เมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ
ชาย-ชาย,ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,เนิร์ด,ต้นสน,ความฝัน,วัยรุ่น,คลั่งรัก,คลั่งเซ็กส์,เมะสวย,เมะรุกแรง,เคะอกโต,ไม่ดราม่า,นักเลง,ฟีลกู๊ด,บูลลี่,อันธพาล,NC25++,18+,เคะกล้าม,ฮอตเนิร์ด,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ม.ปลายปีหนึ่ง
จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง
"ให้ตายเถอะ หล่อแบบไม่บันยะบันยัง ถึงจะดูเนิร์ดๆ ก็เถอะแต่หน้าตาหล่อราวเทพบุตรอย่างนั้นฉันอภัยให้"
"ใช่ไหมๆ เราลองเข้าไปขอเบอร์เขาดีป่ะแก เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันน่ะ"
ต้นสนที่เพิ่งกลับจากทานข้าวกลางวันกับพวกรุ่นพี่ขมวดคิ้วมองกลุ่มผู้หญิงที่ยืนออกันอยู่ที่ประตูทางเข้าห้อง ทำให้ร่างใหญ่ไม่สามารถผ่านไปได้ ให้เดา.. พวกเธอคงมาแอบส่องเด็กใหม่นั่นแหง ที่แน่ๆ คือมันไม่ใช่กงการอะไรของเขา ต้นสนอยากจะแหวกตัวผ่านพวกผู้หญิงไปให้เหมือนกับโมเสกแยกน้ำทะเล แต่เพื่อไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเขาจึงเลือกที่จะใช้ปากให้เป็นประโยชน์
"นี่พวกเธอขอทางหน่อย"
ตามคาด..ดวงตาหลายคู่หันกลับมาส่งสายตาไม่พอใจ ต้นสนกลอกตามองบนเพราะความน่ารำคาญของพวกเธอ กว่าจะเดินเข้าห้องได้ก็เกือบโดนหนึ่งในนั้นกัดเพราะเผลอเหยียบเท้า ก่อนแกล้งพวกหล่อนโดยการเลื่อนประตูห้องให้ปิดลง แรงผู้ชายห่ามจึงชนะได้มาอย่างใสๆ
"อ้าว.. ทั้งห้องหายไปไหนกันหมด" เข้ามาก็เพิ่งสังเกตว่ามีไอ้รูปหล่ออะไรนั่นนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อกัสใช่ไหม ต้นสนเดินเข้าไปชะโงกหน้ามองสิ่งที่อีกคนกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่ คล้ายว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น?
"มันสนุกตรงไหน" ต้นสนถามพลางนั่งพิงโต๊ะของไอ้เนิร์ดที่มีท่าทางเงียบขรึม ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเพิ่งเห็นมันยกยิ้มกว้างให้กับคนอื่นในห้องไปเมื่อเช้า หรือเพราะรู้ว่าเขาเป็นอันธพาลเลยเฉยชาใส่งั้นเหรอ? กลัวโดนเขาแกล้งหรือยังไงไอ้ปอดแหกนี่..
