ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
รัก,ดราม่า,ตลก,ลึกลับ,ชาย-ชาย,BL,วาย,ฟิลกู้ด,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คั่นเพียง"ภพ"ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
“ภพ” คือชื่อเรียกที่เขาเพียรตามหา
“ภพ” คือสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างเขากับเด็กคนนั้น
“ภพ” คือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้าง แม้นว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายก็ตาม
“ราห์” คือชื่อที่เขาพึ่งรู้จัก
“ราห์” คือชื่อบุคคลที่คอยช่วยเขาเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง
“ราห์"คือคนที่เขาไม่อยากให้หายไปสักนิดแม้ตัวเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
Trigger Warning
blood มีเลือด/murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย/ghost มีผี
ขอฝากน้องภพไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเหล่าแม่ ๆ ทุกท่านด้วยนะคะ มาเจอน้องภพพร้อมกันได้ทุกวันเวลา 18.00น.น๊า
#ผมเก็บผีได้ในวันฮาโลวีนแหละครับ
ผู้แต่ง:LinLiLing
ภาพปก:ณหญิง
ภาพปกจิบิ:Senh Mee
ผ้าม่านโปร่งแสงถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่งส่งผลให้แดดยามเช้าสาดส่องมาที่เตียง แสงสีทองอบอุ่นอาบไล้ร่างกายของคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนนั้น
ราห์นั่งมองจ้องภพมานานแล้วก่อนยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมสีปีกอีกาของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
ตริ๊ง ตริ๊ง เสียงโทรศัพท์เข้าดังขึ้นรบกวนบรรยากาศอันเงียบสงบ
ภพควานหาโทรศัพท์อยู่สักพักแต่ก็หาไม่เจอสักทีก่อนจะมีมือขาวซีดข้างหนึ่งยื่นโทรศัพท์มาให้เขา
“ฮัลโหล ว่าไง” เขากล่าวในขณะที่กำลังพยายามลุกขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน น้ำเสียงไม่เป็นมิตรนักเพราะโดนโทรปลุกในยามเช้าตรู่
“เสียงมึงอย่างโหดเลย กูแค่อยากถามว่าเมื่อคืนเป็นไงบ้างเฉย ๆ”
“เมื่อคืน?”
“เออเมื่อคืน มึงเคลียร์กับผีในบ้านมึงยัง” เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนวาน ภาพที่เขาโดนวิญญาณหนุ่มรังแกจนถึงเกือบเช้าก็ฉายชัดกลับเขาสมองอีกครั้ง
ใบหน้าที่พึ่งตื่นเริ่มเห่อแดงจนถึงใบหู เมื่อเงยหน้าพลันเห็นผีที่อยู่ตรงข้ามก็ทำเอาเขาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
ภพที่อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งก็ปาหมอนใส่วิญญาณตรงหน้าอย่างแรงทีหนึ่งแล้ว ลุกขึ้นเพื่อจะเดินหนีไปคุยกับเพื่อนสนิทที่ชั้นล่าง แต่ทว่าลุกขึ้นไม่ทันไรก็เห็นรอยขบกัดประปรายตามต้นขา
เขาเห็นดังนั้นก็พูดตัดสายเพื่อนรักทิ้งทันที” ไว้อีกชั่วโมงค่อยคุยกันนะมึง” ก่อนหันขวับจ้องเขม็งตัวต้นเรื่องอย่างเอาเรื่อง
