พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท - เมนูที่ 27 แกะขนทราย โดย คอคิจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์

รายละเอียด

พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา

ผู้แต่ง

คอคิจ

เรื่องย่อ

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์

Record the recipe of the Royal chef

หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)

__________________________

 

การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง 

“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้

“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์

“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด

“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล

“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง

 

_____________________________

 

 

สารบัญ

บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 1 สลัดสไลม์ทอด,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 2 สตูว์เนื้อ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 3 แซนด์วิชทงคัตสึหมูโคลน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 4 ฟาฮิตาไก่,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 5 ปูถ่านหิน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 6 เค้กปูแบบพอดีคำ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 7 แพนเค้กนุ่มฟู,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 8 ไข่ผำบนหลังแมงป่อง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 9 ปลากะพงย่างพาสต้าไข่ผำซอสเพสโต้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 10 คุณกระต่ายว่ายน้ำนม เบอร์ 2,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 11 นมถั่วพิตาชิโอ้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 12 ขนมพระพาย,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 13 สไลม์ผลไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 14 ระบำจิ้งจอกม่านหมอกเพลิง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 15 คาเนลโลนีทุเรียนซ่อนแอบ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 16 หมึกต้นไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 17 โอโคโนมิยากิหมึกต้นไม้,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 18 ยำเห็ด ซุปเห็ด สเต๊กเห็ด และพุดดิ้ง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 19 เจ้าปลามีขา,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 20 ดอกบัวเงือกหวาน,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 21 ช่อม่วงไส้กุ้ง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 22 เคลพีสามทาง,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 23 สตรอเบอร์รี่ ครีมชีส พาร์เฟต์,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 24 เข็มกลัดว่าที่พ่อครัววังหลวง (ชั่วคราว),บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 25 ไก่ผัดเมล็ดวินลัท,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 26 บุหลันดั้นเมฆ,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 27 แกะขนทราย,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 28 ปอเปี๊ยะสด,บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวท-เมนูที่ 29 ป๊อปคอร์นวาซาบิ

เนื้อหา

เมนูที่ 27 แกะขนทราย

เช้าวันต่อมา หลังจากที่เพราได้กลับมาจากหมู่บ้านกุหลาบสีจาง และทำภารกิจคิดสูตรใหม่ให้กับวังหลวงเสร็จ เขาได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เจอกับแม่มดต้องสาปให้ชูร์ฟัง ระหว่างที่เขากำลังทำอาหารเช้าให้พี่สาวตัวเอง

“เรื่องก็ประมาณนี้แหละ เกือบตายเลยรู้ไหม อะ เช้านี้กินแค่นี้พอนะ ปวดตัว ไม่อยากทำอะไรเยอะ” เพราพูดเสียงเบาพร้อมยกจานโฟคัชช่า [1] ที่พึ่งเสร็จกลิ่นหอม มาวางตรงหน้าชูร์ที่นั่งรอกินข้าวอยู่

[1] โฟคัชช่า ขนมปังชนิดหนึ่งจากอิตาลี มีเนื้อสัมผัสนุ่ม ฟู และมีความมันจากการใส่น้ำมันมะกอก มักมีการตกแต่งด้วยเครื่องปรุงต่างๆ

"โอ๊ย! นี่ฟังแล้วตลกจนพี่จะขำตายแล้ว! ที่จริงน้องชายน่าจะปวดใจมากกว่าปวดตัวนะ" ชูร์หัวเราะเสียงดังลั่น พลางตบโต๊ะไม้เสียงดังจนเกือบทำแก้วน้ำหก เพราที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ถอนหายใจ พลางหรี่ตามองพี่สาวตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย

"พี่... พี่จะขำอะไรนักหนา จะกินไหมข้าวเช้า" เพราดึงจานโฟคัชช่ากลับมาหาตัวเอง ทำท่าจะไม่ให้พี่สาวกิน

ชูร์ยังไม่หยุดหัวเราะ เธอเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ "ก็จะอะไรล่ะ รักแรกของน้องชายตัวดีคนนี้ ดันเป็น...นางไม้! ฮ่าๆๆ คนปกติไม่ชอบ ไปชอบนางไม้เสียอย่างนั้น คือแบบไม่เคยคิดไม่เคยฟังต้องมานั่งฟังเรื่องรักแรกของน้องชายตัวเอง รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ"

