พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
“เราไปถามคนที่กำลังเดินออกมาไหม” นอททัมชี้ไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากตัวอาคาร
ชายที่กำลังเดินออกมานั้นมีผมน้ำเงินครามที่โดนแสงแดดตอนเย็นประกายสวยงาม ดวงตาสีราวกับอัญมณีสีม่วงอเมทิส เขาแต่งตัวเหมือนกับชาวประมงนั้นคือใส่เสื้อกล้ามตาข่ายสีแดงกับกางเกงเวเดอร์สสีกรมท่าหรือกางเกงสำหรับชาวประมงกันน้ำที่ทำจากยาง รองเท้าที่ปกติชุดแบบนี้จะเป็นรองเท้าบูตที่เชื่อมติดกับกางเกงแต่ของคนๆ นี้เหมือนถูกฉีกออก และสวมเป็นรองเท้าแตะสีแดงแทน ชายคนนั้นเดินทำหน้าเซ็งๆ โยนกระเป๋าตาข่ายสีขาวไว้กับพื้น เขานั่งลงอยู่บริเวณขั้นบันไดหน้าอาคาร เขาถอนหายใจแล้วมองมาที่พ่อครัวตัวน้อยใหญ่ทั้งสอง
“พวกนายมาช้าไป” ชายผมน้ำเงินตะโกนคุยกับพวกเพรา
เพราเดินมาตรงหน้าของชายชุดตาข่ายสีแดง ทำให้เพราสังเกตเห็นว่าหูของเขาเหมือนกับครีปปลา รวมไปถึงบริเวณข้อมือกับข้อแขนที่เป็นเกล็ดสีน้ำเงิน “รู้ได้ไงจะมาหาวิกค์ มนุษย์เงือก” เพรามองชายผมน้ำเงินด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“โอ้โห้ น้องมนุษย์และนายอมนุษย์เผ่า... ข้ามละกัน น้องมนุษย์ก่อนถามลองคิดก่อนไหมว่าคนปกติจะมาสำนักงานเก่ากันทำไม เนอะนายอมนุษย์” นายมนุษย์เงือกที่ได้ยินคำพูดเหมือนจะกวนประสาทของเพรา เขาเลยตอบส่งๆ ไปพร้อมยิ้มให้เห็นฟันฉลามของเขา
ยังไม่ได้เริ่มบทสนทนาต่อไปนอททัมเข้าชาร์ตอุ้มเพราทันที ตอนนี้การห้ามเพราไม่ให้ตีกลับใครเหมือนเป็นการตอบสนองของนอททัมไปสะแล้ว “อุ้มก่อนอารมณ์ขึ้นแบบนี้ แล้วผมจะไปมีแรงด่าใครละ เอาผมลงเหอะ” นอททัมปล่อยตัวเพราลงให้บนราวบันได
ดูเหมือนนอททัมจะต้องเป็นนักการภูตสองเผ่าพันธุ์แทนแล้วสิ “ผมชื่อนอททัมนะ ส่วนน้องตาสีเขียวชื่อเพรา พวกเราสองคนมาหาคุณวิกค์ เพื่อรายงานตัวพอดีพวกเราเป็นผู้สอบคัดเลือกว่าที่พ่อครัววังหลวงครับ เห็นคุณบอกว่าคุณวิกค์ไม่อยู่ไม่ทราบว่าเขาจะกลับมากี่โมงครับ” นอททัมหยิบบัตรประจำตัวออกมาให้กับนายมนุษย์เงือกพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร
นายมนุษย์เงือกยิ้มแสยะออกมา “นายมันเป็นที่ผู้จาได้ชวนน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าไอ้เด็กนั้นอีก” คุณมนุษย์เงือกลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ตัว “วิกค์ จะมาที่ตอนเที่ยงของทุกวันและรอคนอย่างพวกเราถึงแค่บ่ายโมง ข้ามาที่นี่ตอนบ่ายสามต้องรอคิวพรุ่งนี้เหมือนกัน หมดคำถามแล้วนะ ข้าต้องไปหาที่พักรายวันแถวนี้ พวกนายก็นอนในรถบ้านเบียดๆ ไปละกัน” นายมนุษย์เงือกเดินชนไหล่กับนอททัมเพื่อโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่คนเดินเซกลับเป็นเขาเอง
“ทำไมเขาต้องบอกว่ารถบ้านเราแคบละทั้งที่ พี่ยืนได้สบาย ห้องส่วนตัวก็มี ห้องครัวก็มี ปกติรถบ้านเวทมนตร์ไม่ได้เป็นแบบนี้เหรอ” นอททัมถามเพราด้วยความสงสัยจริงอยู่ถ้ามองจากภายนอกรถคนนั้นก็ไม่ต่างรถที่มีห้องนอนและห้องคนเท่านั้นเอง
‘รถบ้านเวทมนตร์ จริงสิหมอนั้นตัวสูงกว่าข้าตั้ง 20 เซนมันจะนอนสบายได้ไงถ้าไม่ใช่รถบ้านเวทมนตร์’ เสียงความคิดในใจของนายมนุษย์เงือก
เซลล์สมองนอกเรื่องการทำอาหารของของเพรากำลังทำงาน พ่อครัวตัวน้อยที่ต้องข้อมูลของที่นี่เพิ่มเติมและสังเกตเห็นว่าเจ้าปลานั้นสะดุดกับคำว่า ‘รถบ้านเวทมนตร์’ “นั้นสินะ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายความกว้างของรถยังไงเพื่อนมนุษย์เงือกเข้าใจดี ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยว...” ขณะที่เพรายังพูดไม่จบ พี่สาวคนเก่งของวิ่งออกมาจากรถพร้อมที่จะมอบความรู้ทางวิศวกรรมเวทมนตร์ให้กับทั้งสอง
“ไม่นึกเลยว่าน้องชายอยากรู้เรื่องนี้ คืองี้นะรถคันนี้ อันนั้นเพื่อนนายใช่ไหมลากเขามาฟังด้วย” ชูโรสวิ่งไปคว้าแขนนายมนุษย์เงือกที่กำลังเดินออก ให้มาฟังความสุดยอดของรถเธอ “นายชื่อไร”
“ฮะ ฮะ ฮาวาร์ติ ระ ระเรียกข้า ฮาวก็ได้” มนุษย์เงือกฮาววาร์ติตอบด้วยความตกใจ
“รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยกระแสเวทย์จากคนที่อยู่ในรถ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงมาก ในรถนี้บรรจุห้องได้ถึงแปดห้อง ไม่ใช่ห้องเล็กๆ นะจ้ะ ห้องแบบที่นอททัมยังนอนสบาย ด้วยระบบเวทมนตร์แขนงความว่างเปล่าผสมกับแขนงจินตภาพทำให้เกิดการบีบอัดของพื้นที่ได้ สุดยอดเนอะ ใช่ไหมๆ คุยข้างนอกมันจะนาน พวกแกก็เข้ามาได้แล้ว” ภาพที่นอททัมเห็นนั้นคือมนุษย์เงือกฮาวาร์ติถูกมนุษย์สาวลาดเข้าบ้านด้วยความหวาดกลัว นอททัมอ่านปากของฮาวได้ว่า ‘ช่วยด้วย’
“น่ากลัวเกินไปแล้วนะคุณชูร์เนี่ย เราจะให้มนุษย์เงือกคนนั้นนอนกลับพวกเราเหรอ”
“หมอนั้นแค่วางมาดเท่ไปงั้นแหละ น่าจะไม่มีพิษมีภัยให้นอนข้างนอกตรงโซฟาที่พี่ชอบนอนกลางวันก็ได้ ดีกว่าให้หมอนั้นไปหาห้องเช่าตอนกลางคืนแบบนี้ ไม่รู้จะได้หรือเปล่า”
