การสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ ชายผู้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวหนังสือ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายบอกเล่าความรู้สึกไปยังคนคนนั้น

Love Letters จดหมายรัก - ฉบับที่ 1: รักแรกพบ โดย Jamie @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,โรแมนติก,จดหมายรัก,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Love Letters จดหมายรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,จดหมายรัก,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

การสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ ชายผู้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวหนังสือ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายบอกเล่าความรู้สึกไปยังคนคนนั้น

ผู้แต่ง

Jamie

เรื่องย่อ


ตอนนี้มีอีบุ๊กแล้ว นิยายเรื่องนี้จะติดเหรียญถาวรตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.นี้เป็นต้นไปนะคะ


ติด 5 เหรียญ สำหรับตอนทั่วไป และ 10 เหรียญ สำหรับตอนที่มี NC เช่นเคยค่ะ

 

====================================================

 

ปัจจุบันการสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ

ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับตัวหนังสือ ผู้ซึ่งสามารถใช้การเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้มากกว่าคำพูด ตัดสินใจบอกเล่าความรู้สึกของตน ถ่ายทอดลงบนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ร้อยเรียงเป็นจดหมาย ส่งไปให้ใครคนนั้น...

 

ราเชน คทาธร

นักเขียนชื่อดังของวงการหนังสือ หากแต่เป็นคนเก็บตัว และพูดไม่เก่งเฉกเช่นเวลาที่เขาเขียน

"ผมก็แค่อยากเขียนจดหมาย...

บอกรัก..."

 

ภูวนัท ฐิตตานุสรณ์

นักศึกษาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่แค่เรียนและทำงานพิเศษ ก็ไม่มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นแล้ว

ชายหนุ่มชอบที่จะใช้เวลาว่างอันแสนจะน้อยนิดของเขาอยู่ในคอนโด และนอน...

 

"เจ้าของจดหมายพวกนี้เป็นใครกันนะ..."

 

====================================================

 

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน บุคคลและสถานที่ในเรื่องเป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น

ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อบุคคลหรือสถานที่ที่ระบุถึงแต่อย่างใด

 

คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย หากไม่ใช่แนวที่คุณชอบ กดปิดหน้าได้เลยค่ะ

 

เนื้อหาในนิยายอาจมีถ้อยคำไม่สุภาพบ้างเป็นบางครั้งเพื่ออรรถรส โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

เนื้อหานิยายบางตอนไม่เหมาะสมสำหรับนักอ่านซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี

 

====================================================

 

นิยายเรื่องนี้จะอัปโหลดสัปดาห์ละสามครั้ง ทุกวัน อังคาร วันพฤหัสบดี และ วันอาทิตย์ เวลา 17:30 น. นะคะ

 

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สนับสนุนผลงานค่ะ

 

ช่องทางติดต่อนักเขียน:

Author: Jamie

Twitter : @jamie_psf

Facebook Fanpage: Jamie's BL Novels

Instagram: @jamie_novels

 

#LoveLettersจดหมายรัก #LoveLettersNovel #เชนนัท

สารบัญ

Love Letters จดหมายรัก-Prologue .,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 1: รักแรกพบ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 2: ใกล้เพียงมือคว้า แต่ไม่กล้าแม้จะเปล่งเสียง,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 3: รอยยิ้มที่เป็นดั่งพลังใจ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 4: เพียงแค่ชายคนหนึ่งที่ชอบเขียน,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 5: ปล่อยหัวใจเดินทางไปกับตัวอักษร,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 6: หลับตา…แล้วจินตนาการว่าเราเดินทางไปด้วยกัน,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 7: จดหมายในวันฝนพรำ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 8: เจ้าของจดหมายพวกนี้เป็นใครกันนะ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 9: ก้อนความรักของผมชื่อภูวนัท,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 10: ลูกค้าประจำในห้องฝั่งตรงข้าม,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 11: เจ้าของจดหมายพวกนั้นชื่อราเชน,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 12: คนช่างเขียนที่ไม่ช่างพูด,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 13: ชาร้อน สมุดบันทึก และนิยายของคุณ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 14: Hot chocolate ในคืนฝนพรำ,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 15: We kiss when we cook,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 16: สองกายสองใจเป็นหนึ่งเดียว,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 17: ความช่างอ้อนของเจ้าก้อนความรัก,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 18: ภูลังกาและบันทึกการเดินทางแรกของเรา,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 19: ถึงไม่มีสเปกแต่ข้าวปั้นก็ชอบคนเด็กกว่า,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 20: To the one I love,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 21: คำสารภาพรักบนเกาะช้าง [อชิระxข้าวปั้น],Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 22: รางวัลของคุณนักเขียน,Love Letters จดหมายรัก-ฉบับที่ 23: คุณคือครอบครัวของผม

