ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
รัก,ดราม่า,ตลก,ลึกลับ,ชาย-ชาย,BL,วาย,ฟิลกู้ด,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คั่นเพียง"ภพ"ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
“ภพ” คือชื่อเรียกที่เขาเพียรตามหา
“ภพ” คือสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างเขากับเด็กคนนั้น
“ภพ” คือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้าง แม้นว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายก็ตาม
“ราห์” คือชื่อที่เขาพึ่งรู้จัก
“ราห์” คือชื่อบุคคลที่คอยช่วยเขาเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง
“ราห์"คือคนที่เขาไม่อยากให้หายไปสักนิดแม้ตัวเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
Trigger Warning
blood มีเลือด/murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย/ghost มีผี
ขอฝากน้องภพไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเหล่าแม่ ๆ ทุกท่านด้วยนะคะ มาเจอน้องภพพร้อมกันได้ทุกวันเวลา 18.00น.น๊า
#ผมเก็บผีได้ในวันฮาโลวีนแหละครับ
ผู้แต่ง:LinLiLing
ภาพปก:ณหญิง
ภาพปกจิบิ:Senh Mee
!!?
!!?
ทั้งหนึ่งคนหนึ่งวิญญาณต่างตกใจกับภาพที่ตัวเองมองเห็นเมื่อกี้กันทั้งคู่ เร็วกว่าความคิดภพรีบเอื้อมมือไปคว้าใบหน้าที่มีรอยแผลอีกฝ่ายเพื่อทดลองดูว่าเขาสามารถจับต้องตัววิญญาณหนุ่มได้หรือไม่ ซึ่งภพไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่ร่างกายของราห์ดูอ่อนจางลงกว่าอย่างเคย
ปรากฏว่า
เขายังจับต้องใบหน้าอันหล่อเหลาได้...
“อ่า คุณคงเหนื่อยที่สู้กับผีตัวเมื่อกี้สินะ ทำเอาตกอกตกใจหมด” ชายหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายที่ตัวแข็งทื่อไปแล้วอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมาอย่างโล่งใจ
“ไม่เป็นไรน่าคุณ เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะไปทำบุญให้อีกเยอะ ๆ เลย ไม่ก็คืนนี้ภพจะแผ่เมตตาให้เผื่อช่วย” ภพตบปุ ๆ ไปที่ท่อนแขนอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ
“อืม” ราห์ที่นั่งนิ่งเหม่อมองฝ่ามือตนเองเอ่ยรับคำ แววตาเขาในตอนนี้ดูสับสนไม่น้อย
“ปะ กลับร้านกันดูท่าผมต้องขอพี่ไปส่งโรงบาลก่อน โดนถามจนตัวพรุนแน่บอกเลย” ภพอดรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าพี่สาวตนจะบ่นเขาจนหูชาขนาดไหน
ราห์เช็ดเลือดที่เปื้อนมือตนกับกางเกงจนตนแน่ใจว่าพอสะอาดแล้ว ก่อนยื่นมือมาประคองภพเดินกลับจนถึงร้าน
ไม่ได้ต่างจากที่เขาคิดนัก ภพโดนเทศนาและถามจนตัวเขาล่องลอยกันเลยทีเดียวเชียว
แสงไฟหน้ารถยนต์ยี่ห้อต่างประเทศคันหนึ่งฉายสาดส่องประตูรั้วบ้านของภพสะท้อนแสงในยามค่ำคืน จนชายหนุ่มที่ถูกผ้าสีขาวพันไว้รอบศีรษะหรี่ตาลงและต้องนำมือมาบังแสงสะท้อน เมื่อก้าวขาลงออกจากรถของพี่สาว
“แน่ใจนะ ว่าแกจะไม่ไปนอนบ้านฉันก่อน?” หญิงสาววัยสามสิบสามปีเอ่ยถามน้องชายตนที่อายุห่างกันเกือบเก้าปีด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ พี่ภา หมอก็ตรวจแล้ว ผมเอกซเรย์มาครบแล้วด้วย สมองไม่กระทบกระเทือนตรงไหนนี่ นอกนั้นก็แค่รอยถลอกรอยช้ำเอง ที่หน้าผากก็แค่รอยบาดไม่ได้หัวแตกซะหน่อย”