“ขอโทษที่ฉันกัดจนเป็นรอยนะพอดีอดใจไม่ไหวน่ะ” ราห์เอ่ยเสียงเศร้าอย่างหงอย ๆ แต่แววตากลับฉายความต้องบางอย่างที่ถ้าภพรู้คงโดนต่อยไปหนึ่งรอบเป็นแน่
“หื่นนัก!” ภพถลึงตามองใส่ ถอนหายใจอย่างปลงตกก่อนจะตกใจอีกครั้ง” คุณพูดแบบยาว ๆ ได้แล้วงั้นเหรอ!! แถมรอยก็หายไปแล้วด้วย”
“คงใช่” เจ้าตัวเหมือนพึ่งรู้ตัวก็ตอบกลับแบบงง ๆ
“ไม่สิ น่าจะพูดได้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทำมั้ยถึงพูดเป็นประโยคได้แล้วกันล่ะ” ”ภพก้มหน้าครุ่นคิด
“ไม่รู้สิ แต่เป็นเพราะที่เราทำกันเมื่อคืนหรือเปล่า” ราห์เดินเข้ามาใกล้พร้อมเอ่ยถามด้วยสายตาหยอกล้อ
“ไม่รู้!! คุณไปรอด้านล่างเลยผมจะอาบน้ำแล้ว” ภพพยายามดันตัวอีกฝ่ายให้ออกจากห้องนอนตนก่อนปิดประตูกระแทกใส่หน้าวิญญาณหนุ่มเสียงดัง
“แล้วห้ามทะลุร่างผ่านประตูมานะเฮ้ย!” ภพตะโกนบอกห้ามผีนอกด้านประตูอีกครั้ง
เมื่อเขาหันหน้ามามองในห้องก็พบกลับสภาพห้องที่ดูดีกว่าที่คาดคิดไว้เสื้อผ้าภพถูกนำไปไว้ในตะกร้าซัก เพราะจากสภาพความรุนแรงเมื่อนี้สภาพห้องก็ไม่น่าดูได้ขนาดนี้เช่นกัน
คงพยายามทำความสะอาดสินะ เสื้อที่เราใส่ก็ตัวใหม่ด้วย...
แป๊บนะ! ปกติหมอนั่นก็หยิบจับสิ่งของได้บ้างบางครั้งแต่ก็แทบจะนับด้วยสิบนิ้วได้เพราะส่วนใหญ่เขาจับต้องได้แค่กับตัวผม ครั้งนี้กลับขนย้ายเสื้อผ้าไปมาได้ แถมไปหยิบเสื้อมาเปลี่ยนให้เขาด้วยอีก
นี่มันแอบแปลกจากปกติไปเสียหน่อย
ไว้ค่อยถามละกัน
เขาเหลือบมองสังเกตเตียงของตนแต่สภาพกลับไม่ต่างจากการที่ภพนอนดิ้นไปมาคนเดียวทั้งคืนเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของอีกคนหนึ่งที่เคยใช้เวลาด้วยกันยามค่ำคืนหลงเหลือไว้สักนิด
มันก็แอบชวนให้เขาคิดว่าบางทีสิ่งที่เขาเจอสิ่งที่เขาทำมันก็แค่เรื่องที่เขามโนไปเองรึเปล่านะ
ในระหว่างที่กำลังกวาดตามอง ความรู้สึกไม่สบายตัวก็ดึงเขากลับสู่โลกแห่งความจริงและสิ่งที่ควรทำอันดับแรกคืออาบน้ำ!
แต่เดี๋ยว!? เมื่อคืนเราทำ...กับผีเรอะ!?
ดูท่าเราคงอดอยากมานานเกินไปซินะ....
นึกถึงความจริงข้อนี้ภพก็พลันตกใจ แต่ด้วยความที่ช่วงนี้เขาเจอเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ในหลาย ๆ เรื่องเขาจึงต้องทำใจและไม่ต้องไปคิดถึงข้อเท็จจริงให้มันมากนัก
เพราะคิดไปก็รกหัวสมองเฉย ๆ ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก
หลังภพอาบน้ำเสร็จก็สดชื่นขึ้นมาก เขาตระเตรียมไม้กวาดและที่ตักผงไว้พร้อมก่อนเริ่มลงมือจัดการเศษแก้วจากหลอดไฟที่แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยตามพื้นอย่างระมัดระวัง
ลองเหยียบโดนเศษเล็กๆ นี่ดูสิเจ็บจะตายชัก เอาออกยากอีกต่างหาก
“นี่ราห์ คุณมีพลังเยอะขึ้นหรือเปล่า” ในระหว่างเก็บเศษซากภพนึกฉุกคิดถึงคำถามก่อนอาบน้ำขึ้นมาได้
“น่าจะใช่”
“ว่าแล้วเชียว เพราะถ้าไม่เป็นแบบนั้นไม่ก็อธิบายเรื่องที่คุณพูดได้แบบปกติ แถมหยิบโทรศัพท์ให้ผมได้ด้วย แล้วทำไมถึงมีพลังขึ้นมาละ เพราะทำบุญให้เหรอ?”
