เมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ

เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด - ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง โดย คุณถั่วแดง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,เนิร์ด,ต้นสน,ความฝัน,วัยรุ่น,คลั่งรัก,คลั่งเซ็กส์,เมะสวย,เมะรุกแรง,เคะอกโต,ไม่ดราม่า,นักเลง,ฟีลกู๊ด,บูลลี่,อันธพาล,NC25++,18+,เคะกล้าม,ฮอตเนิร์ด,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เนิร์ด,ต้นสน,ความฝัน,วัยรุ่น,คลั่งรัก,คลั่งเซ็กส์,เมะสวย,เมะรุกแรง,เคะอกโต,ไม่ดราม่า,นักเลง,ฟีลกู๊ด,บูลลี่,อันธพาล,NC25++,18+,เคะกล้าม,ฮอตเนิร์ด,รักวัยรุ่น,นิยายวาย

รายละเอียด

เมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ

ผู้แต่ง

คุณถั่วแดง

เรื่องย่อ


ต้นสนหรือก็คืออันธพาลหนุ่มประจำห้องที่ 'พลาดท่า' มาติวหนังสือกับกัสหรือไอ้เนิร์ดที่เขาเคยรังแก เพียงเพราะต้องการเรียนตามเพื่อนในห้องให้ทัน เขาจึงทำข้อแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้ หากว่ากัสช่วยติวหนังสือให้เขาจนผลการเรียนออกมาพอให้เขารู้สึกว่าพอใจ

และเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ...

ข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าดันคือ..

คำขอเป็นแฟนจากไอ้เนิร์ด

เรื่องราวที่ เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด จึงเริ่มต้นขึ้น

 


นามปากกา : คุณถั่วแดง

เค้าโครงจากเรื่องสั้น : เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาติวรักกับไอ้เนิร์ด

คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น อาจมีคำหยาบเพื่ออรรถรสของตัวละคร โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะคะ




สารบัญ

เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-บทนำ แฟน,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 2 แด่ซิมผู้ชายที่ตายเพราะลูกอมรสมะนาว,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 3 ผู้ชายไม่ท้องสักหน่อย,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 4 อันธพาลนะไม่ใช่เมดูซ่าที่จะมองแล้ว 'แข็ง' ได้,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 5 ใครเป็นแฟนไอ้โรคจิตคนนี้,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 6 จุดเริ่มต้นที่ดี,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 7 เบาๆ ก่อนนอน,เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ด-ตอนที่ 8 คือความอบอุ่น

เนื้อหา

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง


ม.ปลายปีหนึ่ง



จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง



"ให้ตายเถอะ หล่อแบบไม่บันยะบันยัง ถึงจะดูเนิร์ดๆ ก็เถอะแต่หน้าตาหล่อราวเทพบุตรอย่างนั้นฉันอภัยให้" 

"ใช่ไหมๆ เราลองเข้าไปขอเบอร์เขาดีป่ะแก เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันน่ะ" 

ต้นสนที่เพิ่งกลับจากทานข้าวกลางวันกับพวกรุ่นพี่ขมวดคิ้วมองกลุ่มผู้หญิงที่ยืนออกันอยู่ที่ประตูทางเข้าห้อง ทำให้ร่างใหญ่ไม่สามารถผ่านไปได้ ให้เดา.. พวกเธอคงมาแอบส่องเด็กใหม่นั่นแหง ที่แน่ๆ คือมันไม่ใช่กงการอะไรของเขา ต้นสนอยากจะแหวกตัวผ่านพวกผู้หญิงไปให้เหมือนกับโมเสกแยกน้ำทะเล แต่เพื่อไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเขาจึงเลือกที่จะใช้ปากให้เป็นประโยชน์

"นี่พวกเธอขอทางหน่อย" 

ตามคาด..ดวงตาหลายคู่หันกลับมาส่งสายตาไม่พอใจ ต้นสนกลอกตามองบนเพราะความน่ารำคาญของพวกเธอ กว่าจะเดินเข้าห้องได้ก็เกือบโดนหนึ่งในนั้นกัดเพราะเผลอเหยียบเท้า ก่อนแกล้งพวกหล่อนโดยการเลื่อนประตูห้องให้ปิดลง แรงผู้ชายห่ามจึงชนะได้มาอย่างใสๆ 

"อ้าว.. ทั้งห้องหายไปไหนกันหมด" เข้ามาก็เพิ่งสังเกตว่ามีไอ้รูปหล่ออะไรนั่นนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อกัสใช่ไหม ต้นสนเดินเข้าไปชะโงกหน้ามองสิ่งที่อีกคนกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่ คล้ายว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น?