เนื้อหา

ฉบับที่ 1: รักแรกพบ

ท่ามกลางความชุลมุนของการจราจรอันแออัด ทั้งผู้คนมากมายที่เบียดเสียดกันอยู่ในคมนาคมสาธารณะ

ทว่าชีวิตในเมืองหลวงไม่ได้มีแค่ความวุ่นวายแต่เพียงอย่างเดียว หากยังมีคนบางคนที่สามารถหลุดพ้นจากวังวนของสิ่งเหล่านั้นออกมาได้

ชายหนุ่มวัยปลายยี่สิบผู้หลงใหลในการเขียน สามารถสรรค์สร้างมุมสงบของตัวเองได้แม้แต่ภายในร้านกาแฟเล็กๆ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับคอนโดของตน แม้คอนโดแห่งนี้จะไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยและออฟฟิศมากมาย ทำให้มีช่วงที่มีคนพลุกพล่านอยู่เป็นบางเวลา กระนั้นเลยก็ไม่สามารถทำลายความเป็นส่วนตัวที่เขาสร้างขึ้นมาเองได้

ราเชน คทาธร เป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์และมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการหนังสือ ไม่เพียงเพราะใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกผสม แต่เป็นเพราะการใช้ภาษาของเขาทำให้นักอ่านทั้งหลายหลงมนต์เสน่ห์ปลายปากกาด้วยเช่นกัน นักเขียนผู้นี้ไม่ใช่คนที่ชอบออกสังคมหรือใส่ใจกับความมีชื่อเสียงของตน เขาก็แค่ชอบเขียน และอยากถ่ายทอดมันลงบนแผ่นกระดาษก็เท่านั้น

ชีวิตประจำวัน ณ ปัจจุบันของราเชนมักจะเวียนวนอยู่ในห้องพักกับร้าน Le Petit Café ร้านกาแฟตรงข้ามคอนโด เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการขีดเขียน แม้ว่าทุกวันนี้นักเขียนทั้งหลายจะใช้แล็ปท็อป ไอแพด หรือแท็ปเล็ต ในการทำงาน แต่ชายหนุ่มผู้นี้ยังคงชอบการหอบสมุดกับปากกาไปนั่งที่มุมประจำของตนในร้านกาแฟเพื่อเขียนเรื่องราวต่างๆ แล้วนำมันไปพิมพ์ใส่แล็ปท็อปในภายหลัง การทำงานที่ซ้ำซ้อนกันของเขาอาจเป็นที่น่าขันสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับตัวเขาเอง ราเชนรู้สึกว่าการทำแบบนี้เปรียบประหนึ่งว่าเขาได้ถอดหัวใจของตนลงไปบนแผ่นกระดาษทุกครั้งที่จดปากกา

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชายหนุ่มตัวสูงกำยำเดินข้ามถนนตรงไปยังร้านประจำ ในมือหอบเอาสมุดคู่ใจไปด้วยดังเช่นทุกครั้ง โดยปกติแล้วเขาจะไปนั่งที่ร้านในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีคน นั่นคือในตอนสายจนถึงเกือบเที่ยง ก่อนที่ร้านจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากออฟฟิศในย่านนั้นที่พากันออกมาพักกลางวัน

“กาแฟของคุณได้แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์และได้รับกาแฟที่สั่งแล้ว ราเชนก็ตรงไปนั่งเก้าอี้นวมตัวเดิม โต๊ะประจำของเขาอยู่ในมุมที่มีการตกแต่งด้วยชั้นหนังสือเล็กๆ และเป็นมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ก็ไม่ใช่มุมอับจนน่าอึดอัดเพราะอยู่ติดกับกำแพงกระจกของร้านซึ่งมองเห็นด้านนอกได้ถนัด ทำให้เขาได้พักสายตาโดยการมองออกไปนอกร้านได้ในบางครั้ง แม้ส่วนใหญ่เขาจะถอดวิญญาณไปกับการเขียนอยู่เกือบจะตลอดเวลาก็ตาม

