อนทุกด้าน

“นี้นอททัม ขอถามเกี่ยวกับแขนข้างที่หายของนายหน่อยสิ อะกระเทียมของนาย” ชูร์กวาดกระเทียมบนโต๊ะใส่ถ้วยขนาดเล็ก เดินไปส่งให้กับนอททัม เธอมองไปบริเวณแขนเสื้อด้านขวาของนอททัมที่ว่างเปล่า

“ถามไปผมก็ไม่มีคำตอบหรอกนะครับ คุณชูร์อย่าลืมสิครับผมแทบจะไม่มีความทรงจำมันอดีตเลยนะ ไม่รู้หัวผมไปกระแทกแรงแค่ไหนนะ” นอททัมรับกระเทียมมาจากชูร์มาสับให้ละเอียด

“กระแทก? นายเชื่อเหรอว่านายความจำเสื่อมเพราะกระแทก” คำตอบของนอททัมทำให้ชูร์รู้สึกประหลาดใจ

“ครับ แล้วถ้าไม่ใช่คุณชูร์คิดว่าอะไรเหรอครับ”

“ไม่รู้สิ กระแทกก็กระแทก นายจะเอาหูกระต่ายมาทำอาหารด้วยเหรอ” ชูร์มองไปที่เนื้อในจานสำหรับเตรียมทำอาหารในนั้นมีหูกระต่ายอยู่ด้วย แต่ลักษณะของมันไม่เหมือนหูกระต่ายทั่วไป เพราะหูกระต่ายทั่วไปกล้ามเนื้อจะน้อยส่วนมากเป็นกระดูกอ่อน แต่สำหรับกระต่ายตัวนี้มีเนื้อส่วนหูที่มากพอๆกับส่วนลำตัว

“ครับ กระต่ายพวกนี้ มันเนื้อหูที่อร่อยครับ ตอนสอบคัดเลือกทำเกือบไม่ผ่านเพราะไม่ได้ใช้ส่วนนี้แหละ” 

นอททัมตั้งหม้อแรงดัน นำเนยละลายผัดกับกระเทียมจนหอม จากนั้นใส่นม ‘น้ำนมแมมแมมภูเขาน้ำแข็ง’ นี่เป็นข้อหนึ่งของนอททัมตอนสอบคัดเลือกที่เขาโดนหักคะแนน เรื่องการใช้นมเพราะตอนเขามีหยิบวัตถุดิบ เพราส่งนมแพะดอกไม้ ซึ่งเป็นนมสำหรับการหมักเนื้อแต่ไม่เหมาะกับการตุ๋นหรือทำสตู เพราะเพราเข้าใจว่านอททัมจะหมักทำสเต๊ก นอททัมเองไม่ได้ดูว่าเป็นนมชนิดไหน เขาเข้าใจว่านมทุกชนิดเหมือนกันหมด

“จากนั้นใส่ ใบกระวาน ไทม์โกเมน ผิวเลม่อน ดิจองมัสตาร์ด ตามลำดับ คุณชูร์อย่าจ้องแบบนั้นสิครับ ผมประหม่า” ชูร์มองการทำงานของนอททัม เธอสนใจมากเพราะการที่นอททัมสามารถทำอาหารหลายอย่างได้โดยใช้มือข้างเดียว จนทำให้นอททัมรู้สึกประหม่า

“ถ้านายมีมืออีกข้างฉันว่านายจะทำอาหารได้เร็วขึ้นแน่เลย” พอนอททัมได้ยินคำพูดของชูร์ เขาไม่ได้พูดอะไรก้มหน้าทำอาหารต่อ ใส่เนื้อส่วนหูและเนื้อกระต่ายที่ทำไปสุกด้านนอกลงไปในหม้อแรงดัน นอททัมหยิบฝาหม้อแรงดันมาปิดล็อก ที่เหลือแค่รอเวลา

ปึ้ง!

