พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
สำหรับว่าที่ผู้เข้าชิงตำแหน่งพ่อครัววังหลวงคนต่อไป ช่วงเวลาว่างหนึ่งวันถือว่าเป็นเวลาทองคำของหลายคน ไม่ว่าจะ ฝึกวิชาเพิ่มเติม ศึกษาหาความรู้วัตถุดิบ ดื่มด่ำไปกับอาหารจากถิ่นอื่นเพื่อเสริมประสบการณ์ และรวมไปถึงการได้พักผ่อน ไม่เว้นแต่พ่อครัววังหลวงคนปัจจุบันอย่าง พัมพี เขาแอบหนีการประชุมมานอนนวดผ่อนคลายในร้านลับของเมือง ร้านที่ตอนรับแต่ผู้มีอิทธิผลของดินแดนแห่งนี้
ตัวของพ่อครัวหนุ่มนั้นนอนคว่ำลงบนเตียงนวด เสียงของน้ำตกไหล ความรู้สึกอบอุ่นจากหินร้อนที่กลางหลัง กลิ่นเทียนหอมจากไม้หายาก ทุกอย่างกำลังผสมลงตัวของความผ่อนคลายทำให้พ่อครัวคนนี้รู้สึกดี พัมพีดีใจที่ตัวเขาคิดถูกที่ไม่ต้องไปนั่งประชุมในห้องอากาศหนาวแบบนั้น นอกจากความเย็นเข้ากระดูกยังมีแต่เรื่องน่าเบื่อของพวกพ่อครัวแต่ละฤดู ทั้งพวกจริงจังกับงานจนเกินไปอย่างทีมฤดูร้อน พวกทำตัวนั่งคิดแต่ที่จริงไม่ได้คิดอะไรเลยอย่างทีมฤดูใบไม้ผลิ พวกถามคำตอบคำแบบทีมฤดูหนาว ที่จริงคนที่ทำให้ตัวเขาไม่อยากเข้าประชุมที่สุดน่าจะเป็น รองหัวหน้าของเขาอย่าง ชิม่อน ผู้ที่ไม่เคยเห็นดีเห็นงามอะไรกับตัวเขาจนหลายครั้งพัมพีนึกคิดว่าเขาทำถูกใช่ไหมที่ให้ชิม่อนมาเป็นรองหัวหน้า
การนวดผ่อนคลายกำลังจะหายไป ความสามารถดมกลิ่นดีเลิศประหนึ่งพวกเผ่าโคโบลด์ของพัมพี รับรู้ได้ว่ากลิ่นของพนักงานได้หายไป กลายเป็นกลิ่นของคนที่คุ้นเคยหนึ่ง สอง สาม... สามคนกำลังยืนรอบตัวเขา จะเป็นพนักงานคนอื่นก็ไม่ใช่เพราะกลิ่นพนักงานร้านสปาจะมีกลิ่นคล้ายๆกัน จะเป็นลูกค้าท่านอื่นก็ไม่ใช่เพราะเขาจองเป็นห้องส่วนตัว แสดงว่ากลิ่นนี้คือคนคุ้นเคยแน่นนอน
พัมพีกำลังจะลุกขึ้นเตรียมหนีทั้งสามคน แต่ร่างกายของเขาขยับไม่ได้ แขน ขา ลำตัว และต้นคอกำลังถูกผ้าพันไว้ไม่ให้ร่างกายขยับไปไหนได้
“เอาละ วันนี้เรามาประชุมนอกสถานที่กันดีกว่า เป็นการประชุมระหว่างทีมฤดูร้อนและใบไม้ร่วง” เจ้าของเสียงนั้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เสียงของการลากเก้าอี้มานั่งข้างตัวพัมพี ทำให้เดาได้เลยว่าเป็น ชิม่อน “ขอวางเท้าหน่อยนะ!” ชิม่อนลงน้ำหนักเท้าไปยังกลางหลัง หัวหน้าพัมพี และยังเป็นจุดที่หินร้อนวางอยู่พอดี
“เฮือก!”