“แต่หัวแกก็ฟาดลงพื้นไม่ใช่เรอะ ฉันว่าแกควรอยู่ดูอาการที่โรงบาลต่ออีกสักคืนยังดีนะ อย่างที่หมอบอกว่า แกอาจจะเลือดคั่งในสมองก็ได้” ภากล่าวอย่างอดห่วงเสียไม่ได้
“โห้พี่ ถ้าผมมีความเสี่ยงขนาดนั้นหมอคงไม่ให้ผมออกโรงบาลหรอก ถ้าผมรู้สึกไม่ดีจะโทรบอกพี่คนแรกเลย ดีป้ะ” ภพตบอกตัวเองปุ ๆ เป็นเชิงบอกให้มั่นใจได้เลย
“เออ ๆ แล้วแต่แกเลย แต่ว่าถ้าแกพร้อมบอกฉันเรื่องจริงของรอยที่ข้อเท้าแกเมื่อไหร่ก็โทรมาละกัน” หญิงสาววัยทำงานกุมขมับด้วยความปวดหัวกับน้องชายตัวดื้อ
“ผมก็บอกแล้วไงว่าอุบัติเหตุน่ะ อุบัติเหตุ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับใครเสียหน่อย”
“เชื่อก็โง่แล้วค่ะคุณน้อง” ภาปรายตามองอย่าคาดโทษ
“พี่ก็ขับรถกลับบ้านระวัง ๆละกัน” ชายหนุ่มโบกมือปอย ๆ เป็นเชิงลาก่อนรีบไขประตูรั้วเพื่อเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
หลังได้ยินเสียงรถขับออกไปไกลแล้ว ภพที่เดินเข้ามาในบ้านก็เดินเปิดสวิตช์ไฟทั่วบ้านแล้วหย่อนก้นเอนหลังลงบนโซฟาตัวโปรด แหงนหน้าขึ้นมองเพดานจากนั้นหลับตาลง
เขายังรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ อยู่เลย
“เฮ้ออ เสร็จสักทีขี้เกียจอาบน้ำจัง”
“คุณไหวแน่นะผมว่าจะทำบุญให้คุณวันพรุ่งนี้ แต่คืนนี้คุณจะโอเครหรือเปล่ามั้ยนี่สิ” ภพเหล่มองสภาพผู้ประสบภัยเหนือธรรมชาติกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็พบว่าสภาพของเจ้าตัวดีขึ้นไม่น้อย เลือดก็ไม่ได้ไหลเหมือนเปิดก๊อกน้ำอย่างตอนแรก แถมปากแผลก็ปิดสนิททิ้งไว้แค่ร่องรอยบาดแผลจากเล็บมืออสุรกายตัวผอมแห้งติดกระดูก และชุดที่เคยสะอาดสะอ้านกลับเละเทะเต็มไปด้วยเลือดสีแดงเข้มที่เริ่มแห้งกรัง
อย่างน้อยเขาก็เบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง
พรุ่งนี้คงต้องเผาชุดไปให้ใหม่แล้วล่ะ....
“ไหว ภพไปอาบน้ำนอนเถอะ” ว่าพรางขยับกายเข้ามาใกล้หมายดึงภพให้ลุกขึ้น
“อืออ แป๊บหนึ่ง แล้วคุณพอรู้มั้ยว่าพวกเราสองคนเดินกันไปไม่ได้ถึงจุดเดิมกับที่เคยเจอแท้ ๆ ห่างไกลตั้งไกลทำไมผีบ้านั้นถึงมาดักอยู่หน้าผมได้ละ”
ราห์ทำหน้าตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“เลือด”
“เลือด?” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย ภพจึงลุกขึ้นมานั่งหลังตรงแน่วหันตัวรอฟังอีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจ
“ตอนเจอครั้งแรกตอนวิ่งหนี นายเลือดออก” ราห์เลื่อนสายตามองบริเวณมือข้างที่เคยบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของภพ ชายหนุ่มจึงมองตามไปและนึกออกได้ทันที
“ก็แค่น่าจะไปโดนอะไรแถวข้างกำแพงบาดเองนะ หรือว่า?! อสุรกายทำเหรอ” ภพครุ่นคิดถึงช่วงที่นิ้วตัวเองเลือดออกตอนวิ่งหนีออกมาครั้งแรก ในตอนนั้นเขาตกใจเกินกว่าจะมาสนใจบาดแผลเล็ก น้อย ๆ นี่
“เมื่อวิญญาณอาฆาต ทำนายเลือกตกยางออกได้แล้ว มันก็จะตามไปเอาชีวิตนายได้ทุกที่ แต่ว่าคงมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้มันออกมาที่ถนนใหญ่ไม่ได้”
“ดังนั้นที่พวกเราทั้งคู่เดินเข้าไป คือการเอาตัวเองเข้าไปในถิ่นของมันซินะ?”
