ผู้หนึ่งเสียสละ ผู้หนึ่งรอคอย ผู้หนึ่งอยากครอบครองแต่ไม่อาจรั้งอยู่ ผู้หนึ่งไม่อาจแตะต้องแต่กลับรั้งรอ ชะตาแล้วอย่างไร ลิขิตสวรรค์แล้วอย่างไร เรื่องเหล่านี้ใครเป็นผู้กำหนดกัน
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,จีน,ย้อนยุค,รัก,สัตว์บรรพกาล,เทพ ,เทพเซียน,เทพบรรพกาล,จีน ,จีนโบราณ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ย้อนกลับไปนับหลายแสนปีก่อน ตั้งเเต่บรรพกาลสวรรค์ก่อกำเนิดขึ้น เทพเซียนต่างใช้ชีวิตตามครรลองอย่างผาสุข กระทั่งกาลเวลาเริ่มผกผันแปรเปลี่ยนบันดาลเกิดสี่สมุทรแปดดินแดน เทพเซียนรุ่นใหม่ต่างถือกำเนิดขึ้นแทนที่ กระทั่งเกิดนิมิตรอัศจรรย์บรรพกาลเวลาหนึ่งสูญสลายกลายเป็นละอองธุลีสองถือกำเนิดแทน
วิหคทองคำสองพี่น้องกำเนิดแต่ละอองธุลีแห่งเทพผู้สร้าง ผู้พี่ยามถือกำเนิดกายทองกาญจน์ ขนปีกประกายดั่งถูกย้อมด้วยแสงดาราในคืนเดือนมืดนาม เฉินหลิง ผู้น้องยามถือกำเนิดกายดุจทอง ปีกกาญจน์บริสุทธิ์ประดุจดั่งน้ำค้างยามเหมันต์ฤดู นามลู่อวี่มาจากขนปีกที่บริสุทธิ์นี้ วิหคทองคำสองพี่น้องนั้นถือกำเนิดจากละอองธุลีแห่งเทพผู้สร้าง จึงมีพลังบำเพ็ญเทียบมหาเทพบรรพกาลแห่งบรรพกาลสวรรค์แต่กำเนิด จึงเป็นที่ไม่ยอมรับจากเทพหลายองค์แต่ทั้งคู่นั้นหาได้สนใจไม่
"พี่ใหญ่ เราสองพี่น้องถือกำเนิดมาก็หลายแสนปีแล้ว แต่หาได้ฝึกปรือพลังบำเพ็ญไม่ มิสู้เราสองคนลงไปฝึกปรือที่โลกมนุษย์สักหลายสิบปีดีหรือไม่"ลู่อวี่กล่าวกับพี่ชายของตน ที่ยามนี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บริเวณโคนต้นไม้ในสวนภายในตำหนักวิหคกาล
"ลู่ลู่ เจ้าตั้งใจลงไปฝึกบำเพ็ญจริงหรือ หากข้าคิดไม่ผิดเจ้าคงปรารถนาเเค่เพียงไปเที่ยวเล่นมากกว่ากระมัง"เฉินหลิงพูดดักทางน้องสาวของตนที่ตอนนี้กำลังคิดซุกซนเกินเหตุ
"พี่ใหญ่ท่านก็รู้มิใช่หรือว่าอีกไม่นาน อะไรจะเกิดขึ้นกับบรรพกาลสวรรค์แห่งนี้ ถึงแม้จะไม่อาจรู้แน่ชัดว่าเมื่อใด แต่มีหนึ่งสิ่งที่ข้ารู้แน่นอนว่าจะเกิดขึ้น คือเราสองพี่น้องหาได้เหลือเวลามากไปกว่านี้ไม่"ลู่อวี่เอ่ยเตือนพี่ชาย
"ก่อนที่เจ้าจะกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น มิสู้เจ้าคิดหาวิธีรับมือกับเทพอัคคีมิดีกว่าหรือน้องพี่"เฉินหลิงเอ่ยเตือนน้องสาวของตนเกี่ยวกับเทพอัคคีบรรพกาลแห่งบรรพกาลสวรรค์ ผู้เป็นคู่ปรับตลอดหลายหมื่นปีมานี้
"ทูลมหาเทพทั้งสอง เทพอัคคีขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"ทหารองครักษ์ที่ประจำตำหนักวิหคกาลแห่งนี้
"อย่าให้เขาเข้ามา/ให้เขาเข้ามา"สองเสียงของสองพี่น้องเอ่ยประสานกันขึ้น แต่แน่นอนคือสองเสียงนั้นขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก
"ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนั้นเล่า หากท่านให้เขาเข้ามา แล้วเขาเข้ามาฉีกอกข้าจะทำเช่นไร"ลู่อวี่กล่าวพร้อมกับสีหน้าที่ดูลนลานอยู่ไม่น้อย
"เจ้า ทำไมถึงได้แต่มองข้าในแง่ร้ายเช่นนั้นเล่าลู่อวี่"เทพอัคคีเดินเข้าพร้อมบางสิ่งหรืิอใครบางคนที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
"แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่เล่า"
"ข้าเพียงเเค่.. "
"ท่านพ่อ ที่นี่คือวังวิหคกาลหรือ"เทพอัคคียังมิทันกล่าวจบ ก็มีเสียงเด็กน้อยดังแทรกขึ้นจากด้านหลังของเทพอัคคี
"ผู้ใดกันฮุ่ยเหอ"ลู่อวี่ถามเทพอัคคี
"บุตรชายข้าอย่างไรเล่า คู่ชะตาแห่งเจ้า"
"เจ้าหรือเจ้าเด็กน้อยคือคู่ชะตาข้า หวังว่าเจ้าจะจำข้าได้นะไม่ว่าข้าจะอยู่ในรูปลักษณ์ใดก็ตาม"เด็กน้อยไม่ตอบเพียงแต่มองลู่อวี่ด้วยสายตาแข็งกร้าวแทน
"ข้าจำท่านได้แน่ท่านเทพ"
"ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น"
"จบแล้วหรือท่านพ่อ ทำไมเรื่องราวของท่านเทพท่านนี้ จึงได้สั้นถึงเพียงนี้เล่าเจ้าคะ"เสียงของเด็กน้อยลู่อวี่ เอ่ยถามผู้เป็นบิดาบุญธรรมของตน
"หากถามพ่อแล้ว พ่อก็คงตอบเจ้าไม่ได้เช่นกันเสี่ยวอวี่ เพราะพ่อของเจ้านั้นก็เกิดหลังจากที่บรรพกาลสวรรค์ล่มสลายลงแล้ว"เซียวหยางตี้จวินเอ่ยตอบบุตรีบุญธรรมของตน
'อีกอย่างเจ้าจะถามพ่อได้อย่างไรลู่อวี่ เพราะคำตอบนั้นอยู่ที่ตัวเจ้าเองแล้วเเท้ ๆ ท่านเทพวิหคทองคำ'เซียวหยางตี้จวินได้เพียงแต่เอ่ยขึ้นในใจได้เพียงเท่านั้น
"ท่านพ่อ ลู่ลู่ อยู่ที่นี่หรือไม่"เสียงของเฉินหลิงที่เอ่ยตามหาพ่อเเละน้องสาวของตนดังขึ้น
"มีอะไรเช่นนั้นหรือเฉินเอ๋อร์"เซียวหยางตี้จวินเอ่ยตอบบุตรบุญธรรมของตน พลางถามกลับไปด้วยเช่นกัน
"ท่านพ่อ เทียนจวินทรงเสด็จมาหาท่านขอรับ ยามนี้ทรงรออยู่ที่ตำหนักรับรอง"หลังจากที่ได้ยินคำตอบจากบุตรชาย ผู้เป็นบิดาก็เดินออกไปจากตำหนักของบุตรีเพื่อไปพบเทียนจวิน เฉินหลิงจึงหันไปมองน้องสาวที่ตอนนี้กำลังหลับอยู่ภายในตำหนักของตน
ตำหนักรับรอง ยามนี้เทียนจินนั้นกำลังจิบน้ำชาที่ถูกนำมาเมื่อครู่เพื่อรอเจ้า้ของตำหนักมาพบตน แต่ก่อนจะได้ยกชาถ้วยร้อนถ้วยเล็กขึ้นมาจรดริมฝีปาก เสียงของเจ้าของตำหนักก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"ท่านมาพบข้าถึงวังมหารัตติกาลเช่นนี้ คาดว่าคงจะมีเรื่องใหญ่อันใด ถูกต้องหรือไม่ องค์เทียนจวิน"คำกล่าวทักทายคำแรกดั่งคำประชดประชัน แต่หากกับเทียนจวินผู้เป็นประมุขฟ้าดินแล้วไซร้ หาได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ไม่
"ไม่ผิดๆ ที่ข้ามาหาท่านถึงตำหนักรัตติกาล ก็เพราะเรื่องของเทพเยี่ยนอวี้นั่นแหละ เกรงว่าท่านคงทราบเรื่องนี้อยู่แล้วกระมัง"เทียนจวินกล่าวกับเซียวหยางตี้จวิน แต่อีกฝ่ายก็มิมีท่าทางตอบกลับอันใด
