เมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ
ชาย-ชาย,ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,เนิร์ด,ต้นสน,ความฝัน,วัยรุ่น,คลั่งรัก,คลั่งเซ็กส์,เมะสวย,เมะรุกแรง,เคะอกโต,ไม่ดราม่า,นักเลง,ฟีลกู๊ด,บูลลี่,อันธพาล,NC25++,18+,เคะกล้าม,ฮอตเนิร์ด,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อผมดัน 'พลาดท่า' มาเป็นแฟนไอ้เนิร์ดเมื่อสองสิ่งที่ดูไม่เข้ากันมากที่สุดมาคบกัน อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไอ้เนิร์ดประจำห้องและไอ้อันธพาลกันนะ
ต้นสนใช่ฝ่ามือปิดหน้าตัวเองแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ไม่ยอมมองหน้าแฟนหนุ่มที่ยังสมองมึนเบลอ ร่างสูงโปร่งบนเบาะได้สติจึงรีบปีนขึ้นเตียงของอีกคนทันที ไม่วายถูกถีบตกเตียง
ดูเหมือนกับเขาจะโดนต้นสนโกรธเป็นจริงเป็นจังมากเลย
.
.
.
.
แสงอาทิตย์สาดส่องแยงตาบ่งบอกว่าให้รู้ว่าเช้าวันใหม่ได้มาถึง ต้นสนปรือตาขึ้นอย่างงัวเงียก่อนเบิกตากว้างเมื่อที่ว่างข้างเตียงถูกพับเก็บเรียบร้อย กัสคงต้องรีบกลับเพราะต้องไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนต่อที่บ้าน แต่ทำไมไม่บอกเขาหน่อยวะ! คิดจะไปก็ไป
อีกอย่าง... เมื่อคืนเขาเผลอถีบมันตกเตียงด้วยนี่หว่า
ต้นสนสะบัดหน้าไล่ความคิดแง่ลบพลางลุกขึ้นไปล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง ขณะที่ต้นรักพี่ชายขี้เซาของเขาเดินหาวไปตามทางระหว่างเดิน จนถึงห้องครัวก็ต้องแปลกใจที่เห็นแม่และกัสกำลังยืนทำกับข้าวด้วยกัน
"เวลาหั่นผักต้องทำมือแบบนี้มันถึงจะไม่บาดนิ้วเอาง่ายๆ "
"แบบนี้เหรอครับแม่" กัสถามพลางทำมือแมวสร้างความรู้สึกเอ็นดูให้กับหญิงวัยขึ้นเลขสี่ พินทำอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านอย่างทุกครั้งและคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอีกคนจะรีบตื่นแล้วลงมาช่วย พลางขอให้สอนทำกับข้าวง่ายๆ สักสองสามอย่าง กัสหัวไว เรียนรู้เร็วจนเธอแอบทึ่ง ทว่าก็มีมุมที่แสดงให้เห็นถึงความใจร้อนอยู่บ้าง
"ต้นสนชอบกินอะไรเหรอครับ เอ่อ..สมมุติว่าทำข้าวกล่องผมอยากรู้ว่าข้างในข้าวกล่องที่ต้นสนชอบจะมีอะไรบ้างน่ะครับ"
คนเป็นแม่ทำสีหน้าครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกชายคนเล็กของเธอชอบ แต่ก็แอบเอะใจไม่น้อยที่กัสเอ่ยถามอะไรที่ดูไม่น่าสนใจเช่นนี้ ทว่าพอได้เห็นแววตาของเด็กข้างๆ เธอก็เริ่มจะรู้สึกเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดบอกสิ่งที่เด็กหนุ่มอยากรู้ไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"ต้นสนไม่มีของที่ชอบแบบเจาะจงหรอกจ้ะ แต่ลูกแม่เกลียดผักมากจนน่าปวดหัวเลยล่ะ"
"งั้นเหรอครับ.." กัสเลื่อนสายตามองผักคะน้าที่หั่นอยู่ในมือ รู้งี้น่าจะให้แม่สอนทำอย่างอื่นที่ไม่มีผักดีกว่า สาเหตุหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าต้นสนชอบ หรือไม่ชอบกินอะไรเกิดจากทุกๆ เที่ยงต้นสนจะกินข้าวกับพวกรุ่นพี่ตรงไหนสักที่ของโรงเรียนเนี่ยแหละ และเขาก็ไม่อยากบังคับใจแฟนหนุ่มให้นั่งมากินข้าวกับเขาแทน เว้นแต่นานๆ ครั้งอาจได้กินด้วยกัน
"งั้นเดี๋ยวแม่สอนทำไก่ชุบแป้งทอดสูตรลับของแม่ให้เอาไหม" น้ำเสียงอ่อนนุ่นพูดเสนอเพราะอ่านสีหน้าของเด็กข้างกายออก เธอไม่ได้คิดไปเอง.. บางอย่างในสายตาของกัสยามมองลูกชายคนเล็กของเธอแตกต่างไปจากสายตาที่เพื่อนควรจะต้องมีให้กัน..