“เรื่องที่พวกจะประชุม ไม่ใช่เรื่องการสอบแข่งขัน แต่เรื่องของเด็กของนาย พัมพี” น้ำเสียงของเมล่อนยูไม่ต่างจากชิม่อน นายมนุษย์หางกระต่ายป่าใช้เล็บขูดแผ่นหลังผิวสีแทนมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ท้ายทอย “เด็กคนนั้นไม่ใช่แค่เด็กที่นายปั้นเพื่อมาต่อบัลลังก์พ่อครัวฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นใช่ไหม”
“พูดเรื่องอะไรเหรอก๊าบ น้องเพราแค่เด็กที่ป๋มไปเจอตอนแอบเที่ยวเล่นเองก๊าบ” พัมพีทำน้ำเสียงเย้ายวนกวนประสาท ยิ่งทำให้ชิม่อนโมโหมากขึ้นแถมยิ่งมีเรื่องการไปเที่ยวเล่นอีก ยิ่งทำให้เขาลงน้ำหนักกระแทกเท้าใส่หินให้แรงขึ้น “เฮือก!”
“ถ้ามานั่งเล่นลิ้นกับแบบนี้ผมว่าเสียเวลา ผมจะไม่อ้อมค้อมนะครับ คุณรู้จักคนที่ชื่อชูโรสไหมครับ” มานึลเข้าประเด็นเรื่องทั้งหมด คำถามนี้เป็นคำถามที่พัมพีเองไม่รู้ต้องใช้ลูกเล่นในการตอบเลย เพราะตอนนี้เจ้ากระต่ายป่าได้ทำการลงคำสาป ‘สัจจะต่อวาจา’ คำสาประดับเบาผู้ที่ได้รับคำสาปจะไม่สามารถโกหกได้ ในช่วงที่เมล่อนใช้เล็บขูดกลางหลังพัมพีนั้นไม่แค่ขูดเล่นแต่เป็นทำพิธีคำสาปนั้นเอง “ไม่ตอบผมถือว่ารู้จักนะครับ แล้วรู้จักเจ้าหน้าที่โมลา จากหน่วยบัญชาการตรวจสอบไหมครับ”
“มะ ไม่รู้จัก”
“ความสัมพันธ์แบบเส้นตรงเป็นไปตามที่คิด เรื่องมีอยู่ว่าทั้งสองคนนั้นกำลังตามสืบเรื่องของคนคนหนึ่งอยู่ คุณพัมพีคงทราบใช่ไหมว่าคนนั้นคือใคร”
“น่าจะทราบ”
“เพรา รุนเฮิร์บ เป็นอะไรกับคนนั้น”
“แม่ลูกกัน”
คำตอบของพัมพีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถโกหกได้นั้นทำให้ทั้งสามคนคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน เลม่อนยูได้หันกลับมาดูอาคมของเขาว่าเสื่อมหรือเปล่า มานึลเขากำลังจดการให้ปากคำของพัมพีจนต้องหยุดจดเพราะทำหัวปากกาแตก ชิม่อนนั่งวางเท้าบนหลังพัมพีถึงกลับหน้าคว่ำ ทำให้พันธนาการมัดตัวพ่อครัวได้คายออก
“ไอ้พัมพี แกรู้ไหมตัวเองกำลังเล่นกับอะไร...”
พัมพันิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เขารบกวนให้เมล่อนยูหยิบหินร้อนที่หลังกับอาคมคำสาปออกไปจากหลังเขา พัมพีลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองดูสีหน้าของพ่อครัวทั้งสามเมื่อได้รู้ความจริง “รู้สิเพราะเราเป็นคนวางเกมกระดานนี้เอง มานึลขอผ้าขนหนูหน่อยสิ มันอยู่ข้างหลังนาย ถึงจะมั่นใจแต่ไม่อยากให้มันชี้หน้าชิม่อนนาน” พัมพีหวักมือขอผ้าขนหนูสีขาวจากมานึล มานึลพึ่งรู้ตัวว่าพัมพีนั้นตัวเปล่า เขาถึงกับเสียอาการหลบสายตาพัมพีแต่ยังดีที่ถึงผ้าขนหนูให้
เมล่อนยูมองแผ่นหลังสีแทนด้วยอารมณ์วิตกกังวล “เรื่องนี้มีคนรู้แค่ ฉัน ชิม่อน มานึล นาย เพราและแม่ของเพราใช่ไหม” พัมพีบิดขี้เกียจหันมายิ้มให้กับคุณกระต่ายด้วยรอยยิ้มของหมาป่า
“ผิด เกมกระดานนี้มีแต่พวกเราคนวางกระดานเท่านั้นที่รู้ ถ้าเด็กคนนั้นรู้มันคงไม่สนุก ส่วนพวกนายควรอยู่ในฐานะผู้ชมพอแล้ว อุ๊บพูดมากไปไหมเนี่ย งั้นผมขอจบอารัมภบทไว้แค่นี้ ฝากจ่ายค่านวดด้วยนะ”
พัมพีก้มโค้งบอกลาเหมือนกับนักแสดงบนวิธี เขาร่ายเวทที่ชื่อว่า ‘นักแสดงไร้ตัวตน’ จากนั้นทั้งห้องสปากลายเป็นหมอกสีขาวบดบังวิสัยทัศน์ของทั้งสามคน หมอกนั้นไม่ได้กระจายตัวแค่ในห้องนี้แต่หมอกนั้นฟุ้งกระจายไปทั่วร้านสปาทำให้ลูกค้าและเหล่าพนักงานเข้าใจผิดว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ ชิม่อนที่จะไล่ตามพัมพีก็ต้องหยุดความคิดนั้นเพราะทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนกำลังหนีหมอกสีขาว
พัมพียืนมองความวุ่นวายจากฝีมือของเขาอยู่บนหลังคาร้านสปา เหมือนว่าตัวเขานั้นจะปล่อยหมอกเยอะเกินไปจนทำให้คนอื่นนั้นเดือดร้อน เขาภาวนาให้เจ้าของร้านไม่สั่งห้ามไม่ให้ใช้บริการอีก เพราะเขาติดใจวางหินร้อนของร้านสปานี้มาก พ่อครัวหนุ่มกระโดดลงจากหนังคา มาสู่พื้นราวกับเขามีปีกร่อนลงมา
“ไปเยี่ยมหมากตัวสำคัญหน่อยดีกว่า”
...
ณ รถบ้านแสนสุข เหล่าพ่อครัวทั้งสี่นั้นกำลังมีความสุขกับการได้ไปท่องเที่ยวป่าในครั้งนี้ นอกจากได้หมึกตัวใหญ่กลับมาทำเป็นมื้อเย็น พวกเพรายังได้ล้างตากับพวกสไลม์ผลไม้ทำให้ พวกเขาเป็นปลื้มที่ครั้งนี้ได้ผลไม้มาทานเล่นอีกด้วย ภายในห้องครัวของรถบ้านกำลังมีเหล่าผู้มีใจในการทำอาหารทั้งสี่คนยืนมองหนวดของหมึกต้นไม้สองเส้น ด้วยขนาดที่ใหญ่ของหมึกต้นไม้ทำให้ทั้งสี่คิดว่าถ้าเอามาทั้งตัวจะใส่รถไม่ได้ เขาพกวจึงติดสินใจให้ธรรมชาติกลืนกินเจ้าหมึกแทน
ดูเหมือนทั้งสี่ความคิดนั้นจะแตกต่างกัน ทางด้านฮาวนั้นอยากทำเป็นบุยยาเบส [1] ซุปจากทะเล ความหอมของกระดูกปลา มะเขือเทศจากสไลม์ผลไม้ ต้องเข้ากันได้ด้วยดีกับหมึกต้นไม้ เพราเห็นว่าฮาวน่าจะเผอคิดไปไกลเขาจึงหยุดความคิดนั้นไว้ด้วยประโยคว่า
[1] บุยยาเบส ซุปปลาสไตล์ฝรั่งเศส เกิดจากการที่ชาวประมงรวมพวกกุ้งหอยต่างๆ ที่ขายไม่ได้มาทำอาหาร
“หมึกต้นไม้เป็นสัตว์บก จะทำเป็นอาหารทะเลทำไม”
“หมึกต้องเป็นอาหารทะเลสิ ข้าล่ามันตั้งแต่เด็ก พวกเจ้าไม่เคยเห็นหมึกว่ายน้ำเหรอ?”