"หากเทียนจวินท่านหมายถึง เรื่องคู่ชะตาของเทพสงคราม เกรงว่าท่านคงต้องรออีกหลายหมื่นปีหน่อยเสียแล้ว แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรอยต่อระหว่างบรรพกาลสวรรค์กับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้าขอบอกว่าท่านไว้เลย ท่านมาหาผิดคนเสียแล้ว"เซียวหยางตี้จวินกล่าวพร้อมหันหลังให้เทียนจวิน โดยไม่เกรงกลัวอำนาจแม้แต่น้อย
"ช้าก่อนมหาเทพ ข้าขอถามอีกหนึ่งคำถามได้หรือไม่"
"เชิญ"
"โอรสกับธิดาบุญธรรมของท่าน ใช่เทพวิหคทองคำกลับชาติมาเกิดหรือไม่"
"ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร ท่านรู้แค่ว่าอีก20000 ปีให้หลังจากนี้ โอรสและธิดาของข้าจะลงไปเผชิญด่านเคราะห์ที่โลกมนุษย์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"หลังจากที่พูดจบเซียวหยางตี้จวินก็เดินจากไปทันที ทิ้งไว้เพียงประมุขฟ้าดินที่ยืนหน้าเสียอยู่ตำหนักรับรอง
"เฉินหลิง เหตุใดจึงนั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพังเล่า"เซียวหยางตี้จวินเอ่ยถามบุตรชายตน
"ข้าเพียงแค่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เเค่เท่านั้นขอรับ สำหรับเทพเซียนเช่นพวกเรา 20000 ปี ก็มิได้นานอะไร ข้ากับลู่ลู่เองก็ต้องลงไปเผชิญด่านเคราะห์ที่โลกมนุษย์แล้ว ข้าเพียงกลัวว่า... ข้าแค่กลัวว่า บางทีข้าอาจจะปกป้องลู่อวี่ไม่ได้เท่านั้นขอรับ"
"เจ้าอย่าได้กังวลไปเลนเฉินเอ๋อร์ ยามนี้สิ่งที่เจ้าควรสนใจ ก็คือน้องสาวของเจ้า"เซียวหยางตี้จวินปลอบบุตรชายของตน
"ขอรับท่านพ่อ แต่ว่า..."ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อเฉินหลิงก็ได้ยินเสียงของน้องสาวดังออกมาจากในตำหนัก
"พี่ใหญ่ ท่านพ่อ พวกท่านกำลังสนทนาอะไรกันอยู่หรือ"ลู่อวี่เอ่ยถามพี่ชายและบิดาด้วยความอยากรู้ ถึงมันจะดูเสียมารยาทอยู่บ้างแต่ด้วยเป็นเด็กจึงไม่ค่อยรู้ความเท่าใดนัก
"ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่คุยเรื่องอีก20000ปีต่อจากนี้ก็เท่านั้น หรือเจ้าสนใจเช่นกันลู่ลู่"เฉินหลิงตอบน้องสาว ก่อนจะถามกลับนน้องสาวด้วยเอ็นดูที่ผสมการแหย่เหย้าไว้ด้วยเล็กน้อย
"อีก20000ปี พี่ใหญ่ท่านจะกังวลไปใย อนาคตยังไม่มาถึงเสียหน่อย อีกอย่างไม่ต้องรอถึง20000ปีหรอก อย่าลืมสิว่าข้ากับท่านต้องไปศึกษาที่หุบเขาเซียนแล้ว"
"นั้นสินะ ข้าลืมได้อย่างไร อีกไม่กี่วันแล้วแท้ๆ"หลังจากที่ฟังคำพูดของน้องสาวแล้ว เฉินหลิงก็รีบไปเก็บข้าวของที่จำเป็นสำหรับไปศึกษาที่หุบเขาเซียน
หุบเขาเซียน
