ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
รัก,ดราม่า,ตลก,ลึกลับ,ชาย-ชาย,BL,วาย,ฟิลกู้ด,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คั่นเพียง"ภพ"ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
“ภพ” คือชื่อเรียกที่เขาเพียรตามหา
“ภพ” คือสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างเขากับเด็กคนนั้น
“ภพ” คือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้าง แม้นว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายก็ตาม
“ราห์” คือชื่อที่เขาพึ่งรู้จัก
“ราห์” คือชื่อบุคคลที่คอยช่วยเขาเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง
“ราห์"คือคนที่เขาไม่อยากให้หายไปสักนิดแม้ตัวเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
Trigger Warning
blood มีเลือด/murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย/ghost มีผี
ขอฝากน้องภพไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเหล่าแม่ ๆ ทุกท่านด้วยนะคะ มาเจอน้องภพพร้อมกันได้ทุกวันเวลา 18.00น.น๊า
#ผมเก็บผีได้ในวันฮาโลวีนแหละครับ
ผู้แต่ง:LinLiLing
ภาพปก:ณหญิง
ภาพปกจิบิ:Senh Mee
หัวใจภพเต้นระส่ำ กระแสธารอุ่นร้อนโถมซัดจนท้วมอก เสียงหอบหายใจถี่รัวดังขึ้นหลังจากวิ่งหนีตัวตนปริศนาเมื่อกี้อย่างเอาเป็นเอาตายจนสามารถกลับมาทางเดิมที่มีแสงไฟส่องสว่างเยอะขึ้นได้
คงต้องยกความดีความชอบให้ผีหนุ่มข้างกายที่ช่วยให้เขารอดพ้นสถานการณ์อันตรายเมื่อกี้มาได้อย่างเฉียดฉิว ในตอนที่ผมเห็นแสงไฟส่องสว่างโร่ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนรอดตายเลยล่ะ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าบุคคลปริศนาที่กระโจนใส่พวกผมเมื่อกี้หายไปตั้งแต่ตอนไหนแต่ที่ผมรู้แน่ ๆ ก็คือ
กูรอดตายแล้วโว้ยย
วิญญาณหนุ่มเห็นภพเลือดสีสดไหลตัดกับสีเนื้อจากนิ้วมือหยดลงบนพื้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “นาย เจ็บ”
ห๊ะ?
เขาซี๊ดปากทีหนึ่งหลังจากโดนทัก พบว่าตัวเองได้รอยแผลเลือดซึมออกมาเล็กน้อยยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรถาก ๆ ตรงบริเวณปลายนิ้วมือ
“คงไปโดนตอนวิ่งหนีเมื่อกี้ล่ะมั้ง” เขาพึมพำนำนิ้วที่เลือดกำลังไหลเข้าปากดูดเบา ๆ แล้วกดลงบนเสื้อของตนเองอย่างไม่ยี่หระ
ภพเหนื่อยหอบจนนั่งลงแผ่ขาอ้าซ่าหลังพิงกำแพงในซอยที่ใกล้ถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตพักเอาเรี่ยวแรง ภพเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนหอบน้อย ๆ ข้างกายเขา ท่อนแขนสีขาวซีดเห็นเส้นเลือดปูดโปนชัดเจนยังกอบกุมเรียวแขนของภพไว้ไม่ปล่อย
“นี่ ปล่อยได้แล้ว” ภพเขย่าแขนตัวเองเป็นเชิงบอกให้ปล่อยมือ อีกฝ่ายเหมือนพึ่งรู้สึกตัวก็รีบปล่อยแขนภพลง