"ได้เหรอครับ!?" กัสถามใบหน้าเหลอหลาเพราะคำว่าสูตรลับ
พินยกยิ้มเอ็นดูพลางพยักหน้าเป็นคำตอบ พลันทำให้ข้างในรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ไม่แปลกใจที่ทำไมต้นสนถึงมีนิสัยอ่อนโยนและไม่มองโลกในแง่ร้าย เพราะที่นี่มัน..อบอุ่นจนอยากร้องไห้เลย ต้นสนที่เพิ่งคร่ำครวญกับตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เดินไปทางห้องครัวก่อนพบร่างใหญ่ของพี่ชายยืนพิงทางเข้า ต้นรักสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็มีอะไรไม่รู้มาเกาะหลัง เสียงคนตกใจเรียกความสนใจจากทั้งสองคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ครัว
"เล่นอะไรกันแต่เช้าเลยล่ะไอ้เด็กสองคนนี้" พินแสร้งดุ ในมือกำลังจับตะหลิวทำท่าเป็นคุณแม่จอมเข้มงวด กัสมองต้นสนที่กำลังมุดเข้าไปในหลังเสื้อของคนเป็นพี่แล้วกอดขอไออุ่น ราวกับมองไม่เห็นเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ภาพพี่น้องกัดกันแต่เช้าคงจะเป็นภาพที่ปกติดีสำหรับครอบครัวที่มีพี่น้อง
"ไอ้เด็กบ้านี่ตัวเย็นอย่างกับน้ำแข็งเลย! แม่ดึงปลิงออกจากหลังผมที!"
"เรียกน้องว่าปลิงได้ยังไงต้นรัก แม่ไม่ว่างเห็นไหม"
กัสที่ถูกต้นรักขอความช่วยเหลือทางสายตาจำใจเดินมาใกล้คนที่ถีบเขาตกเตียงเมื่อคืน ก่อนจะเลิกชายเสื้อของต้นรักขึ้นทำให้คนด้านในชะงักกึก พลางจ้องมองคนที่คิดว่ากลับไปแล้วตาโต
"กูนึกว่ามึงกลับไปแล้วซะอีก"
"เปล่า.. กำลังช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่"
ได้ยินดังนั้นต้นสนก็ชะโงกหน้าจากด้านหลังพี่ชายไปมองแม่ที่กำลังทำกับข้าวด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
ก่อนมองผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่ไอ้เนิร์ดใส่อยู่
"ฮรึก.. มึงน่าจะได้ส่องกระจกนะกัส" เสียงกลั้วหัวเราะของต้นสนทำให้คนเป็นพี่ที่ก็มีความคิดไม่ต่างกันหัวเราะออกมา กัสเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสองคนนี้ถึงเกิดมาเป็นพี่น้องกัน หลังรอให้แฟนหนุ่มหัวเราะจนเสร็จเขาก็กลับไปที่เคาน์เตอร์ จดสูตรไก่ชุบแป้งลงกระดาษเล็กๆ ก่อนเอ่ยลา
"ไม่อยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนล่ะ?" พินถาม
"ไม่เป็นไรครับ.. ผมต้องรีบกลับไปเตรียมตัวเรียน" ต้นสนไม่คิดปรามแต่เดินหาวออกมาส่งกัสถึงรั้วบ้าน ดอกไม้ที่ปลูกไว้เมื่อช่วงเย็นบานรับแสงอาทิตย์สดใส อันธพาลหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะสบตากับร่างสูงโปร่งที่กำลังจ้องหน้าเขาไม่วางตา บางทีกัสก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังคิดอะไรอยู่.. อย่างเช่นตอนนี้ที่นัยน์ตาคมจ้องลึกเข้ามา อันธพาลหนุ่มหลุดยิ้มอีกครั้งก่อนจะมองซ้ายมองขวา
เมื่อพบว่าไม่มีใครจึงโน้นหน้าเข้าหาแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
"ช่างกล้านะต้นสน" กัสเห็นใบหน้าทะเล้นราวกับกำลังหยอกล้อเขาด้วยวิธีใหม่อยู่ก็แทบอยากจะจับกดให้จมเตียง ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกที่เหมือนกับถูกดึงให้ขึ้นจากคลื่นพายุที่วุ่นวาย
"ไถ่โทษที่ถีบมึงเมื่อคืนไง กลับบ้านดีๆ ล่ะ"
"อืม.. เจอกันที่โรงเรียน"
.