"เธอไม่ใช่นางไม้..." เพราพยายามอธิบาย แต่ถูกชูร์ขัดจังหวะเสียก่อน

"โธ่เอ๊ย จะนางไม้นางอะไรช่างเถอะ! แกก็ไม่ต้องไปจริงจังนักหรอกน่า อุตส่าห์เจอคนสวยคนแรกในชีวิต ไม่สิต้องบอกว่าคนที่สอง เพราะพี่นี่แหละคนแรก" ชูร์ยังคงหัวเราะเยาะไม่หยุด มือยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะหนักเกินไป

เพราส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ "ผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ถ้ายังมาขำเรื่องแบบนี้”

“โอ๋ๆ น้องเพรา" ชูร์ลุกขึ้น เอื้อมมือมาลูบหัวเพราเบาๆ ด้วยท่าทีที่อ่อนโยนขึ้น “ถือว่าเป็น สีสันในชีวิตของแกนะ ถึงจะเป็นเรื่องรักไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม”

“โห พี่นี่โคตรตบหัวแล้วลูบหลังเลยนะ” เพราหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

"แน่นอน พี่แกไงล่ะ ไม่ใช่นอททัมที่มานั่งพูดว่า น้องเพราไม่เป็นอะไรนะ กินข้าวค่ะ จะได้มีแรงใช้ชีวิต" ชูร์ล้อเลียนน้ำเสียงนอททัม ขณะที่เพรายิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้

การพูดคุยสนุกสนานของสองพี่น้องนั้นได้ทำให้เพรารู้สึกดีขึ้นสำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมา จากนั้นเขาได้นั่งเขียนสูตรอาหารที่ต้องส่งกับครัววังหลวง และสิ่งที่เพราเลือกนั้นคือ ขนมปังโฟคัชช่า เป็นขนมปังที่น่าสนใจและมีหน้าตาคล้ายกับพิซซ่า โดยปกติขนมปังชนิดนี้จะเลือกโรยหน้าด้วยสมุนไพรต่างๆ แต่เขาเปลี่ยนเป็นกลีบดอกมูนเบลล์แทน เพราะมันมีกลิ่นหอมหวานแถมยังมีรสชาติเผ็ดอ่อนๆ เหมือนกับพริกไทยขาว พร้อมด้วยมะเขือเทศลูกเล็กและมะกอกดำ

“น่าจะเขียนประมาณนี้ ไปส่งคุณวิกค์แล้วรีบรับงานใหม่ดีกว่า”

หลังจากเพราเขียนสูตรขนมปังโฟคัชช่าเสร็จ เขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของคุณวิกค์ หัวหน้าฝ่ายจัดการครัวหลวง ขณะที่เคาะประตู คุณวิกค์ยิ้มต้อนรับ

“กำลังเป็นห่วงอยู่เลย จานนั้นคือเมนูใหม่ใช่ไหม มานั่งก่อนสิ ด้วยจะเตรียมน้ำชาให้”

เพรานั่งรอ ยืนเอกสารและเมนูตัวอย่างให้กับคุณวิกค์เพื่อตรวจสอบ เธอค่อนข้างจะเป็นคนรอบคอบมากทำให้เพราที่คิดว่างานของตัวเองดีพอแล้ว ยังโดนติเตียนเล็กน้อย อย่างเนื้อหารายละเอียดวิธีทำที่ไม่ละเอียดมากพอ ขั้นตอนทำที่เขียนออกมายาวเกินไปทำให้อ่านจับใจความยาก ถึงจะมีความผิดพลาดแต่เรื่องรสชาตินั้นไม่ทำให้ผิดหวัง

เพรานั่งลงและส่งเอกสารพร้อมตัวอย่างขนมปังให้คุณวิกค์ตรวจ เธอเป็นคนรอบคอบเสมอ ทำให้เพราที่คิดว่าสูตรนี้ดีพอแล้ว ยังถูกติเล็กน้อยเรื่องรายละเอียดการทำอาหารที่ไม่ละเอียดพอ และขั้นตอนที่เขียนยาวเกินไปจนจับใจความยาก ถึงจะมีข้อผิดพลาด แต่เรื่องรสชาติกลับไม่ทำให้ผิดหวัง ความหวานของแป้ง เผ็ดร้อนอ่อนๆ ของดอกไม้มูนเบลล์ เข้ากันได้ดี

“ก็ประมาณนี้นะ ถ้าได้รับงานเขียนสูตรอีก เธอต้องรอบคอบมากขึ้นนะ ส่วนเอกสารที่แก้แล้วจะส่งให้ฮันนี่บีตรวจอีกรอบ”

“ขอบคุณครับ คุณวิกค์ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว...”