เมื่อได้เวลาอันควรราเชนก็จะออกจากร้านแล้วเดินข้ามฝั่งกลับคอนโด กดลิฟต์ขึ้นชั้นสิบสองไปยังห้องที่อยู่สุดทางเดินของชั้นนั้น คอนโดแห่งนี้สร้างขึ้นคล้ายกับอะพาร์ตเมนต์ของต่างประเทศ คือแต่ละชั้นมีเพียงไม่กี่ห้อง และแต่ละห้องจะมีขนาดต่างกันออกไป ห้องของนักเขียนหนุ่มเป็นแบบอะพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอน มีห้องนั่งเล่นและห้องครัวแยกต่างหากอย่างเป็นสัดส่วน เขาซื้อคอนโดนี้ได้ปีกว่าๆ แล้ว หลังจากตัดสินใจย้ายมาพำนักอยู่ในประเทศไทย

ราเชนเคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและใช้เวลาช่วงซัมเมอร์เดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต เพราะความหลงใหลในการบรรยายถ้อยคำลงบนหน้ากระดาษ ชายหนุ่มจึงชอบจดบันทึกการเดินทางมาแต่ไหนแต่ไร เขาถ่ายทอดทุกความทรงจำ บอกเล่าเรื่องราวและสถานที่ตามประสบการณ์ของตัวเองในรูปแบบของไดอารีนักเดินทาง ซึ่งนั่นอาจนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียน เขาชอบเขียนถึงสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้เคยเยี่ยมเยือนสถานที่จริง มากกว่าการนั่งเทียนเขียน หลังจากเรียนจบและมีโอกาสเดินทางท่องโลกมากกว่าเดิม นอกเหนือจากการเขียนบันทึกการเดินทางตามวิสัยแล้ว ผู้มีอารมณ์ศิลปินอย่างเขาเริ่มเลือกเรียงร้อยประสบการณ์ออกมาในรูปแบบของนวนิยาย และโดยไม่ได้คาดหวัง นิยายของเขานั้นกลับเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่ต่างประเทศแล้ว

ความที่ชอบสันโดษ ไม่สุงสิงกับใคร ทำให้นักเขียนหนุ่มไม่มีเพื่อนสนิทในไทย เขาไม่มีพี่น้องหรือญาติฝั่งไทยที่ใกล้ชิดเลยเพราะอยู่ต่างแดนมาตั้งแต่วัยเยาว์ จะมีก็เพียงพ่อแม่ของเขาซึ่งค่อนข้างรักสันโดษเช่นกัน พวกท่านชอบเดินทางท่องเที่ยวไม่ผิดกับลูกชายคนเดียวคนนี้ ทั้งสองไม่ค่อยได้อยู่กับที่เท่าไรนัก มิหนำซ้ำยังไปซื้อบ้านอยู่บนเกาะทางใต้ของประเทศไทย เพื่อจะได้ไม่มีใครมาวุ่นวายกับพวกเขา ถึงกระนั้นนานๆ ทีราเชนก็ไปเยี่ยมเยียนพวกท่านบ้างเป็นครั้งคราว

หลังทำอาหารเที่ยงให้ตัวเองเสร็จราเชนก็ออกไปนั่งรับประทานที่ระเบียงห้อง มองออกไปยังท้องถนนดูผู้คนและรถรา และไล่สายตาไปยังร้าน Le Petit Café พลางคิดไปว่าวันรุ่งขึ้นเขาต้องออกไปพบปะเรื่องงานกับสำนักบรรณาธิการในช่วงสาย และคงจะได้แวะร้านกาแฟร้านประจำในช่วงหัวค่ำแทน ชายหนุ่มไม่เคยไปนั่งในร้านตอนช่วงเวลาดังกล่าวเลยสักครั้ง

และไม่รู้เลยว่า…การไปนั่งที่ร้านในเวลานั้นของวันพรุ่งนี้ จะทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

 

......................................................................

