พ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
ผจญภัย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,ตะวันตก,ดราม่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,อาหาร,ผจญภัย,เวทมนต์,มอนสเตอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทพ่อครัววังหลวง คือผู้ทำอาหารให้กับเหล่าผู้คนชั้นสูงในวัง เป็นตำแหน่งของพ่อครัวที่ใครๆก็อยากไต่ไปถึง และหนึ่งในนั้นต้องเป็น 'เพรา' คลื่นลูกใหม่แห่งวงการพ่อครัวจอมเวทย์ที่พร้อมกระตุ้นความอร่อยด้วยมือเขา
บันทึกสูตรว่าที่พ่อครัวจอมเวทย์
Record the recipe of the Royal chef
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ทำอาหาร การแข่งขัน ต่อสู้(นิดหน่อย)
__________________________
การเป็นพ่อครัววังหลวงนั้นเป็นความฝันและเป้าหมายชีวิตของเหล่าพ่อครัว เหล่านักสร้างความอร่อยให้กับโลกใบนี้ การเป็นพ่อครัววังหลวงที่หลายปีจะเปิดรับพ่อครัวรุ่นใหม่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้นเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำฤดูทั้งสี่ และหนึ่งผู้จะเข้าชิงตำแหน่งนั้นคือ ‘เพรา’ พ่อครัวจากเมืองเล็กๆแห่งนั้น แรงปรารถนาของเขาอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ หรือความสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องการแค่ ความจริง
“แค่เป็นเหมือนนายให้ได้ใช่ไหม แล้วชั้นจะรู้ความจริง…” - เขียวใบไม้
“การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ มาจะช่วยเติมเต็มได้จริงเหรอ?” - แดงเนื้อสัตว์
“การเป็นพ่อครัววังหลวง มันจะแสดงให้ตระกูลเห็นว่าเราเองก็มีค่า” - ม่วงเปลือกมังคุด
“อยากให้คุณอยู่เห็นความสำเร็จของคุณจังเลย …ที่รัก” - ครามทะเล
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ กำลังใจของพวกนาย” - กลิ่นน้ำมันเครื่อง
_____________________________
เสียง "ปึ้ง!" ดังขึ้นก้องห้อง ทำให้นอททัมสะดุ้งโหยงจากความคิดของตนเอง เขาหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณวิกค์ รู้สึกถึงความประหม่าแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง “ต้องแข่งกับ...คุณลู่เสียน เหรอครับ?” เสียงของนอททัมติดขัด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะลู่เสียน ไม่ใช่ผู้แข่งขันธรรมดา แต่คืออันดับหนึ่งของว่าที่พ่อครัววังหลวงรุ่นใหม่ ที่ได้รับการจับตามอง และตอนนี้ เขาต้องกลายมาเป็นคู่แข่งของตัวเอง
“ใช่แล้ว” เสียงเรียบเย็นของรูเบอร์ต้า เรด ตัดเข้ามา แต่ไม่ทันจบประโยค เสียงน้ำชาที่รินอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เธอชะงัก “พอแล้วค่ะ คุณวิกค์ ไม่ต้องรินน้ำชาให้หนูอีก!” เสียงเธอเริ่มแฝงความหงุดหงิด
คุณวิกค์ทำท่าอึ้งไปเล็กน้อย “อา ตายจริง... ใช่สิ ฉันมันก็แค่คนแก่ที่ไม่มีใครต้องการ” เธอบ่นน้อยใจพลางถอนหายใจและเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
นอททัมมองตาม ก่อนจะเอ่ยอย่างลำบากใจ “ไม่คิดจะง้อคุณวิกค์หน่อยเหรอครับ?”