เพรากอดอกเริ่มแสดงอาหารไม่พอใจกับความดื้อรั้นของเจ้าปลา เขายืนยันคำเดิมว่าหมึกต้นไม้เป็นสัตว์บกเพราะว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่า ป่าเป็นพื้นดิน ฉะนั้นหมึกต้นไม้เป็นสัตว์บก แต่ตัวของฮาวนั้นไม่ยอมแพ้เพราะเขาเชื่อมาตั้งแต่เด็กสิ่งมีชีวิตมีหนวดแบบนั้นต้องเป็นหมึก และหมึกว่ายน้ำได้ ส่วนหมึกต้นไม้คงต้องเป็นหมึกในทะเลที่เดินทางมาอาศัยในป่าแน่นอน การโต้เถียงกันของทั้งสองสร้างความสับสนให้กับนอททัมมาก ชายร่างใหญ่ขอร้องเมลเลกให้ช่วยพูดอะไรหยุดทั้งสองคน
“หมึกต้นไม้ จะเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำ ฉันไม่รู้หรอกนะ ฉันไม่ใช่นักสัตวศาสตร์” เมลเลกเริ่มรู้สึกเบื่อ ที่ทุกวันต้องมานั่งดูเจ้าแมวดำกับปลาสองขายืนเถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง “นายไม่ต้องไปยกเจ้าเพราเหรอ เผื่อสองคนนั้นตีกัน”
“ผมว่ารอบนี้น้องเพราน่าจะไม่มีเรื่องชกต่อยหรอกครับ ถ้าพวกเรารอสองคนเพื่อสรุปว่าหมึกเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำ ผมว่าคืนนี้ก็ไม่จบ”
“งั้นพวกเรามาทำกันดีกว่า ฉันอยากกินโอโคโนมิยากิ”
“คุณเมลเลกนำเลยครับ ผมช่วยเอง”
ทั้งสองคนไม่รอให้ความวุ่นวายของสองหนุ่มจบไป พวกเขาเริ่มทำอาหารในส่วนของพวกเองก่อน นั้นคือโอโคโนมิยากิ เมนูอาหารจากเมืองตะวันออก เป็นอาหารทานง่ายในรูปแบบของแพนเค้กส่วนประกอบหลักประกอบด้วยแป้ง ไข่ น้ำ และส่วนผสมหลายอย่างตามความต้องการของผู้ทำ เมลเลกเริ่มจากใช้หม้อขนาดใหญ่เติมน้ำให้เต็มเพื่อต้มหมึกเป็นอันดับแรก เธอตัดหนวดหมึกเป็นชิ้นเท่ากำปั้นด้วยด้ายของเธอ จากนั้นใส่หนวดทั้งหมดที่ตัดเสร็จลงไปต้ม
นอททัมปรึกษากับเมลเลกว่าถ้าเรารอให้น้ำเดือดต้องใช้เวลานานแน่ เพราะหม้อขนาดใหญ่และเนื้อของหมึกชิ้นใหญ่ เมลเลกจึงคิดไอเดียหนึ่งออก เธอจูงมือเพราให้สัมผัสกับหม้อเพื่อเป็นตัวเร่งให้น้ำเดือดเร็วขึ้นแถมยังได้คนเฝ้าหม้อด้วย แม่ครัวสาวเริ่มขั้นตอนต่อไป คือการเตรียมส่วนผสมหลักของโอโคโนมิยากิ ได้แก่ แป้งเค้ก ไข่ กะหล่ำปลีซอย และขิงสับ เมลเลกปล่อยให้นอททัมในเตรียมแป้งไปคนเดียว ส่วนเธอจะไปดูว่าหมึกของเธอนั้นเป็นอย่างบ้าง
