พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
เพรา, นอททัม และมอนสเตอร์เคลพีต่างกำลังจับตาดูซึ่งกันและกัน ไม่มีฝ่ายไหนกล้าที่จะบุกโจมตีก่อน ซึ่งเป็นปกติของมอนสเตอร์ตามธรรมชาติที่เมื่อพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าหรือใกล้เคียงกันจะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ทั้งส่วนสูงของนอททัมที่เกินเคลพีและกระทะของเพราที่พวกมอนสเตอร์คิดว่าเป็นแขนขาของเพรายิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตอันดุร้ายตนนี้ต้องระวังตัวมากขึ้น
ในทางเดียวกันเพรากับนอททัม ค่อนข้างจะระวังตัวมากเหมือนกัน เพราะด้วยฟันอันแหลมคมสามารถกระชากเนื้อของทั้งสองขาดได้ภายในการจู่โจมครั้งเดียว และด้วยอาวุธของทั้งสองเป็นประเภทกระแทก ไม่ใช่จำพวกของแหลมคมที่จะเฉือนเนื้อของเคลพีจริงทำให้พวกเขาต้องระวังตัว
“น้องเพรา พวกเราต้องดูเชิงแบบนี้อีกนานไหม พี่เริ่มเมื่อย” นอททัมกระซิบเสียงเบาเพราะกลัวว่าเคลพีจะรู้ว่าเขาเริ่มรู้สึกประมาท
“ผมก็รู้สึกเหมือนกัน ตั้งใจจะรอให้ ฮาว มันขึ้นมาปาดคอจากในน้ำ แต่มันยังไม่เลิกหาปลาสักที” เพรามองไปรอบห้องสมุดเพื่อจะคิดหาวิธีต่อสู้ “คงต้องเป็นเราสองคนแล้วที่ลงมือเอง พี่นอททัมสนับสนุน ผมจะเป็นแนวหน้าเอง ลุย!”
ทั้งสองคนกระโดดแยกออกจากกันเพื่อสร้างความสับสน นอททัมทุบชั้นหนังสือที่ทำมาจากหินอ่อนเพื่อสร้างกระสุนหินปาใส่เคลพี มอนสเตอร์ดุร้ายส่งเสียงร้องดังก้องห้องสมุดเพื่อเป็นสัญญาณของการโจมตี มันพุ่งเข้าหานอททัม เพราเห็นช่องโหว่ จึงใช้กระทะตักน้ำขึ้นมาสาดไปที่เคลพีด้วยความสามารถการควบคุมความร้อนของเพรา จากน้ำที่เย็นสบายได้กลายเป็นน้ำต้มเดือดภายในเวลาไม่กี่วินาที เคลพีรับรู้ถึงความแสบร้อนจึงเสียจังหวะล้มลงต่อหน้านอททัม
เหมือนจังหวะทุกอย่างจะเป็นใจ นอททัมใช้โอกาสนี้พยายามจะศอกของเขากระแทกเพื่อหักขาหน้าของเคลพี แต่เขาประมาทเกินไป เจ้าเคลพีใช้แรงถีบของมันเองสวนไปที่ท้องของนอททัม พ่อครัวร่างใหญ่โดนกระแทกอยากรุนแรงจนทำให้ เขากระอักเลือดออกมา แรงถีบของมอนสเตอร์ส่งตัวนอททัมกระเด็นไปอีกมุมหนึ่งของห้องสมุด ตู้หนังสือพังทลายหนังสือหลายเล่มตกใส่ชายร่างใหญ่
“ขอโทษ...น้องเพรา...พี่ประมาท…แค่กๆ” นอททัมพูดอย่างยากลำบาก เขาพยายามลุกขึ้นและใช้มือประคองบริเวณช่วงท้อง
“พี่นอททัม นั่งพักก่อนเดี๋ยวจัดการเอง”
เคลพีอาศัยจังหวะที่เพราหันไปมองนอททัม ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลเพราะน้ำร้อนนั้นรุนแรงทำให้การเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์เริ่มช้าลง เพราจับจังหวะที่เคลพีระวังตัวมากขึ้นจากการสาดน้ำร้อน ใช้ก้นกระทะทุบพื้นน้ำให้กระจายทั่วห้อง เคลพีที่หวาดกลัวน้ำร้อนพยายามหลบน้ำร้อนทั้งหมด แต่นั่นเป็นเพียงกลลวงของพ่อครัวหนุ่ม ด้วยระยะเวลาเสี้ยววินาทีไม่สามารถทำให้น้ำเย็นเปลี่ยนเป็นน้ำร้อนทันได้ เคลพีที่สนใจแต่น้ำสาด และไม่ได้สังเกตว่าในหมู่มวลของน้ำได้มีพ่อครัวมือกระทะแฝงตัวอยู่ด้วย