“ทำนองนั้น”
ดูท่าผมคงต้องหาวันว่าง ๆ ไปชวนพี่ ไปหาหลวงตาชูให้รดน้ำมนต์ให้
“เออชีวิต แต่ผมด่ามันไปขนาดนั้นมันยังไม่กลัวเลย ไหนพวกเด็ก ๆ เคยคุยกันว่าผีไม่กลัวบทสวด แต่กลัวคำด่า คำแช่งไง? แหงไม่ได้ผลอะ”
“ไม่ค่อยรู้หรอก สภาพอเนจอนาถแบบนั้น ยังมีสติพอคุยได้ที่ไหน แต่ถ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนทั่วไปคงกลัวคำด่านายแน่นอน เพราะคงอยากไปเกิดใหม่หรือสู่สุคติกัน”
“งั้นแสดงว่ารวมถึงคุณด้วยซินะที่อยากไปเกิดใหม่”
“......ไม่อยาก” ราห์เงียบไปพักหนึ่ง น้ำเสียงของเขามีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง บวกกับท่าทีก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมเสมองไปทางอื่นแล้ว ทำเอาภพฉงนในใจ
“ไหนบอกว่าวิญญาณทั่วไปเขาอยากไปเกิดใหม่กัน แบบนั้นก็ต้องรวมคุณด้วยซิ หรือมีอะไรติดค้างในใจจนไปเกิดใหม่ไม่ได้!? อยากให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะ อยู่กันมาก็ตั้งนานไม่ได้ถามดี ๆ เลยสักครั้ง ขอโทษจริง ๆ นะคุณ” ชายหนุ่มลนลานถามพร้อมเอ่ยขอโทษด้วยท่าทีหงอย ๆ
นั้นสินะ ทำไมผมไม่เคยคิด ไม่เคยถามเขามาก่อนเลยว่าเขาจะมีห่วงอะไรในใจบ้างหรือเปล่า ที่ราห์เคยพูดว่าถึงเวลาจะไปเอง ไม่ยอมสู่สุคติเพราะรอแก้ห่วงหรือเปล่านะ?
ราห์เขาช่วยผมมาตั้งหลายครั้งถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็อยากจะช่วยให้เต็มที่
“....”
“ไหนสัญญากับผมแล้วไงว่าถ้าผมถามอะไร คุณต้องตอบตามความจริงน่ะ”
“เรื่องนี้นายไม่จำเป็นต้องรู้” เขาส่ายหน้า
“สักนิดก็บอกกันหน่อยไม่ได้เหรอ ผมจะได้ช่วยไง แบบให้ไปตามหาครอบครัวคุณ ฝากบอกบางอย่างให้คนรักงี้ ไม่มีเลยเหรอ”
“ถ้ามีฉันจะฝากนายบอกเอง” ดวงตาวิญญาณหนุ่มฉาบยิ้มเอาไว้บางเบา
“โอเคร! ผมสัญญาว่าจะเอาคำพูดของคุณไปฝากถึงคนที่คุณต้องการได้แน่นอน ไว้ใจได้เลย” นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นเปล่งประกายวิบวับเอ่ยด้วยความตั้งใจแน่วแน่
“อืม”
หลังต่างคนต่างเงียบสักพัก จนภพสะลึมสะลือเกือบนอนหลับคาโซฟาก็โดนนิ้วมือเย็น ๆ นิ้วหนึ่งเอาแต่จิ้มแก้มเขาไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“โห้คุณ รู้แล้วน่า ๆ ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่ กินยาด้วย” วิญญาณข้างกายกำชับ
“โอเค โอเค ผมลุกแล้ว ลุกแล้ว เลิกจิ้มแก้มผมสักที!” ภพบ่นอุบอิบไปตามทาง ค่อย ๆ ลากสังขารตัวเองขึ้นห้องอย่างช้า ๆ
ราห์จ้องมองร่างกายอันปวกเปียกเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของเจ้าบ้าน เดินขึ้นห้องจนลับตาก่อนเขาจะเดินออกไปนอกบริเวณบ้าน เหม่อมองมือของตนที่เริ่มซีดจางแบบนั้นด้วยแววตานิ่งเฉยทั้งคืน
ตึก ตึก
“ฮ้าวว” ภพในสภาพเสื้อยืดตัวโคร่งมีรูขาด ๆ อยู่สองสามรูกับกางเกงขาสั้นยับยู่ยี่โชว์เรียวขี่มีแต่รอยถลอก เดินลงจากบันไดชั้นบนด้วยท่าทางงัวเงียไม่ตื่นดี
ซ่า ภพเปิดก๊อกน้ำในห้องครัวเตรียมวักน้ำมาล้างหน้าแบบลวก ๆ เพื่อให้ตื่น
“โทษที ผมตื่นสายไปหน่อย ว่าแค่ปกติคุณจะปลุกผมแต่เช้านี่ ทำไมวันนี้ไม่ปลุกละปล่อยให้ผมตื่นเองจนตอนนี้มันจะเที่ยงอยู่แล้ว วันนี้เดี๋ยวจะได้เผาชุดใหม่ให้คุณด้วย อุตส่าห์จะซื้อของไปตักบาตรตอนเช้าซะหน่อ-!”