“คงใช่มั้ง” วิญญาณหนุ่มผงกศีรษะรับคำริมฝีปากบางเฉียบหยักยิ้มน้อย ๆ ตามวิสัย แต่เขาคิดว่ายิ้มนี่มันออกจะมีเล่ห์นัยแบบแปลก ๆ
“ถ้าใช่ก็มาช่วยกันหน่อยดิคุณ จะได้เสร็จเร็วๆ”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วย แต่ฉันจับเศษแก้วไม่ได้” ว่าแล้วราห์ย่อเข่าลงพยายามก้มหยิบเศษแก้วชิ้นหนึ่งขึ้นมา แต่นิ้วมือของเขานั้นกลับปัดผ่านไปโดยแตะต้องเศษแก้วชิ้นนั้นไม่ได้
“แสดงว่าคุณจับอะไรบางอย่างไม่ได้ซินะ” เขาถอนหายใจอย่างนึกขี้เกียจที่ต้องมานั่งทำความสะอาดเองคนเดียว
ไอ้สีหน้าสำนึกผิด หงอย ๆ นั้นน่ะไม่จำเป็น! มันช่วยอะไรฉันไม่ได้เหอะ
ภพปาดเหงื่อมองห้องนั่งเล่นอย่างพอใจเมื่อจัดการทำความสะอาดเศษแก้วและคราบหยดเลือดของซันเรียบร้อยแล้ว เหลือก็เพียงแต่ต้องจัดการซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนใหม่เป็นอันเสร็จ
เฮ้อ เสียเงินอีกแล้วสิเรา ค่าหลอดไฟไม่ได้อยู่ในแพลนงบค่าใช้จ่ายเดือนนี้ด้วยซ้ำ เขาคิดอย่างถอดถอนใจ
“ราห์ เราไปแวะดูร้านก่อนแล้วค่อยซื้อหลอดไฟกันเถอะ” เขาเท้าสะเอวเรียกชื่อวิญญาณหนุ่มที่เอาแต่ลอยไปลอยมา วนมองภพทำงานอย่างเงียบ ๆ มานาน
“อืม” ราห์ผงกหัวรับคำอย่างว่าง่าย
ภพถือกล่องกระดาษใส่เศษแก้วที่ถูกปิดทับไว้อย่างดีพร้อมเขียนโน้ตติดด้วยท่าทางครุ่นคิดเหมือนมีเรื่องหนักใจบางอย่าง ตอนออกจากบ้านตนก็แทบจะก้าวบันไดพลาดเสียแล้ว โชคดีที่ราห์มาพยุงเขาไว้ได้ทันเวลา
“เดินก็ดูทางบ้างสิ! คิดอะไรอยู่” วิญญาณผิวขาวซีดดุเบา ๆ
พอเดินทางมาถึงร้านเวลาบ่ายคล้อย ภพกะไว้แค่ว่ามาเพื่อดูความเรียบร้อยนิด ๆ หน่อย ๆ เพียงเท่านั้นกลับกลายเป็นว่าวันนี้ลูกค้าเข้าร้านมามากกว่าปกติถึงสี่เท่า แถมพนักงานคิดเงินลากะทันหันกันตั้งสองคนทำให้ในช่วงเวลาที่ภพไปถึงร้านจึงชลมุนวุ่นวาย
ภพจึงโดนพี่สาวตนที่กำลังหัวหมุนลากให้ไปช่วยคิดเงินหน้าเคาน์เตอร์แทนพนักงานที่ลากะทันหันกัน ช่วยไปช่วยมาตะวันก็เริ่มลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว
เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมาซื้อหลอดไฟแล้วกลับบ้านเป็นอันต้องเลื่อนไป