ทั้งสามได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อย่างมนุษย์เงือกฮาวาร์ติ เขาเป็นผู้เข้าคัดเลือกอีกคนเหมือนกัน สาเหตุที่เขารู้รายละเอียดของสถานที่นี้เพราะว่าที่นี่นอกจากเป็นศูนย์กลางของการรวมตัวของผู้เข้าคัดเลือกแล้วยังมีชั้นสามที่เป็นห้องพักให้กับผู้เข้าคัดเลือกแต่มีห้องอยู่แค่แปดห้อง แถมยังนอนได้แค่ห้องละสองคนทำให้ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าสอบ ฮาวาร์ติเดินขึ้นไปเคาะห้องหนึ่งในนั้นและได้เจอกับผู้คัดเลือกคนอื่น ทำให้เขารู้ว่าเวลาทำการของคุณวิกค์
“สำหรับนายที่อุสาเล่าเรื่องดีให้ฟัง และทนฟังเรื่องดีๆ จากพี่สาวฉัน ยังไงคืนนี้นายนอนที่นี่ไปก่อนก็ดีนะ”
เช้าวันถัดไป
ตอนนี้รถบ้านหลังน้อยได้เป็นที่รวมตัวของว่าที่พ่อครัววังหลวงทั้งสามเผ่าพันธุ์ อย่าง มนุษย์ อมนุษย์ และมนุษย์เงือก บ้านที่เต็มไปด้วยพ่อครัวฝีมือดีมันอาจจะเป็นความฝันที่ดีของหลายคน ที่จะได้ชิมรสอาหารจากหลากหลายมุมเมือง แต่อาจจะเป็นโชคร้ายของแม่สาวชูโรส
“เฮ้ยๆ ก็บอกแล้วไงว่าบุญคุณต้องทดแทน ให้ข้าทำอาหารเลี้ยงเถอะ” ฮาวใช้ตะหลิวชี้ไปที่เพราที่กำลังจะเอาไม้นวดแป้งฟาดฮาว แต่โดนนอททัมอุ้มห้ามเอาไว้ก่อน
“เลี้ยงบ้าอะไร ไอ้ปลา แกเอาวัตถุดิบของฉันมาให้ฉันกิน มนุษย์เงือกเขาเรียกว่าเลี้ยงเหรอ หัดลงทุนบ้างสิวะ”
ตอนนี้เพรามีอารมณ์โมโหสุดขีดอยากจะเอาไม้นวดแป้งทุบปลาตัวนี้ให้ตายๆ ไป ส่วนเจ้าฉลามนั้นก็ใช้ตะหลิวจะฟาดเพราเพื่อป้องกันตัวเอง นอททัมที่เห็นท่าไม่ดีแถมมือไม่พอห้ามด้วยจึงเลือกใช้เท้ายันตัวฮาวเอาไว้กับกำแพงครัว
“ทำไมพวกเราไม่ทำอาหารร่วมกันละครับ คุณชูร์ ช่วยผมด้วย” นอททัมหันไปขอความช่วยเหลือจากชูโรสที่ยืนมองทั้งสามคนด้วยความสงสัย
ชูโรสสาวคนเดียวประจำบ้าน ตอนแรกเธอเองมีความฝันว่าจะกินอาหารดีๆ ในตอนเช้าแต่พอเปิดประตูห้องครัวมาพบกับ แมวดำ หมีขาว และปลาทะเลกำลังตีกันเรื่องใครจะทำข้าวเช้า เห็นแบบนี้แล้วเธอคงต้องช่วยเหลือตัวเองโดยการกินนมแก้ท้องว่าง
ชูร์เดินไปเปิดตู้เย็นโดยมีฟังเสียงคำขอร้องจากนอททัม เธอเปิดตู้เย็นเห็นเหยือกน้ำบรรจุของเหลวมากมาย ด้วยความหิวเธอจึงไม่สนป้ายที่ติดเอาไว้ วิศวะหญิงหยิบเหยือกน้ำที่บรรจุด้วยของเหลวสีขาวอยู่ประมาณหนึ่งสามของเหยือกน้ำ ด้วยความขี้เกียจหยิบแก้วและเธอก็หิวมากด้วยจึงกระดกเหยือกตั้งใจว่าจะดื่มหมดในทีเดียว..
