เมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ
ชาย-ชาย,ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,เนิร์ด,ต้นสน,ความฝัน,วัยรุ่น,คลั่งรัก,คลั่งเซ็กส์,เมะสวย,เมะรุกแรง,เคะอกโต,ไม่ดราม่า,นักเลง,ฟีลกู๊ด,บูลลี่,อันธพาล,NC25++,18+,เคะกล้าม,ฮอตเนิร์ด,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ดเมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ
ช่วงเย็นของวันหนึ่งที่ต้นสนกลับบ้านด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ต้นรักเฝ้ามองดูน้องชายที่ไม่ยอมอาบน้ำด้วยกันเลยช่วงนี้ รู้สึกเศร้าและคล้ายกับจะโดนต้นสนหลบหน้า บางทีเขาคงแกล้งน้องมากเกินไปหรือเปล่า หรือเพราะถึงวัยต่อต้านเลยไม่ชอบที่เขามักจะจุ๊บฝันดีให้ทุกๆ คืน?
ต้นรักคิดหนักกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าห้องไปจึงรีบเดินไปเปิดประตู ต้นสนสะดุ้งเพราะประตูที่เปิดผ่างออกทั้งที่เขาอุตส่าห์เดินให้เงียบที่สุดแล้วแท้ๆ
"หลบหน้าพี่ทำไม? ปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่าต้นสน"
"ปะ..เปล่า" ทว่านัยน์ตากลมกลับไม่โกหก มันสั่นไหวเล็กน้อยจนเกือบมองไม่เห็น แต่ข้อดีของการได้เป็นพี่น้องกันนั่นคือเขารู้ว่ามีอะไรที่ปกติหรือไม่ปกติสำหรับน้องชายนิสัยไร้เดียงสาของเขา แต่ต้นรักต้องจำยอมตัดใจจะหาความจริง.. ต้นสนต้องบอกเขาแน่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แค่ต้องรอให้พร้อม..
"ไม่มีอะไรแล้ว.. เข้าห้องเถอะไปนอนพักผ่อ-" ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคน้องชายตัวโตของเขาก็กระโดดกอด ก่อนจะฉีกยิ้มแฉ่งแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ต้นรักยืนนิ่งค้างเป็นร่างไร้วิญญาณเพราะการกระทำไม่ปกติเมื่อสักครู่ อาการบราค่อน(โรคคลั่งรักน้องชาย)เริ่มจะกลับมา กระทั่งได้สติตอนที่พ่อเดินมาหาในสภาพไม่ต่างกัน
"เมื่อกี๊น้องแกเป็นอะไร.. จู่ๆ ก็หอมแก้มทั้งที่เลิกทำไปตั้งแต่สิบขวบ แกไม่ได้บังคับให้เรียนหนักไปใช่ไหม?"
ต้นรักส่ายหน้าเป็นเชิงไม่รู้.. ทว่าสิ่งที่สองพ่อลูกสื่อกันได้ในตอนนี้คือ 'ชอบให้ต้นสนทำแบบนั้นจังนะ' ทางด้านต้นสนพอกลับถึงห้องก็รีบเปิดคอมเสิร์ชหาวิธีปลูกดอกไม้ชนิดหนึ่งทันที ไม่ใช่เพราะมีอารมณ์สุนทรีย์แล้วจึงอยากปลูกต้นไม้ แต่ตอนที่ไอ้เนิร์ดมาส่งมันเสือกจูบเขาหน้าบ้าน และด้วยความตกใจระคนกลัวคนเห็นเขาก็ดันเหยียบแปลงดอกไม้ที่แม่ปลูกไว้ซะเละ
อันธพาลหนุ่มเหงื่อตกเพราะตอนทานข้าวเย็นกันวันนี้แม่จะต้องจับสังเกตและจะต้องถามอย่างแน่นอน ถึงจะเอาต้นที่ตายยัดใส่กระเป๋าไอ้เนิร์ดหมดแล้วแต่แปลงดอกไม้ก็ยังแหว่งอยู่ดี!