"ไม่มีตรงไหนสนุก" น้ำเสียงเรียบนิ่งกระตุ้นต่อมเสือกของคนฟังแปลกๆ ต้นสนลากเก้าอี้มานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของหัวโต๊ะ จ้องมองใบหน้าหล่อที่ทำให้ใครต่อใครก็หวั่นไหว ภายในห้องเงียบสงัด แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันทำให้ในห้องสว่างมากกว่าปกติ กัสยังคงจ้องตัวหนังสือไม่วางตาและทำตัวราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน
"คนอื่นๆ ในห้องหายไปไหนกันหมด" เขาถามอีกครั้งอย่างไม่จริงจังนัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่ากำลังถูกใช้ให้ทาสีกำแพงใหม่และเขาเองก็มาช้าจึงกลายเป็นโดดอย่างไม่ได้ตั้งใจ นอกเหนือจากนั้นคือเขาอยากรู้มากกว่าว่าทำไมไอ้เนิร์ดที่ท่าทางเฟรนลี่ต่อคนทั้งโลกอย่างกัสถึงกล้าโดดมาอ่านคู่มือปฐมพยาบาล
"กูชื่อต้นสนนะ"
"รู้แล้ว"
"ว้าว ประทับใจจังเพื่อนในห้องบางคนยังไม่รู้ชื่อกูเลยนะเนี่ย" ต้นสนแสร้งตกตะลึง แต่มันก็ดูปลอมจนเขาหลุดหัวเราะตลกท่าทางโง่ๆ เมื่อกี้ของตัวเองออกมา
"ทำไมจะจำชื่อมึงไม่ได้ มาวันแรกทุกคนก็เตือนกูว่าห้ามไปยุ่งกับอันธพาลชื่อต้นสน"
กัสเงยหน้ามองคนที่หุบยิ้มไปแล้วก็ดันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดไป เขาอาจโดนต่อยได้
"เหรอ.. งั้นก็ขอโทษที่กูทำให้คำเตือนนั้นไม่ได้ช่วยมึงแล้วกันนะ แต่ไม่ต้องห่วง.. กูเป็นอันธพาลแต่ไม่ได้ทำอะไรใครพร่ำเพรื่อ กูไม่เคยต่อยใครจริงๆ จังๆ ขนาดนั้นหรอกนะฮ่าฮ่าๆๆ "
กัสมองแววตาและสีหน้าที่จริงจังของต้นสน คนที่ทุกคนบอกว่านิสัยเลวทรามอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่เห็นว่าจะดูมีพิษสง.. ทำให้เขาชักอยากรู้ว่าอะไรคือที่มาของคำพูดเหล่านั้น จากที่คิดว่าเกือบโดนต่อย ทว่าตอนนี้กัสกลับรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำร้ายจิตใจของคนตรงหน้าไป
อะไรวะ.. เขารู้สึกผิด?
"ไม่ไปบอกคนอื่นๆ คนที่เขากลัวมึงเล่า"
ต้นสนได้ยินประโยคที่คล้ายจะเป็นคำพูดแนะนำจึงหลุดหัวเราะ
"ช่างหัวคนอื่นสิ จะคิดอะไรก็คิดไป มันก็เป็นเรื่องจริงที่กูอยู่แก๊งอันธพาล"
"แล้วที่พูดเมื่อกี้คืออะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เด็กใหม่แบบกูกลัวมึงเหรอ?"
กัสจ้องมองนัยน์ตาสีนิลที่ยามนี้เปล่งประกายสดใสต่างจากเมื่อสักครู่ ต้นสนส่ายหน้าราวกับว่าเขาก็ไม่เข้าใจหรือมีเหตุผลอะไรมากนักไปกับสิ่งที่ตัวเองทำ เขาแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้อีกคนกลัวเขาก็เท่านั้นเอง และที่ชวนคุยก็เพราะ...
"แสงแดดวันนี้มันส่องแยงตาจนสมองเบลอล่ะมั้ง กูก็เลยพูดมากกว่าปกติ"
เป็นคำตอบที่ดูไร้สาระที่สุด ทว่าภาพตรงหน้ากลับน่ามองขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แสงแดดที่ต้นสนพูดถึงกำลังส่องลอดผ่านร่มเงาต้นไม้แล้วตกกระทบมายังโต๊ะใกล้หน้าต่างที่พวกเขานั่ง ทำให้เกิดเป็นเงาระยิบระยับ สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างนั้นเรียกรอยยิ้มอันผ่อนคลายให้กับคนตรงหน้า
กัสไม่สามารถละสายตาไปจากรอยยิ้มนั้นได้..