"มันสนุกตรงไหน" ต้นสนถามพลางนั่งพิงโต๊ะของไอ้เนิร์ดที่มีท่าทางเงียบขรึม ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเพิ่งเห็นมันยกยิ้มกว้างให้กับคนอื่นในห้องไปเมื่อเช้า หรือเพราะรู้ว่าเขาเป็นอันธพาลเลยเฉยชาใส่งั้นเหรอ? กลัวโดนเขาแกล้งหรือยังไงไอ้ปอดแหกนี่..

"ไม่มีตรงไหนสนุก" น้ำเสียงเรียบนิ่งกระตุ้นต่อมเสือกของคนฟังแปลกๆ ต้นสนลากเก้าอี้มานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของหัวโต๊ะ จ้องมองใบหน้าหล่อที่ทำให้ใครต่อใครก็หวั่นไหว ภายในห้องเงียบสงัด แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันทำให้ในห้องสว่างมากกว่าปกติ กัสยังคงจ้องตัวหนังสือไม่วางตาและทำตัวราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน

"คนอื่นๆ ในห้องหายไปไหนกันหมด" เขาถามอีกครั้งอย่างไม่จริงจังนัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่ากำลังถูกใช้ให้ทาสีกำแพงใหม่และเขาเองก็มาช้าจึงกลายเป็นโดดอย่างไม่ได้ตั้งใจ นอกเหนือจากนั้นคือเขาอยากรู้มากกว่าว่าทำไมไอ้เนิร์ดที่ท่าทางเฟรนลี่ต่อคนทั้งโลกอย่างกัสถึงกล้าโดดมาอ่านคู่มือปฐมพยาบาล

"กูชื่อต้นสนนะ" 

"รู้แล้ว" 

"ว้าว ประทับใจจังเพื่อนในห้องบางคนยังไม่รู้ชื่อกูเลยนะเนี่ย" ต้นสนแสร้งตกตะลึง แต่มันก็ดูปลอมจนเขาหลุดหัวเราะตลกท่าทางโง่ๆ เมื่อกี้ของตัวเองออกมา

"ทำไมจะจำชื่อมึงไม่ได้ มาวันแรกทุกคนก็เตือนกูว่าห้ามไปยุ่งกับอันธพาลชื่อต้นสน" 

กัสเงยหน้ามองคนที่หุบยิ้มไปแล้วก็ดันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดไป เขาอาจโดนต่อยได้

"เหรอ.. งั้นก็ขอโทษที่กูทำให้คำเตือนนั้นไม่ได้ช่วยมึงแล้วกันนะ แต่ไม่ต้องห่วง.. กูเป็นอันธพาลแต่ไม่ได้ทำอะไรใครพร่ำเพรื่อ กูไม่เคยต่อยใครจริงๆ จังๆ ขนาดนั้นหรอกนะฮ่าฮ่าๆๆ " 

กัสมองแววตาและสีหน้าที่จริงจังของต้นสน คนที่ทุกคนบอกว่านิสัยเลวทรามอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่เห็นว่าจะดูมีพิษสง.. ทำให้เขาชักอยากรู้ว่าอะไรคือที่มาของคำพูดเหล่านั้น จากที่คิดว่าเกือบโดนต่อย ทว่าตอนนี้กัสกลับรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำร้ายจิตใจของคนตรงหน้าไป

อะไรวะ.. เขารู้สึกผิด?

"ไม่ไปบอกคนอื่นๆ คนที่เขากลัวมึงเล่า"

ต้นสนได้ยินประโยคที่คล้ายจะเป็นคำพูดแนะนำจึงหลุดหัวเราะ

"ช่างหัวคนอื่นสิ จะคิดอะไรก็คิดไป มันก็เป็นเรื่องจริงที่กูอยู่แก๊งอันธพาล"

"แล้วที่พูดเมื่อกี้คืออะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เด็กใหม่แบบกูกลัวมึงเหรอ?"

กัสจ้องมองนัยน์ตาสีนิลที่ยามนี้เปล่งประกายสดใสต่างจากเมื่อสักครู่ ต้นสนส่ายหน้าราวกับว่าเขาก็ไม่เข้าใจหรือมีเหตุผลอะไรมากนักไปกับสิ่งที่ตัวเองทำ เขาแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้อีกคนกลัวเขาก็เท่านั้นเอง และที่ชวนคุยก็เพราะ...