รูเบอร์ต้าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ปล่อยป้าแกไปเถอะ นายไม่รู้หรอกว่าพวกฉันต้องดื่มชาวันละกี่แก้ว ฉันกินจนไม่ได้นอน” เธอถอนหายใจแล้วหันกลับมาจ้องหน้าของนอททัมอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอกลับมาเคร่งขรึมและจริงจัง “เรื่องการประลองนี้สำคัญมากนะ งานนี้เป็นงานการกุศล ฉันต้องการคนที่เหมาะสม ไม่อยากให้กลายเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยพวกบ้าบอหรือสร้างปัญหา...ซึ่งนั่นแปลว่านายคือคนที่ใช่สำหรับงานนี้”
นอททัมรู้สึกแน่นในอก ความกังวลจะทะลักออกมา “แต่...น้องเพราก็ทำได้นิครับ หรือคุณเมลเลก คุณฮาวก็ได้?”
รูเบอร์ต้าหรี่ตามองเล็กน้อยแล้วส่ายหัว “เมลเลกเหรอ?เธอก็น่าสนใจอยู่ แต่ฉันไม่อยากไปยุ่งกับพวกสวนแห่งปัญญา และสองคนนั้นน่ะ” เธอขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คิดเหรอว่าฉันจะไม่อับอายถ้าให้พวกนั้นลงแข่ง?”
นอททัมยิ้มแห้งๆ “ก็...คงไม่มั้งครับ”
รูเบอร์ต้าขยับเข้ามาใกล้และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ทำให้นอททัมรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ “นี่พวกนายเป็นเพื่อนกันแท้ๆ ยังไม่มั่นใจในกันอีกเหรอ?” เธอกล่าวพลางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “เอาเป็นว่า ฉันแจ้งแล้วนะ อีกสองวัน เจอกันที่สนามกีฬากลางแจ้ง ทำจิตใจให้ว่างไม่ต้องกังวล” เธอปิดท้ายอย่างไม่เปิดโอกาสให้นอททัมได้พูดอะไรตอบกลับ
นอททัมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาหนักอึ้ง เขามองไปที่ประตูที่รูเบอร์ต้าเพิ่งเดินออกไป ความรู้สึกทั้งกังวลและหนักใจโถมเข้ามา ‘ทำไมพูดกันง่ายจัง’
เขาเดินออกมาจากสำนักงานด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ดวงตาของเขายังคงหม่นหมองจากการประกาศการแข่งขันที่เพิ่งได้ยิน เมื่อเขามองขึ้น เขาก็เห็นเพรา ฮาว และเมลเลกกำลังยืนรอเขาอยู่ด้านนอก ทันทีที่ทั้งสามเห็นเขา พวกเขาหยุดโต้เถียงเรื่องอาหารกลางวันแล้วหันมาสนใจสีหน้าไม่สู้ดีของนอททัมแทน
“ตกลงเขาเรียกนายไปทำอะไรเหรอ?ภารกิจใหม่ใช่ไหม?ดูเหมือนนายจะเครียดมากเลยนะ นอททัม” เมลเลกเอียงคอมองนอททัมที่กังวลใจ
นอททัมเงยหน้ามองเมลเลก ริมฝีปากของเขาขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมา เพราและฮาวก็เริ่มถกเถียงกันต่อเสียงดังอีกครั้ง
"ข้าบอกแล้วว่าไปร้านสเต๊กเถอะ! ข้ากินได้ทั้งเนื้อทั้งซี่โครง ข้าจะเลี้ยงเอง!" ฮาวพูดอย่างมั่นใจ ตบกระเป๋าเสื้อของตัวเองเบาๆ
“เก็บเงินไว้ซื้ออาหารปลาเร่งหัววุ้นไป๊!กินร้านอาหารร้านเดิมจบ!”