เคลพีมองหาตัวเพราไม่เจอเพราะตอนนี้เขาอยู่บนหลังของเคลพีและใช้กระทะรัดคอเจ้าสัตว์ร้าย ตัวมันหวาดกลัวกับความร้อนที่ส่งออกมา เคลพีพยายามดีดตัวสะบัดเพราให้หลุดจากหลังของมัน เคลพียิ่งหวาดกลัวมากขึ้นมันกระแทกหลังตัวเองกับชั้นหนังสือทำให้เพราที่อยู่ด้านหลังโดนกระแทกไปด้วยแต่เขาไม่ยอมแพ้ถ้ามาแพ้ตอนนี้เขาจะเป็นพ่อครัววังหลวงแต่อย่างร คือความในใจของพ่อครัวคนนี้ ด้วยแรงของเพราอาจจะไม่พอที่จะรัดคอของเคลพีลงได้ เขาจึงเร่งความร้อนในร่างกายให้สูงขึ้น ผิวหนังของเพราพอประกบกับผิวเคลพีทำให้ผิวของมันเป็นรอยไหม้ เคลพีเริ่มหายใจหอบ แรงเริ่มตก มันพยายามจะกระโดดลงไปยังหลุมน้ำที่เชื่อมกับห้องสมุดด้านล่างแต่ไม่ทันการณ์ สติของเจ้าเคลพีได้หายไปก่อนที่ตัวมันจะจมลงสู่ห้องสมุดชั้นล่าง แต่เป็นเพราที่เหนื่อยล้าจากการต่อสู้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจมลึกลงไปสู่ห้องสมุดชั้นสอง เขาพยายามดิ้นรนเพื่อกลับขึ้นมา แต่แรงของเขาหมดลงแล้ว หวังว่าเพื่อนของเขาจะมาช่วยทันเวลานี้
‘หายใจไม่ออก ไม่มีแรงแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย พี่ชูร์ ลุงเกียรัน คุณแม่...’
ในน้ำเพราไม่สามารถส่งเสียงหรือขอความช่วยเหลือใครได้ ร่างกายของเขาไม่มีแรงเหลือให้ตะเกียกตะกายว่ายขึ้นไป แถมยังมีกระทะคู่ใจของเขาที่กำลังถ่วงตัว สติของกำลังเลือนราง ภาพที่เห็นตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเป็นภาพความทรงจำในวัยเด็ก
‘ลุงขอโทษด้วยนะ’ ภาพตรงหน้าของเพราเป็นลุงเกียรันกำลังถือกระดิ่งที่มีลวดลายพระอาทิตย์ เขาสั่นกระดิ่งเป็นจังหวะเหมือนเพลงที่แม่ของเพราชอบร้องให้ฟัง
“เฮือก! แค่กๆ” เพราสำลักน้ำ เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าสองคนที่คุ้นเคยฮาวและนอททัม พ่อครัวตัวน้อยได้ถูกอุ้มมานอนบนตู้หนังสือเก่า เพื่อทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพให้กับเพรา
“คุณฮาว น้องเพราพื้นแล้ว” นอททัมพูดด้วยเสียงโล่งอก
“เออสิ แค่จมน้ำเจ้าเพรา ไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น เห๊ย ลุกได้แล้ว เจ้านอททัมมันเป็นห่วงรู้ไหม” ฮาวตบหน้าเพราเบาๆ เพื่อเป็นกระตุ้นสติของพ่อครัวตัวน้อย
เพรารู้สึกหน้าชาเล็กน้อย เขามองฮาวด้วยสายตางุนงงและรู้สึกขอบคุณกับนอททัม “แค่กๆ ขอบคุณพี่นอททัมนะที่ช่วยผม” เพราพูดเสียงแหบแห้ง แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณข้าสิ ทั้งช่วยเจ้าขึ้นมาจากน้ำ ปั๊มหัวใจก็เป็นข้า ใช้เวทน้ำดันน้ำออกจากร่างก็เป็นข้า ผายปอดก็ยังเป็นข้า ขอบคุณข้า!” เสียงของฮาวดังมากจนทั้งคู่ต้องใช้มืออุดหูเอาไว้ “อะ ข้าไปงมเอากระทะของเจ้ามาด้วย ของสำคัญไม่ใช่เหรออย่าทำหลุดมืออีกสิ”
เพรารับกระทะของเขามาด้วยมือสั่นๆ “ขอบใจ ว่าแต่ไปไหนมา รู้ไหมคนด้านบนเกือบตายแล้วนะ”
“คืองี้...”