ทันใดนั้น เสียงประตูห้องทำงานถูกเคาะอีกครั้ง พัมพี หัวหน้าพ่อครัวหลวงเดินเข้ามา เขายังคงมีสีหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิม ราวกับศพเดินได้ แต่พอเห็นขนมปังโฟคัชช่าที่วางอยู่บนโต๊ะ สายตาก็เปลี่ยนไปทันที

“ปาร์ตี้น้ำชากันเหรอ ขอกินด้วยสิ” พัมพีไม่รอคำตอบ คว้าแก้วน้ำชาแล้วรินให้ตัวเอง จากนั้นก็บิดก้อนขนมปังโฟคัชช่าเข้าปาก “ฝีมือไม่ตกนะ เจ้าแมวดำ เก่งมาก!” พัมพีเช็ดมือกับชายเสื้อตัวเองก่อนจะมาลูบหัวชื่นชมด้วยความเอ็นดู

“เห้! เคยบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เด็กที่จะให้ลูบหัว” เพราปัดมือพัมพี

คุณวิกค์ที่เห็นทั้งสองหยอกล้อกันก็ยิ้มออกมา “ว่าแต่ พัมพี เธอไม่ต้องไปเตรียมมื้อเย็นสำหรับงานประชุมใหญ่ของสวนแห่งปัญญาเหรอ? ไม่ดีนะที่ปล่อยให้ชิม่อนทำคนเดียว”

“พอดีได้ทีมฤดูหนาวมาช่วย เลยเบาใจไปบ้างถึงจะทำให้ครัวดูวุ่นวายเพราะเจ้าชิม่อนกับรูรูเถียงกันไม่เลิก แต่ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย มากกว่าปัญหาของเจ้ารองสองคนนั้นอีก” พัมพีหยิบหนังสือทำอาหารออกมาและเปิดให้ดู “ไอ้พวกสวนแห่งปัญญา มันสั่งบีฟฟองดู[2] และต้องใช้เนื้อแกะขนทราย ไอ้แกะบ้านั่นหายากมาก ไม่มีในตลาดเลย หาตั้งแต่เช้า ผมก็เลยคิดว่าต้องไปล่ามาเอง แถมต้องถึงครัวหลวงก่อนสองทุ่มด้วย”

[2] บีฟฟองดู (Beef Fondue) อาหารจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเนื้อวัวจะถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำไปจุ่มลงในหม้อที่มีน้ำมันร้อนๆ หรือซุป

“แล้วปัญหาของเธอคืออะไร ระดับเธอจะทำได้ไม่ยากนินา”

“ต้องการคนช่วยแล่เนื้อแกะสิ ผมต้องการคนช่วยสองคนสำหรับแกะสิบตัว ตอนนี้มีใครว่างบ้างไหม แต่ไม่เอาเพรา ไม่ชอบเด็กเรื่องมาก”

เพราเบิกตากว้าง “แล้วถามผมยัง ชอบไอ้เคราแพะแบบคุณไหมล่ะ!”

“แต่ตอนนี้เหลือเพราคนเดียวด้วยสิ เดี๋ยวลองติดต่อเด็กคนอื่นก่อนนะ”

ก่อนที่เรื่องจะยืดเยื้อวุ่นวายมากขึ้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง นอททัม ชายร่างใหญ่ผู้ใจดี เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม “อ้าว อยู่กันครบเลย นี่ครับคุณวิกค์ เอกสารรับรองงานจากผมกับคุณเมลเลก” เขาวางเอกสารลงตรงหน้า แต่เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของพัมพี นอททัมก็รู้สึกเกร็งขึ้นมา ไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้