ฟู้ด
เสียงพ่นน้ำของหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มและพอดีกับองศาที่เธอหันไปมองสามพ่อครัวตีกัน นมที่เธอจะกินนั้นอยู่เต็มใบหน้าของสามคน ด้วยเหตุนี้การตีกันของเพราและฮาวจึงจบลง
“มันไม่ใช่นม มันคืออะไร น้ำเปล่าผสมนมเหรอ” ชูโรสรับไม่ได้กับรสชาติที่กินเธอหันขวดเหนือกดูชื่อของเหลวนี้
“มันคือนมถั่วพิตาชิโอ้” สามพ่อครัวพูดด้วยเสียงเรียบๆ พร้อมกัน พวกเขาไม่ต้องหันขวดดูก็รู้เพราะตอนนี้นมถั่วพิตาชิโอ้ไหลทั่วหน้าพวกเขาแล้ว
ทั้งสามสงบศึกเดินล้างหน้าที่อ่างล้างจานทีละคนเข้าแถวกันอย่างเรียบร้อย ไม่พูดไม่จา แต่ในใจของทั้งสามนั้นก็อยากด่าคนที่กินไม่ดูอะไรเลย แต่เสียงจะด่าก็ไม่มีเพราะใช้ด่ากันเองไปหมดแล้ว พวกเขาเอาแต่มองวิศวะหญิงด้วยสายตาอาฆาต
“ช่วยไม่ได้นิฉันหิว แล้วใครจะทำข้าวเช้าให้ฉัน” เธอไม่ได้รู้สึกผิดกับการพ่นใส่หน้าเพื่อนแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ดีที่ชูร์ยังผ้ามาเช็ดตามพื้นที่เปื้อน
“นั้นสิน้องเพรา มันเลยเวลากินข้าวเช้าปกติของพี่แล้วด้วย”
“เอางี้ ข้าจะเลี้ยงร้านแซนด์วิชที่ใกล้ๆ นี่ไหม เดินไม่ถึงห้านาที” ฮาวพร้อมคำนวนเงินที่ตัวเองติดตัวมา
“ที่จริงถ้าพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว” เพราที่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าพูดออกมา
“ไปค่ะ มื้อเช้ามื้อที่เมืองกรุง”
รวมพลทีมใหม่สามพ่อครัวต่างเผ่าพันธุ์และนักประดิษฐ์สาวเดินทางผ่านสดที่ค้าขายกันอย่างครื้นเครงตั้งแต่เช้า สมแล้วที่เป็นเขตการค้า พวกเขาเดินผ่านโซนตลาดปลา กลิ่นของคาวปลานั้นฟุ้งเต็มไปทั่วในตลาด มีปลาหน้าตาแปลกๆ ที่เพราก็ไม่รู้จักเต็มไปหมด ทำให้คนอย่างฮาวต้องอวดภูมิความรู้สักหน่อย เขารู้จักปลาทุกตัวที่ขายในตลาดนี่ ฮาวยังบอกอีกว่าเรื่องอาหารทะเลเขามั่นใจมากว่าเป็นที่หนึ่งแน่นอน
พอทั้งสี่เดินมาถึงร้านแซนด์วิชที่ฮาวพูดถึง พวกเขาก็ได้เจอกับคนที่พวกเขาไม่คาดถึง
“อ้าวคุณเมลเลกนี่น่า” นอททัมเป็นคนแรกที่เห็นสาวในชุดเดรสสวยงามกับผมสีม่วงกำลังยืนพูดคุยกับเจ้าของร้านอยู่หน้าร้านแซนด์วิช
เมลเลกหันมามองต้นทางเสียง “อ้าว นอททัท ไม่นึกว่าจะเจอกันในที่แบบนี้ มาทานข้าวเช้ากับเพื่อนมนุษย์เงือกและเพื่อนผู้หญิงเหรอ” เมลเลกทักทายนอททัมโดยไม่ต้องสนใจชายหัวดำข้างๆ แถมยังมองข้ามไปสนใจฮาวกับชูร์แทน