“แล้ว ไอ้ตัวนั้นมันคืออะไรผีหรือคน” น้ำเสียงที่ยังคงสั่นน้อย ๆ เจือแววตื่นกลัวและกระวนกระวายถามวิญญาณหนุ่มพลางใช้มือเช็ดเหงื่อที่ไหลหยดลงมาถึงใต้คาง
“อสุรกาย” นี่เป็นครั้งแรกที่ภพได้ยินอีกฝ่ายกล่าวแบบเต็มคำ สายตาคมกริบของราห์ดูโหดเหี้ยมกว่าเดิมทอดมองกลับไปยังซอยที่พวกเขาวิ่งกลับมา
“อสุรกาย? แล้วมันคืออะไร”
“กลับ ก่อน” วิญญาณหนุ่มเอ่ยทักยื่นฝ่ามือใหญ่มาตรงหน้าภพ เขาจับมือนั้นแล้วลุกขึ้นยืนปัด ๆ ฝุ่นที่กางเกง
ก็นะ....ถ้ามาคุยเรื่องผี ๆ ที่ซอยแบบนี้ไม่สู้กลับไปซุปเปอร์ที่มีแสงไฟและคนเยอะกว่านี้ดีกว่า แต่มือนุ่มกว่าที่คิด
เนื่องจากเขาไปไม่ถึงร้านอาหารเลยต้องซื้อของในร้านตัวเองไปทำกับข้าวมื้อค่ำแทนพร้อมโทรหาไอ้ซันเพื่อนรักที่ส่งปักหมุดร้านอาหารมา
“ไอ้เหี้ยซัน มึงส่งร้านบ้าอะไรมาให้กูเจอแต่ซอยมืด ๆ เนี่ย” ภพตะโกนถามใส่ปลายสายอย่างหัวเสีย
“อะไรของมึงเนี่ย แล้วเข้าซอยมืด ๆ ไปได้ไงกูขับรถไปยังเป็นถนนใหญ่อยู่เลย อย่าบอกนะว่ามึงเดินเอา” ซันตอบกลับอย่างงง ๆ อยู่ดี ๆ ก็โดนแจกตัวเงินตัวทองใส่เฉย
“เออ ก็ใช่อ่ะดิมันใกล้ร้านกูเลยเดินไปแม่งพาเข้าซอยบ้าอะไรไม่รู้”
“มึงเจอผีมาเหรอว่ะถึงมาโวยวายใส่กูเนี่ยเพื่อน”
“เออ” ภพกล่าวเซ็ง ๆ สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่น เขาจึงกดวางสายใส่ซันหน้าตาเฉย
แม่ง คนอุตส่าห์บอกมาหัวเราะใส่ซะนี่
ติ้ง เสียงข้อความเข้าเด้งขึ้น
[แน่ะ ๆ มีงอนนะเดี๋ยวนี้ มึงไม่เป็นไรใช่ม่ะไว้เล่าให้กูฟังละเอียด ๆ ทีหลังละกัน] ภพอ่านแชทปิดหน้าจอมือถือก่อนขึ้นรถก่อนจะคุยเรื่องค้างคาต่อจากเมื่อกี้กับวิญาณหนุ่ม
“แล้วเล่าได้ยังว่าอสุรกายคืออะไร” ผมตั้งหน้าตั้งตาขับรถกลับบ้านพร้อมถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“คน บาป” อีกฝ่ายตอบกลับมาสั้น ๆ ทีละคำตามเดิม ผมนึกว่าเขาจะพูดแบบยาว ๆ เป็นประโยคได้แล้วซะอีก
“แค่นั้น? แล้วคุณคุยกับมันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องกระโจนใส่พวกเราด้วย” ภพขมวดคิ้ว
“ไม่ มัน แข็ง แกร่ง ต้อง การ บุญ”
“คือคุยไม่ได้ เพราะไอ้ตัวนั้นมีฤทธิ์เยอะแล้วต้องการบุญจากพวกเรา? คุณสู้มันไม่ได้เลยเหรอแบบต่อยมันสักหมัดงี้”
“ไม่ นาย”
“ห๊ะ ขอแบบเป็นประโยคหน่อยได้มั้ย”
คุณพี่มาสั้นแบบนี้แล้วผมจะไปเข้าใจได้ไงครับ ชายหนุ่มผิวขาวซีดเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยเสียงเนิบช้าร่ายยาวอีกครั้ง
“คุย ไม่ ได้ มัน ต้อง การ นาย บุญ เยอะ สู้ ไม่ ได้ ร้าย น่า กลัว กว่า ผี ทั่ว ไป”
“ต้องการบุญจากผม ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่ได้เป็นคนใจบุญสุนทานซะหน่อยนาน ๆ ทีทำบุญครั้ง แค่นั้นเอง” ภพทำหน้าสงสัยยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงว่าคนแบบฉันเนี่ยนะมีบุญเยอะ แต่เรื่องที่อีกฝ่ายสู้ไม่ได้ก็พอเข้าใจได้อยู่ ผีธรรมดาทั่วไปจะไปสู้ผีที่มีฉายาห้อยคอไว้ว่าอสุรกายได้ไงล่ะ แค่ฟังชื่อยังน่ากลัว