หมับ วงแขนอันเย็นชืดกว่ามนุษย์ปกติคว้ากอดภพมาจากทางด้านหลังโดยเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮ้ย อะไรฟะ” ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจรับหันขวับมองผู้ที่เข้ามากอด
ราห์?
“ทำไมถึงจำฉันไม่ได้ล่ะ?”
“หา? พูดอะไรของคุณอยู่เนี่ย” ภพพยายามขยับตัวถอยหนีจากวงแขนคู่นั้น แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากนัก
ฟึ่บ
“อย่าหนีสิ นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะมีแค่ฉันน่ะ” วิญญาณหนุ่มปล่อยอ้อมกอดที่กอดรอบเอวภพไว้แล้วใช้แรงบีบไหล่ภพบังคับให้หันมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ
ตอนนี้ภพสามารถมองเห็นใบหน้าของราห์ได้เต็มชัดสองตาแล้ว กลับต้องรู้สึกตกใจเพราะแววตาของวิญญาณผิวขาวซีดตนนี้ คล้ายกำลังเหม่อลอยแต่ก็ให้ความรู้สึกที่สับสนเพราะแววตาที่เขาเห็นแปรเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา บ้างดูโกรธ บ้างดูเศร้า บ้างดูดีใจ บ้างดูบ้าคลั่ง
เขาไม่อาจจับความรู้สึกที่แท้จริงของราห์ในช่วงเวลานี้ได้เลย
“นี่ ภพนายลองมองฉันดี ๆ สิ จำฉันให้ได้สิ มองฉันแค่คนเดียวนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำติดแหบพร่าเต็มไปด้วยความเว้าวอน การขอร้องสุดหัวใจแต่ก็ปนความแข็งกร้าวแกมบังคับอยู่ในที
นิ้วมือเรียวยาวสีขาวซีดติดเทาได้รูปเหมือนคนไม่เคยทำงานหนักมาก่อน ทว่ามีร่องรอยบาดแผลบางอย่างประปรายอยู่ทั่วบริเวณ ค่อย ๆ ลูบไล้แก้มภพด้วยความอ่อนโยน ก่อนเลื่อนลงมาปัดผ่านบริเวณริมฝีปากของภพด้วยแรงที่มากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าวิญญาณอันหล่อเหลาที่ถ้าหากเป็นมนุษย์มีลมหายใจ คงดูคล้ายท่านหนึ่งไม่ปานกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าเขา
เมื่อจมูกโด่งเป็นสันเข้าใกล้จนแตะบริเวณหน้าผากของภพ ก็.....
ตุบ พลัก!
“ฟเมยอว!”
“ให้ตายสิคุณ โดนผีตัวเมื่อวานเล่นงานมาจนสติหลุดไปแล้วหรือไง” ภพเสยผมที่ยังไม่ได้หวีขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยพร้อมเท้าเอวมอง ราห์ที่กำลังตัวสั่นงันงกหงอตัวกุมเป้าตัวเองอยู่ไม่พูดไม่จา
ใช่ เขาทำเองแหละ เอาเข่าใส่เข้าเต็มแรงเชียวล่ะ
ก็ใครใช้ให้เขามาทำตัวเป็นผีตุ้งแช่แบบนี้กันเล่า....
ดู ๆ ไปก็ท่าจะเจ็บแหะ
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเจ็บจนนึกอะไรไม่ออกแล้ว” วิญญาณหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นเครือจากความเจ็บปวดจากการโดนกระทำจุดสำคัญ
“เฮ้อ โทษทีนะแต่ผมว่าผมออมแรงไว้แล้วก็เถอะ” ภพย่อตัวนั่งยอง ๆ ข้างกายราห์ลูบหลังปลอบปอย ๆ พร้อมกลั้นหัวเราะไว้แทบตาย
พรูด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกชะมัด
ทว่าหลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ ภพก็มองไม่เห็นราห์อีกเลย....
นี่มันกี่วันแล้วนะ ที่ผมสัมผัสถึงราห์ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเสียง การมองเห็น กลิ่น ผมสัมผัสถึงตัวเขาไม่ได้อีกเลยแม้แต่นิดเดียว
จู่ ๆ ก็หายไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเนี่ยนะ!?