“ให้มันน้อยหน่อย ไม่เห็นหัวกันเลยหรือไงยัยลูกคุณหนู”
เมลเลกกางพัดประจำตระกูลปิดใบหน้าของเพรา “ตายจริง นายเพรา ดิฉันไม่ทันเห็นว่ามากับเขาด้วย”
นอททัมที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอีกหนึ่งมอบเขาจึงตั้งท่าจะอุ้มเพราทันที ฮาวที่เห็นภาพทุกอย่างก็เข้าใจได้ทันทีว่าวิธีห้ามนี้ได้ผ่านการใช้จริงมาหลายครั้งแล้ว และยิ่งทำให้ฮาวสงสัยว่านอททัมยกสูงเกินไปหรือเจ้าแมวดำนั้นขาสั้น
“เลิกตีกันได้ไหม ฉันหิว หิวมากด้วย หิวสุดๆ ไปเลย” ชูร์เดินระหว่างเพราและเมลเลก เพราะตอนนี้เธออยากสั่งของกินจะแย่แล้ว
“อ้าวนี่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าจริงเหรอ เวลาสายขนาดนี้เลยนะ จริงสิเราอยากขอบคุณ นายเรื่องนั้นด้วยให้ฉันเลี้ยง ข้าวเช้านายกับเพื่อนๆ ไหม อ๋อรวมถึง เด็กล้างจานด้วยนะ” เมลเลกหันไปคุยกับนอททัม ยังไม่วายหันพูดจากระแหนะกระแหนเพราอีกรอบหนึ่ง
“ว่าใครเป็น…อุ๊บบบบ” เพรากำลังพ่นคำด่ากลับแต่ครั้งนี้โดนฮาวล็อกแขนสองข้างไว้พร้อมกับชูโรสปิดปากเอาไว้อีกที
นอททัมมองเพราก็รู้สึกโล่งใจมีคนทำหน้าที่แทนแล้ว “จะดีเหรอครับ มันแค่พูดให้กำลังใจเองนะ มัน..ไม่…เกิน ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ”
ทั้งสามกำลังรู้ว่าเจ้านอททัมจะปฏิเสธของฟรีแถมยังเป็นของฟรีตั้งสี่ชิ้นทำให้ พวกเขาปล่อยรังสีอำมหิตออกมาโดยเฉพาะของฮาวที่น่าจะแรงกว่าคนอื่น
“เอาน่า นายเองคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พวกเธอสามคนมาเลือกเมนูมา…ว้าย”
น่าจะด้วยความหิวของทั้งสามคนทำให้กรูกันสั่งอาหารแบบไม่ให้พนักงานรับออเดอร์ฟังทันแถมทั้งสามสหายพอสั่งเสร็จบอกว่าจะกลับไปรอที่รถบ้าน ให้นอททัมรอรับแซนด์วิชด้วย พนักงานที่เป็นทั้งคนรับออเดอรวมถึงเป็นคนทำแซนด์วิชด้วย เธอเริ่มไม่ถูกเลยว่าจะต้องทำอะไรก่อน แต่โชคยังที่มีชายคนนี้
“เดี๋ยวทวนให้นะครับ ทั้งหมดเป็นแซนด์วิชขนาด 12 นิ้วนะครับ
ชิ้นแรก เนื้อไก่สไลด์และแฮม ผักเป็นมะเขือเทศ หอมแดง ผักกาดแก้ว เอาผักสามอย่างนี้นะครับ ซอสมายองเนสรสเผ็ด
ชิ้นที่สอง เป็นทูน่า แครอท แตงกวา มะกอก ผักกาดแก้ว ซีซาร์ซอส เพิ่มชีสด้วยนะครับ
ชิ้นที่สาม เนื้ออบ ใส่ผักทุกอย่าง เอาซอสหมาล่ากับมายองเนสรสเผ็ด อ๋อขอเนื้อพิเศษนะครับ
