ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
รัก,ดราม่า,ตลก,ลึกลับ,ชาย-ชาย,BL,วาย,ฟิลกู้ด,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คั่นเพียง"ภพ"ใครจะคิดว่าการไปเที่ยวงานวัดธีมฮาโลวีนในค่ำคืนนั้น ภพจะโดนวิญญาณปริศนาตามกลับมาถึงบ้าน! ที่น่าแปลกคือวิญญาณตนนั้นกลับช่วยชีวิตเขาไว้อีกหลายครั้งหลายคราจนน่าแปลกใจ
“ภพ” คือชื่อเรียกที่เขาเพียรตามหา
“ภพ” คือสิ่งที่ขวางกั้นระหว่างเขากับเด็กคนนั้น
“ภพ” คือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้าง แม้นว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายก็ตาม
“ราห์” คือชื่อที่เขาพึ่งรู้จัก
“ราห์” คือชื่อบุคคลที่คอยช่วยเขาเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง
“ราห์"คือคนที่เขาไม่อยากให้หายไปสักนิดแม้ตัวเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
Trigger Warning
blood มีเลือด/murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย/ghost มีผี
ขอฝากน้องภพไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเหล่าแม่ ๆ ทุกท่านด้วยนะคะ มาเจอน้องภพพร้อมกันได้ทุกวันเวลา 18.00น.น๊า
#ผมเก็บผีได้ในวันฮาโลวีนแหละครับ
ผู้แต่ง:LinLiLing
ภาพปก:ณหญิง
ภาพปกจิบิ:Senh Mee
“แกไปเจออะไรมา คายมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ภาหันขวับส่งสายตาดุใส่น้องชายตนหลังได้รับข้อมูลอันน่าตกใจในบทสนทนา
ภพอึกอักลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยอมจำนนเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ครั้งแรกเจออสุรกายให้พี่สาวตนฟังทั้งหมด แต่ก็มีแอบเปลี่ยนและตัดเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับราห์ออก
เพราะตอนนี้เขายังไม่พร้อมเล่าเรื่องราวของราห์ให้ใครฟัง
“ทำไมแกถึงไม่บอกฉัน! ใช่วันที่แกกลับถึงร้านในสภาพโชกเลือดนั่นใช่ม่ะ” เมื่อฟังน้องชายเล่าจบเธอก็กล่าวอย่างโมโหระคนน้อยใจ
“แหะ แหะ คงใช่” ภพที่ไม่รู้จะตอบอะไรก็เกาแก้มแกร้ก ๆ แก้เขิน
“ไม่ต้องมาแหะ แหะเลยไอ้น้องบ้า” ว่าแล้วฝ่ามืออรหันต์ก็ฟาดลงขาน้องชายตนดังเพี้ยะ
“อู๊ยยพี่ ถ้าผมเล่าไปพี่จะเชื่อลงมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มยู่ปากลูบขาตัวเองปอย ๆ พลันกล่าวแย้ง
“หลวงตาคะ พอช่วยอะไรภพได้บ้างมั้ยคะ ที่พอจะไม่ให้ผีตัวนั้นมาตามรังควานหรือทำร้ายน้องดิฉันได้อีก” ภาหันกลับไปกล่าวระคนขอร้องภิกษุชราด้วยความร้อนรนใจ
เจอน้องตัวเองสภาพโชกเลือดมาขนาดนั้น คนเป็นพี่ใครจะไม่ร้อนใจกัน
“ที่จริงผีตนนั้นก็ทำอะไรน้องโยมไม่ได้แล้วล่ะ วันนี้อาตมาจะพรมน้ำมนต์ให้ก็แล้วกัน ถ้าอยากให้สบายใจขึ้นก็หมั่นทำบุญ เข้าวัดบ่อย ๆ แล้วกันนะโยม”
“ขอบคุณค่ะหลวงตา” หญิงสาวก้มลงกราบขอบคุณด้วยความโล่งใจ สีหน้าเธอดีขึ้นหลายส่วน
“จริงด้วยครับหลวงตา พวกผมนำผ้าไตรมาถวายด้วยให้มาถวายตรงนี้เลยมั้ยครับ”
“ถวายตรงนี้เลยก็ได้โยม”
“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ พี่ผมไปเอาของที่ศาลาหน้าวัดแปปนะ”
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวฉันไปเอาเอง แกก็อยู่คุยกับหลวงตาตรงนี้ไปเถอะ” หญิงสาวขันอาสาแทน
“แต่มันหนักนะพี่”
“เออ ๆ ฉันยังไม่แก่ย่ะยกได้สบายของแค่นั้น” ว่าแล้วภาก็ลุกขึ้นไปสวมรองเท้าเพื่อไปนำถุงกระดาษที่ใส่ของถวายมาแทนภพ
“เณรจะไปด้วย!” ว่าจบเณรน้อยที่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันนิ่ง ๆ อยู่นานสองนานกระโดดผึ่ง วิ่งดุ๊กดิ๊กจีวรปลิวตามก้นพี่สาวภพไป
คงเบื่อสินะเณร...