ภพตอนนี้กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปซื้อหลอดไฟเลยดีหรือไม่หรือหาอะไรทานแล้วกลับบ้านเลย เนื่องด้วยตอนนี้เป็นฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้าค่อนข้างมืดเร็วกว่าปกติมากทั้ง ๆ ที่เวลายามนี้แค่เพียงห้าโมงเย็นแต่กลับเริ่มมืดแล้ว
ถ้าเป็นหน้าร้อนเวลานี้ท้องฟ้าคงยังสว่างโร่แน่
อืม...ตอนนี้ร้านคงปิดไปแล้วด้วยสิ ถ้าไม่ไปซื้อทำให้เสร็จคงค้างคาจนรู้สึกนอนไม่หลับชัวร์ ร้านแถวนี้จะมีเปิดบ้างมั้ยนะ
“พี่ มีร้านขายพวกหลอดไฟแท่งยาวแถวนี้ที่ยังเปิดบ้างมั้ย” ภพหันไปถามพี่สาวแท้ ๆ ของตน
เพื่อไม่ให้รู้สึกค้างคาใจเขาจึงตัดสินใจซ่อมวันนี้ให้มันเสร็จ ๆ ไป เป็นนิสัยที่แก้ไม่อ่ะนะ
“โค๊ะ ตอนนี้มีร้านไหนที่เปิดอยู่อีก อืม แป๊บนะ” ภาเงียบไปครุ่นคิดสักพักก่อนตอบมาว่า
“เดินตรงไปอีกนิดหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าซอยข้างซ้ายนั้นอ่ะ พอเจอซอยก็เข้าไปเลย เดินไปอีกนิดเดียวถึง ร้านหาง่ายอยู่นะเป็นร้านลูกค้าที่มาประจำน่ะ”
“เอ๋พี่ ต้องเข้าซอยนั้นจริงดิ” หลังฟังคำบอกทางไปร้านจบ เขาพลันนึกไปถึงเหตุการณ์อันลุ้นระทึกวิ่งหนีผีอย่างอดไม่ได้จนขนลุกเกรียว
“ก็จริงน่ะสิ ใกล้แค่นี้เองแค่สองซอย ไปไปไปรีบไปก่อนเขาจะปิดร้าน” พี่สาวเอ่ยเร่งพร้อมโบกมือไล่เพราะกลัวจะค่ำมืดไปมากกว่านี้
ภพได้แต่ทำหน้าเหวอเดินออกจากร้านมาแบบงง ๆ ก่อนหยุดยืนชั่งใจว่าจะไปดีไม่ไปดี
ถ้าแค่สองซอยคงเดินไปไม่ถึงจุดเดิมที่เคยเจอแน่ เพราะงั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง? อีกอย่างราห์ก็ไปด้วย อุ่นใจไปได้เปลาะหนึ่ง
ตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงรีบก้าวออกเดินทางตรงดิ่งไปร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นวิญญาณผิวขาวซีดได้หันเดินมาเทียบเคียงชายหนุ่ม จังหวะการย้ำเท้าสอดประสานพร้อมกันอย่างคนเคยชิน
ภพคิดแค่ว่ารีบไปซื้อรีบกลับก่อนมืดตามที่พี่ภาบอกจะดีกว่า เดินจากนี่ถึงร้านคงไม่เกินห้านาทีหรอก
เมื่อภพเดินเลี้ยวเข้าซอยเล็กตามคำบอกของพี่สาวตน บรรยากาศอันครึกครื้นมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยเสียงรถราและเสียงจอแจพูดคุยของผู้คนสัญจรไปมา บนถนนเส้นใหญ่ย่านธุรกิจที่เขาพึ่งเดินผ่านมาสักครู่นี้กลับคล้ายเป็นดั่งควันลวง เพราะนับตั้งแต่ภพได้ก้าวขาเข้าซอยนี่ เสียงและบรรยากาศครึกครื้นด้านนอกกลับเริ่มเงียบลง และเส้นถนนไม่มีคนสัญจรเดินเลยแม้แต่คนเดียวมีเพียงเขาที่เดินเข้ามา ทว่ายังคงได้ยินเสียงรถราอยู่รางๆ พอให้ภพได้ชื่นใจ