ชิ้นที่สี่ เนื้อไก่สไลด์ผสมทูน่า ไม่เอาผักเลยนะครับ ซอสหมาล่า
แล้วของคุณเมลเลกสั่งอะไรดีครับ”
เมลเลกยังงงกับเจ้าสามตัว ชูร์ เพรา และฮาวที่สั่งกันไม่เกรงใจคนทำและคนเลี้ยง แต่ต้องตกใจยิ่งกว่าความจำและแยกประสาท “อ๋อไม่ฉันแค่มาเดินเล่น นอททัม เธอมีประสาทการรับรู้ที่ดีมากเลยนะ ฉันประหลาดใจตั้งแต่ตอนนายจับแขนฉันก่อนที่จะเสียบนายเพราได้ครั้งก่อนแล้วนะ รอยฟกช้ำยังอยู่เลย” เมลเลกยกแขนขึ้นให้นอททัมดูรอยฟกช้ำที่เขาทำไว้ครั้งก่อนให้ดู เป็นรอยที่กำลังจะหายดีแล้วแต่ด้วยผิวของเมลเลกค่อนข้างขาวทำให้เห็นเป็นรอยม่วงชัด
“ขอโทษจริงๆ ครับ คุณเมลเลก ตอนนั้นร่างกายมันไปเอง ยังเจ็บอยู่ไหมครับ” นอททัมรู้สึกผิดเป็นอย่างมากกับรอยแผลของเมลเลก เขาทำท่ากระวนกระวายจนทำให้เมลเลกขำออกมา
“ฉันล้อเล่น อันนี้แผลอุบัติเหตุตอนเดินทาง ไม่ใช่ฝีมือนายหรอก ตอนนั้นนายจับข้างซ้ายไม่ใช่ข้างขวา”
“อย่าแกล้งกันสิครับ”
ระหว่างทั้งสองคนกำลังยืนรอข้าวเช้ากันอยู่นั้น ตัววุ่นวายทั้งสามกำลังยืนรออาหารอยู่ที่บริเวณรถของพวกเขาเอง ที่จริงเพราอยากจะกินตรงหน้าร้านเลยแต่เขาคิดว่าเวลาทำงานของคนที่วิกค์ที่ฮาวได้รู้มาจากคนอื่น ดูเป็นเวลาที่แปลกมาก เที่ยงวันจนถึงบ่ายโมงมันเป็นเวลาพักเที่ยงของคนทั่วไป เพราคิดว่าฮาวนั้นจะโดนหลอกมาอีกทีแต่เพราเดินไปเช็กข้างในก็ไม่เจอใครเหมือนเดิม
“ถ้าจะแค่เช็กว่าสิ่งที่เจ้าปลานี่รู้มาจริงไหม ทำไมต้องพาฉันมาด้วย” ชูร์เดินออกมาจากรถบ้านพร้อมถือกระดานรองนอนสำหรับซ่อมรถออกมา “รู้ไหมว่าฉันหิวแค่ไหน”
“เจ้าปลา! ข้ามีชื่อนะโว้ย อีกอย่างข้าเป็นมนุษย์เงือกนะโว้ย!”
“จะโวยวายทำไม ผมไม่อยากยืนรออาหารพร้อมกับได้ยินเสียงคนเหน็บแนม อีกอย่างนอททัมกับเมลเลกดูเหมือนเขามีอะไรบางอย่างที่จะคุยกันด้วย พวกเราอยู่ตรงนั้นจะเสียมารยาทเปล่าๆ” พูดจบชูร์หน้าเพราและทำท่าแคะหูเพราะคำๆ เดียวที่เพราอย่างคำว่า มารยาท ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินจากปากเพรา “มารยาท ผมใช้กับนอททัมคนเดียวก็พอ สำหรับพี่กับเจ้าปลาไม่ควรได้รับมัน”
“ฮาวาร์ติ ข้าชื่อฮาวาร์ติ! เดี๋ยวก่อนนะเมลเลก เมลเลก เมลเลก” ฮาวาร์ติเหมือนพึ่งจะเอะใจกับชื่อของเมลเลก “ตอนเจ้าตัวใหญ่นั้นพูดชื่อแม่หัวม่วง ข้าก็ไม่ได้ทันฟัง แต่ชื่อเมลเลก ใช่เมลเลกเดียวกับ...”