ฮาวเริ่มเล่าเรื่องฝั่งของเขาที่ได้ไปเจอมา หลังจากเก็บปลาเว็บฟุตพอที่จะไปประกอบอาหาร แถมเห็นว่าทั้งสองคนกำลังเริ่มเก็บเว็บฟุตที่ ฮาวเริ่มคิดว่าแค่นี้อาจจะไม่พอสำหรับจานของหวาน จึงตั้งใจจะว่ายไปสำรวจห้องอื่นเพิ่มเติมแล้วทำให้เจอกับ ดอกบัวเงือกหวาน หรือคนบางพื้นที่จะเรียกว่า ดอกบัวถวายเนเรีย ดอกบัวกลีบสีฟ้าคราม มีเกสรสีเหลือง เป็นพืชน้ำที่มีรสชาติหวานมันเหมือนกินขนุน นิยมทานตั้งแต่กลีบ ฝักบัว จนถึงก้านบัว ฮาวดีใจเหมือนกับเขาได้สมบัติหายากของวิหารเนเรีย
ขณะที่ฮาวเล่า เขามีท่าทางตื่นเต้น มือไม้เคลื่อนไหวประกอบคำพูด พอยิ่งเข้าลึกมากขึ้นฮาวรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของสถานที่ ห้องบางห้องเหมือนจะเข้าไปได้แต่มีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่ ถึงฮาวจะเจอทางลงไปชั้นที่หนึ่งแต่เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ที่ควรเข้าไป ทำให้ว่ายกลับมาที่ห้องสมุดและได้เห็น เคลพีตัวใหญ่และเพรากำลังจมลงสู่พื้นห้อง ฮาวจึงรีบว่ายมารับตัวเพราขึ้นสู่ผิวน้ำ และเป็นอย่างที่ทุกคนอื่นอยู่ตอนนี้
“ส่วนเรื่องเคลพี เดี๋ยวข้าตัดแยกส่วนจากในน้ำเอง ถ้ามันอยู่ในน้ำมันง่ายสำหรับข้ามากกว่า ไปละ” และเหมือนเดิม เมื่อฮาวพูดจบก็ดำน้ำลงไปทำภารกิจทันที ไม่รอฟังคำตอบจากเพื่อนร่วมทีม
นอททัมมองดูเพราด้วยความเป็นห่วง “อย่าพึ่งลุกเลยนะครับ ดูสิรอยช้ำเลือดเต็มตัว”
เพราส่ายหน้า “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พี่มากกว่าโดนกระแทกแบบนั้นน่าจะควรพักกว่าอีก”
“สบายมาก คนหนังหนาแบบพี่ ฝืนตัวไวจะตาย โอ๊ย” นอททัมยิ้มโชว์ให้เพราเห็นว่าร่างกายของเขาปกติดี แต่สักพักตัวเขารู้สึกเจ็บตรงท้องอีกครั้ง “ขอพักสามถึงสี่ชั่วโมงก็หายดีแล้ว”
“อย่าฝืนมากไปนะพี่” เพรามองนอททัมด้วยความห่วง
นอททัมยิ้มตอนรับความเป็นห่วงของเพรา ชายตัวใหญ่ยืนรอฮาวส่งเนื้อเคลพีให้เข้าเก็บใส่อุปกรณ์เก็บวัตถุดิบ เพราที่เริ่มประคองตัวเองได้แล้ว ช่วยทั้งสองคนเก็บวัตถุดิบอื่นๆ ทั้งเนื้อปลาเว็บฟุต และดอกบัวเงือกหวาน ทั้งสามเริ่มมองคอร์สอาหารของพวกเขาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แถมตอนนี้ผ่านไปแล้วห้าชั่วโมงหลังจากแยกทีมกับเมลเลกพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบที่หามานั้นเพียงพอต่อการทำอาหารในครั้งนี้
ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องสมุด แต่เพราสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงอยาหให้ นอททัมและฮาวรีบออกจากที่นี่ เพราะว่ากลัวเป็นเคลพีอีกตัวหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วเป็น แดม่อน ทิฟลิงหนุ่มที่เมลเลกได้เจอตอนอยู่ชั้นสี่ เขาใช้ความสามารถในการล่องหนเดินเข้าไปยังห้องสมุด แดม่อนพยายามถ่ายรูปหลากหลายจุดเหมือนเขาจะมีจุดประสงค์มากกว่าการถ่ายรูปเคลพี แถมในกลุ่มรูปภาพนั้นยังมีภาพถ่ายของทั้งสามคน
“มาช้าไป มาช้าไป ถ้าไม่น่าไปเล่นลิ้นกับแม่สาวผมม่วง คงถ่ายรูปเคลพีตอนที่ยังไม่ตายได้ไปแล้ว”
...