ความผิดไอ้เนิร์ดคนเดียวเลย!
ไม่ทันไรโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขากดรับทันทีเพราะรู้ว่าเป็นใคร
(เป็นไง)
"จะเป็นอะไรเล่าก็นั่งหาชื่อดอกไม้อยู่นี่ไง!" ต้นสนโพล่งขึ้นเสียงดังขณะที่น้ำเสียงปลายสายเรียบเฉยจนน่าหงุดหงิด เป็นต้นเหตุแท้ๆ แต่กลับพูดแค่ว่า 'อุ๊ย.. ขอโทษนะ' มันน่าจับหั่นแล้วโยนลงหม้อนัก! อันธพาลหนุ่มกัดฟันกรอดขณะที่รอกัสคุยกับใครไม่รู้นานสองนาน
(ฮัลโหล.. ที่รัก?)
"น่าขนลุก" ปลายสายได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ
(ตอนนี้เจอดอกไม้แบบเดียวกันกับที่อยู่ในแปลงแล้วนะ ให้เอาไปให้เลยไหม)
"ห๊ะ!? เดี๋ยว.. มึงอยู่ไหนเนี่ย"
(ร้านขายต้นไม้) ต้นสนนิ่งไปก่อนได้สติก็รีบบอกให้มันมาหาเลย แต่ต้องเป็นทางสวนหลังบ้าน เพราะตอนนี้แม่อยู่ในครัว พ่ออยู่ในโรงรถ ส่วนต้นรักก็คงจะนั่งทำงานอยู่ในห้องตัวเอง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ด้านนอกตัวบ้านเลยสักคน อันธพาลหนุ่มเดินออกทางประตูหลังบ้านและก้าวยาวๆ ไปทางรั้วสีขาว ไม่นานเกินรอร่างสูงโปร่งก็โผล่มาพร้อมกับถุงต้นไม้ดอกเต็มสองมือ
ฟ้าใกล้มืดแต่ใครสนตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการปลูกมันลงดินให้ทันก่อนโดนจับได้
"มึงเนี่ยเหมือนเด็กทำจานแตกแล้วไม่กล้าบอกแม่เลยเนอะ"
"เพราะใครกันเล่า" เสียงติดงึมงำดังมาเบาๆ กัสจึงรีบเดินตามแผ่นหลังกว้างไปยังแปลงดอกไม้ที่เขาจู่โจมคนน่ารักเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน.. อยากทำอีกรอบจังนะ แต่คราวนี้คงไม่ใช่ดอกไม้ที่เละทว่าจะเป็นหน้าเขาเนี่ยแหละ
"ลงดินเลยใช่ไหม"
"อืม" ทั้งสองหนุ่มย่อตัวลงนั่งยองตรงแปลงดอกไม้ ข้างๆ กันมีเสียมเล็กสำหรับพรวนและขุดดิน กัสจ้องมองสีของดอกไม้ในแปลงที่คนละสีกันกับที่เขาซื้อมาเงียบๆ ต้นสนลุกลี้ลุกลนจนไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านั้นดอกไม้ในแปลงเป็นสีอะไร
"ใส่ถุงไหม"
"ก็ใส่ทุกครั้งไม่ใช่เหรอ" กัสตอบพลางยิ้มทะเล้น
"กูหมายถึงถุงมือ!"