“ใช่ค่ะ เราเมลเลก เฟรุนเธ ลูกสาวเอมโป เฟรุนเธ เองค่ะ” ขณะที่ทั้งสองไม่ได้สังเกต เมลเลกกับนอททัมที่ถืออาหารเช้าของทั้งสี่เดินมาถึงรถได้สักพักแล้ว “คุณปลามีปัญหาหรือเปล่า เอ๊ะ!” เมลเลกกำลังจะพูดคุยกับฮาวแต่เหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้
ชูร์สไลด์ตัวออกมาจากใต้ท้องรถ ชูโรสกับเพราเองก็เหมือนจะรู้สึกเหมือนกัน “ไม่มีอารมณ์เช็กรถเลย เล่นจ้องขนาดนี่ ตอนแรกว่าจะปล่อยแต่พอแม่คนนี้มามันแรงก่อนไปแล้วนะ” ชูร์มองขึ้นไปชั้นสามของอาคาร
“นั้นสิ พวกเราไปกินข้าวข้างในเหอะ” เพราเปิดประตูรถเรียกทุกคนให้ขึ้นรถ
“พวกเจ้าคุยเรื่องอะไรกันแต่ก็ดีแดดมันทำให้ผิวข้าแห้ง” ฮาวไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรพูดออกมา ทำให้ทั้งเมลเลก เพรา และชูโรสถอนหายใจพร้อมกัน
ทั้งห้าคนได้นั่งพูดคุยกันพร้อมกับความเช้าผสมเที่ยงขิงพวกเขาไปด้วย ที่จริงอาจจะนั่งพูดคุยกันแค่สามคนนั้นคือนอททัม ชูโรสและเมลเลก อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเพราไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนอื่นสักเท่าไร เขาได้แค่นั่งฟังสิ่งที่สามคนคุยกันพร้อมดื่มชาสีส้มของโปรดของเขา ส่วนฮาวาร์ตินั้นอยากจะมีส่วนร่วมกับทุกคนเลยชวนเพราคุยแบบผู้ชายผู้ชายคุยกันแต่โดน เพราเมิน ทำให้เหมือนทั้งสองจะตีกันอีก โชคดีที่นักแยกคนตีกันอย่างนอททัมห้ามเอาไว้ทัน
“ที่จริงนอททัมน่าจะปล่อยให้ เจ้าปลาทุบหมอนั้นสักทีนะ ว่าแต่ชาสีส้มนี่ไม่เคยเห็นรสชาติมันเป็นยังไง” เมลเลกกำลังจะคว้าเหยือกชาที่อยู่บนโต๊ะ แต่โดนเพราตัดหน้าคว้าเอาไว้ก่อน
“เป็นผู้ดีสะเปล่า ขโมยของคนอื่นกิน”
“ฉันแค่อยากรู้ว่ามันคือชาอะไร เจ้าปลางับหัวนายแมวดำเดี๋ยวนี่”
“ฮาวาร์ติ ข้าชื่อฮาวาร์ติ!”
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ ผมขอ”
ชูโรสมองทั้งคนแล้วอมยิ้ม “นี่ถ้าพวกเธอสี่คนเป็นพ่อครัววังหลวง วังพังแน่”
…
บนชั้นสามของสำนักงานซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของผู้เข้าร่วมสอบพ่อครัววังหลวง ได้มีห้องๆ หนึ่งกำลังยืนมองรถบ้านของเพรา เป็นกลุ่มชายหญิงสองคน
“เมลเลก เฟรุนเธ ลูกสาวลำดับที่ 5 ของคุณเอมโป เฟรุนเธ ยัยน่าจะเป็นก้างชิ้นใหญ่ของเราแน่เลย”
ชายอีกคนพยักหน้าแล้วเสริม “ไม่ใช่แค่ลูกสาวหรอกนะ เพรา รุนเฮิร์บ ทางฝ่ายข้อมูลแจ้งมาว่าหมอนั้นนอกจากเป็นลูกศิษย์พัมพี แถมเป็นลูกชายอดีตพ่อครัววังหลวงอีกด้วย”
“หมายถึงคนที่ตัวเตี้ยที่สุดอะนะ ประวัติดูดีแต่น้องแกไม่ใช่เทสชั้นสิ ต้องเป็นพวกอมนุษย์แบบพ่อตัวโตไม่ก็เจ้ามนุษย์เงือกคนนั้น เนื้อแน่นชวนน่ากินมากค่ะ” หญิงสาวพูดพลางเลียริมฝีปาก
ชายคนนั้นหันมามองด้วยความไม่พอใจ “เรามาทำงานนะ หน้าที่ของเราสร้างชื่อให้กับ เมล็ดอุดมสมบูรณ์”
“ค่า” หญิงสาวทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ
[เกร็ดความรู้หลังครัว]
ตอนนี้ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำอาหาร เพราะตอนนี้ไม่มีใครทำอาหารแบบจริงจังสักคน แต่รอบนี้จะมาตั้งคำถามเฉยๆ ว่า เพื่อนๆ พอเดาได้ไหมว่า แซนด์วิชสไตล์ร้าน subway ที่นอททัมเป็นคนสั่งชิ้นไหนเป็นของใครบ้าง ของนอททัมกับเพรา น่าจะเดาได้ แต่ชูโรสกับฮาวนี่น่าจะยากอยู่