พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
“ถ้าจานหลักและของหวานทำไมถึงระดับของสองจานแรก พวกเธอจะไม่ได้คะแนนจากดิฉันแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง” เสียงของคุณคานะเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและจริงจัง แม้เธอจะเป็นเพียงเจ้าของย่านการค้ายามราตรี แต่ทุกคำพูดที่ออกมาสร้างแรงกดดันได้มากยิ่งกว่าพ่อครัววังหลวงที่นั่งอยู่ข้างเธอเสียอีก
ใบหน้าของนอททัมและฮาวาร์ติแสดงความเครียดชัดเจน รอยเหงื่อซึมที่หน้าผากและมือที่สั่นเล็กน้อยของนอททัมเป็นหลักฐานถึงความกังวล พวกเขาเข้าใจทันทีว่าความสมดุลของอาหารหมายความว่าอะไร ถ้าจานหลักไม่สามารถพาผู้กินไปถึงจุดสูงสุดและของหวานไม่สามารถขมวดเรื่องราวของคอร์สนี้ได้ เท่ากับว่าอาหารทั้งคอร์สคืออาหารธรรมดาแค่นั้น
“เราทำได้” นอททัมสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ดวงตาของเขามุ่งมั่นแม้จะมีความกังวลอยู่ก็ตาม
“เชิญอาหารจานหลักครับ” เมล่อนยูพูดเชิญจานอาหารต่อไป น้ำเสียงของเขาเป็นการสร้างความกดดันเล็กน้อย
จานในมือของนอททัมสั่นเล็กน้อยด้วยความกังวล เพื่อนทั้งสามของเขาเห็นอาการความเครียดรู้สึกเป็นห่วง เพราลูบไปที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่เบาๆ เพื่อให้กำลังใจ เมลเลกช่วยจานอีกหนึ่งจานที่ต้องเสิร์ฟให้กรรมการ ส่วนฮาวส่งเสียงให้กำลังใจ ทุกอย่างที่ได้รับความรู้สึกจากเพื่อนๆ ของเขา ทำให้นอททัมมีกำลังใจมากขึ้น
เมลเลกและนอททัมถือจานทรงกลมสีขาวมาวางด้านหน้ากรรมการทั้งสี่ จานอาหารของนอททัมมีการจัดจานที่สวยงาม ซอสสีส้มแดงถูกราดเป็นเส้นลายตาราง มีเนื้อย่างหั่นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนึ่งชิ้น ไส้กรอกสีนวลหั่นแว่นสองชิ้น และเนื้อตุ๋นซอสทรงลูกเต๋าสีน้ำตาลเข้มสองชิ้น ทุกอย่างวางตามจุดในลายตารางของซอส ในมุมตรงข้ามของจานมีผักดองสีส้มและขาววางสลับกันอย่างประณีต
“งดงาม” คุณคานะชื่นชมกับความสวยงามของจานอาหาร ดวงตาของเธอส่องประกายแห่งความประทับใจ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ นอททัมรู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำชมนั้น เขารู้ว่าความพยายามของเขาไม่ได้สูญเปล่า
“ผมนอททัม เป็นคนทำอาหารจานหลักครับ ชื่อจานนี้ว่า ‘เคลพีสามทาง’ ผมใช้เนื้อของเคลพีนำไปทำสามอย่าง ชิ้นใหญ่สุดตรงกลางเป็นสเต๊กเคลพี โดยผมนำเนื้อไปซูวี (Sous Vide) พร้อมกับสมุนไพรก่อนจะมาย่างสเต๊กเพื่อเนื้อที่นุ่มอร่อยครับ จากนั้นแนะนำเป็นไส้กรอกพริกสดเคลพีห่อด้วยสาหร่ายจากแผงคอเคลพี และอย่างที่สามเป็นเนื้อตุ๋นเกสรดอกบัว ตัวซอสสีส้มเป็นซอสพริกหยวกอมเปรี้ยวอมหวาน สุดท้ายของจานอย่างผักดองสองสีสำหรับกินปรับรสก่อนกินชิ้นต่อไป”
เมื่อนอททัมอธิบายจบ เขาพยายามอ่านสีหน้าของคณะกรรมการทั้งสี่ แต่พวกเขากลับไม่แสดงอาการใด ๆ ทำให้นอททัมอ่านสถานการณ์ไม่ออกเลย จนเลม่อนยูต้องเอ่ยปากถาม “ผมไม่ได้จะดูถูกคุณหรอกนะ แต่ตอนทำไส้กรอกคุณทำยังไง”
“ฮาวเป็นคนช่วยบีบและห่อให้ครับ” นอททัมตอบพร้อมหันมายิ้มให้กับฮาว
คุณเอลคิท์รา นักเขียนวรรณกรรมที่นั่งเงียบมานานได้เริ่มถามคำถาม “พอดีเป็นคนชอบทานเนื้อสุกมีเดียม แรร์ (Medium Rare) [1] แต่จากที่ดูเนื้อค่อนข้างจะเป็น เวลดัน (Well Done) [2] ทำไมเลือกความสุกแบบนี้คะ?”