"ใส่ครับใส่ แต่ใส่ให้หน่อยนะ" ต้นสนได้ยินคำขอแสนขี้เกียจของแฟนตัวเองก็ทำหน้ามุ่ยใส่ ก่อนจะดึงถุงมืออีกข้างที่ใส่อยู่ออกแล้วใส่ให้ไอ้เนิร์ดแทน เป็นการกระทำที่ดูเรียบง่าย ไม่ได้วิเศษอะไรแต่ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากันและกัน
กลับรู้สึกเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ
ริมฝีปากสีหวานขบเม้มเข้าหากันอย่างเขินอาย กลิ่นหอมของดอกไม้ที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อกำลังส่งกลิ่นโชยมาตามลมเย็น แสงสีส้มของพระอาทิตย์ตอนตกดินสร้างความแปลกใหม่ให้กับความรู้สึก เป็นครั้งแรกที่ต้นสนรู้สึกอยากจะจูบคนตรงหน้ามากขนาดนี้ ร่างสูงโปร่งขยับเข้าหาราวกับอ่านความคิดได้ ทว่าอันธพาลหนุ่มดันตกใจหงายล้มก้นจ่ำเบ้า ทำให้กัสหลุดหัวเราะเสียงดังเพราะความเด๋อด๋าของต้นสนไม่ได้
"ลุกขึ้นเร็วเข้า.. เดี๋ยวก็ปลูกไม่ทันก่อนฟ้ามืดหรอก"
"อืม.. เฮ้ยเดี๋ยวนะดอกไม้นี่มันคนละสีกับในแปลงนี่หว่า"
"........."
"กัส? ทำไมมึงถึงซื้อดอกไม้คนละสีกับในแปลง.. มึงคงไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม"
"...."
กัสนิ่งเงียบไปจนผิดปกติ ก่อนจะได้เอ่ยอะไรออกไปมากกว่านั้นเงาดำก็ตกกระทบลงบนตัวเขา ต้นสนเหงื่อตกค่อยๆ หันไปมองผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต แม่ของเขานั่นเอง อันธพาลหนุ่มในยามนี้ตัวหดเล็กลงกว่าที่เคยเป็น ใบหน้านวลถอดสีจนน่าสงสารทำให้กัสชักสงสัยว่าทำไมต้นสนถึงกลัวแม่ขนาดนี้
"มะ.. แม่ผมอธิบายได้นะ"
หญิงวัยขึ้นเลขสี่หมาดๆ มองดูลูกชายคนเล็กของบ้านด้วยแววตานิ่งๆ ก่อนเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่ช่วงนี้มาส่งลูกชายเธอทุกวันจนผิดสังเกต ทว่าลูกชายของเธอก็ดูจะมีความสุขดี
"แม่ชื่อพินนะ แต่เรียกแม่เฉยๆ ก็ได้"
ต้นสนถูกเมินไปเรียบร้อยแล้ว เขาขยับมือปลูกดอกไม้ต่อให้เสร็จระหว่างที่แม่ผู้ให้กำเนิดกำลังเห็นลูกคนอื่นดีกว่าลูกแท้ๆ ในไส้ กัสยกยิ้มให้แม่ของต้นสน นัยน์ตาสีนิลที่คล้ายแฟนหนุ่มทำให้หัวใจของเขาเต้นตึกตัก ต้นสนมีดวงตาสวยเหมือนแม่นี่เอง
"ผมชื่อกัสครับเป็นเพื่อนร่วมห้องของต้นสนมาหนึ่งปีแล้ว"
"ดูเป็นเด็กเรียบร้อยจนไม่น่าจะเข้ากับลูกชายแม่ได้เลยนะ งั้นที่ต้นสนตั้งใจเรียนในช่วงนี้ก็เป็นเพราะกัสสินะ"
ต้นสนได้ยินดังนั้นก็พลันกระแอมไอค่อกแค่ก ก่อนจะโดนมือนุ่มตีที่หัวเบาๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้คนขี้น้อยใจน้ำตาเล็ดได้ กัสยืนคุยกับแม่ของต้นสนเพลินจนกระทั่งดอกไม้ในแปลงสวยงามเหมือนเดิม แม้ว่าสีของดอกไม้จะเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ปะปนกันหลากหลายสีก็ดูสวยไม่น้อยเลยเหมือนกัน ต้นสนลุกขึ้นยืดอกภูมิใจพลางปาดเหงื่อที่ไหลลงขมับ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าไอ้เนิร์ดเดินไปนู้นกับแม่เขาแล้ว