"แสงแดดวันนี้มันส่องแยงตาจนสมองเบลอล่ะมั้ง กูก็เลยพูดมากกว่าปกติ" 

เป็นคำตอบที่ดูไร้สาระที่สุด ทว่าภาพตรงหน้ากลับน่ามองขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แสงแดดที่ต้นสนพูดถึงกำลังส่องลอดผ่านร่มเงาต้นไม้แล้วตกกระทบมายังโต๊ะใกล้หน้าต่างที่พวกเขานั่ง ทำให้เกิดเป็นเงาระยิบระยับ สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างนั้นเรียกรอยยิ้มอันผ่อนคลายให้กับคนตรงหน้า 

กัสไม่สามารถละสายตาไปจากรอยยิ้มนั้นได้.. 

"อากาศแบบนี้ก็ต้องไอติมว่าไหม.. "

"แล้วทำไมเราสองคนไม่ไ- " ไปกินด้วยกันล่ะ เขาเกือบจะพูดชวนต้นสนออกไปถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวดันลุกขึ้นพรวดออกจากเก้าอี้เสียก่อน ท่าทางคล้ายกับนึกบางอย่างออกแล้ววิ่งออกจากห้องไปไม่หันมาลากันสักคำ แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกนอยด์กับอะไรแบบนี้วะ ต้นสนคือคนที่เขาคุยด้วยได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ กัสก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อแต่ก็ไม่สามารถสลัดรอยยิ้มของไอ้อันธพาลเมื่อสักครู่ให้ออกจากหัวได้ 

จนกระทั่งประตูบานเลื่อนถูกเปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นร่างสูงค่อนไปทางกำยำของต้นสนเดินเข้ามา เม็ดเหงื่อที่ไหลลงขมับและลมหายใจที่ถี่ขึ้นบ่งบอกว่าอีกคนวิ่งมา ในมือมีไอติมแท่งติดมาด้วย 

"เอ้า.. ของฟรีรีบๆ กินก่อนกูเปลี่ยนใจ" คนพูดยื่นไอติมแท่งสีขาวกลิ่นวนิลามาให้ ก่อนจะนั่งลงที่เดิมแล้วจ้องหน้าเขา

"เดี๋ยวก็ละลายหรอกไอ้เนิร์ดนี่" 

"กูชื่อกัส.."

"ก็จะเรียกว่าเนิร์ดอะ มีปัญหาไหม"

โอเค.. ต้นสนเองก็มีเค้าโครงในการเป็นอันธพาลตรงฝีปากเนี่ยแหละ กัสแกะซองไอติมออกพลางจ้องมองสีหน้าสดชื่นของอีกคนที่กำลังถือไอติมแท่งรสช็อกโกแลต 

"ไม่ชอบวนิลาเหรอไง?" อันธพาลหนุ่มถามคนที่เอาแต่จ้องมองไอติมวนิลาในมือตัวเอง

"........" กัสยังเงียบ

"กูก็ไม่ชอบช็อกโกแลตเท่าไหร่เหมือนกัน"

"อ้าว.."

กัสเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดและสีหน้าที่จู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดของอันธพาลหนุ่ม 

"ถ้าไม่ชอบแล้วซื้อรสนั้นมาทำไม?" 

"ใครบอกว่าซื้อเล่า.. ไถมาต่างหากล่ะ" เห็นสีหน้าที่เจื่อนลงของไอ้เนิร์ดแล้วเขาก็ขำกลิ้ง ไม่คิดว่าพอได้รู้ที่มาของไอติมแท่งนั้นแล้วอีกคนจะนิ่งค้างไปเลย

"....มึงแม่งเป็นอันธพาลจริงๆ ด้วยสินะ" กัสพึมพำพลางจ้องมองไอติมวนิลาที่กำลังจะละลายหยดลงบนหนังสือ ทว่ามือของต้นสนกลับไวกว่า เขาดึงข้อมือข้างที่ถือไอติมของกัสให้มาใกล้ปากตัวเองก่อนจะก้มกัดมันไปทีเดียวครึ่งแท่ง กัสกลืนน้ำลายพลางจ้องมองภาพตรงหน้าไม่วางตา สีของแท่งไอติมช่างทำให้อะไรก็ดูอีโรติกไปหมดโดยเฉพาะคราบขาวที่ติดอยู่ตรงมุมปากสีหวานที่ยกยิ้มให้เขา 

ตึกตัก..