“เข้ามาได้ตรงเวลาเหมือนนัดไว้ นอททัม” พัมพีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคว้าแขนใหญ่อย่างรวดเร็ว “เธอได้งานใหม่แล้ว เราจะไปล่าแกะขนทรายกัน!” รอยยิ้มของพัมพีดูเหมือนซาตานล่อลวงวิญญาณมากกว่าจะเป็นหัวหน้าพ่อครัว

“หา? ล่าแกะเหรอ? แต่ผมเพิ่งกลับมาจากงานนะ ยังไม่ทันตั้งตัวเลย...” นอททัมพึมพำเสียงสั่น พลางหันไปขอความช่วยเหลือจากเพรา “เอายังไงดีน้องเพรา?”

เพรามองพัมพีที่ยังไม่ยอมปล่อยนอททัม แล้วตอบด้วยความเบื่อหน่าย “ไม่อยากทำก็บอกเขาไปสิ... เห้ย! จะดึงคอเสื้อทำไมพัมพี!”

“ยิ่งรอยิ่งเสียเวลา เอาเป็นว่าผมจะพาเจ้าสองตัวนี้ไปทำงานนะครับ คุณวิกค์!” พัมพีไม่รอฟังคำค้านหรือเสียงโอดครวญของนอททัม

“เดี๋ยววววววววว!” นอททัมร้องเสียงหลง พยายามดิ้นหลุดจากการจับกุมของพัมพี พร้อมกับมองไปทางเพรา “น้องเพรา ช่วยด้วยยยยย!”

“ผมจะช่วยอะไรได้ ผมก็ถูกหิ้วไปกับพี่เนี่ย”

คุณวิกค์อมยิ้ม “แหม เด็กสมัยนี้ รวดเร็วจริงๆ”

 

 

หลังจากที่พัมพีลากนอททัมและเพราออกจากห้องทำงาน พวกเขาก็ออกเดินทางสู่ทุ่งโล่งที่เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงแกะขนทราย เสียงฝีเท้าบนเส้นทางที่โรยด้วยกรวดดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ขณะที่พวกเขาเดินอยู่กลางแดดบ่ายแก่ๆ แสงแดดสีทองสาดแสงลงมาบนพื้นผิวทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

นอททัมที่ยังคงทำหน้างุนงงอยู่ขยับตัวเล็กน้อย “เฮ้อ ทำไมต้องเป็นผมด้วยเนี่ย? ผมยังไม่ได้พักเลยนะ” เขาบ่นขึ้นเบาๆ แต่เสียงนั้นไม่ได้ถูกละเลยไป พัมพีหันมายิ้มเจ้าเล่ห์

“เพราะนายโชคดีไงล่ะ จะมีโอกาสได้ล่าแกะขนทรายทุกวันซะที่ไหน?” พัมพีหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี “แถมได้ทำงานกับพ่อครัววังหลวง ไอดอลของพวกนายไม่ดีใจหน่อยเหรอ”

เพราที่เดินตามหลังถอนหายใจออกมา “ดีที่ไหนกันล่ะ? ใครเขาอยากมาเดินกลางแดดร้อนๆ แบบนี้ แถมแกะขนทรายนี่ก็ไม่ใช่ตัวจัดการได้ง่าย” เขาวางกระทะพาดบ่า ขณะเดินตามหลังไป “แกะขนทรายน่ะอันตราย ทรายที่พวกมันหมุนรอบตัวก็แหลมพอจะกรีดเนื้อเราได้ ถ้าไม่ระวังตัวละก็งานเข้าแน่”

นอททัมฟังแล้วเบิกตากว้าง “ฟังดูโหดเหมือนกันนะ” นัยน์ตาเขาเริ่มเต็มไปด้วยความวิตก แอบคิดในใจว่าตัวเองไม่น่าตกปากรับคำพัมพีง่ายๆ เลย

 

พัมพีที่เดินนำอยู่ข้างหน้าได้ยินพอดี หัวเราะดังลั่น “ไม่ต้องห่วงน่า! มีพัมพีผู้นี้อยู่ทั้งคน แกะพวกนั้นไม่กล้าเข้ามาใกล้หรอก!”

