การสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ ชายผู้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวหนังสือ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายบอกเล่าความรู้สึกไปยังคนคนนั้น
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,โรแมนติก,จดหมายรัก,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Love Letters จดหมายรักการสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ ชายผู้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวหนังสือ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายบอกเล่าความรู้สึกไปยังคนคนนั้น
ตอนนี้มีอีบุ๊กแล้ว นิยายเรื่องนี้จะติดเหรียญถาวรตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.นี้เป็นต้นไปนะคะ
ติด 5 เหรียญ สำหรับตอนทั่วไป และ 10 เหรียญ สำหรับตอนที่มี NC เช่นเคยค่ะ
====================================================
ปัจจุบันการสื่อสารไร้สายที่กว้างไกล ทำให้กระดาษและปากกาดูจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับการบอกความในใจ
ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับตัวหนังสือ ผู้ซึ่งสามารถใช้การเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้มากกว่าคำพูด ตัดสินใจบอกเล่าความรู้สึกของตน ถ่ายทอดลงบนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ร้อยเรียงเป็นจดหมาย ส่งไปให้ใครคนนั้น...
ราเชน คทาธร
นักเขียนชื่อดังของวงการหนังสือ หากแต่เป็นคนเก็บตัว และพูดไม่เก่งเฉกเช่นเวลาที่เขาเขียน
"ผมก็แค่อยากเขียนจดหมาย...
บอกรัก..."
ภูวนัท ฐิตตานุสรณ์
นักศึกษาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่แค่เรียนและทำงานพิเศษ ก็ไม่มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นแล้ว
ชายหนุ่มชอบที่จะใช้เวลาว่างอันแสนจะน้อยนิดของเขาอยู่ในคอนโด และนอน...
"เจ้าของจดหมายพวกนี้เป็นใครกันนะ..."
====================================================
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน บุคคลและสถานที่ในเรื่องเป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อบุคคลหรือสถานที่ที่ระบุถึงแต่อย่างใด
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย หากไม่ใช่แนวที่คุณชอบ กดปิดหน้าได้เลยค่ะ
เนื้อหาในนิยายอาจมีถ้อยคำไม่สุภาพบ้างเป็นบางครั้งเพื่ออรรถรส โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เนื้อหานิยายบางตอนไม่เหมาะสมสำหรับนักอ่านซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี
====================================================
นิยายเรื่องนี้จะอัปโหลดสัปดาห์ละสามครั้ง ทุกวัน อังคาร วันพฤหัสบดี และ วันอาทิตย์ เวลา 17:30 น. นะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สนับสนุนผลงานค่ะ
ช่องทางติดต่อนักเขียน:
Author: Jamie
Twitter : @jamie_psf
Facebook Fanpage: Jamie's BL Novels
Instagram: @jamie_novels
ราเชนเริ่มมั่นใจมากขึ้นเมื่อจดหมายทุกฉบับของเขาไม่ถูกนำออกมาวางนอกห้องหลังจากส่งฉบับที่สี่ มันทำให้เขายิ่งอยากเขียน อยากเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้อีกคนได้รับรู้ และรู้สึกว่าการเขียนจดหมายส่งให้ภูวนัททุกๆ สามวันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปแล้ว
นักเขียนหนุ่มระบายรอยยิ้มยามถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตช่วงหนึ่งผ่านหน้ากระดาษ มองตัวอักษรเหล่านั้นราวกับกำลังมองดวงตาอันสดใสของบุคคลที่เขาเขียนถึง ทุกครั้งที่ขีดเขียนประหนึ่งกำลังบอกเล่าให้อีกฝ่ายฟังด้วยตนเอง พลางวาดภาพว่ามันจะดีเพียงใดหากในตอนนี้เขามีภูวนัทนั่งขดตัวซุกอยู่แนบอก ยามตั้งใจฟังทุกสิ่งทุกอย่างจากถ้อยคำของเขาอยู่บนโซฟาตัวเขื่อง