[1] มีเดียม แรร์ (Medium Rare) ระดับความสุกของเนื้อที่คนนิยมกินมากที่สุด เนื้อจะมีความสุกจากขอบด้านนอกเข้าไปประมาณ 50% ตรงกลางยังคงสีแดง
[2] เวลดัน (Well Done) ระดับความสุกของเนื้อสุกทั่วถึงกันทุกส่วน เป็นสีน้ำตาลทั่ว
“ครับ ที่เลือกเป็นความสุกแบบนี้เพราะว่า มีเดียม แรร์ (Medium Rare) มีความเสี่ยงต่อโรคและอันตรายครับ ปกติพวกเราจะเลือกซื้อเนื้อจากร้าน ซึ่งร้านได้เนื้อจากฟาร์มที่ดูแลความสะอาดและมีโรคที่น้อยกว่าใช่ไหมครับ แต่เคลพีเป็นมอสเตอร์ป่า เราไม่ทราบว่าเลยว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ประรับทานอะไรไปบ้างหรือเป็นโรคอะไรหรือเปล่า การที่เลือกรับประทานเป็นแบบเวลดัน (Well Done) ผมคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่ครับ” นอททัมพูดตอบอย่างมั่นใจ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความรู้และความเข้าใจในการใช้เนื้อ เพราและเมลเลกที่ได้ยินคำตอบของนอททัมรู้สึกชื่นใจและภูมิใจในตัวเพื่อนคนนี้
เมื่อคำถามกรรมการเสร็จสิ้น พวกเขาเริ่มที่จะชิมอาหาร คุณคานะใช้มีดและส้อมหั่นเนื้อเคลพีขึ้นมารับประทาน สลับด้วยผักดองสีส้มแครอท ทานสลับไปมาระหว่างเนื้อเคลพีสามชนิด รสชาติสเต๊กนุ่มแน่นอร่อยพอคู่กับซอสพริกหยวกยิ่งกระตุ้นความอร่อยมากขึ้น ไส้กรอกหอมเครื่องเทศเนื้อฉ่ำสลับกับผักดองหวานเปรี้ยวกระตุ้นความสดชื่น และจบด้วยเนื้อตุ๋นรสเข้มข้นซอสมีความเผ็ดร้อนพริกไทยดำ เป็นความแตกต่างที่ลงตัว
ความอร่อยลงตัวดึงภวังคจิตของคานะกลับมาอีกครั้ง ภาพ แสง สี เบื้องหน้าของนักแสดงรำพัดสาวต่อหน้าผู้คนมากมาย ความรู้สึกตื่นเต้นของการเริ่มโชว์เริ่มร้อนแรงดั่งเนื้อสเต๊กหนักแน่น คู่เต้นของเธอเริ่มเผยผิวแผ่นหลังขาวเนียน คานะลูบไหล่ไปตามแผ่นหลังตามการแสดงที่ได้วางแผนไว้ กลิ่นหอมหวานซ่อนเปรี้ยวของน้ำหอมละมุนละไม ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านั้น คานะปรบมือดึงสติตัวเองกลับมา
“รอบนี้คุณคานะดึงกลับมาเองได้ด้วย” รูเบอร์ต้าชื่นชมคานะ เธอยิ้มอย่างสง่างามตอบกลับ “ขอเชิญของหวานเลยค่ะ หวังว่าจะจบอย่างสวยงาม”