ผ่านไปชั่วอึดใจ พระชราก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“มีคนปกป้องโยมไว้สินะ ไม่สิ ไม่ใช่คนแต่เป็นวิญญาณตนหนึ่ง โยมควรขอบคุณเขานะเพราะไม่แบบนั้นดวงโยมคงถึงฆาตจริง ๆ”
หลวงตารู้ได้ยังไง!? ภพทำหน้าประหลาดใจ
“หลวงตาเห็นวิญญาณตนนั้นด้วยเหรอครับ!? หลวงตาพอรู้มั้ยครับว่าวิญญาณตนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ถ้าหลวงตาพอทราบ ช่วยบอกผมทีเถอะครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอร้องพระชราด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“....” พระชราทำเพียงหลับตาส่ายหน้าเป็นคำตอบ การกระทำนี้ทำให้หัวใจของภพที่กำลังลิงโลดพลันร่วงตุบลงพื้นอย่างแรง
“เขายังไม่หายไปไหนหรอกโยม วิญญาณเขายังคงติดบ่วงอยู่จะไปก็ไปไม่ได้ จะกลับก็หาทางไม่เจอ”
!?
“หมายความว่ายังไงไงครับหลวงตา ถ้าหลวงตาพอทราบอะไรจริง ๆ ก็ขอให้บอกผมสักหน่อยเถอะครับ ผมอยากช่วยเขาจริง ๆ ครับ”
“เฮ้อ โยมนะโยม โยมยึดติดไปก็มีแต่จะรั้งทั้งตัวโยมและตัวเขาเอาไว้ รู้หรือเปล่าฮึ” พระมากพรรษากล่าวเตือนสติด้วยความเป็นห่วง
“ผะ ผมทราบครับ แต่ว่าความอัดอั้นตันใจนี้มันอึดอัดมากเลยครับหลวงตา ผมขอแค่ได้คุยกับเขาอีกสักนิด อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้รู้ชื่อของคนที่เขาต้องการฝากคำบอกไปถึงก็ยังดีครับหลวงตา”
“เขายังอยู่ที่เดิม ที่ที่เขาจากมา” ชายชราถอดถอนใจ ก่อนยอมเอ่ยตอบ
“ที่ไหนเหรอครับหลวงตา หลวงตาพอช่วยบอกใบ้ผมอีกนิดได้มั้ยครับ” ดวงตากลมโตนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง ภพพยายามถามอีกครั้ง เพราะแค่คำใบ้ที่ว่า ที่ที่เดิมที่ราห์จากมา เขาไม่รู้เลยว่าคือที่ไหน
หรือว่าที่งานฮาโลวีนเหรอ? เขาเจอราห์ครั้งแรกที่งานนั้นนี่นา
“เรื่องนี้อาตมาสุดช่วยได้แล้วโยม โยมลองไปตรึกตรองนึกให้ดี” ชายชราทำท่าคล้ายอยากพูดบางสิ่งแต่ก็ยั้งเอาไว้
“ครับ ขอบคุณมากครับหลวงตาที่ยอมบอกผม” เขายกมือไหว้กล่าวขอบคุณ ในสมองของเขาตอนนี้กำลังคิดคํานวณถึงสถานที่ต่าง ๆ ในความทรงจำที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิญญาณหนุ่ม
แต่นึกเท่าไหร่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่สถานที่ และดูไม่น่าเข้าข่ายเท่าไหร่นัก
ภพคิดจนขมวดคิ้วมุ่น
“มาแล้วค่ะหลวงตา” ภาที่มาถึงก็นำข้าวของมาจัดแจงให้สวยงามเป็นระเบียบตามขนบ
“ไอ้กล้าเอ๊ย ไปเด็ดก้านใบมะยมมาสักเจ็ดก้านให้หลวงตาทีซิ” ภิกษุชราสั่งให้เณรตัวน้อยไปเด็ดก้านใบมะยมมาเพื่อนำมาใช้สำหรับพรมน้ำมนต์ แต่ด้วยความที่ภพเป็นห่วงว่าเด็กน้อยจะเอื้อมมือไปเด็ดมาไม่ถึงหรือเปล่า จึงลุกเดินตามไปช่วยด้วยคน