"อากาศแบบนี้ก็ต้องไอติมว่าไหม.. "
"แล้วทำไมเราสองคนไม่ไ- " ไปกินด้วยกันล่ะ เขาเกือบจะพูดชวนต้นสนออกไปถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวดันลุกขึ้นพรวดออกจากเก้าอี้เสียก่อน ท่าทางคล้ายกับนึกบางอย่างออกแล้ววิ่งออกจากห้องไปไม่หันมาลากันสักคำ แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกนอยด์กับอะไรแบบนี้วะ ต้นสนคือคนที่เขาคุยด้วยได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ กัสก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อแต่ก็ไม่สามารถสลัดรอยยิ้มของไอ้อันธพาลเมื่อสักครู่ให้ออกจากหัวได้
จนกระทั่งประตูบานเลื่อนถูกเปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นร่างสูงค่อนไปทางกำยำของต้นสนเดินเข้ามา เม็ดเหงื่อที่ไหลลงขมับและลมหายใจที่ถี่ขึ้นบ่งบอกว่าอีกคนวิ่งมา ในมือมีไอติมแท่งติดมาด้วย
"เอ้า.. ของฟรีรีบๆ กินก่อนกูเปลี่ยนใจ" คนพูดยื่นไอติมแท่งสีขาวกลิ่นวนิลามาให้ ก่อนจะนั่งลงที่เดิมแล้วจ้องหน้าเขา
"เดี๋ยวก็ละลายหรอกไอ้เนิร์ดนี่"
"กูชื่อกัส.."
"ก็จะเรียกว่าเนิร์ดอะ มีปัญหาไหม"
โอเค.. ต้นสนเองก็มีเค้าโครงในการเป็นอันธพาลตรงฝีปากเนี่ยแหละ กัสแกะซองไอติมออกพลางจ้องมองสีหน้าสดชื่นของอีกคนที่กำลังถือไอติมแท่งรสช็อกโกแลต
"ไม่ชอบวนิลาเหรอไง?" อันธพาลหนุ่มถามคนที่เอาแต่จ้องมองไอติมวนิลาในมือตัวเอง
"........" กัสยังเงียบ
"กูก็ไม่ชอบช็อกโกแลตเท่าไหร่เหมือนกัน"
"อ้าว.."
กัสเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดและสีหน้าที่จู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดของอันธพาลหนุ่ม
"ถ้าไม่ชอบแล้วซื้อรสนั้นมาทำไม?"
"ใครบอกว่าซื้อเล่า.. ไถมาต่างหากล่ะ" เห็นสีหน้าที่เจื่อนลงของไอ้เนิร์ดแล้วเขาก็ขำกลิ้ง ไม่คิดว่าพอได้รู้ที่มาของไอติมแท่งนั้นแล้วอีกคนจะนิ่งค้างไปเลย
"....มึงแม่งเป็นอันธพาลจริงๆ ด้วยสินะ" กัสพึมพำพลางจ้องมองไอติมวนิลาที่กำลังจะละลายหยดลงบนหนังสือ ทว่ามือของต้นสนกลับไวกว่า เขาดึงข้อมือข้างที่ถือไอติมของกัสให้มาใกล้ปากตัวเองก่อนจะก้มกัดมันไปทีเดียวครึ่งแท่ง กัสกลืนน้ำลายพลางจ้องมองภาพตรงหน้าไม่วางตา สีของแท่งไอติมช่างทำให้อะไรก็ดูอีโรติกไปหมดโดยเฉพาะคราบขาวที่ติดอยู่ตรงมุมปากสีหวานที่ยกยิ้มให้เขา
ตึกตัก..
หัวใจพลันเต้นรัวเมื่อลิ้นแดงแลบเลียคราบตรงมุมปาก..
ภายในห้องน้ำส่วนกลางของนักเรียนชายที่มักร้างผู้คน และเพราะเป็นแบบนั้นต้นสนจึงเล็งที่นี่เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของเขาด้วยตัวเอง..
นั่นคือการสูบบุหรี่..