ฮาวาร์ติค่อยๆ ประคองจานทั้งสองเพราะว่ากลัวจะทำให้การตกแต่งจานที่เขาตั้งใจทำจะพังไปสะก่อน จานตรงหน้าของกรรมการเป็นอีกจานที่จัดจานได้มีความน่าสนใจ ตัวพระเอกของอาหารอย่างวุ้นสีนมที่มีกลีบดอกบัวเงือกหวานเหมือนไส้อยู่ด้านใน วางทับบนซอสสีแดงเบอร์รี่ข้น ประดับด้านบนสีสันสวยงามด้วยมะม่วงและกีวี่หั่นเต๋า เสริมด้วยดอกไม้กินได้หลากหลายสี
“วุ้นคันเตน [3] ดอกบัวเงือกหวาน ตัววุ้นข้าใช้นมวัวเคี่ยวไปกับผงวุ้นและเกสรดอกบัวเงือกหวาน ข้างในที่เห็นเป็นกลีบดอกบัว ข้านำกลีบไปต้มน้ำตาลแล้วปั่นไปกับผงวุ้นอีกส่วน จากนั้นเข้าพิมพ์ลายดอกไม้ มาผสมกับวุ้นนม ทางด้านล่างเป็นซอสเบอร์รี่แดงหลากชนิด รสหวานนำเปรี้ยวตาม ด้านบนเป็นมะม่วงกับกีวี่คลุกน้ำเลม่อน หวังว่าจะถูกปาก”
[3] วุ้นคันเตน (Kanten) วุ้นที่ทำจากสาหร่ายทะเล เป็นวุ้นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่นและประเทศแถบเอเชีย
“การเลือกพิมพ์สี่เหลี่ยมค่อนข้างจะดูแข็งไปหน่อยนะ ที่จริงเรามีพิมพ์รูปดอกไม้ด้วยนะอาจจะดีกว่า” รูเบอร์ต้าติเรื่องภาพลักษณ์ของอาหาร
มนุษย์ปลาไม่ได้พูดตอบกลับอะไรได้แต่ ยิ้มแสยะอย่างไม่เป็นธรรมชาติ คุณคานะใช้ช้อนตักตัววุ้นให้ติดเนื้อดอกบัวด้านใน เพียงคำเล็กๆ หนึ่งคำก็สร้างความอร่อยหวานละมุนไปทั่วปาก ตัวเนื้อวุ้นรสนวลนมเพราะด้วยความหอมของเกสรดอกบัวเสริม พอทานคู่กับดอกบัวเพิ่มความมันหวานอร่อยไปอีกขั้น ตัวซอสพอได้ทานคู่ได้มิติใหม่ของรสชาติมากขึ้นจากหวานละมุนเป็นหวานสดชื่น ส่วนสุดท้ายที่เป็นผลไม้รสเปรี้ยวก็ได้สร้างมิติรสขึ้นมาอีกแบบกลายเป็นเปรี้ยวหวาน
ในรอบนี้คุณคานะเธอไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า เธอได้เข้ามาสู่ภวังคจิตอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพในวัยเด็กได้ย้อนกลับคืนมา ภาพของเด็กสาวมอมแมมเปื้อนฝุ่นเสื้อผ้าขาดโดนจูงมือมากับสาววัยทำงานที่มีความงามหาที่เปรียบมิได้ เธอพาคานะมาแช่น้ำนมและเริ่มขัดตัวเด็กมอมแมมคนนี้ กลิ่นหอมอ่อนจากสาวงามนั้นเป็นกลิ่นดอกบัวหอมชวนหลับใหล เมื่ออาบน้ำแร่แช่น้ำนมพี่สาวคนนั้นได้พาเธอมารู้จักกับเพื่อนร่วมงามของเธอ มีแต่คนสวยๆ มีความงดงาม กลิ่นผลไม้หอมที่กำลังล่อลวง...