"รอผมด้วยสิแม่!" ร่างสูงใหญ่วิ่งไปผลักให้กัสออกห่างแม่ตัวเองแล้วเดินจูงมือเข้าบ้าน ไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ กัสส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะหลุดขำ พินมองลูกชายทำนิสัยไม่ดีใส่กัสก็ด่าว่าทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต เหยียบดอกไม้แม่ก็แทนที่จะยอมรับผิดแล้วขอโทษแต่กลับเลือกที่จะปลูกขึ้นมาใหม่แทน เพียงแค่นั้นเด็กผู้อ่อนไหวต่อคำพูดอย่างต้นสนก็จะร้องแล้ว เพราะแบบนี้เวลาเกิดเรื่องขึ้นเธอจึงพยายามใช้สีหน้าแสดงออกมากกว่าคำพูดแรงๆ คำสองคำที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแทน
"กัสก็มากินข้าวด้วยกันก่อนสิ" พินเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังยิ้มอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว กัสเอ่ยตอบรับทันทีขณะที่อีกคนหน้าเหวอก่อนจะทำปากราวกับอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งมื้ออาหารเริ่มขึ้นและครอบครัวของต้นสนก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างดี ดนัยหรือก็คือพ่อของต้นสนเอ่ยถามเรื่องของต้นสนตอนเรียนอยู่ในห้อง ขณะที่แกงจืดเริ่มเย็นเพราะคุยกับเด็กชื่อกัสเพลินไปหน่อย
"ต้นสนร้องไห้เก่งมากเลยนะ ตอนเด็กๆ แค่หมาเห่าใส่ก็ร้องใส่หมาซะแล้ว"
"อื้อพ่อหยุด.." เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนแล้ว ดูแววตาสนอกสนใจจนออกนอกหน้าของไอ้เนิร์ดนั่นสิ เพราะงี้ไงถึงเข้ากันกับที่บ้านเขาได้โดยไม่ติดขัดอะไรเลย ทุกคนสนทนากันต่อโดยหัวข้อก็ยังไม่พ้นเรื่องของเขา
"ครับ.. ฮ่าฮ่าๆ ตอนนั้นต่อยผมเข้าเบ้าตาก็จริงแต่ก็ยังใจดีเอายามาให้"
เรื่องเล่าของกัสทำทุกคนหัวเราะร่าเริง ยกเว้นแต่ต้นสนที่ได้แต่ก้มหน้างุดพลางเขี่ยผักในจานให้ต้นรักที่กำลังเล่าเรื่องสมัยเด็กของเขาให้กัสฟัง
"น่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะ"
"ครับต้นสนน่ารักมากเลย"
บทสนทนาที่มีแต่เรื่องของเขาดำเนินมาจนเกือบสองทุ่มครึ่งและเป็นตอนที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้กัสค้างที่นี่สักคืน เพราะข้างนอกมืดแล้ว ต้นสนรู้สึกลางไม่ดีรีบชิงขึ้นห้องไปหอบข้าวของๆ ตัวเองไปนอนกับพี่ชาย
"ทำอะไรเนี่ย" ต้นรักถามขึ้นเมื่อเห็นน้องชายกระโดดขึ้นบนเตียงนอนของตัวเองด้วยท่าทางร้อนรน
"ผมจะไม่นอนห้องเดียวกับไอ้เนิร์ดเด็ดขาดเลย"
"ทั้งๆ ที่เคยไปค้างห้องอีกฝ่ายเป็นสิบครั้งแล้วเนี่ยนะ"
"ก็นั่นมันตอนที่สมัครใจนี่นา"
ต้นรักละสายตาจากกองหนังสือแล้วลุกขึ้นไปหาน้องชายที่กำลังงอแงบนเตียง มองแวบเดียวก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ไม่สบอารมณ์ต้นสนมากแค่ไหน คนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะดึงน้องตัวเองที่อาบน้ำจนตัวหอมฉุยมากอด ต้นสนกอดตอบอย่างเคยชินขณะที่สายตาสะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งที่ยืนมองนิ่งๆ ตรงประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้
ไอ้เนิร์ดยืนอยู่ในชุดนอนอีกตัวของเขา..