หัวใจพลันเต้นรัวเมื่อลิ้นแดงแลบเลียคราบตรงมุมปาก..









ภายในห้องน้ำส่วนกลางของนักเรียนชายที่มักร้างผู้คน และเพราะเป็นแบบนั้นต้นสนจึงเล็งที่นี่เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของเขาด้วยตัวเอง..

นั่นคือการสูบบุหรี่..

เขาเคยอยากลองมาตั้งนานแล้วแต่พวกรุ่นพี่มักจะคอยจับตามองแล้วกีดกันไม่ให้เขาได้ลองดูเลยสักครั้ง เมื่อเช้าก็ดันทำไฟแช็กตกต่อหน้าจนโดนค้นกระเป๋าแล้วยึดของๆ เขาไปจนเหลือมวนเดียว! เป็นอันที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแทนที่จะเป็นกระเป๋ากางเกง พวกรุ่นพี่บางคนก็สูบบุหรี่นะ แต่พอเห็นเขาเดินเข้าไปหาก็จะรีบดับแล้วโยนไปไกลๆ ทันที พวกรุ่นพี่มักจะใส่ใจและดูแลตัวเขาเป็นอย่างดี เขาจึงอดรู้สึกเบิกบานทุกครั้งที่อยู่ด้วยไม่ได้ ถึงต้นสนจะไม่ค่อยเข้าใจถึงสาเหตุแต่เพราะถูกเอ็นดูอยู่บ่อยครั้ง ต้นสนจึงรักพวกรุ่นพี่มาก

เอาละ.. ไหนๆ ก็เหลืออยู่มวนเดียวงั้นก็สูบไปเลยอย่าให้เสีย

"แค่กๆ " 

ต้นสนสำลักควันสีขาวชวนแสบคอ ทว่าก็ต้องรีบกลั้นเสียงเมื่อสองหูได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ปกติมันไม่มีคนเลยไม่ใช่เหรอวะ! แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าคงเป็นรองเท้าที่เดินผ่านประตูของเขาไป อีกคนใส่รองเท้าส้นสูงคล้ายครู ส่วนอีกคนเป็นรองเท้านักเรียนผู้ชายเหมือนกันกับอันที่เขาใส่อยู่ เดินตรวจตราเหรอ? หรืออะไร? ทำไมถึงต้องเข้าไปห้องข้างๆ พร้อมกันแบบนั้น และถ้าเจ้าของรองเท้าส้นสูงที่เดินผ่านไปเป็นผู้หญิง.. แล้วเธอเข้ามาในห้องน้ำชายกับนักเรียนชายทำไม

ความระคายเคืองคอยังไม่ได้หายไปไหน แต่ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งยากที่จะทน เขาแม่งพาตัวเองมาทรมานชัดๆ

"ฮิฮิ.. อย่ารุนแรงนักสิ" 

ชัดเลย.. เป็นเสียงครางเพียงผะแผ่ว ตัวของต้นสนแข็งทื่ออยู่กับที่แต่ใจเต้นระรัวยิ่งกว่าเพลงดิสโก้ มันต่างจากหนังโป๊ที่เคยดู มันดูน่ากลัวและไม่มีทางที่เขาจะมีอารมณ์เพราะเสียงครางหวานของอาจารย์สาว ที่ถ้าให้เดา.. เธอคงเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลที่เพิ่งเข้าใหม่ในเทอมนี้ ได้ยินว่าเธอแจ่มมาก แต่สำหรับต้นสนเรื่องเซ็กส์คือสิ่งที่ไม่ควรทำกับใครพร่ำเพรื่อ ครั้งแรกของเขาต้องเป็นกับคนที่รักเท่านั้น

"แค่ก!" ชิบหายล่ะ..

จังหวะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าเสียงจากในห้องข้างๆ ได้หยุดทำอย่างว่าไปซะแล้ว ต้นสนเครียด..เลือกไม่ถูกว่าระหว่างเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป หรือนั่งสูบบุหรี่แล้วเป็นพยานให้กับเรื่องผิดศีลธรรมนี่ต่อ แต่เหมือนคนข้างในจะไม่คิดที่จะทำต่อแล้ว 

พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น แล้วหยุดลงตรงหน้าประตูห้องที่เขานั่งอยู่ บุหรี่ที่ควรจะดับไปเพราะเขาบี้มันเข้ากับกำแพงกลับติดขึ้นมาใหม่ราวกับเสกได้ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ลอยมาแตะจมูกของใครบ้างไม่ต้องสงสัย

ต้นสนได้กลิ่นแล้วก็ไอโขลกขึ้นมาอีกรอบอย่างห้ามไม่อยู่

"ใครสูบบุหรี่อยู่ในนั้นออกมาเดี๋ยวนี้นะคะ!" 