“น้องเพราใช้ด้ายปืนขึ้นไปไหวไหม ผมเจ็บแผลอุ้มน้องเพราไม่ไหวครับ” นอททัมถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเจ็บปวด
“ได้ๆ แต่ฝากกระทะด้วยนะ เจ้าปลา” เขาพูดพร้อมกับส่งกระทะให้ฮาว
เพรา ฮาว และนอททัม เดินทางมาถึงปากทางเข้าได้อย่างปลอดภัย ด้วยอาการบาดเจ็บของนอททัมทำให้ไม่สามารถส่งตัวเพราขึ้นไปเหมือนครั้งที่ลงมาได้ โชคยังดีที่เมลเลกถักด้ายของเธอเอาไว้เป็นเชือกสำหรับปืนขึ้นถึงจะเป็นคนเดียวที่ต้องใช้มันก็ตาม เพราะอีกทั้งสองสามารถกระโดดขึ้นมาชั้นสี่ได้อย่างง่าย
ทั้งสามขึ้นมาแต่พวกเขาไม่พบเมลเลกอยู่บริเวณนี้ ฮาวคาดว่าเธอยังได้สำรวจหาวัตถุดิบอยู่ชั้นห้า เขาจึงอาสาจะไปตามตัวเธอกลับมา ส่วนเพราจะไปทำแผลให้กับนอททัมที่รถ ฮาวาร์ติเดินไปเส้นด้ายที่ตกอยู่บนพื้น จากการเป็นเพื่อนกันได้สักพักทำให้ฮาวรู้ดีว่า เมลเลกเป็นคนค่อนข้างระวังตัว การใช้เส้นด้ายทำให้เธอจับการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัวได้แต่แปลกที่เส้นด้ายไม่ได้ทำการติดตั้งตามเสาหรือกำแพง แต่มีแค่อยู่บนพื้น ฮาวเดินตามเส้นด้ายจนมาพบกับหญิงสาวผมสีม่วงกำลังนอนอยู่บนพื้น
“เมลเลก เมลเลก ทำไมเจ้ามานอนอยู่ในที่แบบนี้ บาดเจ็บหรือเปล่า?” ฮาวสะกิดตัวของเมลเลก
“...” มีแต่เสียงหายใจที่ออกมาจากตัวของเธอ เหมือนเธอจะหลับสนิทไม่รับรู้อะไร
ฮาววังเกตเห็นเมล็ดวินลัทที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่บริเวณนั้น ทำให้ฮาวเดาว่าเมลเลกอาจจะโดนพิษของเมล็ดวินลัท ทำให้เธอหลับ “แม่สาวผู้ใช้ยาพิษกลับมาโดนยานอนหลับเองแบบนี้ ไม่เท่เลยนะ คงต้องอุ้มกลับไปแล้วสิ”
ฮาวสอดแขนของไประหว่างข้อพับหัวเข่ากับหลังของเมลเลกเหมือนกับท่าที่เจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวอยู่ ระหว่างทางที่อุ้มปากของฮาวก็บ่นไปเรื่อยตามนิสัยของเขาทำเหมือนกับว่าเมลเลกสามารถรับรู้สิ่งที่เขาเล่ามาได้
“...นายถ่ายรูปฉันได้ยังไง ว้าย!” เมลเลกตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เธอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตกใจกับใบหน้าของมนุษย์ปลาพันแหลมคม ทำให้ปฏิกิริยาการป้องกันตัวของเธอทำงานขึ้นมา นั้นคือการ ตบไปยังหน้าเกล็ดปลาของฮาว “ทำไมนายถึงมาอุ้มฉันได้!”