 

การถูกจับย้ายเข้ามาอยู่คอนโดใหม่ช่วงกลางเทอมในกลางสัปดาห์แบบนี้ ไม่ได้ทำให้คนที่มีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะไปทำงานต่อในช่วงเย็น โชคดีที่วันนี้เลิกเรียนเร็วจึงมีเวลามากพอสำหรับการขนย้าย ภูวนัท ฐิตตานุสรณ์ นักศึกษาหนุ่มผู้ถูกพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง แทบจะเรียกได้ว่าจับโยนออกจากบ้านทันทีที่ซื้อคอนโดหลังนี้ให้ แม้จะเป็นการถูกเนรเทศกลายๆ แต่เขากลับค่อนข้างดีใจที่ไม่ต้องไปอยู่ขัดหูขัดตาภรรยาของพ่อ และครอบครัวที่เพิ่งจะให้การต้อนรับสมาชิกใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายคนละแม่กับเขา เพราะถึงจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เขาก็เหมือนไม่มีตัวตนในบ้านหลังนั้นอยู่แล้ว

ภูวนัทได้รับการเลี้ยงดูที่เกือบจะเป็นแบบทิ้งขว้างจากมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าพ่อ เพียงเพราะเขาเกิดมาโดยที่พ่อกับแม่ซึ่งตอนนั้นยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นไม่ได้ตั้งใจ เด็กน้อยที่กำเนิดจากความพลาดพลั้งถูกแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่วันที่ลืมตาออกมาดูโลก เขาอยู่กับบิดาที่มีฐานะดีกว่า ผู้ซึ่งเลี้ยงดูเขาอย่างเสียไม่ได้ ส่งเสียให้เขาได้ร่ำเรียนก็เพียงเพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ ไม่ได้มีความรักความผูกพันกับเขาเลยแม้แต่นิด จนเมื่อเขาเริ่มเข้ามัธยมต้น คุณพ่อยังหนุ่มของเขาก็แต่งงานใหม่ ภูวนัทเป็นเหมือนส่วนเกินที่รกหูรกตาเสมอมา เขาพยายามอดทนจนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา และเข้าทำงานพิเศษเมื่อเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แม้เงินเดือนของเขาจะไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับค่าเทอมและการใช้ชีวิตอยู่โดยลำพังในห้องเล็กๆ ห้องนี้

ชายหนุ่มทำงานในร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก จากการแนะนำของ อชิระ ที่เป็นเพื่อนสนิท แม้พ่อของเขาจะไม่ไยดีกับเขา แต่ก็ยังต้องขอบคุณที่ท่านซื้อคอนโดฝั่งตรงกันข้ามกับที่ทำงานให้ เพราะลำพังตัวเขาเองคงไม่มีปัญญา แม้ว่าจะเป็นเพียงสตูดิโออะพาร์ตเมนต์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีทุกอย่างรวมอยู่ในห้องเดียวและไม่ได้อยู่ในย่านที่ราคาที่พักแพงราวกับถูกปล้นก็ตาม แต่มันก็แพงเกินไปสำหรับนักศึกษาอย่างเขาอยู่ดี

ภูวนัทวางกระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวลงบนพื้น แล้วพิจารณาสตูดิโออะพาร์ตเมนต์ของตน พึงพอใจกับความโอ่โถงมากกว่าที่อื่นซึ่งเคยเห็นผ่านตาตอนหาที่พักใหม่ เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มีโซฟาที่ปรับเป็นโซฟาเบดได้อยู่ใกล้กับประตูทางเข้า มุมทำอาหารที่มีกำแพงเล็กๆ ยื่นออกมาคั่นดูเป็นสัดส่วน โต๊ะเขียนหนังสือขนาดกำลังดี ห้องน้ำขนาดพอเหมาะ และระเบียงไม่ใหญ่มากแต่ก็เป็นที่น่าพอใจ นึกขอบคุณเจ้าของห้องเก่าที่ขายห้องพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ซึ่งยังดูใหม่ราวกับเพิ่งแกะกล่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหาซื้อทุกสิ่งทุกอย่างให้ครบครันได้ แม้จะไม่มีโทรทัศน์แต่เขาก็มีแล็ปท็อปที่ใช้งานสารพัดอย่างมาตั้งแต่ตอนเริ่มเรียนปีหนึ่ง

หนุ่มน้อยหน้าใสทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม หลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว ต่อไปนี้เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจริงๆ แล้ว แม้จะให้กำลังใจตัวเองและมองโลกในแง่ดีมาตลอด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงาอยู่ลึกๆ ภูวนัทลืมตาขึ้นแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เขาไม่มีเวลามานั่งรำพันกับโชคชะตาของตัวเอง อีกเพียงชั่วโมงเดียวก็จะต้องออกไปทำงานแล้ว อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนที่ทำงานและที่มหาวิทยาลัย เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้คนเดียวเสียหน่อย คิดดังนั้นแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง เปิดกระเป๋าแล้วรื้อเอาเสื้อผ้าออกไปใส่ตู้ นำข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวไปจัดวางให้เข้าที่เข้าทาง เสร็จแล้วก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะกดลิฟต์ลงไปทำงานในร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่อยู่ใหม่ของตน

 

..................................................