ต้นสนอยากจะเอาสายฉีดน้ำผูกคอตาย เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูทั้งที่ตัวเองยังนั่งอาลัยตายอยากอยู่บนฝ่าชักโครก วินาทีต่อจากนั้นเป็นภาพของคุณครูสาวเจ้าระเบียบที่เหมือนเธอจะโมโหจนลืมไปว่ายังไม่ใส่เสื่อผ้าให้ดีด้วยซ้ำ หน้าอกสวยโผล่มาให้เห็นว็อมๆ แว็มๆ เรียกเลือดให้ไหลมารวมตรงแก้มทั้งสองข้าง แต่ทว่าสิ่งที่เขาอึ้งกว่านมอาจารย์ก็คงเป็นเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง 

กัสมองดูอันพาลหนุ่มที่ทำตาโตจ้องหน้าอกผู้หญิงราวกับไม่เคยเห็น ก่อนนัยน์ตาวูบไหวปานจะร้องไห้จะเหลือบมาทางเขา

"ไอ้เนิร์ด.." น้ำเสียงอ้ำอึ้งไม่อยากจะเชื่อกระตุ้นรอยยิ้มของเขาให้ยกสูงขึ้น เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นต้นสนในสภาพหาดูยากแบบนี้ ไหล่กว้างที่ควรจะยืดตรงสง่างามกลับลู่ตกและสั่นไหวนิดๆ ไม่รู้เป็นเพราะกลัวความผิดของตัวเองหรือเพราะตกใจกับความจริงที่ได้รู้เกี่ยวกับไอ้เนิร์ดที่อีกฝ่ายรู้จักว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ผิดหวังหรือเสียใจล่ะต้นสน?

เพราะดูเหมือนว่ากูจะสกปรกยิ่งกว่ามึงซะอีก

ท่ามกลางความอึดอัดร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปหาครูสาวด้วยสีหน้าทะมึนตึง เธอคิดว่าจะโดนทำร้ายจึงเผลอถอยหลังจนสะโพกชนเคาน์เตอร์ล้างมือ เธอรีบข่มตาลงตอนเด็กหนุ่มยกมือขึ้นกะทันหัน

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเหลือบมองอีกครั้งก็พบว่าเด็กหนุ่มกำลังติดกระดุมเสื้อให้กับเธอพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ 

"ฮึก.. อย่ามีอะไรกับนักเรียนสิครับอาจารย์ เรื่อง.. ฮึก เรื่องวันนี้ผมจะเก็บไว้เป็นความลับเรื่องของผมเองก็ด้วย เราเจ๊ากันโอเคไหมครับ" การกระทำจบลงพร้อมๆ กับเสียงพูดอันสั่นเครือ แล้วร่างสูงก็เดินจากไปปล่อยให้อาจารย์สาวกับกัสอยู่ด้วยกัน ครูสาวยังคงนิ่งอึ้งกับความรู้สึกคล้ายถูกโอบอุ้มเมื่อสักครู่ 

นี่เธอกำลังทำอะไรกับชีวิตของตัวเองกันนะ..

ฉับพลันก็ดันอยากร้องไห้

"ฮึก ครู.. ขอโทษนะกัส ครูมันแย่จริงๆ "

"ผมจะกลับห้องแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้เริ่มจากผม แต่ผมเองก็มีส่วนผิดเพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้เลยครับ" มันเหมือนคำปลอบโยนที่ไม่ได้วิเศษอะไร แม้กระทั้งคนพูดยังไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ในใจยังคงสลัดภาพน้ำตาของอันธพาลหนุ่มที่จู่ๆ ก็เกิดอ่อนไหวขึ้นมาแล้วร้องไห้ไม่ได้

กัสรู้สึกเหมือนเดินลงหลุมทั้งที่สองเท้ายังเหยียบพื้น แต่ขณะเดียวกันก็สนุกมากๆ ที่ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรอยยิ้มและน้ำตา 

"ต้นสนเนี่ย..น่าสนใจจังนะ"