ฮาวเบ้หน้า แต่ในที่สุดก็ยอมตามใจเพราและเมลเลก ทั้งสี่คนจึงมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารจีนประจำ
นอททัมเดินเข้ามาในร้านอาหารจีนที่คุ้นเคย กลิ่นหอมของซาลาเปาและหมูย่างอบอวลไปทั่ว ไอร้อนจากซึ้งนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าร้านลอยขึ้นคล้ายละอองเมฆนุ่ม ๆ เพราเดินนำก่อนใคร มือหยิบเมนูแล้วสั่งอาหารที่ดูแปลกใหม่ แต่ยังคงมีชุดน้ำชาเหมือนทุกครั้ง ดูท่าว่าจะกลายเป็นสาวกชาจีนไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนฮาวนั้นสั่งอาหารแบบคนที่เพิ่งกลับจากการอดอยาก ท่าทางตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมลเลกแค่สั่งซาลาเปาสองลูก กินเพียงพออิ่ม แต่นอททัมกลับยังนั่งเงียบ แทบไม่พูดจากับใคร
เพรามองดูพี่ชายแสนรักผิดไปจากปกติจึงเริ่มชวนคุย “พี่นอททัม งานใหม่พี่เป็นแบบไหน มีอะไรให้ช่วยบอกผมนะ”
นอททัมพยายามฝืนยิ้ม พลางเล่าเหตุการณ์ในห้องทำงานของคุณวิกค์อย่างย่อ “รูเบอร์ต้า บอกว่าผมต้องลงแข่งขันประลองฝีมือกับ...คุณลู่เสียน” เสียงของเขาเจือความกังวล “แถมยังมีคนดูเป็นพันอีกด้วย”
ฮาวที่นั่งอยู่ไม่ติดรีบยืดตัว “ลู่เสียน! คนนี้อีกแล้วเหรอ คือใครนะ ทำไมชื่อมันคุ้นจัง!” เขาตบโต๊ะเสียงดังลั่น
เมลเลกถอนหายใจ “ก็คนที่ได้อันดับหนึ่งถึงสองครั้งนั้นไง ฉันว่านายเลิกกินซาลาเปาแล้วไปกินอาหารปลาเร่งวุ้นดีกว่านะ อาจจะความจำดีขึ้นบ้าง”
“อ๋อ ไอ้ผู้ชายหน้าหวานๆ ใส่ผ้าพริ้วๆ ใช่ไหม นั่นใช่ไหม แล้วทำไมต้องเป็นนอททัมล่ะ ข้าอยากแข่งบ้าง! ข้าเบื่อที่ต้องมานั่งทำภารกิจแล้วนะ” ฮาวทุบโต๊ะอีกครั้ง แสดงท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่ได้ของเล่นที่ต้องการ
เพราที่นั่งอยู่ข้างๆ แสยะยิ้ม “คนเกือบตกรอบแบบคุณปลานี่นะ จะไปแข่งกับเขา เพ้อเจ้อ”
“เฮ้! ข้าไม่ได้ตกรอบซะหน่อย! แค่…คะแนนข้าอาจจะต่ำไปนิด แต่ข้าไม่ได้แพ้หรอกนะ!” ฮาวเถียงเสียงแข็ง
เมลเลกมองทั้งสองคนด้วยสายตาเอือมระอา “เลิกตีกันค่ะ” แล้วเธอก็หันกลับไปหานอททัม “นายโอเคไหม นอททัม?ดูนายเครียดมากเลยนะ กินอะไรก่อนดีไหม?”
นอททัมที่ยังจมอยู่ในความคิดลึก ๆ ของตัวเอง ไม่ได้ฟังคำพูดของเมลเลก ความคิดในหัวของเขายังคงวนเวียนเกี่ยวกับคำพูดของรูเบอร์ต้าและความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับลู่เสียน แต่จู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาในหัวของเขาดังขึ้น ราวกับเสียงในอดีต ‘นายไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว’ คำพูดนั้นคล้ายปลุกบางอย่างในใจของนอททัม เขาหยุดคิดไปสักพัก แล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างหนักแน่น
“ผมจะไม่ยอมแพ้! ผมจะสู้ และผมจะชนะ!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ทั้งสามหันมามองเขาด้วยความประหลาดใจ เพราเป็นคนแรกที่ยิ้มออกมา “เอาอย่างนั้นสิ พี่นอททัม! พี่จะกลายเป็น NEW NOTTOM ผู้ล้มแชมป์ได้แน่!”