เขาเคยอยากลองมาตั้งนานแล้วแต่พวกรุ่นพี่มักจะคอยจับตามองแล้วกีดกันไม่ให้เขาได้ลองดูเลยสักครั้ง เมื่อเช้าก็ดันทำไฟแช็กตกต่อหน้าจนโดนค้นกระเป๋าแล้วยึดของๆ เขาไปจนเหลือมวนเดียว! เป็นอันที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแทนที่จะเป็นกระเป๋ากางเกง พวกรุ่นพี่บางคนก็สูบบุหรี่นะ แต่พอเห็นเขาเดินเข้าไปหาก็จะรีบดับแล้วโยนไปไกลๆ ทันที พวกรุ่นพี่มักจะใส่ใจและดูแลตัวเขาเป็นอย่างดี เขาจึงอดรู้สึกเบิกบานทุกครั้งที่อยู่ด้วยไม่ได้ ถึงต้นสนจะไม่ค่อยเข้าใจถึงสาเหตุแต่เพราะถูกเอ็นดูอยู่บ่อยครั้ง ต้นสนจึงรักพวกรุ่นพี่มาก
เอาละ.. ไหนๆ ก็เหลืออยู่มวนเดียวงั้นก็สูบไปเลยอย่าให้เสีย
"แค่กๆ "
ต้นสนสำลักควันสีขาวชวนแสบคอ ทว่าก็ต้องรีบกลั้นเสียงเมื่อสองหูได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ปกติมันไม่มีคนเลยไม่ใช่เหรอวะ! แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าคงเป็นรองเท้าที่เดินผ่านประตูของเขาไป อีกคนใส่รองเท้าส้นสูงคล้ายครู ส่วนอีกคนเป็นรองเท้านักเรียนผู้ชายเหมือนกันกับอันที่เขาใส่อยู่ เดินตรวจตราเหรอ? หรืออะไร? ทำไมถึงต้องเข้าไปห้องข้างๆ พร้อมกันแบบนั้น และถ้าเจ้าของรองเท้าส้นสูงที่เดินผ่านไปเป็นผู้หญิง.. แล้วเธอเข้ามาในห้องน้ำชายกับนักเรียนชายทำไม
ความระคายเคืองคอยังไม่ได้หายไปไหน แต่ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งยากที่จะทน เขาแม่งพาตัวเองมาทรมานชัดๆ
"ฮิฮิ.. อย่ารุนแรงนักสิ"
ชัดเลย.. เป็นเสียงครางเพียงผะแผ่ว ตัวของต้นสนแข็งทื่ออยู่กับที่แต่ใจเต้นระรัวยิ่งกว่าเพลงดิสโก้ มันต่างจากหนังโป๊ที่เคยดู มันดูน่ากลัวและไม่มีทางที่เขาจะมีอารมณ์เพราะเสียงครางหวานของอาจารย์สาว ที่ถ้าให้เดา.. เธอคงเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลที่เพิ่งเข้าใหม่ในเทอมนี้ ได้ยินว่าเธอแจ่มมาก แต่สำหรับต้นสนเรื่องเซ็กส์คือสิ่งที่ไม่ควรทำกับใครพร่ำเพรื่อ ครั้งแรกของเขาต้องเป็นกับคนที่รักเท่านั้น
"แค่ก!" ชิบหายล่ะ..
จังหวะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าเสียงจากในห้องข้างๆ ได้หยุดทำอย่างว่าไปซะแล้ว ต้นสนเครียด..เลือกไม่ถูกว่าระหว่างเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป หรือนั่งสูบบุหรี่แล้วเป็นพยานให้กับเรื่องผิดศีลธรรมนี่ต่อ แต่เหมือนคนข้างในจะไม่คิดที่จะทำต่อแล้ว
พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น แล้วหยุดลงตรงหน้าประตูห้องที่เขานั่งอยู่ บุหรี่ที่ควรจะดับไปเพราะเขาบี้มันเข้ากับกำแพงกลับติดขึ้นมาใหม่ราวกับเสกได้ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ลอยมาแตะจมูกของใครบ้างไม่ต้องสงสัย
ต้นสนได้กลิ่นแล้วก็ไอโขลกขึ้นมาอีกรอบอย่างห้ามไม่อยู่
"ใครสูบบุหรี่อยู่ในนั้นออกมาเดี๋ยวนี้นะคะ!"