นี้ไม่ได้เป็นเสียงระเบิดของหม้อแรงดัน แต่เป็นเสียงปิดตู้เย็นของสมาชิกคนที่สามอย่างเพรา เพราหยิบเหงือกน้ำที่เต็มไปด้วยชาสีส้มออกมา “พวกพี่ทำอะไรกัน ข้าวเที่ยงเหรอ” เพราพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขานั่งดื่มชาสีส้มอยู่โต๊ะกลางห้องครัวพร้อมชี้นิ้วชี้เรียกชูร์มาหาเขา

“จ้า น้องชาย กินชาอีกแล้วเหรอจ๊ะ” ชูเดินมาหาน้องชายสุดที่รักด้วยหน้าตายียวน แล้วโดนน้องชายของเธอกระชากแขนให้มานั่งข้างๆ “อะไร!”

นอททัมกำลังเช็ดครัวมองสองพี่น้องอย่างงงงวย เพราที่สังเกตเห็นว่านอททัมมองพวกเขาอยู่ “พี่นอททัมทำความสะอาดไปเหอะ ผมแค่อยากคุยเรื่องการเดินทางของเรา”

“อ๋อครับน้องเพรา” นอททัมพยักหน้า แล้วหันไปหยิบเขียงสีแดงทำความสะอาด

“จิตใจพี่หยาบมาก ถามคำถามแบบนั้นกับนอททัมได้ไง” เพราทำเสียงกระซิบคุยกับชูร์

“ก็แกใช้ฉัน ทำ ไอ้นั้น แล้วถ้าไม่ถามแล้วฉันจะออกแบบได้ไง” ชูร์ตอนกลับด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

เสียงกระซิบกระซาบของสองพี่น้องนั้นไม่ได้เบาพอที่จะให้นอททัมปล่อยผ่านไปได้ ที่จริงตอนแรกเขาไม่ได้ยินเท่าไรแต่พอทั้งสองเริ่มประโยคสามประโยคสี่ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนระดับเสียงเหมือนคุยกันปกติ นอททัมเองรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อยเพราะเขาต้องแสดงว่าตัวเองไม่ได้ยินอะไรเลย เนื้อหาของบทสนทนาของสองพี่น้องนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้นอททัมอมยิ้มออกมา เพราะ ไอ้นั้น ที่ชูร์พูดถึงนั้นคือ แขนเทียม นอททัมรู้ตัวมาได้สองถึงสามวันเพราะว่าทั้งชูร์กับเพรา มาวัดแขนของนอททัมตอนงีบหลับอยู่ที่โซฟา เข้ามาถามว่าสีที่ชอบคืออะไร นอททัมรู้สึกตลกมากเวลาสองพี่น้องคู่จะเก็บความลับมันจะทำให้นอททัมรู้รายละเอียกมากกว่าเดิม

“แล้วตกลงว่าเมื่อไรจะเสร็จ” เพราเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองพูดเสียงดังเกินไป เลยเริ่มทำเสียงกระซิบกระซาบอีกครั้ง “เสร็จทันสองอาทิตย์ใช่ไหม”

“มั้ง มันจะง่ายกว่านี้ถ้า น้องชายไม่เรื่องมากค่ะ” ชูร์เห็นว่าเพราเริ่มทำเสียงกระซิบกระซาบ เธอเลยทำตาม พร้อมก้มต่ำลงมาหน้าแทบจะติดกับโต๊ะ

“งั้นขอแค่มีดได้ไหม ไม่สิต้องเอาตะกร้อ ส้อม ช้อน ตะหลิว ที่เปิดจุกไวน์ เออหินลับมีดด้วย” เพราเห็นชูร์ก้มต่ำลง เขาก็ก้มตามไปด้วย