“ข้าว่ายังไงหมึกทุกชนิดก็ต้องเป็นปลาในทะเล”
“เริ่มไปไกลแล้วนะ อีกอย่างหมึกไม่ใช่ปลา”
ทั้งสองพ่อครัวหนุ่มยังไม่เลิกเถียงเรื่องของหมึกต้นไม้ พยายามจะแทรกตัว เพื่อมาเปิดหม้อดูหมึกที่ต้มไว้สักพักแต่โดนเพราตีมือกลับ บอกว่าอย่าพึ่งเปิดอีกสามนาทีหมึกถึงจะสุกกำลังพอดี ส่วนถึงปากของฮาวนั้นจะเถียงกับเพราไม่เลิก แต่มือของเขานั้นได้หยิบมีดกับเขียงสีน้ำตาลออกมา พร้อมกับลับมีดเตรียมหั่นหมึก
“เห็นพวกเจ้าทำเจ้าอะโคมิมิขากิ ข้าอยากกินอาหารที่คล้ายๆกันที่มันเป็นทรงกลมเจ้าพอจะรู้จักไหม”
“ช่วยเรียกอาหารให้มันถูกได้ไหม นายหมายถึงทาโกะยากิ ใช่ไหม แต่เราไม่มีเตาทรงนั้นสิ”
“ใครว่าไม่มี” เพราเดินยังตู้เก็บอุปกรณ์ทำอาหาร เพรานั้นสะสมอุปกรณ์สำหรับทำอาหารมากมายบางอย่างซื้อมาใช้ได้ครั้งเดียว บางอย่างเป็นคนที่แม่ของเพราหามาตั้งนานแล้วนั้นคือ ‘เตาขนมครก’ แผ่นเหล็กแบนกลมมีหลุมสำหรับทำอาหารอยู่หลายหลุม “แต่เป็นเตาทำขนมนะ น่าจะพอใช้แทนได้”
เมลเลกแปลกใจและคาดไม่ถึงว่าเพรานั้นจะมีเตาขนมครก เพราเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนแม่ของเขาชอบทำขนมครกให้กิน เป็นขนมที่แปลกเพราะจะมีเครื่องมือเฉพาะทางให้กับขนมชนิดนี้ ตั้งแต่ที่แม่ของเพรานั้นไม่อยู่เขาก็ไม่เคยจับ เตาขนมครก อีกเลยจนคิดว่าน่าจะไม่ได้ใช้อีก ยังดีที่ฮาวนั้นนึกถึงทาโกะยากิทำให้เพรานึกออกว่าตัวเองได้เอาเตาขนมครกมาด้วย แม่ครัวสาวยิ่งฟังเรื่องราว เธอเริ่มติดใจกับที่มาที่ไปแม่ของเพรา
“ข้าหั่นเต๋าหมึกให้เรียบร้อยแล้วนะ เราแบ่งครึ่งพวกเจ้าทำ แพนเค้ก ส่วนพวกข้าทำแป้งกลม” ระหว่างที่เพรากับเมลเลกคุยเรื่องที่ไปที่มาของเตาขนมครก ฮาววาร์ติได้ทำการหันหมึกต้นไม้เป็นชิ้นสวยงามเสร็จแล้ว
เมลเลกรับถ้วยหมึกมา เธอผสมเนื้อหมึกเข้ากับแป้งที่นอททัมเตรียมเอาไว้แล้ว ระหว่างผสมนอททัมเดินไปเตรียมกระทะให้ร้อน เมลเลกถือชามผสมอาหารแล้วตักแป้งผสมลงกระทะ กลิ่นหอมของแป้งผสมกับกลิ่นขิงอ่อนๆ กำลังทำให้นอททัมเคลิ้ม เมื่อแป้งเริ่มสุดได้ที่นอททัมค่อยๆใช้ตะหริวพลิกกลับอีกด้านหนึ่งให้ความร้อนทำให้แป้งสุกทั่วชิ้น เมลเลกชมนอททัมเพราะน้อยคนจะพลิกโอโคโนมิยากิแล้วไม่ขาด