.
.
.
"พี่ภูมิ.. ทำไมถึงฉีดสเปรย์เป็นรูปเงาะกับกล้วยลงบนกำแพงแบบนั้นล่ะ?" คำถามแสนใสซื่อที่หลุดออกมาจากปากทำให้ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความเงียบ ต้าทนไม่ไหวหลุดหัวเราะเสียงดังพาลทำให้คนอื่นหลุดขำไปด้วย ภูมิมองสเปรย์ในมือสลับกับภาพบนกำแพงซ้ำๆ หลายรอบแล้วก็ไม่เข้าใจ ไอ้แทนหรือก็คือพี่ใหญ่สุดในกลุ่มดึงร่างที่เตี้ยกว่าตนเล็กน้อยมาอธิบาย
"ต้นสนนั่นไม่ใช่เงาะกับกล้วยแต่เป็นหรรมที่สวยงามของไอ้ภูมิต่างหากล่ะ"
ต้าหัวเราะจนท้องแข็งเมื่อเห็นต้นสนทำสีหน้าขยะแขยงภาพบนกำแพง เพราะแบบนี้เขาถึงชอบรวมตัวทานข้าวเที่ยงกันทั้งกลุ่ม
"มึงมีปัญหาอะไรกับศิลปะของพี่วะต้นสน"
ต้นสนขมวดคิ้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
"ไอ้กลมๆ ขนๆ นั่น.. ผมคิดว่ามันเป็นขนเงาะ รู้ไหมว่าพี่ทำไม่เหมือนของจริงเลยสักนิด"
"เหอะ! ต่อให้มึงไปเจอรูป**ยบนกำแพงที่ไหนก็ไม่มีทางดูดีเท่ากับอันนี้หรอกนะเว้ยจะบอกให้ ที่มึงเห็นเป็นเงาะเพราะดูหนังโป๊แบบมีเซนเซอร์ใช่เปล่า" คนอายุน้อยกว่าส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะแย่งกระป๋องสเปรย์สีดำมาจากมือของภูมิ และก้มลงเอาสีเนื้อในกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนพื้นมาเข่ยา เขาไม่เคยพ้นสเปรย์เป็นรูปเพี้ยนๆ พรรค์นั้น มากสุดก็หัวกระต่ายที่เคยพ้นเล่นๆ บนกำแพงในสวนสาธารณะและปัจจุบันก็กลายเป็นมุมถ่ายรูปของคนผ่านไปผ่านมาซะแล้ว
เสียงพ้นและกลิ่นฉุนเป็นเอกลักษณ์ของสีสเปรย์ดังอย่างต่อเนื่อง แรกๆ ทุกคนก็จับจ้องเพราะคิดว่าคงได้เห็นอะไรสนุกๆ อีก แต่ทว่าพอเวลายิ่งผ่านไปรูปไอ้นั่นของผู้ชายที่ควรจะเป็นขีดโง่ๆ ธรรมดาๆ ก็ดันกลายเป็นรูปหรรมเสมือนจริงบนผนัง
"เสร็จแล้ว.. พี่ภูมิดูไว้ให้เต็มตานะครับว่านี่น่ะค**ส่วนอันนี้น่ะเงาะ"
"......"
ต้นสนมองไปรอบๆ ก็พบกับสายตานิ่งอึ้งที่มองเข้ามาราวกับไม่อยากจะเชื่อ คนอายุน้อยกว่าก้มหน้ามองซิบกางเกงของตัวเองที่ยังปกติดีอยู่ ก่อนเสียงนาฬิกาจะแจ้งเตือนบอกเวลาเข้าคาบเรียน
"ผมต้องไปแล้ว" สิ้นเสียง ต้นสนก็โยนกระป๋องสเปรย์ลงในกระเป๋าแล้วเปิดประตูด่านฟ้าลงไป ขณะที่ต้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแล้วอัพลงอินตราแกรมของตัวเอง ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วน้องเล็กของกลุ่มจะมีพรสวรรค์ทางด้านนี้
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันในใจว่าของขวัญวันเกิดปีนี้ของต้นสนจะต้องเป็นพู่กันไม่ก็อุปกรณ์สำหรับงานศิลปะอย่างแน่นอน
"ภูมิ.. ต่อไปนี้มึงจะเถียงน้องมันว่าที่มึงวาดเป็นอะไรไม่ได้อีกแล้วนะเว้ย" แทนพูดอย่างจริงจัง ภูมิกลืนน้ำลายลงคอ คราวนี้ตอนที่พวกสภานักเรียนแห่กันมาลบรอยออก คงต้องมีใครแอบคิดเสียดายบ้างแหละ นี่ขนาดเป็นแค่รูปไอ้นั่นเองนะเนี่ย แล้วถ้าเป็นรูปอื่นล่ะจะมีใครกล้าลบมันทิ้งไหม
ต้นสนกลับถึงห้องตามปกติ ช่วงเที่ยงที่คนยังเดินเข้าออกไปมาทำให้บรรยากาศในห้องดูครึกครื้น เขาก็ชอบอยู่หรอก เพราะแม้จะนั่งอยู่ที่โต๊ะนิ่งๆ และมองนั่นนี่ไปเรื่อยก็ไม่ได้บอกหนิว่าไม่พอใจที่ได้ทำอย่างนี้ เพียงแต่ก็ห้ามสายตาดูแคลนและหยามเหยียดเหล่านี้ไม่ได้
ว่าแต่...