“ใช่! ถ้าเราสอนพี่ให้ชนะ ที่หนึ่งก็เป็นของเราทุกคน!” ฮาวยกมือชูขึ้นฟ้าอย่างมุ่งมั่น
“ดีจังที่พวกนายรักกัน... แต่ช่วยนั่งก่อนเถอะ คนทั้งร้านเขามองกันหมดแล้ว!”
สองวันต่อมา สนามกีฬากลางแจ้งที่ประจำเขต 4 ก็คึกคักไปด้วยผู้คนที่ทยอยเข้ามาเสียงเชียร์และบรรยากาศที่ตื่นเต้นแพร่กระจายไปทั่วสนาม พื้นที่นี้กว้างขวางจนสามารถจุคนได้เป็นพัน ๆ คน และหนึ่งในกลุ่มผู้ชมที่มารอชมการแข่งขันก็มี เพรา, ฮาว, เมลเลก และชูร์ ซึ่งพวกเขาก็ไม่พลาดมาร่วมเชียร์ในการประลองระหว่าง นอททัม และ ลู่เสียน
ฮาวาร์ติดูเหมือนจะสนใจอย่างอื่นมากกว่าการแข่งขันตรงหน้า เขากำลังต่อสู้กับถังป็อปคอร์นยักษ์ที่ใหญ่พอสำหรับสิบคน ป็อปคอร์นรสวาซาบิที่เขาซื้อมาดูจะเป็นความสนุกในการกินครั้งนี้ เพราะทุกครั้งที่เขากินเข้าไป สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะปวดแปลบตามด้วยคิ้วที่ขมวดเหมือนโดนตีเข้าหัว แต่ไม่ว่าเผ็ดแค่ไหน เขาก็หยุดกินไม่ได้
"ง่ำ ๆ โอ๊ย! จิ๊ดเข้าหัวอีกแล้ว แต่...หยุดไม่ได้จริง ๆ แฮะ!" ฮาวพูดพลางตักป็อปคอร์นเข้าปากต่อ
เมลเลกนั่งข้างฮาว รู้สึกเหนื่อยใจกับเพื่อนตัวเอง แถมเธอต้องถือร่มสีหวานและสวมแว่นตากันแดดขนาดใหญ่เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดที่แผดเผา "ทำไมต้องจัดการแข่งขันกลางแจ้งด้วยนะ... ฉันเกลียดการต้องมานั่งทนแดดแบบนี้" เธอบ่นพร้อมหันไปมองฮาวที่กินมูมมาม ก่อนจะหันไปคุยกับชูร์ “ชูร์ ฉันขอร้องละเปลี่ยนที่ได้ไหม แดดก็ร้อนยังมานั่งเหม็นคาวปลาข้างๆ อีก”
ชูร์ที่นั่งข้างเพรา ถอนหายใจอย่างอิดโรย "ไม่เอา ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว แค่ต้องตื่นเช้าก็แย่พอแล้ว จะให้มานั่งดมกลิ่นปลาจิ้มวาซาบิอีกไม่เอาค่ะ เนอะเพรา..."