ส่วนสองชายหนุ่มพวกเขาได้เริ่มทำทาโกะยากิไปได้ครึ่งทางแล้ว เพราเทแป้งใส่ถาดขนมครกจนเต็ม ตอนแรกเพราจะเป็นคนขึ้นทรงลูกทาโกะยากิให้ก่อน แต่ฮาวบอกว่าเขาเคยเห็นตามร้านอาหาร เขาจะทำเอง พอแป้งด้านล่างเริ่มสุกกำลังดี เพราเริ่มหยดเนื้อหมึกให้เป็นไส้ของทาโกะยากิ จากนั้นฮาวใช้ตะเกียบเริ่มม้วนทาโกะยากิให้เป็นรูปเป็นร่างแต่เหมือนจะรูปทรงตามมีตามเกิด บางลูกแตกเป็นชิ้น บางลูกเป็นรูปพระจันทร์แหว่ง แต่ยังดีที่มีลูกสวยๆกับเขา
“เสร็จแล้ว แพนเค้กกะหล่ำไว้หมึกและแป้งกลมไส้หมึก ข้าทำออกมาได้ดีมากเลยใช่ไหม” เมลเลกมองดูลูกทาโกะยากิวางเรียงกันลูกด้านบนนั่งสวยงามแต่ลูกด้านล่างนั้น “ลูกด้านล่างพวกนายทำทรงเป็นสไลม์เหรอ ไม่มีความกลมสักนิด”
“เอาน่าๆ พวกเราไม่ได้เอาเจ้าพวกนี้ไปแข่งสักหน่อย กินๆกันเหอะ” ฮาวรีบตัดบท ตักโอโคโนมิยากิกำลังจะกิน...
“พวกนายลืมฉันใช่ไหม!” ชูโรสเปิดประตูเดินเข้ามาแบบคนโมโหหิว คว้าแขนของฮาวแล้วกินโอโคโนมิยากิไปต่อหน้าต่อตาฮาว “โอ้ย ร้อนๆ ฉันอุสาไปรับแขกมานะ”
ชายที่เดินตามหลังของชูโรสมานั้นเป็นคนที่ทั้งสี่คนรู้จักดีชายผู้กดคะแนนรอบที่แล้ว ‘พัมพี’ พ่อครัววังหลวงทักทายทั้งสี่คนอย่างเป็นกันเอง ปฏิกิริยาของทั้งสี่นั้นเหมือนไม่ได้เจอคนเดียวกันเพราะ นอททัมพอเห็นหน้าของพัมพีเขาถึงกับหวาดกลัวทำตัวไม่ถูกไม่อยากให้เขามาชิมอาหารของนอททัม ผิดต่างไปจากฮาวที่ดีใจจนเนื้อเต้นชายที่กดคะแนนคนอื่นได้กลับให้คะแนนพวกเขาเยอะที่สุดกำลังจะมาชิมอาหารของฮาวรู้สึกปลื้มใจ เมลเลกถอนหายใจทันทีที่ได้เห็นหน้าอันยียวนเพราะเหมือนตัวเองจะต้องเห็นเพราสองคนตอนเวลากินข้าว ส่วนลูกศิษย์แสนรักอย่างเพรามองแล้วได้ถามในใจว่ามาทำไม
“ทำไมพวกแกสี่คนทำหน้าไม่เหมือนกันเลย ช่วยรู้สึกไปทิศทางเดียวกันได้ไหม พี่ชายคนนี้ทำตัวไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มพูดอะไรต่อ ทำอาหารกินกันเหรอกินด้วยสิ” พัมพีไม่รอให้ใครเชิญเขาหยิบส้อมที่วางอยู่จิ้มไปยังทาโกะยากิทันที “ร้อนๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้น พวกแกเอาขี้มูกป้ายอาหารกันเหรอ กินสิ”