นอททัมที่ได้ยินคำขอของเพราถึงกับสะอึก นึกภาพแขนข้างขวาตัวเองเป็นเหมือนกับมีดพับอเนกประสงค์ แค่คิดก็ขนลุกแล้วสิ ทั้งคู่ยังไม่เลิกปรึกษาเรื่องแขนใหม่ของนอททัม จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงจน เนื้อกระต่ายตุ๋นนมได้ที่ นอททัมเปิดฝาหม้อแรงดันกลิ่นหอมของนมฟุ้งกระจายไปทั่วห้องครัว

“กินมื้อเที่ยงก่อนไหมทุกคน” นอททัมหยิบจานกันลึกสีขาวสองใบที่ข้างในเสิร์ฟเนื้อกระต่ายตุ๋นน้ำนมทั้งส่วนลำตัวและหู โรยหน้าด้วยชีสขูด

ทั้งสองทำท่าทีตกใจรับอาหารของนอททัมมา เพราดมกลิ่นของอาหาร เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นสมุนไพรที่ใช้ “เลือกคู่สมุนไพรได้ดีนิ พี่นอททัม พัฒนาฝีมือเร็วมากกว่าเลยนะ ยังไงก็ขอชิมก่อนละกัน” เพราใช้ส้อมตัดชิ้นได้โดยง่าย แสดงถึงเนื้อเปื่อยได้ที่

“นี่นี่ นอททัม สมมุติว่าถ้าอยู่ๆวันหนึ่ง แขนข้างขวานายงอกมาใหม่ อยากได้ฟังชั่นไหนบ้าง” ชูร์รับอาหารจากนอททัมมา อยู่เธอถามคำถามที่ทั้งสองคนไม่คิดว่าจะถามขึ้นมา

แค่กๆ

เพราได้ยินคำถามถึงกับเกิดอาการไอขึ้นมา “ทำไมพี่ถามคำถามแปลกๆแบบนั้นละ เนอะพี่นอททัม” เพราทำตัวไม่ถูก เสียงของเขาเกิดอาการแหบเพราะสำลักอาหาร

“แปลกจริง แต่ถ้าผมได้แขนใหม่ ผมเองก็คงอยากได้แบบธรรมดา” สิ้นคำพูดของนอททัม ชูร์กับเพราถึงกับจับหน้าอกแสดงอาการโล่งใจขึ้นมา ‘ดีนะยังไม่ได้ใส่อะไรเข้าไป’

“เดี๋ยวนะ ใครมันปอกกระเทียมแล้วทิ้งเปลือกไว้ พี่ชูร์!” ตอนที่เพรากำลังโล่งใจ เขาก้มไปมองพื้นข้างล่าง พ่อครัวตัวน้อยพบกับเศษกระเทียมของชูร์ที่โยนทิ้งไว้

...

เวลาก็ล่วงเลยมาอีกหลายชั่วโมงจนรถของแก๊งพ่อครัวตัวน้อยมาถึงยังเมืองหลวงของประเทศอย่างเอสทาริค ชื่อเมืองเป็นภาษาโบราณแปลว่าจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายเดินทางมาบรรจบ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงนั้นก็ต้องมากับความยิ่งใหญ่การปกครองที่แบ่งออกเป็นสองส่วนชัดเจน อย่างนครลอยฟ้าหรือเขตปกครองไอโชรา เป็นพื้นดินที่ยกลอยตัวสูงจากพื้นดินประมาณเจ็ดกิโลเมตร เป็นพื้นที่สำหรับขุนนางฉันสูง ที่ทำการของกระทรวงต่างๆ และพื้นที่ของพระราชวัง น้อยคนมากที่จะเคยไปเหยียบเขตปกครองไอโชรา

ตอนนี้ทั้งสองคนพ่อครัวกำลังยืนมองนครลอยฟ้าอย่างประหลาดใจอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าของเมืองเขตตะวันตกที่สอง “น้องเพรา ถ้าเราเป็นพ่อครัววังหลวง พวกเราจะต้องทำงานที่นั้นเหรอ” นอททัมชี้ยังเขตปกครองไอโชราหรือเกาะลอยฟ้า