ฮาวถูกตบหน้าอย่างแรง หันมามองหน้าผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา “พวกมนุษย์มันเป็นอะไรกันหมด ขอบคุณสักคำก็ไม่มีแถมมาทำร้ายร่างกายอีก” ฮาวเริ่มบ่นอีกครั้ง เขาไม่ยอมปล่อยตัวเมลเลกลงถึงเธอจะดิ้นแค่ไหนก็ตาม “ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าลงจนกว่าจะได้ยินคำว่า ขอบคุณ จากปากเจ้า”
“แล้วเรื่องอะไรจะต้องมาขอบคุณ ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ”
“อ๋อเหรอ ฟังไว้นะ ข้าเจอเจ้านอนให้เมล็ดวินลัทฉีดยาสลบเล่น ข้าเลยหวังดีอุ้มเจ้ามา และข้าถูกเจ้าตบหน้า นอกจากพูดขอบคุณแล้วต้องคำขอโทษอีก พูดออกมา!” ฮาวยังคงยืนกรานคำพูดของเขา
“เพ้อเจ้อ ฉันเนี่ยนะจะโดดเมล็ดวินลัททำให้สลบ”
“ไม่ทราบเหมือนกัน พอดีไม่ได้อยู่ดูตอนเจ้าสลบสะด้วย ใครมันจะไปรู้!”
ฮาวไม่ยอมปล่อยจนกว่าเมลเลกนั้นจะพูดขอโทษและขอบคุณกับเขา เพราะฮาวแค้นสะสมตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยเพรา แล้วไม่ได้รับคำขอบคุณ ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร เมลเลกปากแข็งไม่ยอมพูดขอบคุณ ส่วนฮาวก็ยืนยันในคำพูดของเขา เสียงของทั้งคู่เถียงกันดังมากจน เพราต้องออกมาดูนึกว่าทั้งสองคนไปเจอมอนสเตอร์น่ากลัว เมื่อเป็นแบบนี้เพราเองไม่สามารถจะหยุดความวุ่นวายครั้งนี้ได้ จึงต้องอัญเชิญนักไกล่เกลี่ยมืออาชีพอย่างนอททัม มาหยุดทั้งคู่เอาไว้
เมื่อความวุ่นวายได้สงบลง ทั้งหมดได้มาสรุปวัตถุดิบที่ได้มาจากวิหารเนเรียครั้งนี้ ได้แก่ เมล็ดวินลัท เนื้อสไลม์ สาหร่ายน้ำจืด ปลาเว็บฟุต ไข่ปลาเว็บฟุตได้มาจากปลาเว็บฟุตตัวเมียที่ตั้งท้องอยู่ เนื้อเคลพี ดอกบัวเงือกหวาน และฝักบัวเงือกหวาน โดยเริ่มวางแผนจากจานหลัก นอททัมจะใช้เนื้อเคลพีเป็นหลัก เพราที่พอคิดเมนูออกแล้วว่าจะใช้วัตถุดิบเป็น ปลาเว็บฟุตกับไข่ของมัน ในเรื่องของหวานเมลเลกกับเพรา เห็นด้วยในความคิดฮาวว่าดอกบัวเงือกหวาน เหมาะมากสำหรับทำขนมแถมยังมีเนื้อสไลม์ที่สามารถทำขนมประเภทวุ้นได้ ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยของเมลเลกจะใช้ฝักบัวเงือกหวานกับเมล็ดวินลัทเป็นหลัก
เมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งสี่แยกย้ายกันไปวางแผนเพิ่มเติม อย่างเมลเลกกับฮาวจะทดลองทำอาหารเรียกน้ำย่อยและของหวาน นอททัมกำลังเลือกดูเมนูที่สามารถประยุกต์ใช้กับเนื้อเคลพีจากหนังสือทำอาหารของเพรา ส่วนเพราเขานั่งหน้ารถมองดูทิวทัศน์ที่กำลังออกห่างวิหารเนเรีย
‘กระดิ่งของลุงเกียรัน อันนั้นทำไมรู้สึกคุ้นมาก...แต่ก็นึกไม่ออก’ เพราครุ่นคิด
[คุยหลังครัว]
เป็นยังไงบ้างกับฉากแอคชั่นรู้สึกมันน้อยไปไหมบอกได้นะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ตัวเราไม่ค่อยถนัดฉากแอคชั่นเท่าไร แต่ก็จะพยายามเขียนนะ มีอะไรอยากให้เพิ่มเติมก็บอกนะ ช่วงคุยหลังครัว มันมีเกร็ดอะไรจะเล่าเลยมาเป็นพูดคุยต้องขอโทษด้วย