ต้นสนผลักพี่ในไส้ออกโดยสัญชาตญาณแทบจะทันที กัสฉีกยิ้มพอใจขณะที่ต้นรักทำสีหน้างุนงงแล้วหันไปมองด้านหลัง จึงพบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเพียงหนึ่งเดียวของคนเป็นน้อง
"เห็นแล้วผมก็อยากมีน้องชายขึ้นมาเลย เสียดายที่ผมเป็นลูกคนเดียว" กัสว่ายิ้มๆ แม้สายตาจะไม่ยิ้มตาม ทำเอาอันธพาลหนุ่มที่รู้จักแววตานั้นดีผวา ไอ้เนิร์ดกำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง แล้วไหงเขาถึงต้องรีบเดินไปหามันแบบนี้ด้วยวะ
"กัส.."
"ง่วงนอนแล้วนะ.. ทำไมต้องแยกห้องล่ะทั้งที่เรานอนด้วยกันออกจะบ่อยแท้ๆ"
เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันเน้นบางคำแปลกๆ...
"นั่นสิ.. คืนนี้ก็นอนเป็นเพื่อนกัสเถอะ จะให้นอนคนเดียวในที่ไม่คุ้นแบบนี้ได้ยังไง" ต้นรักเห็นดีเห็นงามแม้จะแอบเสียดายที่ไม่ได้นอนกับต้นสนคืนนี้ก็ตาม กัสเอ่ยลาแล้วกอดคอต้นสนให้ออกไป
"จะหนีเหรอครับ?"
"เปล่านะ.. ก็แค่คิดถึงพี่เฉยๆ" ต้นสนแถไว้ก่อน ไม่ยอมบอกหรอกว่าคืนนี้เขากลัวตัวเองจะไม่ได้นอนมากแค่ไหน จนถึงห้องนอนอันธพาลหนุ่มก็ถูกจับกดลงบนเตียง ร่างสูงโปร่งขยับขึ้นคร่อมอย่างชำนาญพร้อมกับกดคนน่ารักไว้ใต้ร่าง
"อื้อ! ไอ้เนิร์ด" ต้นสนดิ้นขณะที่แววตาหื่นกระหายกำลังจ้องมองไปทุกส่วนของร่างกาย จ้องมองราวกับเห็นทุกอย่างทะลุเนื้อผ้าบางที่แนบไปกับร่างกาย ทำไมแฟนเขาถึงได้น่ารักน่าฟัดมากขนาดนี้กันนะ ยิ่งตอนที่อ้อนพี่ตัวเองเขาก็พลันอยากเล่นบทพี่น้องท้องชนกันขึ้นมากับต้นสน อยากถูกต้นสนเรียกว่าพี่... 'พี่ครับ.. กระแทกเข้ามาลึกๆ ที'
"กัส?"
พลันหลุดจากจินตนาการอันผิดศีลธรรมเขาก็ก้มสบกับนัยน์ตาสีนิลที่คล้ายจะเว้าวอนอยู่หน่อยๆ
"วันนี้ไม่ทำอะไรหรอกน่า..ไม่ได้พกถุงยาง"
ต้นสนได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปากแล้วหยิบน้องเน่าบนหัวเตียงมาปิดหน้าแดงๆ ของตัวเอง
อะไรคือความรู้สึกโล่งอกและเสียดายในเวลาเดียวกันวะเนี่ย...