‘เป็นการจบเรื่องราวที่ได้กลับเริ่มต้นเรื่องอีกครั้ง’ คานะตื่นจากภวังค์เธอได้แต่คิดคำนึงความทรงจำเก่า ๆ หวนกลับมาพร้อมกับรสชาติหวานละมุนและเปรี้ยวสดชื่นของวุ้นดอกบัวในปาก เธอยิ้มออกมาบาง ๆ ขณะที่ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจท่วมท้นในใจเธอ
“ถือว่าเป็นคอร์สที่วิเศษอีกหนึ่งคอร์ส ดิฉันดีใจที่ได้เกียรติมาเป็นกรรมการของพวกคุณ” คานะใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
ฮาวาร์ติที่ยืนรอฟังคำตอบรู้สึกภูมิใจและโล่งอกที่เห็นรอยยิ้มและการตอบรับที่ดีจากกรรมการ เขาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอบคุณและก้าวถอยหลังไปยืนข้างเพื่อน ๆ ของเขา ทั้งหมดต่างยิ้มให้กันและรู้สึกถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น
“เอาเป็นว่าทั้งสี่พร้อมคำวิจารณ์แล้วใช่ไหมครับ” เลม่อนยูหันไปถามทั้งสี่
“ค่ะ/อะหะ/ครับ/จัดมาเลย!” ทั้งสี่พูดพร้อมกันแต่เป็นคำพอฟังรวมกันแล้วฟังไม่ออกมาพวกเขาพูดอะไร
“ผมว่าคุณคานะน่าจะชอบเรื่องราวของอาหารคอร์สนี้ คุณอยากจะเป็นคนแรกที่วิจารณ์ไหมครับ”
“เป็นเกียรติมากค่ะ ดิฉันขอพูดเป็นภาครวมนะคะ การเล่าเรื่องราวทั้งหมด มันสวยงามมากค่ะ ตั้งแต่ ช่อม่วง ซุปปลา เนื้อเคลพี และจบที่วุ้น พวกคุณคือมืออาชีพ พวกคุณใช้หัวใจในการทำอาหารชิ้นนี้ ดิฉันประทับใจค่ะ เชิญท่านต่อไปได้เลยค่ะ” คานะมอบรอยยิ้มที่งดงามที่สุดเท่าที่สตรีหนึ่งคนจะมอบให้ได้กับทั้งสี่ เป็นความงามที่งดงามต่างจากความงามครั้งก่อนที่เป็นความงามที่น่าลุ่มหลง
“งั้นเราก่อนนะ จะได้จบที่พ่อครัววังหลวง ในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง อร่อยและคุ้มค่ามาก แต่ของหวานของคุณฮาวาร์ติ สำหรับเราอาจจะดูง่ายไปสำหรับการเป็นว่าที่พ่อครัววังหลวง เราเห็นมาบ่อยว่าพ่อครัวกับของหวานอาจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถนัด แต่ถ้าคุณจะเป็นพ่อครัววังหลวง อาจจะต้องพัฒนามากขึ้น” เป็นคำชมจากคุณเอลคิท์รา นักเขียนวรรณกรรมที่ค่อนข้างบวกแต่ทำให้ฮาวรู้สึกแย่นิดหน่อย
เมลเลกที่ยืนอยู่ข้างฮาวใช้ศอกสะกิด “โอ๊ย จะ...พัฒนาครับ” เจ้าปลาตอบรับคำติชม
“มาๆ เจอของจริงมาพวกแก ไล่ทีละคนเลยนะ เมลเลก ฉันได้ยินมาจากมานึลว่าเธอฝีมือตกแต่ ช่อม่วง ของเธอมันวิเศษมาก ทั้งความสวย รสชาติและวัตถุดิบ มันลงตัวมากไม่มีอะไรจะติ
ต่อไปซุปปลาของเพรา มันค่อนข้างพูดยากมากมันมีเส้นบางๆ ระหว่างธรรมดาและซุปที่ดี ถ้าบอกว่าซุปนี้เป็นซุปเปล่าๆ ไม่มีจานหลักหรือเรียกน้ำย่อยมาด้วย มันจะธรรมดามาก แต่เธอทำให้ซุปธรรมดาเป็นซุปที่ส่งให้เพื่อนที่เหลือเด่นขึ้นมา