“เจ้าพัมพีทำงานที่แบบนั้นเหรอ บ้าไปแล้ว” 

“ไอ้บ้านนอก พวกนายจะตะลึงอีกนานไหม หลบทางหน่อยให้คุณพี่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถค่ะ” ชูร์เดินมาแหวกทั้งสองคนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เดินตามหลังเธอมาให้เข้าไปตรวจสอบ

เพราหลบให้กับเจ้าหน้าที่หนุ่ม พ่อครัวสังเกตเห็นว่าเขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวทับด้วยเสื้อกั๊กหนังและใช้สายรัดหรือเข็มขัดรัดรอบเอว สวมเหมือนหมวกนักข่าวสีน้ำตาล มีเข็มกลัดติดชื่อเขียนชื่อของเขาไว้ว่า ‘อิจิน กาวเกว เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงอักษรและเวทมนตร์’ เพราที่เห็นแบบนั้นจึงคว้าแขนแสนของเจ้าหน้าที่เอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวนะ หน้าที่นี้เป็นพวกคนตรวจเข้าเมืองไม่ใช่เหรอ ทำไมทำงานข้ามหน้าที่ขนาดนี้ละ คุณอิจิน” พนักงาน อิจิน ตกใจทำหน้าตาหวาดกลัว มองหน้าของชูร์ที่กำลังยืนกอดอกถอนหายใจ

“เพราะว่า...” ชูร์กำลังอธิบายแต่ได้มีเสียงของใครสักคนพูดแทรกขึ้นมา 

“เพราะว่าคนมันไม่พอครับ น้องเพรา”

เพราหันไปมองที่ต้นสียงเป็นของผู้ชายตัวสูง ผมสีส้มน้ำตาลไฮไลต์ผมเขียวหนึ่งช่อ สวมแว่นกันแดดสีกาแฟ แต่งตัวเป็นพนักงานลักษณะคล้ายอิจิน คือสวมเสื้อแจ็กเกตผ้าหนาตกแต่งด้วยกระดุมโลหะ สวมทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่มีปลายแขนเสื้อสีดำปิดเห็นแค่ข้อมือ กางเกงหนังเข้ารูปที่รัดขาแน่น ป้ายชื่อที่ติดตรงอกเขียนว่า ‘โมลา ยาโคด หน่วยบัญชาการตรวจสอบ ระดับสี่’ ยิ้มร่าเริงทักทายเพรา

“โมลา โมลาใช่ไหม” เพราดีใจจนออกนอกหน้าวิ่งเข้าไปเขย่าตัวของเจ้าหน้าที่โมลา เพราตะโกนเสียงดังมากจนเจ้าหน้าที่คนอื่นและผู้คนแถวหน้าต้องหันมามอง

“ชู่ เจ้าเพรารู้ว่าดีใจแต่เบา เดี๋ยวลูกน้องฉันจะไม่เคารพกัน อืม คุณอิจินผมขอเอกสารตรวจสอบ เดี๋ยวผมจัดการกลุ่มนี้เอง คุณไปพักดีกว่าผมเห็นคุณทำงานติดต่อกันมาสี่ชั่วโมงแล้ว” พนักงานที่ชื่ออิจินเดินมายื่นเอกสาร แล้วทำความเคารพก่อนจะเดินจากไป “เราเนี่ยยังเหมือนเดิมเลย เข้ามาคุยข้างไหนได้ไหม ถ้าคุยกันข้างนอกมันจะดูแปลกที่คนนอกเมืองคุยสนิทกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง”

“เออ เข้ามาเหอะค่ะ ถ้าฉันเสียเวลาตรงนี้ฉันจะยืนด่าพวกแกสองคนจนถึงเช้า”