เพราถอนหายใจและกระซิบเบาๆ “อันนี้แหละที่น่าเป็นห่วงจริงๆ”

ระหว่างทางที่เดิน ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนไป จากทางกรวดและต้นไม้แห้งๆ กลายเป็นผืนทรายกว้างที่แห้งแล้ง สายลมที่พัดแรงขึ้นเล็กน้อยทำให้ทรายบางส่วนฟุ้งขึ้นมาตามทางเดิน เสียงทรายลอยลมเสียดสีไปมากับพื้นดินคล้ายเสียงซู่ซ่าของทะเลที่ซัดหาด เพรามองรอบๆ ด้วยสายตาที่แฝงความระมัดระวัง

พัมพีสูดลมหายใจลึก “อีกไม่นานก็จะถึงแล้ว! ชอบที่นี่นะ ลมเย็นดี สบายใจจะตาย”

นอททัมหันไปมองเพรา สีหน้าของเขาดูไม่สบายใจ “เอ่อ... นี่ใช่พัมพีคนเดียวกับที่เป็นกรรมการรึเปล่าครับ? ดูไม่เหมือนคนเดียวกันเลย”

เพรายิ้มเหยเก พลางส่ายหัว “เขาคนเดียวกันแหละ แต่เอาอะไรกับคนสมาธิสั้นล่ะ นี่คือเวอร์ชันปกติแล้วนะ พี่น่าจะเจอตอนที่เขาดื่มกาแฟสามแก้วติดกัน ถ้าถึงตอนนั้นนะ... รับรองพี่จะเห็นอะไรที่แปลกใหม่กว่าเดิมเยอะ”

นอททัมหัวเราะแห้งๆ “นี่สินะ ที่เขาว่าอัจฉริยะกับคนบ้ามีเส้นบางๆ กั้นอยู่”

ก่อนที่เพราจะทันตอบอะไร เสียงก้องดังมาจากทุ่งโล่งเบื้องหน้า ฝูงแกะขนทรายจำนวนมากโผล่ออกมาจากหลุมทรายที่ดูเหมือนไม่มีอะไร พวกมันถึงจะมีขนาดเท่ากับแรดตัวใหญ่แต่ก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทรายรอบตัวแกะหมุนวนเป็นเกลียวคม ท่ามกลางความเงียบที่ถูกทำลายลงทันที เสียงทรายแหลมดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด

พัมพีที่เคยยิ้มอย่างอารมณ์ดี บัดนี้ดวงตาของเขาวาววับด้วยความมุ่งมั่นแบบนักล่าผู้ไร้ปรานี เขาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วดึงมีดเล่มยาวออกมาเหมือนกำลังรอคอยโอกาสนี้มานาน เขาปักเท้าลงบนทรายอย่างมั่นคง ขยับมือควงมีดไปมาอย่างสบายใจ “เอาล่ะ เดี๋ยวจะให้พวกนายเห็นฝีมือของพัมพีผู้ยิ่งใหญ่กันหน่อย!”

นอททัมกะพริบตาปริบๆ “คุณพัมพี! จะสู้กับพวกนี้ด้วยมีดเล่มเดียวจริงๆ เหรอครับ? นี่มันต้องเป็นมีดเวทมนตร์อะไรสักอย่างแน่ๆ ใช่ไหมครับ?

เพราแค่ยักไหล่นิดๆ ทำหน้าเรียบนิ่ง “มีดทำครัวธรรมดานั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก”

นอททัมหันมามองเพราอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่ก่อนที่เขาจะทันถามอะไร เสียงเสียดสีของทรายก็ดังขึ้น ฝูงแกะขนทรายกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ พัมพีไม่รอช้า เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว มีดในมือเหวี่ยงผ่านอากาศอย่างรุนแรงจนทรายที่หมุนรอบตัวแกะถูกแรงลมจากมีดผลักออก ก่อนจะฟันเข้าไปตรงกลางร่างของแกะตัวหนึ่งอย่างเฉียบคม เลือดสาดกระจายเต็มพื้น

นอททัมยืนนิ่ง ชะงักด้วยความตกใจ “ทำไมดูง่ายแบบนั้นล่ะครับ? น่าจะจัดการได้ไม่ยากใช่ไหม น้องเพรา”