"จำไว้นะเฉินเอ๋อร์ เสี่ยวอวี่ พวกเจ้าอยู่ที่หุบเขาเซียนต้องทำตัวให้ดีหน่อย อย่าสร้างเรื่องอันใด ที่นี่มิใช่ตำหนักมหารัตติกลของพ่อ เพราะฉะนั้นอย่างทำเรื่องอันใด เจ้าเข้าใจหรือไม่เสี่ยวอวี่"เซียวหยางตี้จวินที่มาส่งโอรสและธิดาที่หุบเขาเซียนเอ่ยบอกกับทั้งคู่ พร้อมกำชับบุตรีของตนอย่างหนักแน่น ไม่เพียงเพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ แต่นี้รวมไปถึงการฝึกฝนในอนาคตของสองพี่น้องอีกด้วย
"ท่านพ่อ ท่านเอ่ยคำพูดประโยคเหล่านี้กับพวกข้ามาสัก20ครั้งได้แล้วกระมั้ง" ลู่อวี่เอ่ยกับบิดาด้วยท่าทีเบิกบานใจ
"เฉินเอ๋อร์ เจ้าดูสิเจ้าดูน้องสาวของเจ้า ดูที่น้องเจ้าพูดกับพ่อสิ เช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน"เซียวหยางตี้จวินเอ่ยตัดพ้อให้โอรสตนฟัง
"โถ่ ท่านพ่อเสี่ยวอวี่ขอโทษ แต่ท่านควรรับกลับไปยังวังมหารัตติกาลได้แล้วนะเจ้าคะ มิใช่ตอนนี้โม่หลินซ่างเซียน มารอเล่นหมากเป็นเพื่อนท่านแล้วล่ะ"
"แต่.. แต่ว่า"ยังไม่ทันเอ่ยวาจาใดต่อ ลู่อวี่ก็รีบดึงแขนของพี่ชายตนเองเขาหุบเขาเซียนทันที
"พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าจะได้อาวุธวิเศษใดกลับไปหรือไม่"ลู่อวี่เอ่ยถามพี่ชายด้วยความร่าเริง
"ลู่ลู่ เจ้ามาที่นี่มาเพื่อนเรียน หาได้มาเพื่อเที่ยวเล่นไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าสำรวมกิริยาเสียหน่อยเถิด"หลังจากที่เอ่ยปรามน้องสาวแล้ว เฉินหลิงก็ได้เดินนำน้องสาวไปยังสถานที่ ซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพเซียน เพื่อคัดเลือกความถนัดในการศึกษายังหุบเขาเซียนนี้
"ทุกคนในที่นี่ ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะทราบแล้ว หุบเขาเซียนเรามีวิธีทดสอบความสามรถของพวกเจ้า เพื่อให้ส่งเสริมกับการพัฒนาพลังของเจ้าเอง คนแรก ลี่หนง"หลังจากที่เรียกชื่อจากคนแรก ตอนนี้ที่ลานทดสอบความถนัดเหลือเพียง6คนเท่านั้น
"เหลือพวกเจ้าเพียงหกคนเท่านั้น พวกเจ้า6คนจะต้องทดสอบพลังของตนเอง จากนั้นให้พวกเจ้าเลือกว่าจะพำนับที่เรือนไหน เจ้าจะอยู่คนเดียวหรือด้วยกัน ก็ตามแต่พวกเจ้าต้องการ แต่จงจำไว้ที่นี่เรือนพักแยกบุรุษสตรี"อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าวกับนักเรียนที่เหลืออยู่
"เจ้าไปก่อนสิ เจ้านั้นแหละ"สตรีที่อยู่ริมสุดบอกให้บุรุษที่อยู่ถัดมาออกไปก่อน
"ข้า... ข้าไห่ถัง"หลังจากที่เขากล่าวชื่อของตนออกไป ก็ทำสมาธิปล่อยพลังบำเพ็ญที่มีใส่หินทดสอบ ก่อนที่หินทดสอบพลังนั้นจะเปล่งแสงสว่างสีตามพลังและความถนัดในสายเวทย์
"สีขาว เจ้าต้องไปที่เรือนวิเวก รุ่งขึ้นไปฝึกที่เรือนศึกษาสมุนไพรเวทย์ คนต่อไป"หลังจากที่อธิบายและบอกให้เขาไปพักเเละศึกษาที่ไหน
"ข้าลู่ฟางจิง"
"สีเขียว ศึกษาเรือนพฤกพนา เรือนพักให้เจ้าเลือกได้เองที่ป่าบุปผา คนต่อไป"
"หนิงเฟิ่ง"