ทว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดในกลุ่มกลับเป็นเพรา เขานั่งอย่างกังวลอยู่ตรงกลางสนาม ใบหน้าแสดงความตื่นเต้นราวกับพ่อแม่ที่มาดูลูกขึ้นแสดง "พี่นอททัมจะทำได้ไหมนะ คนดูเยอะขนาดนี้..." เขาพูดอย่างกังวลใจ
"นั่นน้องฉันดูเหมือนพ่อห่วงลูกจริง ๆ นะเพรา" ชูร์หัวเราะแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบผ้าปิดตามาสวม "พ่อนั่งเชียร์ลูกไปนะ แต่แม่เหนื่อยแล้ว ขอนอนสักงีบดีกว่า"
ในระหว่างที่พวกเขานั่งรอ เมลเลกสังเกตเห็นเหล่าคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่รอบสนาม "อืม...มากันทั้งรุ่นเลยนะ ว่าที่พ่อครัววังหลวงน่ะ" เธอพูดกับฮาวพลางชำเลืองมองไปทั่ว
ฮาวยังคงต่อสู้กับป็อปคอร์นวาซาบิในถังยักษ์ของเขา เขากินไปพลางร้องโอดครวญ "โอ๊ย! จิ๊ดขึ้นหัวอีกแล้ว... หึ! มากันจริง ๆ ด้วยแฮะ มากันเชียร์ลู่เสียนทั้งนั้นเลยใช่ไหมเนี่ย" ฮาวมองไปทั่วสนามก่อนจะพูดต่อ "ทำไมลู่เสียน เขามีเพื่อนเยอะจัง แต่พวกเราเชียร์นอททัมกันอยู่แค่เนี้ย"
พอฮาวพูดจบ เพราและเมลเลกต่างหันมามองหน้ากันพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชูร์ที่ปิดตานอนอยู่ถึงกับต้องถอดผ้าปิดตาออก เธอหันไปมองฮาวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความระอา "ตอนแรกฉันแค่คิดว่าเพราเรียกเจ้าปลา ว่า 'ซื่อบื้อ' มันเกินไป แต่ตอนนี้...ฉันว่ามันน้อยไป"
เมลเลกยิ้มเยาะพร้อมเลิกแว่นตาขึ้นเล็กน้อย "นายนี่มัน 'ปลาหัววุ้น' ชัด ๆ จำไว้เลยนะฮาว 'รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง' "
"คุณนาย...ไปใช้สำนวนแบบนั้นกับคนอย่างเจ้าปลา เขาจะเข้าใจไหมล่ะ? "
ด้านหลังประตูสู่สนามกีฬา บรรยากาศเงียบสงบครอบคลุมบริเวณหลังประตูของสนามแข่ง ลู่เสียน และ นอททัมยืนอยู่ด้วยกันในความเงียบ เสียงหายใจของทั้งคู่แทบจะได้ยินได้ชัดในบรรยากาศที่เงียบสงบนี้ พวกเขาต่างก็ทำสมาธิเตรียมตัวก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกเพื่อเผชิญหน้ากับสนามประลองที่รออยู่ แต่ในความกังวลของนอททัมทำให้มือของเขากลับสั่นไม่หยุด
ลู่เสียนเหลือบมองนอททัม เห็นถึงความกังวลที่ชัดเจน จึงเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบและคลายความตึงเครียด "เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ ที่ได้ประลองกับคุณนอททัมในวันนี้"
นอททัมสะดุ้งเล็กน้อย หันมาตอบ "ไม่หรอกครับ ผมเองต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เจอกับคุณลู่เสียน เทคนิคบารันทีนที่คุณใช้ครั้งนั้น...ประทับใจมากเลยครับ" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มฝืน ๆ
ลู่เสียนยิ้มเล็กน้อย เขาหันมามองนอททัมตรง ๆ "ยินดีที่ได้ยินอย่างนั้นครับ แต่วันนี้ผมจะได้รู้สักที...ว่าคุณมีความสามารถจริง ๆ หรือแค่เป็นลูกไล่ของเพื่อนคุณเท่านั้น"
คำพูดนี้ทำให้นอททัมหยุดชะงัก ใบหน้าที่เคยยิ้มอยู่กลายเป็นสับสน "เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ? "
ก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดไปกว่านี้ รูเบอร์ต้า เรด หญิงสาวผู้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเดินเข้ามาขัดจังหวะ เธอมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าจากการทำงาน "ขอบใจพวกนายทั้งคู่มากนะ ที่มาประลองวันนี้"