“ไม่ง่ายหรอก แกะพวกนี้อันตราย ทรายรอบตัวมันกรีดเนื้อเราหากเราไม่ทันระวัง พัมพีต่างหากที่รู้วิธีอ่านกระแสลมจากการหมุนของทราย แรงที่ฆ่าตัวมันก็คือสายลมของมันนั่นแหละ ดูคนบ้านั้นสิสนุกใหญ่เลย” เพราชี้ไปทางพัมพีที่กำลังสนุกกับการได้เดินบนตัวทรายขนแกะ และหลอกล่อเหล่าฝูงแกะที่กำลังจะจ่อเอาชีวิตของเขา เพราะเขาได้ปลิดชีพเพื่อนในฝูงของมัน

 

พัมพีหันมามองทางทั้งสองคน “มาสิ ลมกำลังดีเลย อ๋อ ฝากแล่เนื้อตัวนี้ด้วยนะ คิดถูกจริงๆ ที่ไม่นั่งอุดอู้อยู่ในครัว” พัมพียิ้มสนุก กระโดดข้ามแกะขนทรายไปมา

“พี่นอททัม ไปจัดการให้จบๆ ที ถ้าปล่อยให้ คนคนนั้นทำคนเดียวน่าจะรอนาน ส่วนผมจะแล่เนื้อให้ ส่งกระเป๋าเป๋ให้หน่อย ผมจะหยิบมีดแล่เนื้อ” เพราเดินไปเปิดกระเป๋าเป๋ของนอททัมค้นหามีดที่ห่อผ้าไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นเดินเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้

“แต่...พี่อ่านกระแสลมไม่เป็นนะ น้องเพรา” นอททัมพูดอย่างลังเล เสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่เขาหันไปมองพัมพีซึ่งกำลังเดินหลบแกะอย่างสบายใจ มีดในมือของพัมพีตวัดฟันฝูงแกะได้อย่างแม่นยำราวกับเป็นการเดินเล่น

เพราหันหลังมองนอททัมพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ "ไม่ต้องอ่านลมหรอก พี่นอททัม พี่ก็มีสัญชาตญาณการต่อสู้ของพี่เอง วิถีล่าหาของทุกคนมันไม่เหมือนกันหรอก พี่นอททัม! ข้างหลัง!"

ทันใดนั้น แกะขนทรายตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่นอททัมด้วยความเร็ว นอททัมตั้งตัวไม่ทัน กระแสลมที่หมุนรอบตัวแกะนั้นรุนแรงพัดเข้ามากรีดเสื้อผ้าของเขาเป็นรอย “อึก!” เขากระเด็นแต่ลุกขั้นมาได้รวดเร็ว นอททัมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากรอยบาดลึกที่ผิวหนัง แต่เขาไม่ยอมแพ้

แกะตัวนั้นไม่เลิกที่จะพุ่งใส่นอททัม ทำให้นอททัมตั้งท่าด้วยหมัดซ้ายของเขาที่พุ่งตรงเข้าใส่ตัวแกะด้วยความโกรธ! หมัดของเขากระแทกเข้าเต็มกลางลำตัวของแกะ แรงปะทะทำให้ร่างของแกะถูกเหวี่ยงออกไป ร่างของมันกลิ้งลงกับพื้น แต่นั่นยังไม่พอ แกะอีกสองตัวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน นอททัมหายใจหอบ ก่อนจะกระโดดหลบการพุ่งชนของมันได้อย่างหวุดหวิด แต่กระแสลมรอบตัวแกะก็ยังคงกรีดผ่านลำตัวของเขา ทิ้งรอยบาดลงบนผิวหนัง

"โอ๊ย!" นอททัมร้องออกมาแต่ยังไม่ยอมถอย เขายืนขึ้นอีกครั้งและเริ่มโฟกัสกับการเคลื่อนไหวของแกะ เขาพยายามอ่านจังหวะการเคลื่อนที่ ทันทีที่แกะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขากระโดดหลบไปทางซ้าย มือซ้ายของเขาฟาดเข้าเต็มหน้าแกะตัวนั้นอย่างรุนแรง