ต้นสนอยากจะเอาสายฉีดน้ำผูกคอตาย เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูทั้งที่ตัวเองยังนั่งอาลัยตายอยากอยู่บนฝ่าชักโครก วินาทีต่อจากนั้นเป็นภาพของคุณครูสาวเจ้าระเบียบที่เหมือนเธอจะโมโหจนลืมไปว่ายังไม่ใส่เสื่อผ้าให้ดีด้วยซ้ำ หน้าอกสวยโผล่มาให้เห็นว็อมๆ แว็มๆ เรียกเลือดให้ไหลมารวมตรงแก้มทั้งสองข้าง แต่ทว่าสิ่งที่เขาอึ้งกว่านมอาจารย์ก็คงเป็นเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง
กัสมองดูอันพาลหนุ่มที่ทำตาโตจ้องหน้าอกผู้หญิงราวกับไม่เคยเห็น ก่อนนัยน์ตาวูบไหวปานจะร้องไห้จะเหลือบมาทางเขา
"ไอ้เนิร์ด.." น้ำเสียงอ้ำอึ้งไม่อยากจะเชื่อกระตุ้นรอยยิ้มของเขาให้ยกสูงขึ้น เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นต้นสนในสภาพหาดูยากแบบนี้ ไหล่กว้างที่ควรจะยืดตรงสง่างามกลับลู่ตกและสั่นไหวนิดๆ ไม่รู้เป็นเพราะกลัวความผิดของตัวเองหรือเพราะตกใจกับความจริงที่ได้รู้เกี่ยวกับไอ้เนิร์ดที่อีกฝ่ายรู้จักว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ผิดหวังหรือเสียใจล่ะต้นสน?
เพราะดูเหมือนว่ากูจะสกปรกยิ่งกว่ามึงซะอีก
ท่ามกลางความอึดอัดร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปหาครูสาวด้วยสีหน้าทะมึนตึง เธอคิดว่าจะโดนทำร้ายจึงเผลอถอยหลังจนสะโพกชนเคาน์เตอร์ล้างมือ เธอรีบข่มตาลงตอนเด็กหนุ่มยกมือขึ้นกะทันหัน
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเหลือบมองอีกครั้งก็พบว่าเด็กหนุ่มกำลังติดกระดุมเสื้อให้กับเธอพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
"ฮึก.. อย่ามีอะไรกับนักเรียนสิครับอาจารย์ เรื่อง.. ฮึก เรื่องวันนี้ผมจะเก็บไว้เป็นความลับเรื่องของผมเองก็ด้วย เราเจ๊ากันโอเคไหมครับ" การกระทำจบลงพร้อมๆ กับเสียงพูดอันสั่นเครือ แล้วร่างสูงก็เดินจากไปปล่อยให้อาจารย์สาวกับกัสอยู่ด้วยกัน ครูสาวยังคงนิ่งอึ้งกับความรู้สึกคล้ายถูกโอบอุ้มเมื่อสักครู่
นี่เธอกำลังทำอะไรกับชีวิตของตัวเองกันนะ..
ฉับพลันก็ดันอยากร้องไห้
"ฮึก ครู.. ขอโทษนะกัส ครูมันแย่จริงๆ "
"ผมจะกลับห้องแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้เริ่มจากผม แต่ผมเองก็มีส่วนผิดเพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้เลยครับ" มันเหมือนคำปลอบโยนที่ไม่ได้วิเศษอะไร แม้กระทั้งคนพูดยังไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ในใจยังคงสลัดภาพน้ำตาของอันธพาลหนุ่มที่จู่ๆ ก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาแล้วร้องไห้ไม่ได้
กัสรู้สึกเหมือนเดินลงหลุมทั้งที่สองเท้ายังเหยียบพื้น แต่ขณะเดียวกันก็สนุกมากๆ ที่ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรอยยิ้มและน้ำตา
"ต้นสนเนี่ย..น่าสนใจจังนะ"