ตามเวลาปกติ ภพไม่จำเป็นต้องเรียกหาด้วยซ้ำเขาก็จะอยู่ในระยะการมองเห็นของผมอยู่เสมอไม่เคยหายไปไหน ถ้าหายจากการมองเห็นของผมมันก็แค่ระยะเวลาไม่นานนัก ชั่วโมง สองชั่วโมงไม่เกินนี้ นอกซะจากตอนกลางคืนที่ผมนอนหลับ
มันแปลก...
ในวันที่ผมรู้สึกตัวว่าราห์หายไป ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ผมอย่างเคย คือหลังจากที่ผมไม่ได้เห็นเขามาหกวันเต็ม เพราะเขาเป็นผีเขาสามารถล่องลอยไปไหนมาไหนแบบอิสระได้เขาจะไหนก้ไหนมันก็เรื่องของราห์
ผมคิดแบบนั้น..
ซึ่งในวันแรกผมคิดเพียงว่าเขาคงไปรักษาตัวเอง ไม่ก็มีธุระบางอย่างไปทำ
วันที่สี่ภพก็คิดแค่ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็กลับมาเองแหละ จะหายไปโดยไม่บอกกันหน่อยก็ดูไม่ใช่วิสัยปกติของเขา
ส่วนวันที่หกผมมัวแต่วุ่น ๆ อยู่กับการไปโรงพยาบาลตามที่แพทย์ได้นัดไว้ แต่ว่าเมื่อกลับถึงบ้านผมก็เรียกชื่อของเขาออกมาอย่างลืมตัว ด้วยนึกว่าวิญญาณตนนั้นจะกลับมาบ้านแล้ว
“ราห์! ผมกลับมาแล้วนะพึ่งกลับมาจากตรวจเช็คอาการน่ะ วันนี้อย่างหนาวเลย” ภพเอ่ยปากพูดคุยเล่าเรื่องตนกับบ้านที่ว่างเปล่า อย่างที่เคยทำมาตลอดเกือบสองเดือน
ปกติแล้วถ้าเขาไปทำธุระแล้วราห์ไม่ได้ไปด้วย เมื่อเขากลับมาผีตนนั้นจะคอยออกมายืนต้อนรับเขาอยู่เสมอ
แต่ วันนี้ไม่ใช่...
“...” ไร้เสียงตอบรับหรือคำถามจากใครผู้ใดที่เขาต้องการได้ยิน
“ราห์! คุณได้ยินผมรึเปล่า” ชายหนุ่มตะโกนเรียกเสียงดังก้องทั้งบ้าน
เขาไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตัวเขามองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงของราห์เพราะราห์ไม่ได้อยู่ข้างกายภพแล้ว หรือเป็นเพราะว่าเขาสูญเสียประสาทสัมผัสที่หกไปแล้วกันแน่ ถึงได้สัมผัสอะไรถึงวิญญาณตัวที่เคยป้วนเปี้ยนรอบกายเขาเสมอมาไม่ได้
“นี่คุณ!! ถ้าคุณยังอยู่ข้างผมมาตลอดก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกถึงหน่อยสิ จะลม หรือจะทำหลอดไฟแตกแบบคราวที่แล้วก็ได้ ผมจะไม่บ่นคุณหรอกนะ”
“ขอเถอะ ช่วยทำให้ผมรู้ที!”
“.....”
ภพรอแล้วรอเล่าก็ได้ความเงียบสงัดของบ้านเป็นคำตอบ ไม่มีแม้แต่ลม หรือกลิ่นใด ๆ เขาเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างแปลก ๆ
จะหายไปแบบนี้เลยเนี่ยนะ? แบบไม่บอกลากันสักคำเลยเหรอ
ภพจ้องมองเขาไปในตัวบ้านอันเงียบสงัดด้วยแววตาเลื่อนลอย
บ้านหลังนี้ในตอนที่ราห์ยังไม่เข้ามามันก็สงบสุขดีอยู่หรอก แต่ว่า พอหมอนั่นหายไปแล้วเหลือแค่เราตามเดิม
ทำไมกันนะ
ทำไมบ้านถึงดูใหญ่โตขึ้นกว่าเคย...
ช่วงTalk
ภพ:ทำไมถึงทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะ//เศร้า
น้องภพมีebookแล้วนะคะแม่ ๆ (ใครอยากสนับสนุนไรท์กดซื้อผ่านทางลิงค์นี้ได้เลยนะคะ)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTY2OTE5OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI5OTMwNCI7fQ