ในขณะที่นอททัมยังคงต่อสู้กับแกะขนทรายอย่างดุเดือด เพราก็นั่งลงข้างๆ ซากแกะที่พัมพีเพิ่งจัดการได้ เขาหยิบมีดแล่เนื้อขึ้นมา เสียงคมมีดเฉือนผ่านเนื้ออย่างชำนาญ ใบหน้าของเขานิ่งสงบเหมือนกับว่าไม่มีอะไรสามารถรบกวนเขาได้ แต่จู่ๆ แกะขนทรายตัวหนึ่งที่พยายามหนีได้พุ่งตรงเข้ามาหาเพรา

“ไหนบอกว่าจะให้มาแล่เนื้อเฉยๆ ไง!” เพราพูดพลางเงยหน้ามองอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะยกกระทะเหล็กขึ้นมาและฟาดลงไปที่แกะขนทราย เสียงเหล็กกระทบดังสนั่น กระทะกระแทกเข้ากับหัวแกะเต็มแรง ทำให้ร่างของมันกระเด็นไปด้านข้างและหมดแรงไปในทันที

"น้องเพรา เป็นอะไรไหม?" นอททัมเดินมาถามหลังจากจัดการแกะอีกตัวเสร็จ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง "แกะพวกนี้มันอึดกว่าที่คิด นึกว่าจะจัดการง่ายกว่านี้"

เพรามองหน้ายิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ "เอาน่าๆ สไตล์พี่ไม่เข้ากับแกะพวกนั้นหรอก ส่งตัวที่พี่จัดการมาให้ผมหน่อย จะได้แล่ให้เสร็จไวๆ" เขาว่าพลางหยิบมีดขึ้นมาควงเล่นในมือ

ขณะเดียวกัน พัมพีก็เก็บแกะขนทรายตัวสุดท้ายลงด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเตะร่างของมันให้ลอยไปกองข้างๆ เพรา เขาหัวเราะอย่างสะใจ "เป็นไงบ้าง นอททัม สนุกดีใช่ไหม? แต่นายน่าจะต้องฝึกอีกเยอะนะ ดูเจ้าเพราสิ เมื่อก่อนก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน แต่ตอนนี้..." พัมพีพูดไปพลางเดินมาหาเพรา แล้วใช้มือที่ชุ่มไปด้วยเลือดยี้หัวเพราเล่นหยอกล้อ

เพราหันขวับไปจ้องพัมพี "มันเลอะไหมเนี่ย!" เขาว่าพลางหยิบมีดในมือขึ้นมาชูอย่างขู่ "ลองทำอีกรอบสิ จะแล่ไปพร้อมแกะเลย"

นอททัมหัวเราะแห้งๆ ขณะที่เขายกมือขึ้นดูรอยขาดบนเสื้อสีดำของตัวเอง เสื้อที่ถูกกรีดเป็นริ้วๆ จากการหมุนของทราย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ทาบอยู่ใต้ผิวสีเทาของเขา แสงแดดร้อนระอุทำให้เหงื่อผุดขึ้นตามลำตัว นอททัมรู้สึกร้อนจนต้องยกมือดึงคอเสื้อออกเล็กน้อยเพื่อระบายอากาศ

พัมพีจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาลุงแก่ พลางลูบเคราอ่อนตัวเองเบาๆ ราวกับพิจารณาบางอย่าง มืออีกข้างยกขึ้นเล็กน้อย "แบบนี้ก็เซ็กซี่ดีนะ นายไม่คิดบ้างเหรอ?" เสียงของเขาติดจะล้อเล่น แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์

นอททัมสะดุ้งเล็กน้อยจากคำพูดที่ไม่ค่อยเข้าใจ มือเขาเลิกเสื้อแตะที่แผลจางๆ บนกล้ามเนื้อ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เซ็กซี่เหรอ? หมายถึงอะไรเหรอครับ" เขาถามด้วยความใสซื่อ จนทำให้บรรยากาศรอบข้างเงียบลงไปชั่วขณะ

เพราหันไปจ้องพัมพีด้วยความไม่พอใจ "คุกคามทางเพศชัดๆ!"

พัมพีหัวเราะเบาๆ ยักไหล่ "แซวๆ" เขาว่าพลางเดินเข้ามายีหัวเพราเล่นอย่างอารมณ์ดี ขณะที่นอททัมยังคงยืนงง หันไปมองเพราด้วยสายตาขอคำตอบ