เจ้าก้อนความรักของเขาคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามนู่นถามนี่น่าดูทีเดียว
รอยยิ้มของหนุ่มมาดเข้มกว้างขึ้นอีกนิดเมื่อคิดไปถึงตรงนั้น เขาคงจะลูบศีรษะกลมน่ารักนั่น บรรจงจุมพิตหน้าผากนูนนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วตั้งใจเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าก้อนกลมนุ่มของเขาอยากรู้ ราเชนหัวเราะหึเบาๆ ในลำคอกับจินตนาการของตัวเอง แม้แต่ชื่อของอีกฝ่ายเขายังไม่เคยรู้ จนต้องเรียกแทนว่าเจ้าก้อนความรักนุ่มๆ แบบนี้ แล้วเมื่อไรกันเล่าภาพความอบอุ่นที่เขาวาดในหัวจะเป็นความจริงขึ้นมา
ช่วงหัวค่ำราเชนแวะเวียนไปยังร้านกาแฟเป็นรอบที่สองของวัน พรุ่งนี้เขาจะต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งท่องเที่ยวทางชายฝั่งทะเล จึงอยากเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของภูวนัทก่อน คราวนี้อีกฝ่ายยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่ตอนที่เขาไปถึง ราเชนสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มหัวใจไม่ให้เต้นแรงมากไปกว่านี้ แล้วพยายามรวบรวมความกล้าเดินตรงไปยังพนักงานอีกคนซึ่งยืนอยู่คนละมุมกัน นับว่าวันนี้เขาพัฒนาไปอีกขั้นแล้วที่กล้าสั่งกาแฟในระยะประชิดแบบนี้ เมื่อบอกพนักงานหนุ่มตรงหน้าว่าต้องการกาแฟแบบไหน ชำระเงินเรียบร้อยจึงเดินไปยังจุดรับกาแฟ พยายามไม่มองไปทางชายหนุ่มหน้าหวานผู้ยืนอยู่อีกมุมของเคาน์เตอร์ พอได้เครื่องดื่มที่สั่งก็รีบเดินไปนั่งโต๊ะประจำแทบจะในทันที
ใบหน้าหล่อคมจดจ่ออยู่กับสมุดโน้ตเหมือนเคย แต่ค่ำนี้ดูเขาจะเขียนเพลินเสียจนลืมเวลา จวบจนถึงตอนที่หยุดใช้ความคิดแล้วเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาหวังจะดื่ม จึงเพิ่งรู้ตัวว่ากาแฟของเขาหมดถ้วยไปตั้งนานแล้ว ราเชนหันไปมองภูวนัทที่กำลังพยักหน้าหงึกพร้อมจดอะไรตามคำบอกของพนักงานอีกคน เขารู้ว่าอีกสักพักหนุ่มน้อยคนนี้จะต้องยิ้มแน่ ไม่นานก็ได้เห็นรอยยิ้มหวานนั้นจริงดังคาด มองอีกฝ่ายทำงานอยู่ครู่เดียวก็เก็บสมุดกับปากกาและเดินข้ามฝั่งกลับไปยังคอนโด เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่สิบสอง ก็นำจดหมายฉบับที่ห้าไปวางลงตรงหน้าประตูห้องของคนที่เวียนวนอยู่ในหัวใจของเขามาเป็นเวลาเกือบเดือน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง
……………………………………
อาชีพนักเขียนนั้นแตกต่างจากที่ราเชนเคยจินตนาการเอาไว้มาก ไม่เคยนึกฝันว่าการเขียนบันทึกการเดินทางในวันนั้น จะผันให้เขากลายมาเป็นนักเขียนในวันนี้ แม้ว่าเดิมทีเขาจะเขียนเพราะชอบ ทำเป็นงานอดิเรก และไม่เคยคิดจะยึดเป็นอาชีพก็ตาม หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเขาเข้ามาอยู่ในวงการหนังสือ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่แปรเปลี่ยน นั่นคือเขาจะเขียนในสิ่งที่อยากเขียน ไม่กดดันตัวเอง และไม่ยี่หระกับความมีชื่อเสียงแต่อย่างใด
ตั้งแต่เริ่มเขียนราเชนก็รู้ว่าการเป็นนักเขียนนั้นเป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับคนรักสันโดษอย่างเขาเป็นที่สุด การสื่อสารระหว่างเขาและบรรณาธิการโดยส่วนใหญ่จะผ่านทางข้อความแชต ซึ่งดีสำหรับคนพูดน้อยอย่างเขา นานๆ ทีถึงจะมีการนัดเจอเพื่อประชุมพูดคุยกันโดยตรง และเพราะเป็นนักเขียนอิสระ ไม่ได้เซ็นสัญญาผูกขาดกับสำนักพิมพ์ใดสำนักพิมพ์หนึ่ง ทำให้เขาสามารถเขียนงานได้ตามที่ใจต้องการ นับเป็นโชคดีที่บรรณาธิการและนักอ่านผู้ติดตามผลงานของเขารู้ เข้าใจตัวตนและสไตล์ทำงานของเขาเป็นอย่างดี การทำงานจึงยังคงเป็นไปตามที่เขาปรารถนา แต่ในขณะเดียวกันราเชนก็เคารพกฎกติกาและมีความรับผิดชอบสูง เขาเขียนงานออกมาตีพิมพ์แค่เพียงปีละไม่เกินสองเรื่อง ทว่างานเขียนของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และติดอันดับหนังสือขายดียาวนานทุกเรื่อง
นักเขียนหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงบนเก้าอี้นวมในห้องพัก หยิบสมุดโน้ตกับปากกาแล้วเดินออกไปยืนตรงระเบียง เขามองรอบบริเวณอย่างพึงพอใจก่อนจะนั่งลง บันทึกภาพทิวทัศน์ท้องทะเลจากชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ตอย่างคร่าวๆ บนหน้ากระดาษด้านซ้าย แล้วเขียนคำบรรยายลงบนหน้ากระดาษด้านขวา เมื่อจดทุกรายละเอียดที่ต้องการเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองไกลออกไป พลางคิดว่าจะมีสักวันหนึ่งไหมที่เขาจะได้พาก้อนความรักของเขามานั่งชมทิวทัศน์อันสวยงามเช่นนี้ด้วยกัน แต่หากเขายังไม่กล้าพูดกับอีกฝ่ายตรงๆ แบบนี้ วันคืนเหล่านั้นคงไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาได้
ราเชนรักการเขียน รู้สึกดีที่ได้ส่งจดหมายถึงคนพิเศษของเขา และยินดีบอกเล่าทุกสิ่งผ่านตัวอักษรแบบที่ทำอยู่ ทว่าเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องการสัมผัสอันใกล้ชิด ต้องการได้ยินเสียงใสกระซิบใกล้อยู่ข้างหู ต้องการโอบกอดและบอกรักอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำจากปากของเขาเอง แต่ตอนนี้มันยังเร็วไป ไม่ใช่แค่ตัวเขาเองที่ยังไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ต้องการรอให้ภูวนัทพร้อมเช่นกัน
แม้เขาอาจจะต้องส่งจดหมายอีกเป็นสิบฉบับก็ตาม
……………………………….
ประตูห้อง 1204 ถูกปิดลงเมื่อเจ้าของห้องกลับเข้ามาจากมหาวิทยาลัย เย็นนี้ภูวนัทว่างจากการทำงานร้านกาแฟ หลังอาบน้ำเสร็จจึงทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ รู้สึกไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแม้แต่ขยับตัวไปนั่งกินอาหารเย็นที่ซื้อมาจากร้านใต้คอนโด นอนเล่นอยู่พักใหญ่ท้องของเขาก็เริ่มส่งเสียงประท้วง จึงลุกขึ้นไปนำอาหารใส่จาน เมื่ออุ่นข้าวผัดน้ำพริกเผาไก่สับในไมโครเวฟเสร็จก็ยกจานไปนั่งกินที่โต๊ะหนังสือ ตอนแรกก็กะว่าจะเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาหาอะไรดูไปกินไปเหมือนเคย แต่วันนี้เขารู้สึกล้าและคร้านเหลือเกิน จึงทำเพียงเล่นโทรศัพท์ในระหว่างจัดการกับมื้อเย็น
กดอ่านอะไรจากสมาร์ตโฟนเล่นอยู่ครู่เดียว สายตาของภูวนัทก็เหลือบไปเห็นซองจดหมาย จำได้ว่าเมื่อคืนเพิ่งหยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากหน้าประตูมาโยนลงบนโต๊ะ เขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูพลางตักอาหารเข้าปาก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีจดหมายหน้าตาแบบนี้ถูกส่งมาก่อนหน้านี้แล้วหลายฉบับ ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบหนังสือกับเอกสารการเรียนที่วางทับจดหมายฉบับก่อนหน้านั้นออก จึงเห็นว่านอกจากฉบับเมื่อคืนแล้ว ยังมีซองจดหมายสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนอีกสี่ซองอยู่บนโต๊ะ เขาพลิกซองดูพลางตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปากแล้ววางมันลง ลุกเอาจานไปล้างที่อ่างล้างจานก่อนแล้วจึงกลับมานั่งที่เดิม