ไอ้เนิร์ดอยู่ไหน?
นัยน์ตาสีนิลมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เจอร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาพอทักไปหาก็ดันไม่อ่าน ไปห้องสมุดเปล่า? แหยะไม่มีทาง...เขาไม่รู้ว่ามันเรียนเก่งเพราะอะไร แต่เขาไม่เคยเห็นกัสอ่านหนังสือเกินสามสิบนาทีเลย เป็นความจริงที่ไม่น่าเชื่อ วันนั้นที่เจอกันในห้องสมุดแล้วได้ทำข้อตกลงว่ากัสจะช่วยติวหนังสือให้แลกกับจะขออะไรจากเขาก็ได้
และนั้นก็เป็นที่มาว่าทำไมคนที่สังคมรังเกียจอย่างเขาถึงได้เป็นแฟนกับไอ้เนิร์ด(ที่เนื้อแท้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด) ที่เกริ่นมาทั้งหมดก็ไม่ใช่เพราะอะไร แต่พอได้คิดๆ ดูแล้วถ้าไอ้เนิร์ดไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ทำไมวันนั้นเขาถึงเจอมันที่นั่น คงไม่ตั้งใจไปเพื่อกวนประสาทเขาหรอกใช่ไหม..
และนี่มันก็ใกล้จะเริ่มคาบบ่ายแล้วนะ อันธพาลหนุ่มคิดหนักพลางเอ่ยถามซิมที่เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมพอดี
"ไม่นะ.. ก็ไม่เห็นตั้งแต่เที่ยงแล้ว อยู่ห้องสมุดหรือเปล่า"
หืม.. ถ้าหากว่าเขาไม่รู้จักกัสลึกขนาดนั้น มองผิวเผินก็เชื่อว่าเนิร์ดแบบนั้นจะไปไหนได้ถ้าไม่อยู่ห้องสมุด ประสบการณ์สงครามประสาทระหว่างเขากับอีกคนในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้เขาพอจะนึกออกอยู่บ้าง สายตาพลันสะดุดกับผู้หญิงที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนเข้ามาในห้อง แววตาระส่ำระสายมองไปยังที่นั่งไอ้เนิร์ดหลายครั้งจนผิดสังเกต ต้นสนไม่รอช้าลุกขึ้นไปถามเธอคนนั้นทันที
"ไอ้เนิร์ดอยู่ไหน"
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ทั้งตกใจทั้งสับสนว่าเหตุใดอันธพาลประจำห้องถึงเข้ามาถามเธอเรื่องกัส ทว่าเธอก็เก็บความลนลานที่มีไว้ไม่อยู่ พลันมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา ถ้าหากว่าเป็นต้นสนล่ะก็จะต้องช่วยกัสได้แน่ๆ เธอรวบรวมความกล้าและเผชิญหน้ากับนัยน์ตาสีนิลที่แข็งกร้าว
"คือต้นสนช่วยฟังเรื่องของฉันได้ไหม..."
อันธพาลหนุ่มใจเย็นแล้วฟังเรื่องราวของเธอ ไม่ทันจบเขาก็รู้ได้ทันทีว่ารอช้าอีกไม่ได้
"ทำไมถึงไม่รีบบอกวะ!" เสียงตะคอกเกรี้ยวกราดดังลั่นห้อง หญิงสาวร่างกายสั่นหงึกแต่ก็ยอมรับในความขี้ขลาดของตัวเอง ขณะที่ร่างสูงใหญ่สาวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
กระทั่งถึงหลังตึกเก่า ต้นสนถึงกับอึ้งไปกับภาพตรงหน้า