"สีทอง หา.. หายากมาก เวทย์โบราณเรือนหรูเหอ ศึกษาที่เรือนตะวันออก"แม้คราแรกอาจารย์ผู้คุมการทดสอบจะไม่อยากชื่อสายตา แต่ก็ต้องประกาศออกมา มิใช่เพราะอันใดเพียงแต่เวทย์โบราณหายากมาก
"ข้านามว่าเฟยหลง"
"สีทอง อีกแล้ว เวทย์โบราณเรือนหรูเหอ ศึกษาที่เรือนตะวันออก"
"ลู่อวี่ นามของข้าคือลู่อวี่"
"มะ.. ไม่ปรากฏสี ปะ.. เป็นไปไม่ได้"อาจารย์ผู้คุมมองหน้าของลู่อวี่ด้วยความตกใจ ปนเกรงกลัวเล็กน้อยต่างจากคนอื่นที่หัวเราะนาง แน่นอนอาการนั้นแม้จะเกิดเพียงไม่นาน แต่ก็มีอาจารย์หลายคนจับสังเกตได้ แม้เวทย์โบราณจะหายาก แต่เวทย์ที่มิปรากฏสีเช่นนี้หายากยิ่งกว่า
"ไม่มีพลังบำเพ็ญ แล้วเจ้ามาทดสอบทำไมกัน เสียเวลาคนอื่นเปล่าๆ"ลู่ฟางจิงเอ่ยถากถางลู่อวี่
"เหอะ พวกเจ้าต่างหากที่ไร้ค่า มาทดสอบแต่กลับไม่มีความรู้ใดไม่ น่าขันสิ้นดี"หนิงเฟิ่งพูดขึ้น
"นี่เจ้า ถือดียังไงมาวิจารณ์ข้า รู้มั้ยว่าข้าคือใคร"
"แล้วเจ้าเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาวิจารณ์น้องสาวข้าเช่นนี้ ไม่เจียมตัว"เฉินหลิงที่ฟังอยู่นานทนไม่ไหว
"พวกเจ้าทุกคนเงียบ เจ้า.. เจ้าบอกว่า เจ้าชื่ออะไรนะ"
"ลู่อวี่"
"บิดาเจ้าคือใคร"
"เซียวหยางตี้จวิน"ทุกคนที่ก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะลู่อวี่ต่างก็เงียบเสียงทันทีหลังจากได้ยินนามของเซียวหยางตี้จวิน
"เข้าใจแล้ว เวทย์บรรพกาลเรือนหรูเหอ ศึกษาเรือนตะวันออก"
"คนต่อไป คงไม่ต้องทดสอบแล้วกระมัง เป็นพี่น้องกันมิใช่หรือ"อาจารย์ผู้คุ้มสอบหันไปมองเฉินหลิงที่ยืนสงบสติอยู่ ก่อนที่จะหันมาพูดกับลู่อวี่
"เจ้าค่ะ"
"พวกเจ้าสี่คน พักเรือนหรูเหอ ศึกษาเรือนตะวันออก ช่วยเหลือดูแลกันเองเข้าใจหรือไม่ เรือนพวกเจ้าไม่มีอาหารหรือคนคอยดูแลเช่นเรือนอื่น"อาจารย์ผู้ดูแลกล่าวกับทั้งสี่คน
เรือนหรูเหอ เรือนที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมน้ำตกในหุบเขาเซียน
"ที่นี่หรือเรือนหรูเหอ ดูไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไรนัก"เฟยหลงกล่าว
"เรื่องมากน่ะเฟยหลง เจ้าจะทำให้มากเรื่องไปใย ในเมื่อเวทย์ของพวกเรา ไม่ได้ทำให้เราลำบากแม้แต่น้อย"หนิงเฟิ่งกล่าวตำหนิสหาย
"เมื่อเทียบกับเรือนอื่นแล้ว ที่นี่ถือว่าสะดวกสบายน้อยกว่า แต่เมื่อคิดถึงเรื่องความสงบแล้วที่นี่ถือว่าดีมากทีเดียว"เฉินหลิงกล่าวพลางใช้เวทย์เก็บกวาดเรือนไปพลาง
"เป็นคนรักสงบสินะเจ้าน่ะ งั้นเอาตามนี้แล้วกัน ในเมื่ออาจารย์บอกว่าบุรุษสตรีต้องแยกกัน งั้นเจ้าเฟยหลงเจ้าพักกับเฉินหลิงที่ฝั่งตะวันออก ข้ากับลู่ลู่จะพักที่ทิศใต้ ตามทิศบิดาแล้วกัน"หนิงเฟิ่งกล่าวก่อนจะลากลู่อวี่ไปที่ปลีกเรือนฝั่งทิศใต้ ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องนอนของพวกตนนั้นเอง