 

นับเป็นวันที่ยาวนานสำหรับคนที่ไม่ชอบพบปะผู้คนอย่างราเชน เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของคอนโดพลางนึกระอาใจกับการจราจรของเมืองกรุง จะให้ไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดินเขาก็ไม่ชอบเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดแน่นเป็นปลากระป๋องในตู้โดยสาร อยากจะจิบกาแฟร้อนๆ แล้วปล่อยใจปล่อยความคิดลงบนสมุดคู่ใจให้คลายความตึงเครียดหลังเผชิญกับความวุ่นวาย จนแทบจะถลาเข้าร้านกาแฟเสียเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อมองออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่ก็เห็นว่าร้านยังคงเนืองแน่นด้วยผู้คนเพราะเป็นช่วงหลังเลิกงาน ชายหนุ่มตัวสูงจึงตัดสินใจกลับเข้าที่พักของตนก่อน

อาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จก็ออกไปยืนที่ระเบียง เริ่มรู้สึกหิวแต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการประชุมมาแทบทั้งวันจึงคร้านที่จะทำอาหาร เขามองลงไปยังร้านกาแฟร้านประจำที่มีอาหารจำพวกแซนด์วิชขายด้วย พลางคิดว่าวันนี้คงต้องฝากท้องไว้ที่นั่น รออีกสักชั่วโมงคงพอไหวจึงเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วเปิดแล็ปท็อป เริ่มพิมพ์ข้อความที่คัดลอกออกมาจากสมุดจดของตัวเอง

การทำแบบนี้ทำให้เขาได้อ่านทบทวน แก้ไข ลดและขยายความในสิ่งที่เขาเขียนไปในตัวด้วย เพราะความที่อยู่ต่างประเทศมานานทำให้เขาคิดเป็นภาษาอังกฤษไปโดยอัตโนมัติ ภาษาที่เขียนออกมาจึงค่อนข้างเหมือนภาษาแปล ซึ่งเขาจะต้องขัดเกลาให้ดีอีกครั้ง ในสมุดของเขามีบางช่วงที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษล้วนเลยด้วยซ้ำ โดยบางครั้งเขายังคงคำภาษาอังกฤษบางคำเอาไว้แล้วเอามาสอดแทรกในนิยาย นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่คนอ่านชอบ และยกให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเลยทีเดียว

นั่งทำงานเพลินจนลืมเวลาและลืมหิว จนกระทั่งได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้องประท้วงจึงนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มพิมพ์ต่ออีกครู่เดียวก็กดบันทึกงานแล้วปิดเครื่อง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าเงินโดยไม่ลืมหยิบสมุดไปด้วยก่อนออกจากห้อง

หนุ่มนักเขียนก้าวเท้าเข้าไปในร้านกาแฟช่วงที่เริ่มร้างผู้คน เขาเดินตรงไปยังตู้อาหาร เลือกหยิบแซนด์วิชที่ใช้ขนมปังโฮลวีตออกมาหนึ่งแพ็ก แล้วจึงไปสั่งกาแฟก่อนเดินไปยังที่นั่งประจำ เปิดสมุดออกอ่านทวนสิ่งที่เขียนค้างไว้พลางรับประทานอาหารเย็นแบบง่ายๆ ไปด้วย การงับแซนด์วิชกินไปเขียนหนังสือไป เป็นเรื่องปกติที่เขาคุ้นชินมาตั้งแต่สมัยอยู่ต่างประเทศแล้ว เศษขนมปังที่ร่วงลงบนสมุดนั้นไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้กับเขา ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็จัดการกับมื้อเย็นของตัวเองเสร็จเรียบร้อย เมื่อมือทั้งสองข้างว่าง หัวใจของนักเขียนก็จมดิ่งลงบนหน้ากระดาษ สมาธิจดจ่ออยู่กับการจดปากกา ปิดตายจากทุกสิ่งรอบตัวไปโดยปริยาย