เขาหยิบจดหมายมาฉบับหนึ่ง กำลังจะเปิดซองออกดูเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ภูวนัทมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้โทรนิ่ง วันนี้ได้หยุดงานทั้งที อยากผ่อนคลายสมองและไม่ต้องการพูดกับคนที่โทรมาเลยสักนิด ย้ายมาอยู่คอนโดได้ร่วมเดือนแล้ว บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาไม่เคยติดต่อหาเขาเลยสักครั้ง แล้วทำไมอยู่ๆ วันนี้ถึงโทรมา แม้ไม่อยากคุยมากแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดนักศึกษาหนุ่มก็เอื้อมมือไปกดรับ
“สวัสดีครับพ่อ”
ภูวนัทเอ่ยทักทายตามปกติแบบที่พึงกระทำ เสี้ยวหนึ่งในส่วนลึกของจิตใจเขาต้องการได้ยินเสียงตอบกลับที่แสดงความรักและความห่วงใยจากผู้เป็นพ่อ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายกรอกเสียงเข้ามาตามสายกลับไม่มีแม้คำเอ่ยทัก
“ทำไมถึงมีเอกสารจากธนาคารของแกส่งมาที่นี่ ยังไม่ได้ไปแจ้งย้ายที่อยู่อีกหรือไงกัน”
สิ่งที่ พศธน พ่อของเขาพูดออกมานั้นทำให้ชายหนุ่มชะงัก นี่เขาคาดหวังอะไรอยู่ ชายคนนี้ไม่เคยพูดดีๆ กับเขาเลยตั้งแต่จำความได้ แล้วเหตุใดเขาจึงหาญกล้าคาดหวังไปว่าอีกฝ่ายจะโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบของเขาเอาตอนนี้
“นัทขอโทษครับพ่อ พอดีตั้งแต่ย้ายมานัทยุ่งๆ ก็เลยลืม และนัทก็ไม่คิดว่าแบงก์จะส่งเอกสารอะไรมาให้ช่วงนี้”
สิ้นคำพูดก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแบบเหยียดๆ ที่เขาเกลียดที่สุดดังมาเข้าหู ภูวนัทนิ่งไปสักพักก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้นัทจะรีบทำเรื่องแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ให้ครบทุกอย่าง ส่วนเอกสารที่ทางแบงก์ส่งไปที่บ้านแล้ว เดี๋ยววันหยุดคราวหน้านัทค่อยเข้าไปรับนะครับ”
“ไม่ต้อง!” เสียงมีอำนาจพูดสวนขึ้นมาทันที “ถ้ามีเวลาฉันจะเอาไปให้ที่คอนโดเอง ไม่ต้องแส่มาที่บ้านนี้ แล้วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้มีอะไรของแกหลงมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง…จำไว้”
พูดจบพศธนก็วางสายไปทันที โดยไม่แยแสเลยว่าลูกชายแท้ๆ ของตนจะรู้สึกอย่างไร
สมาร์ตโฟนยังแนบอยู่กับหูของภูวนัท เขานิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเยี่ยงคนไร้เรี่ยวแรงไปทิ้งตัวลงบนที่นอน แม้รู้อยู่เสมอว่าควรเตรียมใจและเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ แต่เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง ไม่แปลกหรอกที่เขายังแอบหวังว่าผู้เป็นพ่อจะมีความเป็นห่วงในตัวของเขาบ้าง แม้สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พศธนทำตลอดมาตั้งแต่เขาจำความได้นั้น มันตอกย้ำให้ภูวนัทต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าชายผู้ให้กำเนิดไม่เคยรักเขา ทว่าถึงจะรู้อยู่แก่ใจแต่เมื่อถูกปฏิบัติแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้เลยที่เขาจะรู้สึกเสียใจ ความเปลี่ยวเหงาคืบคลานเข้ามาเกาะกุมหัวใจของภูวนัทอีกครั้ง มันกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาอุ่นที่เอ่อล้นออกมาเต็มขอบตา วันเวลาที่ต้องกอดตัวเองร้องไห้มันจะไม่มีทางหมดไปเลยเชียวหรือ
นอนขดตัวบนที่นอนอยู่พักใหญ่ ภูวนัทก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา ออกจากห้องน้ำก็ตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ คว้าสมาร์ตโฟนขึ้นมาเลือกเปิดเพลงฟังเผื่อจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง เขาเหลือบมองไปยังจดหมายห้าฉบับที่ยังคงรอการเปิด จึงหยิบฉบับหนึ่งขึ้นมา ในใจคาดว่าคงจะเห็นตัวอักษรที่เป็นตัวพิมพ์แจ้งข่าวอะไรสักอย่างจากนิติบุคคล พอเปิดซองก็เห็นว่าเอกสารเหล่านั้นมีมากกว่าหนึ่งแผ่น เมื่อคลี่หน้ากระดาษออก แทนที่จะเป็นหมึกพิมพ์ตามที่เขาคาด กลับเผยให้เห็นลายมือเป็นระเบียบอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