คิดถึงแล้วยังขนลุกไม่หาย
“อืม” ราห์ตอบกลับสั้น ๆ ทำเพียงจ้อมมองใบหน้าละมุนของคนขับรถเงียบ ๆ ตลอดทางด้วยสายตาครุ่นคิด
นานวันเข้าผมก็อาศัยอยู่กับผีตนนี้อย่างปกติสุข ถึงแม้บางครั้งก็ถึงเนื้อถึงตัวผมก็เถอะแต่ไม่ได้เกินขอบเขตผมเหมือนเมื่อตอนในฝันนั่นและไม่เคยเห็นภูตผีตนไหนอีกเลยนอกจากราห์ มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกเด่นชัดเลยคือผมเหนื่อยง่ายเกินไป และหลับนานขึ้นทุกทีตั้งแต่ที่ได้เจอเขา
ผมก็ไม่อยากจะคิดว่าอาการหลับลึกยาวนานแบบนี้เป็นฝีมือของราห์หรือเป็นผลกระทบอะไรหรือเปล่ากันแน่ เพราะผมเกิดอาการแบบนี้ตั้งแต่เจอเขาถ้าบอกว่าเขาไม่น่าเกี่ยวก็ออกจะแปลกไปสักหน่อย ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่นักแต่ลึก ๆ แล้วผมรู้ตัวเองดีว่า ผมสบายใจขนาดไหนทุกครั้งเวลามีราห์อยู่ข้างกาย
ซึ่งมันไม่ปกติ..
"สวัสดีครับน้อง ๆ ไม่เจอกันนานเลยคงไม่คิดถึงพี่เลยซิท่า เที่ยวสนุกกันมั้ย"ผมหยอกไป ตามเดิมผมควรสอนพวกเขาต่อหลังจบสอบหนึ่งอาทิตย์กลับกลายเป็นว่าทางโรงเรียนพาเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาที่ทะเลต่อ กว่าจะได้กลับมาสอนอีกครั้งก็ปาไปเกือบหนึ่งเดือน ส่วนชายหนุ่มผิวขาวซีดวันนี้ก็ยังตามก้นผมมายืนดูผมสอนอีก
"สนุกคร๊าบ/ค่า"ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วง ๆ " พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ยอ่ะหน้าซีด ๆ ใต้ตาคล้ำเชียว"
“ไม่เป็นไร ๆ พี่แค่คงนอนไม่พอน่ะ” ภพกล่าวปัด
นอนไม่พอบ้าอะไรล่ะเมื่อวานนอนตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็นจนถึงสิบโมงเช้าแบบนี้นอนซะยิ่งกว่าอิ่มอีก แต่ว่าความรู้สึกนอนไม่พอก็ยังคงมีอยู่
ซึ่งไอ้คนปลุกผก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ก็ไอ้ผีตัวที่ติดผมหนึบนั่นแหละถ้าไม่อย่างงั้นผมคงนอนลากยาวยันเย็นอีก
"พี่ยังจำสัญญาที่ให้กับพวกผมได้ใช่มั้ย พวกผมส่งคะแนนไปให้พี่ดูแล้วนิเป็นไงล่า"พวกเด็ก ๆ เอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ แต่ก็ควรภาคภูกมิใจจริง ๆนั่นแหละ นร.ทั้งแปดคนของผมทุกคนสอบได้อันดับหนึ่งในสิบของชั้นเรียนแต่ละวิชาชีวะที่ผมเป็นผู้สอนซะด้วย จะไม่ให้ผมยิ้มอย่างภูมิใจด้วยได้ไงล่ะ
“จำได้ ๆ เก่งมากเลยนะทุกคนพี่ภูกมิใจกับพวกเราทุกคนมากเลย มาถึงก็ทวงสัญญาเชียวนะ แปดคนแปดคำถามมา!!มีอะไรอยากถามถามมาเดี๋ยวจินนี่ตนนี้ตอบเอง” ภพพูดอย่างอารมณ์ดี
"พวกผมคิดแล้วเขียนในกระดาษไว้แล้วล่ะ"พูดจบมีน้องนร.ชายคนหนึ่งวิ่งออกมายื่นกระดาษใบหนึ่งให้ผม ซึ่งเขียนเรียงข้อเป็นระเบียบเลยเชียว
1.พี่เคยมีแฟนหรือยัง
2.ถ้าเคยมีแฟนพี่ชื่ออะไรเป็นใครแล้วพี่เคยมีจูบแรกรึยัง!!!