ชูร์ นอททัม เพรา และโมลาเดินเข้าไปยังข้างในตัวรถบ้านเวทมนตร์ โดยเริ่มจากการแนะนำนอททัมกับโมลาให้รู้จักกันก่อน โมลา เมื่อห้าปีที่แล้วทำหน้าที่เป็นหน่วยบัญชาการตรวจสอบ หรือเรียกง่ายๆว่าตำรวจของบ้านเกิดเพรามาก่อนแล้วจึงถูกย้ายมาประจำการอยู่ที่เมืองหลวง สมัยเด็กเพราชอบมีเรื่องกับลูกค้าร้านอาหารต่างๆอยู่ บ่อยครั้งทำให้โมลาจำหน้า เจ้าเด็กแสบได้ขึ้นใจ พอรู้จักเพราก็เลยลามไปถึงการรู้จักชูร์และเกียรันไปด้วย

“สมัยนี้เจ้าเพรายังมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นอยู่ไหมเนี่ย” โมลาเดินตรวจรถไปชวนชูร์ที่เดินตามมาด้วยคุยด้วย

“เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีคนห้าม เหมือนแมวดำที่โดนหมีตัวใหญ่คาบไว้ ทำไมนายยังเก็บแว่นขาหักอันนี้ไว้ละ” ชูร์มองไปที่แว่นสีกาแฟสังเกตเห็นว่าขาแว่นข้างซ้ายพันด้วยผ้าเอาไว้

“อันนี้เล่นเกมถามตอบเหรอ ก็เก็บไว้ให้คนทำแว่นพังถามเล่นมั้ง คำถามต่อไป” โมลาเดินตรวจเช็กรถพร้อมเขียนรายงานไปด้วย “เธอสบายดีไหม”

“ยุ่งอะไรกับชีวิตฉัน ตรวจเสร็จยัง เดี๋ยวพ่อครัวตัวน้อยใหญ่ของฉันจะต้องไปรายงานตัวอีกนะ” ชูร์กอดอกมองหน้าโมลา ที่กำลังยิ้มยียวนกวนประสาทวิศวะหญิงประจำรถ

“ที่จริงเสร็จนานแล้ว พวกเธอไม่ใช่เป้าหมายของพวกเราสักหน่อย” โมลาก้มลงเซ็นเอกสารอะไรบางอย่าง จากนั้นแกะออกมอบกระดาษสามแผ่นเป็นชื่อของ ชูร์ นอททัม และเพรา ให้กับชูร์ “พกไว้ในรถตลอดนะ พวกเธอได้จะไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีก ใครมีเข้าถามอะไรอีกไหม”

“คือเรามีคำถาม” นอททัมยกมือขึ้นมาด้วยความไม่มั่นใจ “ผมพอรู้ว่าการเข้ามาในเมืองหลวงจะมีการตรวจสอบแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยจะตรวจเข้มขนาดนี้ แถมยังต้องใช้พนักงานจากที่อื่นมาช่วย ที่นี่เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” โมลาประหลาดใจกับคำถามนอททัมมากๆ ที่จริงน่าจะเป็นคำถามปกติของคนทั่วไป แต่ไม่ใช่มาจากสองพี่น้องคู่นี้แน่นอน

“เออยังดีที่มีคนคิดได้ในทีมนะ พวกแก เมื่อยี่สิบวันก่อนเกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย คือชั้นห้าของตึกในเครือกระทรวงอักษรและเวทมนตร์ระเบิด ผู้ต้องหาเกือบร้อยแต่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเกิดความวุ่นวายตั้งแต่วันนั้น ทางกระทรวงอักษรฯ ต้องการจับกุมผู้ต้องหาแต่ไม่แจ้งหน้าตา สัณฐาน เผ่าหรืออะไรให้พวกเราเลย ให้แต่เจ้าหน้าที่ของพวกเขามาตรวจสอบเองเนี่ย ปวดหัวอยู่เนี่ย”

“ดูวุ่นวายจัง”

“เออสุดท้าย อันนี้ที่อยู่ฉันนะ ชูโรส มีปัญหาอะไรติดต่อมากัน ไว้เจอกันนะทั้งสามคน” โมลายื่นเศษกระดาษที่จดที่อยู่ให้กับชูร์

“อ้าวคุณชูร์ ชื่อจริงว่าชูโรสเหรอ” นอททัมยิ้มให้กับชื่อจริงของชูโรส

“ไอ้บ้า โมลา ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกชื่อจริง!”