หลังทำบุญถวาย พรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลอะไรเสร็จสรรพสองพี่น้องต่างอยู่สนทนาธรรมกับหลวงตาชูสักพักก่อนกราบนมัสการลากลับบ้าน
กว่าจะเดินลงมาถึงรถก็บ่ายคล้อยจนเกือบเย็น
“ขาลงดีกว่าขาขึ้นเนาะพี่” ภพเสยผมที่ชื้นเหงื่อยุ่งเหยิงด้วยแรงลมขึ้นเล็กน้อย
“ใช่ ขาขึ้นเหนื่อยแทบขาดใจตาย รีบ ๆ ลงเถอะเดี๋ยวกว่าจะกลับถึงบ้านยายก็มืดพอดี ยายพึ่งโทรมาเมื่อกี้บอกว่าทำแกงขนุนใส่แคบหมูไว้ให้ด้วยแหละ”
“คร๊าบ คร๊าบ ของอร่อยรออยู่แบบงี้ต้องรีบกลับแล้ว” ว่าจบสองพี่น้องก็คาดเข็มขัดเตรียมขับรถกลับบ้านกันอย่างสบายใจ
แค่พี่ภาอ่ะนะ ไม่ใช่ผม
เพราะคำพูดของหลวงตายังคงทำให้เขาคิดวนไปวนมาไม่รู้จบ ไม่ได้สบายอกสบายใจเท่าไหร่นัก
แสงไฟสลัว มีเสียงดนตรีดังเคล้าคลอล้อมาตามสายลม ร้านบาร์นั่งชิลแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ริมน้ำสายใหญ่บรรยากาศรอบด้านชวนน่าผ่อนคลาย ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาแต่ส่วนใหญ่ดูเป็นวัยทำงานกันทั้งนั้น รวมถึงพวกเขาสามคนที่กำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ตรงนี้ด้วย
สองคนวัยทำงาน หนึ่งคนพึ่งอยู่ในสถานะว่างงานหลังเรียนจบ
บนโต๊ะเต็มไปด้วยกับแกล้มไม่ว่าจะเป็นหมูคลุกฝุ่น เอ็นข้อไก่ทอดอันกรุบกรอบ ไก่ทอดน้ำปลาอุ่น ๆ ร้อน ๆ คอหมูย่างเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดและอีกมากมาย
ภพกับเพื่อนเป็นสายกินมากกว่าดื่มอ่ะนะ เลยอยู่มาด้วยกันได้
ปกติมีแค่ภพกับซันที่พากันมานั่งชิลที่ร้านโปรดเป็นประจำ แต่วันนี้ค่อนข้างพิเศษขึ้นมาหน่อยเพราะมีรุ่นน้องอย่างซันเข้ามาแจมด้วยคน
“ยินดีด้วยนะเว้ยไอ้ชล ที่จบได้สักที” ซันชูแก้วเบียร์ขึ้นชน
“รอไปงานรับปีหน้าซินะ”
“ใช่ครับพี่ พวกพี่ต้องไปนะ ๆ” ชลผงกหัวยิ้มร่าอย่างอารมณ์
“แน่นอนต้องไปอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมถึงมากินเลี้ยงกับพี่ล่ะ พี่ไม่ใช่สายรหัสเราสักหน่อย คนละคณะด้วยซ้ำ ไม่ไปชวนพวกสายมากินพร้อมกันอ่ะ” ภพเอ่ยถามพร้อมหยิบคอหมูย่างเนื้อชุ่มเข้าปาก
“ไอ้สายรหัสน่ะ ยังไงมันก็กินเลี้ยงกันตลอด วันนี้ผมได้ยินจากพี่ซันมาว่าพี่จะมาตี้ ผมเลยขอมาแจมด้วยคนเฉย ๆ นานทีปีหนจะได้กินกับพี่ไง”
“หาคนเลี้ยงเบียร์ว่างั้นเหอะ” วันเอ่ยดักคอรุ่นน้องตน
“โห้พี่ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย แต่ก็ใช่แหละ แหะ แหะ”
“เลี้ยงนิดเลี้ยงหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า เพราะรุ่นพี่สายน้องมันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนนี่หว่า ต้องให้สายตรงเลี้ยงดิ” ภพเสมองไปทางเพื่อนสนิทเป็นนัย ๆ
“อ้าวไอภพ ไหนบอกหารครึ่ง”
“ใครพูด ไม่มี๊” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงสูง
จากนั้นทั้งโต๊ะก็เงียบ ทั้งสามคนจ้องมองกันสักพักระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ในบรรดารุ่นน้องทั้งหมดที่ภพรู้จัก ชลเป็นเพียงรุ่นน้องคนเดียวที่สนิท และอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจกับพวกเขาสองคน มากกว่าน้องรหัสสายของตนเองเสียอีก
“ยังไงวันนี้ก็ไม่กะเอาเมาอยู่แล้ว ต่างคนต่างเอารถตัวเองมาไม่งั้นรถชนตายห่าทำไง”
“เออก็จริง พรุ่งนี้กูยังต้องทำงานอีก” ซันผงกหัวท่าทางเห็นด้วย
“พวกพี่ดูคลิปหนังที่ผมส่งไปให้ยัง งานดีใช่มั้ยล่า มีแต่คนชม”
“ดูแล้ว ๆ พี่ว่าแสงในภาพดูเข้ามู้ดดี ถ่ายพี่ออกมาหล่อกว่าตัวจริงอีก” ภพหยิบข้อเอ็นไก่ทอดกรอบมาเคี้ยวหงุบหงับพร้อมซดเบียร์ตามจนหมดแก้ว ใบหน้าเริ่มเกิดริ้วสีแดงจาง ๆ
“ตัวจริงพี่หล่อกว่าในหนังอีก มา ๆ ผมเทเบียร์ให้ ๆ” ชลพูดตามที่ตัวเองคิด ไม่ได้กล่าวยอภพโดยไร้สาเหตุ
พี่ภพหล่อจริง ๆ นี่นาด้วยความชายก็ได้ หญิงก็ดี ผู้คนต่างเข้าหาเขาเพราะหวังเรื่องอย่างว่า แต่เจ้าตัวกลับไม่อินังขังขอบเสียนี่
“ขอบคุณที่ชมนะเว้ยน้องรัก” ชายหนุ่มตบไหล่รุ่นน้องก่อนกระดกดื่มอีกอึก
“เฮ้ย ๆ เบา ๆ ไหนบอกไม่เมาไงวันนี้มึงแดกไปสามแก้วแล้วนะไอ้ภพ มึงคออ่อนจะตายห่า กินให้พอดีหน่อย ส่วนมึงก็หยุดเทให้ไอ้ภพได้ละ!” ซันเอ่ยปราม เนื่องจากอยู่เป็นเพื่อนกินเหล้ากินเบียร์กันมานานซันจึงรู้ลิมิตสูงสุดที่ภพสามารถดื่มได้ คือเบียร์ไม่เกินหกถึงเจ็ดแก้ว แล้วยิ่งเป็นเหล้าโดยเฉพาะเหล้าขาวละก็แค่แก้วเป๊กเดียวจอดสนิท
คออ่อนกว่าเด็กมัธยมอีก
เวลาที่ไอ้ภพดื่มหนักทีไร=มันมีเรื่องคิดมากทุกที วันนี้กูจะได้หิ้วปีกมันกลับบ้านมั้ยหว่า ซันมองหน้าเพื่อนตนก่อนส่ายศีรษะด้วยความละเหี่ยใจ
“แหมพี่ ติดเป็นนิสัยไปนิด”
คุยกันไปคุยกันมาจนดึกดื่นค่อนคืนกับแกล้มที่เคยเต็มโต๊ะตอนนี้เหลือแต่เศษอาหาร พวกเขาสามคนจึงคิดสลายตัว แยกย้ายกันกลับ
แต่ว่า..
“ไอ้เหี้ยภพ ไหนมึงบอกว่าไม่เมาไงวันนี้ มึงสลบคนแรกเลยเนี่ย” ซันบ่นพร้อมพยายามแกะร่างภพที่เมาแอ๋กอดติดหนึบเหมือนหมีโคอาลาอยู่กับชล
“อ๊ากพี่ ผมเจ็บ อย่าแงะไหล่ผมแบบนั้นสิครับ”
“ไม่แงะไหล่มึงออก แล้วจะเอาไอ้ภพออกได้ไง”
นิสัยแปลก ๆ เวลาเมาชวนน่าปวดหัวของภพคือการเกาะติดหนึบกับใครสักคนไม่ยอมปล่อย เพราะแบบนี้เวลาซันไปดื่มกับภพ จึงปรามไม่ให้ภพไม่กินจนเมาขั้นสุดบ่อยครั้ง ทว่าวันนี้เมื่อเพื่อนสนิทและรุ่นน้องเผลอชั่วครู่ก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว
และถูกต้อง ในค่ำคืนนี้ผู้ถูกเลือกคือชล
“เฮ้อ ไม่ออกว่ะ งั้นคืนนี้มึงไปนอนบ้านไอ้ภพม่ะ กูไปส่ง”
“ไม่เอาอ่ะพี่ ผมนอนต่างที่ไม่ค่อยหลับ” ชลบุ้ยปากส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน
“ทั้ง ๆ ที่มึงก็ออกต่างจังหวัดไปถ่ายงานเนี่ยนะ?”