3.สเปคพี่เป็นแบบไหน
4.พี่ชอบผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่ากัน
5.พี่ชอบนักเรียนคนไหนในห้องที่สุด
6.ตอนนี้พี่มีแฟนมั้ย
7.หน้าตาแบบผมพอเป็นแฟนพี่ได้มั้ย
8.พี่ภพทำอาหารให้พวกเรากินสักครั้งได้มั้ยคะ
เมื่อผมมองดูคำถามบนหน้ากระดาษแล้วก็สมกับเป็นเด็กวัยรุ่นจริง ๆนั่นแหละน๊า คงถกคำถามกันซะครั้งใหญ่แน่ก่อนจะมาเป็นคำถามแปดข้อบนแผ่นนี้
คำถามแบบนี้จะว่าตอบได้มั้ยก็ตอบได้ แต่จะให้ตอบต่อหน้าไอ้ผีที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องเนี่ยนะ
ผมมองค้อนใส่อีกฝ่ายเพื่อส่งสัญญาณว่าให้ออกไปก่อนแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าตายเหมือนไม่รู้ความหมายยังคงกอดอกยืนดูต่อไป
ช่างแม่งละกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนั้นเสียหน่อยมีปัญหาหรอก
“คือจะให้พี่ตอบเลยใช่มั้ย มาวันนี้คือไม่เรียนแล้ว?” ภพยักคิ้วถามเสียงหลอกล้อ
“ช่าย พี่ตอบพวกผมก่อนแล้วค่อยเรียนก็ได้ยังไงคราวที่แล้วพี่สอนพวกผมจนจบไปหมดแล้วอ่ะเหลือแค่ฝึกทำข้อสอบตามที่พี่บอกไว้”
“ได้ ๆ งั้นตอบตามข้อเลยนะ ข้อแรกพี่เคยมีแฟนแล้ว” สิ้นเสียงเหล่านักเรียนก็ต่างพากันส่งเสียงโห้อย่างสนใจ
“ส่วนข้อสองนี่ เหมือนถามสองคำถามเลยนะไม่แฟร์เลย” ผมเท้าเอวส่ายกระดาษแผ่นนี้เบา ๆ
“ตอบทั้งสองข้อเลยพี่! จะลบข้ออื่นออกก็ได้แต่ข้อสองนี่ห้ามลบออกเด็ดขาด” เหล่าเด็กวัยรุ่นพากันเรียกร้องให้เขาตอบคำถามข้อนี้ให้ได้
“พี่จำชื่อแฟนไม่ได้แล้ว เลิกกันไปนานแล้วส่วนอีกคำถาม....” ผมเหลือบหันไปมองตัวการจูบแรกของผมทางประตูเงียบ ๆ กลับเจอเข้ากับสายตาเจือแววขบขันทอดมองมาพลิรอยยิ้มหล่อเหลาก่อนก้าวขาอันเรียวยาวสมส่วนมากระซิบข้างใบหูภพอย่างแผ่วเบา
“โก หก บาป นะ” น้ำเสียงของเขาเจือแววหยอกเล่นก่อนเดินไปทางหลังห้องเพื่อเฝ้ามองดูการเรียนการสอนอีกครั้ง พวกนักเรียนก็พากันเร่งเร้าให้ตอบ
แม่ง พูดเก่งขึ้นเยอะเชียวนะ
“เคยแล้ว” ฉับพลันเหล่าเด็กวัยรุ่นก็พากันส่งเสียงดั่งลูกนกแตกรังกันใหญ่
“กับใครอ่ะพี่ ๆ ”
“อร๊าย พี่รู้สึกยังไงตอนโดนจูบคะ”