"สวัสดีครับ คุณรองหัวหน้าพ่อครัว" ลู่เสียนก้มศีรษะทักทายอย่างนอบน้อม
นอททัมหันมาทักทายบ้าง แต่สายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าของรูเบอร์ต้า "สวัสดีครับคุณรู... ทำไมหน้าตาคุณดูโทรมแบบนั้นครับ?เหมือนคนยังไม่ได้นอนเลย"
รูเบอร์ต้าถอนหายใจเล็กน้อย "แน่สิ ทำงานอยู่คนเดียวทั้งคืน ไอ้เจ้าไอซ์ซีนั่นก็เอาแต่นั่งหลับเหมือนเดิม... เอาเถอะ! สนามเต็มหมดแล้ว พวกนายช่วยโชว์ให้สมกับที่คนมารอดูด้วยก็แล้วกัน" เธอกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกไปเพื่อไปนั่งชมการแข่งขันในฐานะกรรมการ
ทันใดนั้น เสียงของประตูบานใหญ่ก็เปิดออก แสงแดดส่องเข้ามาภายในตามด้วยเสียงเชียร์ของผู้ชมที่ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม ลู่เสียนและนอททัมต่างเดินเข้าไปยังกลางสนามที่มีสถานีทำอาหารเตรียมพร้อมอยู่สำหรับการประลองที่ทุกคนรอคอย
ชายหนุ่มทิฟลิงผิวสีแดงที่ถือไมโครโฟนเดินขึ้นมายังเวทีกลางด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เสียงของเขาดังก้องผ่านลำโพงทั่วสนาม "สวัสดีครับทุกท่าน! ผมแดม่อน ช่างภาพอิสระและพิธีกรภาคสนามในวันนี้ ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประลองอาหารที่ทุกท่านรอคอย! ขอเสียงหน่อยครับ!" เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังรัวจากผู้ชมทั่วสนาม
แดม่อนยิ้มกว้าง "ทุกท่านคงตื่นเต้นกันแล้วใช่ไหมครับ กับการประลองอาหารสุดร้อนแรงนี้ ไปพบกับผู้เข้าแข่งขันกันเลยดีกว่า!" เขาพูดก่อนจะหันไปชี้ทางให้ผู้ชมได้เห็นทั้งสองพ่อครัวที่กำลังเดินเข้าสู่สนามด้วยความมั่นใจ
เสียงฮาวดังขึ้นเหนือเสียงฝูงชน "นอททัม! สู้ ๆ!" นอททัมหันไปตามเสียงนั้น เห็นเพื่อนของเขาโบกมืออย่างร่าเริงจากอัฒจันทร์ นอททัมยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางโบกมือทักทาย
แดม่อนกลับมาเรียกความสนใจจากทุกคนอีกครั้ง "วันนี้เรามีการประลองระหว่างลู่เสียน! อดีตรองหัวหน้าร้านอาหาร 'ครัวหยกดอกบัว' ตอนนี้กำลังจะก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะว่าที่พ่อครัววังหลวง! ขอเสียงปรบมือให้กับคุณลู่เสียนครับ!" เสียงกรี๊ดดังลั่นจากฝูงชน โดยเฉพาะแฟนๆ ของลู่เสียน ทำให้สนามกีฬาดูเหมือนจะสั่นสะเทือนด้วยเสียงเชียร์นี้ นอททัมยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่เสียนรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทันที
แดม่อนหันไปทางนอททัม "และอีกหนึ่งท่าน ผู้ชิงตำแหน่งพ่อครัววังหลวงคนต่อไป... นอททัม!" แต่เสียงตะโกนเชียร์ของผู้ชมกลับเงียบไปหมด มีเพียงเสียงของฮาวที่ตะโกนชื่อของนอททัมอย่างเดียวดาย
เพราหันไปสะกิดชูร์เบา ๆ "ดูเหมือนพี่นอททัมจะเสียเปรียบเรื่องแฟนคลับอยู่นะ" ชูร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะล้วงปืนพลุออกมาแล้วลั่นกระสุนขึ้นฟ้า พลุแตกเป็นรูปใบหน้ายิ้มของนอททัม ปอมปอมเชียร์หลากสีสันลอยขึ้นไปทั่วฟ้า
ลู่เสียนยิ้มเล็กน้อย หันไปบอกนอททัม "เพื่อนของคุณดูสดใสกันดีนะครับ"
นอททัมหันไปมองพลุบนท้องฟ้าก่อนจะหน้าแดง ‘เล่นอะไรของพวกเขาเนี่ย’ เขาเขินจนไม่กล้าสบตาใคร
เมลเลกที่นั่งอยู่ตกใจกับเสียงพลุ เธอหันไปตวาดใส่เพราและชูร์ทันที "ทำบ้าอะไรเนี่ย! ดูหน้านอททัมสิ เขาอายแทบจะมุดแผ่นดินหนีแล้ว!"