นับว่าเป็นการเริ่มต้นในดินแดนแห่งด้วยรอยยิ้มของทั้งสามคน และยินดีต้อนรับสู่อีกหนึ่งเขตปกครองนั้นคือกาโชรา เขตปกครองที่รวบรวมประชากรกว่าสิบล้านชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความเจริญในทุกด้านทุกสาขา ดินแดนแห่งอิสระที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ เริ่มต้นชีวิตไปกับดินแดนของทุกคน เขตปกครองกาโชรา เป็นชื่อเรียกรวมๆของเมืองทั้งหมดแต่ที่จริงยังสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายส่วนด้วยกัน อย่างเขตตะวันตกนอกหรืออีกชื่อหนึ่งนั้นคือเขตปกครองที่หก เป็นเขตที่เล็กที่สุดโดนแบ่งเขตโดยใช้แม่น้ำตัดผ่านตัวเมือง เขตที่หกนี่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าขายและอาหาร หลายคนเรียกว่า ปากของเมือง เพราะจะมีวัตถุดิบสินค้าแปลกใหม่เข้ามาไม่ขาดสาย นับว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะมากสำหรับว่าที่พ่อครัววังหลวงคนต่อไป

ระหว่างการเดินทางเพรากับนอททัมตื่นตาตื่นใจกับร้านขายของเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ร้านขายเนื้อสัตว์ทุกชนิด ร้านสมุนไพรหายาก ร้านขายแร่กินได้ และอื่นๆอีกมากมายซึ่งต่างจากชูร์ที่มองทั้งสามคนด้วยความสงสัยว่าจะตื่นเต้นกับร้านขายของกินทำไม จนมาถึงอาคารที่มีป้ายเขียนว่า สำนักงานเขตทั่วไป (เขตตะวันตกนอก) โชคดีที่บริเวณเขตตัวอาคารสามารถจอดรถได้ ชูร์จะไม่ต้องหาที่จอดที่อื่น ตัวอาคารเป็นอาคารสำนักงานเก่าๆสามชั้น มันดูโทรมมากจนไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่ เพรากับนอททัมเดินลงมาจากรถด้วยความไม่มั่นใจเท่าไรนัก มองไปรอบๆอาคารเหมือนไม่มีคนใช้มานาน

“ถูกที่แน่นะ พี่นอททัม” เพรากางดูแผ่นพับคำแนะนำของมาอึลเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามาถูกที่ใช่ไหม

“เราไปถามคนที่กำลังเดินออกมาไหม” นอททัมชี้ไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากตัวอาคาร

[เกร็ดความรู้หลังครัว]

คือรอบนี้อาหารของนอททัมเราใส่จุดน่าสนใจหลายอย่างมากเลย ทั้งการใช้หม้อแรงดัน ใบกระวาน ดิจองมัสตาร์ด ที่จริงอยากนำเสนอพวกนี้ทั้งหมดเลย แต่กลัวจะน่าเบื่อเราเลยจะเลือก การใช้เขียงสีแดงของนอททัม หักมุมไปอีก คำถามทำไมนอททัมต้องเลือกเขียงสีแดง เพราะเขาชอบสีแดงใช่ไหม ถ้าใช่เจ้าเพราก็ต้องมีเขียงสีเขียวแล้วละ แต่จริงๆแล้ว มันคือเรื่องความสะอาดจ้า หลายครัวในร้านอาหารจะมีการแบ่งใช้สีเขียง อย่างสีเหลือง เยนโล ไม่ใช่ๆ