“คำถามมันไม่อยู่ในกระดาษนะ เพราะงั้นพี่ขอไม่ตอบละกัน” ภพบอกปัดรีบตอบคำถามต่อไปก่อนจะโดนเด็กแก่แดดแถวนี้ซักไซ้จนต้องตอบ
“ต่อนะ ข้อสามพี่ไม่มีสเปคตายตัวส่วนใหญ่ดูจากนิสัยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งเหมือนกัน เพราะงั้นถ้าน้อง ๆ จะคบใครให้ดูที่นิสัยอย่างแรกนะ หน้าตารองลงมาเข้าใจมั้ย”
“ข้อสี่ พี่ชอบทั้งสองเท่ากันคำถามนี้ย้อนกลับไปข้อสามได้เลย”
“ต่อไปข้อห้า พี่ชอบนักเรียนที่ทำแบบฝึกหัดที่พี่ให้ไปจนหมดแล้วที่สุด ไหนใครทำเสร็จแล้วยกมือขึ้น” ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างทว่าทั้งห้องที่เมื่อกี้พึ่งคุยส่งเสียงดังตอนนี้กลับเงียบกริบราวป่าช้า
ว่าแล้วเชียวลืมกันแน่ ๆ
“เอ๋ ไม่มีงั้นเหรอถือว่าพี่รักน้อง ๆ เสมอเท่ากันนะ” ภพแกล้งเอ่ยเสียงเศร้าพลางทำหน้าหงอย
“พี่อย่าทำหน้าแบบนั้นซี่ อาทิตย์หน้าพวกหนูจะทำกันให้เสร็จแล้วเอาให้พี่ตรวจน๊า ๆ ”
“รับปากพี่แล้วน๊า ห้ามคืนคำล่ะ” เขายิ้มอวดฟันขาวอย่างเจ้าเล่ห์ อาทิตย์นี้ผมได้สอนพวกเด็ก ๆ แค่เย็นนี้ เพราะมีเด็ก ๆ บางคนเตรียมตัวไปแข่งบ้าง ทำวิจัยบ้าง ไปล่าเกียรติบัตรเอาลงแฟ้มสะสมผลงานบ้างฉะนั้นเด็ก ๆ เหล่านี้ยุ่งมากกว่าผมซะอีก
ม.6เป็นแบบนี้กันหมดทุกคนแหละเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ บางคนที่ขี้เกียจสอบอย่างผมก็ไปล่ารางวัลเอามาใส่แฟ้มสะสมผลงานยกใหญ่เพราะชะล่าใจช่วงม.4 ม.5เพื่อยื่นรอบแรกเหมือนกัน นึกย้อนกลับไปร่างกายแทบแหลกสลายเชียวล่ะทั้งการบ้านเอย เตรียมสอบเอยตีกันมั่วไปหมด
“ข้อหก พี่โสดสนิทสี่ห้องหัวใจเหือดแห้งมานานมากถ้าน้อง ๆ รู้จักคนดี ๆ แนะนำมาให้พี่ได้นะ” สิ้นเสียงนุ่มหลอดไฟทั่วทั้งห้องเรียนสี่เหลี่ยมชั้นล่างของบ้านก็ดับพรึ่บพร้อมลมพัดกรูเข้าทางบานหน้าต่าง เหล่านักเรียนพากันอุทานตกใจ
ฟึ่บ ชั่วอึดใจหลอดไฟก็เริ่มสว่างอีกครั้ง
“พี่ไม่ได้จ่ายค่าไฟป่าวเนี่ย”
“อย่ามากล่าวหาพี่นะ พี่จ่ายตรงเวลาทุกเดือนคงแค่ไฟตกน่ะ” ภพแหงนหน้ามองเพดานเพื่อสำรวจหลอดไฟก่อนลดหน้าลงสบสายตาเข้ากับนัยน์ตาดำส่อแววตกใจคู่หนึ่งจ้องมองมา
เป็นผีตกใจไฟดับได้ด้วย?