เสาไฟฟ้าตามซอยเล็กยังคงมืดสนิท เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดตามปกติ ถึงแม้ในตอนนี้แสงอัสดงสุดท้ายยังไม่ลาลับขอบฟ้า แต่เงาพาดผ่านจากตึกสูงระฟ้าใบบริเวณย่านธุรกิจนั้นกลับบดบังแสงไปจนเกือบหมด ส่งผลให้พื้นถนนที่ชายหนุ่มกำลังเดินอยู่ไม่สว่างเท่าที่ควรเป็น
“นี่มันมืดไปหน่อยป้ะ มันยังไม่หกโมงเลยนะเว้ย” ภพบ่นอุบอิบระหว่างเดินก็ควานหาโทรศัพท์ตนมาเปิดไฟฉายส่องทาง
“เพราะไฟกิ่งยังไม่เปิดเดินให้ระวังหน่อย” วิญญาณหนุ่มที่เดินเคียงบ่ามาตลอดทางปรายตามอง เอ่ยเตือนเบา ๆ เพราะบริเวณซอยก็ไม่ได้สะอาดนักเขากลัวมีเศษแก้วเศษอะไรที่ถ้าสะดุดล้มขึ้นมาจะทำให้บาดเจ็บเอาได้ ยิ่งคนข้างกายที่มีเลือดมีเนื้ออุ่น ๆ มักซุ่มซ่ามแตะโน่น โดนนี่อยู่บ่อย ๆ
“รู้แล้วน่า แค่นี้ไปนี่ไม่ไกลซะหน่อย นั้นไงเลี้ยวตรงนั้นก็ถึงแล้ว” ว่าพลางชี้ให้เพื่อนร่วมทางดู ภพตบแขนเขาเป็นสัญญาณให้รีบตามเขามา
ครั้นเห็นแสงสว่างโร่จากหน้าร้านขายของภพก็ใจชื้นรีบตรงดิ่งเดินเข้าไป ทว่าต้องมีอันชะงักกึก
กลิ่นเหม็นเน่าน่าชวนขย้อนอาหารที่ทานมาทั้งวัน โชยออกมาจากเงาร่างหลังค่อมร่างหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงที่ไม่รู้ว่าใช่หญิงหรือชายปรากฏตัวขวางทางเขาไว้ สะท้อนเต็มสองนัยน์ตาภพที่กำลังเบิกกว้าง ภาพพื้นหลังคือแสงสว่างจ้าจากร้านค้าจุดหมายที่เขาต้องการไป
ณ วินาทีนั้น ภาพซ้อนของเหตุการณ์เดิมหลั่งไหลเข้าสู่ความทรงจำ เหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายจากความหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะไม่อยากจำได้ แต่เพราะผ่านไปไม่นานเขาจึงจำได้อย่างแม่นยำ หัวใจเริ่มเต้นรัวแรง ความคิดอันน่ากลัวผุดขึ้นในใจ
เชี่ย! ตัวเดิมกับที่วิ่งไล่ผมด้วยท่าทางเหมือนหมาตอนนั้นใช่มั้ย!!
แต่มันไม่ควรมาอยู่ที่นี่!!
ช่วงTalK
ภพ:กูหนีแทบตายแหงโผล่มาอีกแล้วว่ะ//โมโห
ราห์:วิ่ง!!
น้องภพมีebookแล้วนะคะแม่ ๆ (ใครอยากสนับสนุนไรท์กดซื้อผ่านทางลิงค์นี้ได้เลยนะคะ)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTY2OTE5OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI5OTMwNCI7fQ