กว่าราเชนจะเงยหน้าขึ้นจากการเขียนนิยายก็เป็นเวลาที่ร้านใกล้ปิดแล้ว เขามองออกไปด้านนอกก็เห็นว่าถนนหนทางเริ่มเงียบลง จึงปิดสมุดแล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้พลางหลับตาเพื่อพักสายตาชั่วครู่ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็คว้าสมุดแล้วเตรียมตัวจะลุก สายตาคมพลันมองไปทางพนักงานหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังพูดคุยกับลูกค้า ภาพที่เห็นมันช่างดูเป็นเรื่องธรรมดาๆ ทว่าบรรยากาศรอบตัวของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นเผยรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ราวกับหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขา รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกว่าโลกสดใส รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาสูบฉีดเร็วขึ้น ราเชนชะงักงันอยู่อย่างนั้น เพิ่งประจักษ์ตอนนั้นเอง ว่าความรู้สึกของรักแรกพบนั้นเป็นเช่นไร

นักเขียนผู้โด่งดังหลุบสายตาลงต่ำแล้วผ่อนลมหายใจ เขาไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน หนำซ้ำบุคคลผู้นั้นยังเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักพบเจอกันเลยแม้เพียงสักครั้ง แต่ทำไมกันเล่าเจ้าก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในอกข้างซ้ายของเขา ถึงกระตุกรัวแบบที่ไม่เคยเป็น นี่น่ะหรือคือสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบ เขาไม่เคยเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับใครได้ ไม่เชื่อถือถึงขนาดไม่เคยเขียนนิยายที่เกี่ยวกับรักแรกพบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งมันจะมาเกิดขึ้นกับตน ราเชนพ่นลมหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้น รวบสมุดคู่ใจแล้วหันไปมองคนที่ยังคงพูดคุยยิ้มแย้มทั้งปากทั้งตากับลูกค้าคนนั้น แล้วจึงกลับหลังหันเดินออกจากร้าน

พอถึงห้องชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง เขาซึ่งปกติเป็นคนเคร่งขรึมและใจเย็นกลับใจไม่นิ่งแบบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาเสียที่ไหนกัน นี่เขาเข้าไปอยู่ในวังวนของรักแรกพบจริงๆ หรือ เขาควรจะทำอย่างไร…

หรือว่ามันเป็นเพียงแค่ความประทับใจในรอยยิ้มที่ดูสว่างจ้านั้น…

ราเชนยกสองมือขึ้นประสานกันแล้ววางพาดลงบนดวงตา ผ่อนลมหายใจช้าๆ พลางหวังใจว่าเมื่อรุ่งเช้ามาเยือน ความรู้สึกสั่นไหวในอกจะเจือจางไปเอง

……………………………………………..

 

“แน่ใจนะว่าวันนี้ก็จะไม่ไปกับพวกพี่เหมือนเดิม”

“แน่ใจครับ”

“เฮ่อออ โอเคๆ งั้นก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ”

“ขอบคุณครับ พี่ๆ ด้วยนะครับ”

ภูวนัทกล่าวลาเพื่อนร่วมงานที่เลิกงานพร้อมกันแล้วเดินข้ามถนน โชคดีที่เมื่อก่อนเวลาเลิกงานเขาต้องข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเดินทางกลับบ้านอยู่แล้ว เขาไม่ได้บอกใครว่าย้ายมาอยู่คอนโดตรงกันข้ามกับร้าน เพราะเกรงว่าเพื่อนๆ ในร้านจะอยากมาปาร์ตี้ต่อที่ห้องของเขา ดังเช่นที่ชอบทำกันเป็นประจำหลังเลิกงาน ที่พากันไปหาอะไรกินแล้วแวะไปบ้านของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด ทั้งเรียนและทำงานทำให้เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะปาร์ตี้ต่อ บ้านที่เคยอยู่ก็ไม่ใกล้กับร้าน และไม่สะดวกด้วยเหตุผลนานาประการในด้านครอบครัว เขาจึงปฏิเสธได้ทุกครั้ง ขืนทุกคนรู้ว่าเขาย้ายมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ มีหวังไม่ฉวยโอกาสลากเขาไปสังสรรค์ต่อก็พากันเฮโลมาที่ห้องของเขาแทน