“เอาล่ะ ๆ มาตอบคำถามกันต่อ ข้อเจ็ดยกมือขึ้นใครเป็นคนถามพี่ต้องรู้ตัวก่อนถึงจะตัดสินใจตอบได้” เด็กวัยรุ่นชายสวมแว่นทรงกลมกรอบเงิน ผิวขาวนวลอมชมพูคนหนึ่งค่อย ๆ ยกมือขึ้นแบบกล้า ๆ กลัว ๆ
“โห้ หน้าตาแบบเราเป็นแฟนพี่ได้แน่นอนไม่ใช่แค่พี่นะ พี่ว่าน้องต้องมีคนเคยมาขอจีบชัวร์” ภพตอบกลับอย่างไม่ลังเลทำเอาผู้ยกมือขึ้นใบหูร้อนผ่าวก้มหน้างุดคางชิดอก พร้อมมีเสียงวี๊ดวิ้วแซวจากเหล่าเพื่อน ๆ สมทบ
จะลังเลเพื่อไรล่ะครับ นั่นเด็กน่ารักประจำคลาสสอนพิเศษผมเลยนะผมไม่ได้เป็นคนแต่งตั้งด้วยแต่เป็นเพื่อน ๆ ของเขาต่างหาก
ผิวขาวอมชมพู ตัวเล็กน่ารักดูน่าทะนุถนอมเหมือนนกกระจอกทางเมืองหนาวแบบนี้ใครจะไม่หลงก็ให้มันรู้ไป ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องนักเรียนที่ผมสอนผมและจรรยาบรรณค้ำคอ ผมคงจีบไปนานแล้วบอกเลย
ทันใดมีลมหนาวพัดวูบเข้ามาอีกระลอกใหญ่ จนเหล่านักเรียนลูบแขนทนไม่ไหวปิดประตูหน้าต่างลง
ลมนี่พัดมาดีจังคงใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว
“ส่วนข้อสุดท้ายพี่ขออุบอิบไว้ก่อน พอใกล้ปีใหม่พี่ทำให้กินโอเคมั้ย” เขาตกปากรับคำ
“เย้ โอเคครับ/ค่า”
หลังหมดช่วงถามตอบ ภพเริ่มแจกชีทแบบทดสอบเพิ่มเติมให้แก่เหล่านักเรียนพร้อมอธิบายควบคู่ไปทีล่ะข้อ
จวบจนหมดเวลาเลิกคลาสเขาก็ได้ยินบทสนทนาเหล่าเด็ก ๆ เรื่องการไปบนที่ไหนดี หรือใครไปบนว่าอะไรกันแล้วบางอย่างออกรสออกชาติแล้วทยอยกลับบ้านกันไปด้วยรอยยิ้มสดใสปนหดหู่ที่ต้องกลับไปทำการบ้านอีก
สมกับเป็นกลุ่มนักเรียนสายมูจริง ๆ
“พะ พี่ครับ แม่ผมฝากให้” เสียงเรียกจากเด็กหนุ่มสวมแว่นดังขึ้นพร้อมยื่นกล่องพลาสติกใสด้านในบรรจุเต็มไปด้วยคุกกี้และช็อกโกแลตเกือบชนใบหน้าภพ
“ให้พี่เหรอ ขอบคุณนะฝากขอบคุณคุณแม่เธอด้วย” รอยยิ้มบาง ๆ อย่างสบายอารมณ์ของภพน่าดึงดูดใจอย่างประหลาด เด็กชายวัยรุ่นแก้มขึ้นสีเล็กน้อยท่าทางดูน่ารักจนเขาอดขยี้ผมเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูอย่างมันมือไม่ได้
ร่างวิญญาณหนุ่มก้าวเดินมาคว้าแขนเรียวของภพไว้ส่งผลให้เขาหยุดการกระทำที่ทำอยู่ทันที
ติ้ง ติ้ง เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นดึงความสนใจภพ
ภพเปิดหน้าจอโทรศัทพ์พร้อมโบกมือลาตอบกลับเด็กหนุ่ม เป็นข้อความจากพี่สาวคนเก่งของผมนั่นเอง
[ยายเข้าโรงบาล] ข้อความสั้น ๆ แนบมาพร้อมโลเคชั่นที่อยู่โรงพยาบาล ชายหนุ่มหัวใจกระตุกวูบแรงกะทันหันก่อนกดโทรหาพี่สาวอย่างเร่งรีบ
“พี่! ยายเป็นอะไร” ผมรีบตะโกนถามปลายสายเสียงสั่น
ช่วงTalk
ภพ:แม่งเอ๊ยแค่เดินไปกินข้าวเองนะ//หอบหายใจ
ราห์:((หน้าตาตลกดี))//เหลือบมอง
น้องภพมีebookแล้วนะคะแม่ ๆ (ใครอยากสนับสนุนไรท์กดซื้อผ่านทางลิงค์นี้ได้เลยนะคะ)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTY2OTE5OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI5OTMwNCI7fQ