จานหลักเคลพีของนอททัม ประทับใจอย่างแรกคือการทำหลายองค์ประกอบ มีรสชาติหลากหลายให้เลือก มันเกือบดีแล้วแต่ซอสกับผักดองค่อนข้างจะรสชาติใกล้เคียงกัน ทำให้รู้สึกไม่อยากกินซอสหรือผักดองเพิ่ม อันนี้ต้องไปปรับ
สุดท้ายของหวานเจ้าปลามีขา เกินคาดนิดนึงที่ทำออกมาได้ เพราะดูจากประวัติของหวานน่าจะทำไม่ค่อยได้แต่มีความพยายาม ไม่เมลเลกก็เพราที่สอนใช่ไหม แต่อย่างที่ว่าถ้านายอยากเป็นระดับเจ้ากระต่ายข้างฉัน นายต้องทำให้ได้ มีอะไรจะพูดเพิ่มไหมขนปุย” รูเบอร์ต้าหันไปแซวเลม่อนยู แต่เจ้ากระต่ายมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“ไม่มี ก็เล่นพูดไปหมดไม่เหลืออะไรให้พูดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จ้า พี่สาวขอโทษนะ น้องกาตุ่ย เอาละทีมสามรอฟังผลพรุ่งนี้เช้า ช่วงนี้ก็ไปทำอะไรก็ไป”
…
หลังจากผ่านสงครามการทดสอบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำให้ร่างกายของทั้งสี่นั้นเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะฉลองกัน พ่อครัวหนุ่มทั้งสามอ่อนแรงสะสม ตั้งแต่ซ้อมฝึกทำของหวานก่อนจะถึงวิหารเนเรีย การตามหาวัตถุดิบที่แสนทรหดอย่างเคลพี ความเครียดสะสมก่อนทำการทดสอบ และเวลาเกือบสองชั่วโมงกับการจัดชุดคอร์สอาหาร เพียงแค่เปิดประตูเข้ารถบ้าน พ่อครัวหนุ่มทั้งสามก็ทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาหน้าห้องพักทันที เมลเลกมองร่างทั้งสามนอนหลับสนิทได้แต่อมยิ้ม
“สนิทกันจริงเลยนะพวกนาย จริงสิชูโรสอยู่ห้องไหมนะ” เมลเลกหันไปดูประตูห้องหลากมิติที่ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นป้ายว่าเป็นห้องครัว แต่ขึ้นเป็น ห้องชูร์ “ชูร์ อยู่ไหม” เมลเลกเคาะประตูห้อง
เจ้าห้องเปิดประตูออกมา “ไอ้น้องเพรา!...อ้าวเมลเลกเองเหรอ การทดสอบเป็นยังไงบ้างแล้วทำไม สามตัวถึงนอนเป็นตายแบบนั้น” ชูโรสมองสามพ่อครัวนอนตายบนโซฟาก็อดถามไม่ได้
“ค่อนข้างจะดี ว่าแต่กินอะไรหรือยัง”
“ยังเลย ฉันพึ่งซ่อมช่วงล่างรถเสร็จ ทำไมเหรอ จะทำให้กิน?”
“เปล่า จะชวนไปกินร้านข้างนอก พอดีมีเรื่องจะคุยกับเธอ แค่สองคน” เมลเลกทำหน้าจริงจัง
“เรื่องเครียดหรือเปล่า ถ้าเครียดไม่ไปนะ”
“ชูโรส...” เมลเลกทำเสียงนิ่งๆ
“จริงจังมากแน่เลย” เมลเลกพยักหน้า ก่อนที่จะเริ่มเดินออกไป
[คุยหลังครัว]
จะมาขยายเรื่อง มีเดียม แรร์ และ เวลดัน ที่จริงเนื้อที่นิยมกินก็ต้องเป็นมีเดียม แรร์ แต่ เวลดัน จะแห้งกว่ามาก แต่ก็ตามที่นอททัมให้ความรู้ มันคือเรื่องความปลอดภัย เลยนอททัมพยายามแก้ไขความนุ่มโดยการชูวีนั้นเอง