ชูร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "ตะโกนเชียร์ไปก็เสียงหาย ยิงพลุให้จบ ๆ ดีกว่า"
เพราเสริมด้วยรอยยิ้ม "เนอะ"
"เนอะพวกบ้านายสิ! โอ๊ย ทำไมฉันต้องมาอยู่กับพวกบ้าด้วยเนี่ย!"
“ตอนที่อยากก็เริ่มจะพร้อมมากขึ้นแล้วนะครับ งั้นขอเชิญวัตถุดิบหลักของเราเลยครับ” เสียงของแดม่อนดังก้องไปทั่วสนาม แข่งกับสายลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น
ท้องฟ้าในสนามกีฬาเริ่มปกคลุมด้วยกลุ่มก้อนเมฆขนาดใหญ่ที่ลอยออกมาจากประตูลูกกรงทั้งสองฝั่ง บรรยากาศที่เคยร้อนจากแสงแดดยามเช้ากลับถูกแทนที่ด้วยอากาศเย็นชื้น ร่มหลากหลายคันที่ผู้ชมใช้บังแดดสั่นกระพือเหมือนพร้อมจะปลิวไปได้ทุกเมื่อ
เมลเลกนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชม มองดูสัตว์อสูรก้อนเมฆที่ลอยอยู่ในสนาม "ดีนะที่ไม่ได้รับงานนี้ก่อนนอททัม ถ้าเป็นเส้นด้ายของฉันต้องเจอกับลมขนาดนี้ ทำอะไรไม่ได้แน่"
เพรา จ้องมองไปที่ก้อนเมฆสีเทาดำที่กำลังลอยตัว ดวงตาของเขาวิเคราะห์สถานการณ์ “ก้อนเมฆเหรอ?สัตว์อสูรไร้รูปร่างแบบนี้จัดการยากแน่ งานยากแล้วพี่นอททัม”
"ป็อปคอร์นของข้า! อย่าปลิวไปไหนนะ!" ฮาวนั่งกอดถังป็อปคอร์นของเขาไว้แน่น
เสียงของแดม่อนดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงลมพัด “สัตว์อสูรระดับอัศวิน ‘ปีกหมอก’ สิ่งมีชีวิตลึกลับที่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ โปรดระวังสิ่งของของท่านที่อาจปลิวหายไปได้ด้วยนะครับ! ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ขอให้สองชั่วโมงต่อไปนี้เป็นการประลองที่ตื่นเต้น เริ่มได้ครับ!”
กลุ่มก้อนเมฆฝนสีหม่นสองก้อนใหญ่ลอยตัวอยู่ตรงหน้าทั้งลู่เสียนและนอททัม ฝนบางเบาเริ่มตกกระทบพื้นสนามอย่างนุ่มนวล ลู่เสียนล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบพัดไม้ไผ่ออกมากางด้วยท่าทีสงบและมั่นใจ เขายิ้มให้กับความท้าทายครั้งนี้ “น่าสนุกจริง ๆ นะครับ”
นอททัมยืนแข็งจ้องมองก้อนเมฆที่ลอยอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นถี่รัว ท่ามกลางความกดดันของบรรยากาศรอบตัว เขาคิดในใจด้วยความกังวล ‘คิดถูกใช่ไหมที่รับงานนี้...’