ช่วงเวลาทานข้าวเย็นสุดแปลก เพรามองรอบตัวอื่นบรรยากาศที่แปลกไปไม่เหมือนเมื่อก่อนสมัยเขาอยู่บ้านเกิด ที่นั่งกินข้าวกันสามคน เกียรัน ชูร์ และเพรา ถึงจะเป็นครอบครัวแอบอุ่นที่ทุกครั้งทั้งสามทานข้าวพวกเขาจะรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ตอนนี้เหมือนเพราได้เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป ความวุ่นวาย ความแตกต่างของ นอททัม เมลเลก ฮาวาร์ติ พัมพี และชูโรสทำให้ความรู้สึกที่เคยขาดหายไปเริ่มเติมเต็ม
มื้ออาหารแสนวุ่นวายได้จบลง เหล่าพ่อครัวแม่ครัวเริ่มทำความสะอาดห้องครัวยกเว้น เพรา พ่อครัวตัวน้อยนั้นโดนอาจารย์ของตัวเองลากไปเดินเล่นหลังอาหารกันสองคน เสียงของพระอาทิตย์กำลังตกดิน ผู้คนที่กำลังจะกลับบ้านทำให้นึกถึงบ้านเกิดของเพรา
“เลือกคบเพื่อนใช้ได้นิ ไอ้เด็กน้อย” พัมพีขยี้ผมของเพราด้วยหมั่นไส้ “ดูแกจะมีความสุขกว่าเมื่อก่อนนะ”
“ปกติมีความสุขตลอด จนกระทั่งมีแขกไม่ได้รับเชิญแย่งกินข้าว”
“ให้มันน้อยๆหน่อย คนดังอย่างนายพัมพีผู้นี้มานั่งทานข้าวด้วยถือว่าเป็นบุญของพวกแกรู้ไหม”
“เหรอ ไม่เห็นจะรู้สึก เข้าเรื่องได้แล้ว”
“มาหาเพราะคิดถึงไม่ได้เหรอ ไม่คิดดีใจเลยเจอหน้าอาจารย์ตัวเองเนี่ย”
เพรามองหน้าแล้วถอนหายใจ “ไม่มีธุระ งั้นขอตัวไปทำความสะอาดครัวก่อน ไม่รู้สามคนนั้นทำสะอาดหรือเปล่า” พ่อครัวตัวน้อยเดินหลังกลับ
“อ้าว ว่าชวนไปกินเค้กสตอเบอรี่ของโปรดของแมวบางตัวแถวนี่สะหน่อย” พัมพีพูดถึงคำว่าสตอเบอรี่ เพราก็หันกลับมาทันที “แปลว่าไปใช่ไหม”
“เออนี่ถามไรหน่อยสิ หมึกต้นไม้ นับว่าเป็นอาหารทะเลไหม”
“ห้ะ?!”
[คุยหลังครัว]
มีสาระน่ากินเกี่ยวกับ โอโคโนมิยากิ มาแชร์ให้ฟังตอนที่หาข้อมูลอาหารญี่ปุ่น โอโคโนมิยากิ หรือที่เราชอบเรียกกันว่า พิซซ่าญี่ปุ่น มีความหมายด้วยนะชื่ออาหาร คำว่า โอโคโนมิยากิ มาจากคำว่า โอโคโนมิ ที่แปลว่าตามใจชอบ และ ยากิ ที่แปลว่าย่างหรือปิ้ง โอโคโนมิยากิจึงหมายถึงอาหารที่ใส่ส่วนผสมตามใจชอบและนำมาย่าง
ตอนที่กำลังนั่งดูเทียบสูตรโอโคโนมิยากิได้ละเจ้าแต่ละแหล่งจะมีสูตรแตกต่างกันจึงเข้าใจเลย ตอนรู้จักความหมายของชื่อ และที่ไปเจอมาแล้วชอบมาก คือการกินแป้งในแป้ง แบบฮิโรชิมะยากิ เขาใส่เส้นยากิโซบะไปด้วยอันนี้อยากกินมาก แป้งในแป้ง