กลับถึงที่พักหนุ่มนักศึกษาปีสองก็กระโดดลงบนเตียง กลิ้งตัวไปมาบนที่นอนและหมอนนุ่มๆ อย่างสบายอกสบายใจ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่กลับถึงห้องพักภายในห้านาที ไม่ต้องไปต่อทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์เหมือนเมื่อก่อน นอนเกลือกตัวไปมาจนรู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนัก ก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะปูที่นอนและใส่ปลอกหมอนเสียก่อน จึงลุกไปรื้อตู้เสื้อผ้านำผ้าปูผืนใหม่เอี่ยมออกมา จัดการกับที่นอนเรียบร้อยก็เข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น แล้วไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ ตรวจเช็กตารางเรียนของวันรุ่งขึ้นให้แน่ใจ ว่าไม่มีงานอะไรที่จะต้องส่งอาจารย์ในวันพรุ่งนี้ แล้วจึงปิดไฟนอน

 

..................................................

 

เมื่อยามเช้ามาเยือนและเปลือกตาของราเชนเปิดขึ้น เขาก็รู้ทันทีว่าทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตา คือภาพเดียวกันกับที่เขาเห็นตอนก่อนจะหลับตาลง ชายหนุ่มค่อยๆ ปิดเปลือกตาอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาอย่างคนพยายามตั้งสมาธิ เขาลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและชำระล้างร่างกาย แล้วจึงเริ่มกิจวัตรในยามเช้าของตนตามปกติ ดื่มชา English Breakfast ใส่นมแบบที่เขาโปรดปรานควบคู่ไปกับอาหารเช้าที่ปรุงเองแบบง่ายๆ ก่อนไปยืนสูดอากาศที่ระเบียง มองความวุ่นวายของผู้คนและท้องถนน น่าแปลกที่ทุกวันเขาจะมีจิตใจอันสงบนิ่ง หัวสมองจะเริ่มวิ่งและสามารถเขียนนิยายได้หลายต่อหลายหน้า ทว่าวันนี้หัวใจของเขากลับวนเวียนอยู่กับใบหน้าของคนที่เพิ่งเคยพบกันเพียงแค่ครั้งเดียว

หนุ่มนักเขียนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบสมุดกับปากกาพร้อมกระเป๋าเงิน เตรียมตัวลงไปนั่งที่ร้านกาแฟร้านเดิม เวลาเดิม ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่อยู่ปิดร้านเมื่อคืนคงไม่มาทำงานตอนเช้าเป็นแน่ เขาเข้าออกร้านนี้มานานไม่เคยเจอกับอีกฝ่ายเลยสักครั้ง ทำให้คาดเดาไปว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นอาจจะทำงานเฉพาะช่วงเย็น หรืออาจเป็นพนักงานใหม่ก็เป็นได้

เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านก็ตรงดิ่งไปสั่งกาแฟเหมือนเดิม เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่สายตาคู่คมจะกวาดมองหาเจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่น แม้จะคาดไว้ก่อนแล้วว่าคนที่เขานึกถึงจะไม่ปรากฏตัวอยู่ที่ใดในร้าน ราเชนเดินถือกาแฟไปนั่งมุมประจำแล้วลงมือเขียนนิยายแบบที่ทำอยู่ทุกวี่วัน พยายามถอดหัวใจลงไปกับตัวอักษร ต่อสู้กับใจตัวเองที่พลอยแต่จะนึกถึงดวงหน้าของคนที่เจอกันเมื่อคืน

 

ชายหนุ่มผู้มีชีวิตราบเรียบสงบเงียบมาตลอดและสุขุมอยู่เสมอ กำลังกระวนกระวายใจและไม่เป็นตัวของตัวเอง ตกเย็นสิ่งเดียวที่เขาทำคือยืนจ้องมองร้านกาแฟจากระเบียงห้องของตน เพ่งสายตามองดูผู้คนเดินเข้าออก เพียงหวังใจว่าจะได้เห็นคนที่เขาพลั้งเผลอมอบหัวใจไปให้ ทว่าเขาเพิ่งเคยพบกับเจ้าของรอยยิ้มที่มาขโมยหัวใจเขาไปแค่ครั้งเดียว จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะจำแนกหนุ่มน้อยคนนั้นออกจากคนอื่นๆ ได้ จากจุดที่มองอยู่บนชั้นสิบสอง ความคิดนั้นทำให้ราเชนผลุนผลันลงไปยังร้านกาแฟโดยไม่ทันได้คิด รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปยืนอยู่ภายในร้านเสียแล้ว