“ก็นั่นแหละ ยันจบก็นอนไม่เต็มอิ่มตลอดเลย”
“เฮ้อ แล้วมึงจะเอาไง” ซันเอามือกุมขมับ
“เวลาพี่ภพเมาหัวราน้ำจะเกาะติดพี่XXตลอดเลยนี่นา ปกติพี่เขาก็เป็นคนจัดการผมพึ่งเคยโดนพี่ภพติดหนึบอย่างงี้ครั้งแรกอ่ะ ผมจะรู้ได้ไง” ผู้ที่อายุน้อยสุดในกลุ่มทำปากยื่นอย่างคิดไม่ออก พลันชะงักกึกเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
ชลก้มลงมองรุ่นพี่ร่วมสถาบันตนก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดีนะที่พี่ภพไม่ได้ยินเข้า
“เอองั้นพยายามแกะให้ออกก่อนละกัน ถ้าแกะออกเดี๋ยวกูจะไปเอามันส่งบ้านเอง ส่วนรถฝากไว้ที่ร้าน ถ้าแกะไม่ออกก็เอาน้ำราดหัวแม่งเดี๋ยวสร่างเองแหละ”
“โหยพี่ สงสารพี่ภพ เอางี้มั้ยพี่ พี่ขับรถพี่ภพไปส่งแต่ผมจะขับตามไปด้วย ขากลับที่ก็กลับกับผม กลับมาที่ร้านเอารถพี่ เป็นไง”
“เออได้ไม่มีปัญหา ตอนนี้ลองเอาน้ำเปล่าให้มันกินดูเพื่อช่วย”
ทั้งสองต่างวุ่นวายสักพัก จนในที่สุดภพก็ปล่อยมือตุ๊กแกของตนออก ภพในสภาพตัวอ่อนปวกเปียกโดนหิ้วปีกหอบขึ้นรถตนกลับ
“เฮ้ยตื่น ๆ ถึงบ้านมึงแล้ว” ซันเขย่าปลุกเพื่อนสนิทตนที่ดูน่าจะสร่างเมาลง
“หือ?”
“มึงเอากุญแจบ้านไว้ไหนฟะ” ซันคลำหาตามตัวภพ แต่คลำหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“อยู่นี่ อึก เดี๋ยวกูเข้าไปเอง” ติวเตอร์หนุ่มพึ่งได้สติคืนมาเล็กน้อย โซเซเดินลงจากรถไปเปิดประตูบ้าน
“มา ๆ เดี๋ยวกูทำเอง ไขประตูบ้านห่าอะไรตั้งนานก็ไขไม่ได้ อ่ะได้ละ” ซันที่ขับรถเข้ามาจอดไว้ในบ้านให้เรียบร้อยแล้วยังเห็นภพไขประตูไม่ได้สักทีจึงคว้ากุญแจบ้านมาไขเอง
“มึงเดินไหวป่ะ”
“ไหววว มึงกลับดี ๆ” น้ำเสียงยานคางกล่าวลาเพื่อนก่อนปิดประตูบ้าน
“ไหวมั้ยวะนั่น ปะกลับกับชล” ซันขยี้ผมมองไปอย่างห่วง ๆ แล้วเอี้ยวตัวกลับไปนั่งรถรุ่นน้อง
ภพที่มึน ๆ อยู่เดินตุปัดตุเป๋ขึ้นบันไดเข้าห้องตน พอถึงเตียงนอนก็ฟุบตัวคว่ำหน้าลงกับเตียงทันที
เพล้ง! ไม่ทันระวังกรอบรูปบนโต๊ะข้างหัวเตียงถูกมือของเขาปัดโดนแต่ด้วยความง่วงงุนเจ้าตัวผล็อยหลับโดยไม่คิดจะลุกขึ้นมาจัดการเศษกระจก
รูปภาพในกรอบรูปก็หลุดร่วงตามการตกกระจาย ทว่าใบรูปถ่ายกลับไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งใบตามปกติ
ช่วงTalk
ภา:ทำไมภพึงสะดุ้งตอนเรากลับมากัน มีความลับอะไรหรือไง?//ทำหน้างง
น้องภพมีebookแล้วนะคะแม่ ๆ (ใครอยากสนับสนุนไรท์กดซื้อผ่านทางลิงค์นี้ได้เลยนะคะ)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTY2OTE5OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI5OTMwNCI7fQ