จดหมายงั้นเหรอ…
ภูวนัทรำพึงกับตัวเองในใจ ก่อนจะกวาดสายตามองตัวอักษรเหล่านั้นคร่าวๆ แล้วจึงเห็นว่ามีการลงวันที่เอาไว้ด้วย เขารีบหยิบจดหมายฉบับอื่นๆ ออกมาเปิดซองเทียบวันที่ดู ก่อนจะนำทุกฉบับมาวางเรียงลำดับตามวัน แล้วนั่งนิ่งมองหน้ากระดาษเหล่านั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
ลองอ่านดูก็คงไม่เสียหายอะไร มันคงไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้มากกว่าคำพูดของพ่ออีกแล้ว
เมื่อคิดดังนั้นแล้วนักศึกษาหนุ่มก็หยิบจดหมายฉบับแรกขึ้นมา อ่านข้อความสั้นๆ บนกระดาษเพียงแผ่นเดียวนั้นอยู่สองสามรอบแล้วนั่งนิ่งอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปมอย่างใช้ความคิด เขาเม้มริมฝีปากแล้วมองไปยังจดหมายซึ่งวันที่บนหน้ากระดาษบ่งบอกว่ามันคือฉบับที่สอง ภูวนัทสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามข่มหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับจดหมายจากใครก็ไม่รู้ ในโลกที่การสื่อสารวิวัฒนาการไปไกลอย่างทุกวันนี้ ยังมีคนคิดจะเขียนจดหมายหากันอยู่อีกหรือ
หลังวางสายจากพ่อพร้อมความรู้สึกแย่ที่ถูกอีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ ภูวนัทไม่มีอะไรที่อาจช่วยให้ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ในขณะที่ต้องเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ การอ่านข้อความในจดหมายที่ถูกส่งมาถึงยังหน้าประตูของเขา อาจมอบความบันเทิงใจจนลืมเรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจไปได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นข้อความสั้นๆ ในจดหมายฉบับแรก ให้ความรู้สึกว่าผู้เขียนช่างเป็นคนละเอียดอ่อน สุภาพ และอบอุ่น ชายผู้ใช้ข้อความในจดหมายอธิบายตัวตนให้เขารับรู้ว่า
เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่ชอบเขียน…
และผู้ที่ใช้ตัวอักษรย่อลงท้ายจดหมายว่า R.K. ก็บอกว่าอยากเล่าเรื่องราวอะไรสักอย่างให้เขาได้รับรู้ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเล่าอะไรให้อ่านบ้าง หากอ่านแล้วรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็แค่นำจดหมายทุกฉบับกลับไปวางบนพรมปูพื้นนอกห้อง ตามที่คุณ R.K.ได้บอกเอาไว้
ภูวนัทวางจดหมายฉบับแรกลงบนโต๊ะ เลี่ยงไปชงชาก่อนจะกลับมาหยิบจดหมายฉบับที่สอง วางถ้วยชาลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วหย่อนตัวนั่งบนที่นอน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มองจดหมายในมือด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้จะยังไม่ได้เริ่มอ่าน เขากลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กำลังจะได้รับ จากข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ คนอื่นอาจคิดว่ามันดูแปลกไปสักนิด แต่สำหรับเขาแล้ว มันคงดีไม่น้อยหากได้รับการปลอบโยนในรูปแบบนี้ ไม่ต้องพูดอะไรกับใคร ไม่ต้องตอบคำถาม ไม่ต้องเล่าอะไรให้เจ็บปวดใจตัวเอง เพียงแค่อ่านจดหมายเหล่านี้ก็พอ
ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มเข้าด้วยกันจนเป็นเส้นตรง ดวงตากลมสวยไล่มองลายมืออันเป็นระเบียบบนแผ่นกระดาษหลายแผ่นนั้นด้วยความทึ่ง ก่อนจะเอนกายพิงหัวเตียง แล้วเริ่มต้นอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาจากคนที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือใคร รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานเมื่อภูวนัทได้อ่านประโยคแรกของจดหมายในมือ
คุณพร้อมเดินทางไปกับเรื่องราวที่ผมจะเล่าแล้วหรือยัง…
===========================
มาค่ะ ตอนต่อไปมาอ่านจดหมายของราเชนกัน