มาถึงขั้นนี้แล้วผู้ที่วางมาดขรึมอยู่เป็นนิจก็กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่เขาต้องการพบ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ภายในร้าน ไหนๆ ก็มาแล้วเขาจึงเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟ แล้วก็เพิ่งตระหนักว่าตัวเองคว้ามาเพียงกระเป๋าเงินแต่ไร้สมุดคู่ใจดังเช่นทุกครั้งอย่างผิดวิสัย ยังไม่ทันจะเดินไปถึงเคาน์เตอร์ คนที่เขาอยากเจอก็เดินออกมาจากประตูหลังร้าน ราเชนหยุดยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น เขามองเจ้าของรอยยิ้มสดใสคุยกับเพื่อนร่วมงาน ที่ดูเหมือนกำลังจะผลัดเปลี่ยนให้เจ้าตัวไปประจำที่แทน

ราเชนรู้สึกก้าวขาไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ ริมฝีปากแห้งผาก หัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บหน้าอก เขามองตรงไปยังใบหน้าหวาน ซึ่งกำลังส่งรอยยิ้มมาให้พร้อมคำพูดคำแรกที่พูดกับเขาโดยตรง

“รับอะไรดีครับ” เสียงใสๆ กับแววตาเป็นประกายทำให้หนุ่มนักเขียนทำอะไรไม่ถูก ราวกับลืมไปแล้วว่าการเปล่งเสียงให้ออกมาเป็นคำพูดทำอย่างไร ทั้งตื่นเต้นทั้งใจสั่นจนไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ ราเชนเม้มริมฝีปากแน่น กลับหลังหันแล้วเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วไปทั้งอย่างนั้น

“อ้าว อะไรของเขาวะ...” ภูวนัทบ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วมองตามหลังลูกค้าตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากมาย ยังมีลูกค้าอีกหลายคนที่ยืนต่อแถวกันอยู่ หนุ่มน้อยจึงเลิกใส่ใจกับผู้ชายแปลกคน แล้วรีบยิ้มรับลูกค้าคนต่อไปทันทีอย่างไม่รีรอ

 

กลับไปถึงห้องราเชนก็เดินตรงไปที่ระเบียง หอบหายใจราวกับไปวิ่งออกกำลังกายมาสักสามร้อยเมตร เขามองตรงไปยังร้านกาแฟ Le Petit Café ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต่อไปนี้เขาจะต้องทำอย่างไรจึงจะจัดการกับความรู้สึกที่มันเต็มล้นอยู่ในอกได้ เมื่อเจอหน้ากันเขาก็ไม่สามารถหาคำพูดของตัวเองเจอ แม้แต่คำพูดง่ายๆ อย่างการสั่งกาแฟที่ตัวเองต้องการ แล้วแบบนี้จะทำความรู้จักกับคนที่เขาตกหลุมรักได้อย่างไร

นักเขียนหนุ่มยืนมองร้านเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามคอนโดของตนอยู่นิ่งนาน ก่อนจะรวบรวมทุกความรู้สึกของตัวเองให้กลับมาจดจ่ออยู่ที่งานเขียน ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วนำกระเป๋าเดินทางใบเล็กมาจัดเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น เพราะต้องเดินทางในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงหยิบเอาสมุดคู่ใจออกมา พร้อมทั้งเปิดแล็ปท็อป แล้วพยายามตั้งใจตั้งสมาธิอยู่กับการทำงาน ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล หากคิดว่าตัวเองคงนอนไม่ได้ การได้ทำงานก็คงจะทำให้หัวใจของเขาสงบลงได้บ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

 

=======================================

 

เริ่มเรื่องมา พระ-นายของเราเพิ่งพูดกันแค่ประโยคเดียว เป็นการเปิดเรื่องที่เงียบมาก เพราะไม่มีบทพูดเลย 5555 เขียนแบบไร้บทพูดนี่ไม่ง่ายเลยค่ะ ขอกำลังใจหน่อยน้าา รัก ๆ ๆ