“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รั้วโรงเรียน,NightZ,รักวัยรุ่น,มหาลัย,พระเอกเย็นชา,ความจำเสื่อม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
NightZ [I] THE LOST MEMORIES“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
หมับ!
ระหว่างที่ฉันกำลังตั้งใจหามือถือที่หายไป อยู่ๆ พายุก็เดินตามมากระชากแขนฉันอย่างแรงเล่นเอาตัวเซไปนิดหน่อย
“มีอะไร?”
“มาที่นี่ทำไม”
แววตาหงุดหงิดถูกส่งมาจากใบหน้าเรียบเฉย ให้เดานะหมอนี่ต้องความจำเสื่อมเหมือนฉันนั่นแหละ ขโมยของคนอื่นแล้วยังมาลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้อีก
“ก็มาทวงสร้อยคืนดิถามได้” ฉันพูดออกไปแล้วแบบมือทวงสร้อยคืนทันที ก็ว่าจะไม่ละนะ เซ้าซี้นักเอาคืนมาเลย!
“หาย”
“ห๊ะ?” พอพายุตอบกลับมาแบบนั้น ฉันนี่ถึงกับช็อคไปเลย เอาจริงหน้าฉันตอนนี้คงเหวอหนักเลยอ่ะ มันไม่ตลกนะเว้ย! นั่นมันของรักของหวง ของที่มีชิ้นเดียวในโลก ถึงจะเอามาจากไหนไม่รู้ก็เหอะ
“ตามนั้น”
พายุตอบกลับมาสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไป แต่ใครจะไปยอมกันเล่า พอเขาก้าวขาจะเดินหนีปุ๊บฉันรีบโดดไปยืนขวางทางเขาทันที
“เดี๋ยว! นายเอาของคนอื่นไปแล้วไม่รักษาเนี่ยนะ” ฉันส่งเสียงเซ็งๆออกไปแบบโคตรเอือม แล้วหมอนี่ก็ตอบกลับมา
“อืม”
โว้ยยย! หน้านิ่งได้อีก ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้ สามัญสำนึกอ่ะมีมั้ยเนี่ย?!
“อืมหรอ ตอบแค่อืม?! นั่นมันของสำคะ..”
“แค่สร้อย..ซื้อใหม่ได้” ฉันยังพูดไม่ทันจบพายุก็พูดขัดขึ้นมาทันที มันก็จริงนั่นแหละ แต่ว่า…
“หลบ” พายุจ้องหน้าฉันอย่างออกคำสั่งอีก แต่นี่ใคร?! นิลลา! ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมหรอก โดยเฉพาะกับคนงี่เง่าเอาแต่ใจแบบนี้เนี่ย!
“ไม่! คราวก่อนนายทำฉันสำลักควันเกือบตาย คราวนี้ยังมาทำของของฉันหายอีก มันจะมากเกินไปละ!”
ฉันโพล่งออกไปอย่างเซ็งๆ ก็จริงที่มัน ‘แค่สร้อย’ แต่จะมาทำแบบนี้มันก็ไม่ได้ไง อยู่ๆ มาบอกว่าหายซื้อใหม่ก็ได้ แล้วความรู้สึกของคนที่ใส่มันมาทุกวันจนเคยชินเล่าจะรับผิดชอบยังไง!
“…..”
แล้วพายุก็มองฉันนิ่งๆ แต่ไม่พูดอะไร เขาเลือกจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างไม่สนใจ ทิ้งให้ฉันยืนสับสนกับความรู้สึกตัวเองอยู่นานสองนาน เหอะ! แมนมากเลยนะหมอนี่ ก็ได้..พายุ นายจะเอาแบบนี้ก็ได้
“เดี๋ยว!”
ฉันตะโกนตามหลังไป แล้วเขาก็หยุดเดินตามเสียงเรียกนั้น ก่อนจะหมุนตัวหันกลับมาอีกครั้ง ฉันเลยใช้จังหวะนี้วิ่งเข้าไปดึงหูหมอนี่โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวซะเลย ต้องให้ใช้กำลังใช้มั้ย ได้!
พรึ่บบบบ~
“นี่แหนะ ไอ้บ้าพายุ!!!”
“โอ๊ย!” พอฉันใช้กำลังเข้าหน่อย หมอนี่ก็หน้าเหวอไปเลย ก่อนจะร้องออกมาดังลั่นทั้งที่ keep look อยู่ได้ตั้งนาน ฮ่าๆๆ สะใจจริงๆ เล๊ยยย สมน้ำหน้า!
“หืมมม ไอ้พายเน่า ไอ้พายบูด ไอ้คนไม่รักษาของ หูขาดไปซะ!”
ฉันบ่นพร้อมกับออกแรงดึงหูเขาไปมาแบบนั้นอย่างสะใจ ฮ่ะๆ ไปโกรธใครมาจะลงกับหูหมอนี่ให้หมดเลย
“จิ๊! ใครให้เรียกแบบนี้วะ!”
พายุสบถออกมาแล้วพยายามผลักฉันออกแต่ไม่เป็นผล เพราะบอกเลยว่าฉันจับหูเขาไว้แน่นมาก ขยับแรงหูขาดไม่รู้ด้วยนะ ฮ่าๆๆ
“ทำไม?! วาโยบอกพวกนายรู้จักฉันเพราะงั้นก็เรียกได้ พายๆๆ นี่แหนะสมน้ำหน้า!”
ฉันยังคงดึงหูพายุซ้ำๆ และฉุดกระชากมันไปมา ส่วนปากก็เรียกชื่อพายที่เขาดูจะหวงนักหวงหนาออกไปไม่หยุดเหมือนกัน
“ห้ามเรียก แล้วก็ปล่อย...เดี๋ยวนี้!”
พายุออกคำสั่งอย่างบ้าอำนาจออกมาอีกที จากหน้านิ่งๆ ดุๆ ตอนนี้กลายเป็นคิ้วพันกันมั่วไปหมด ฮ่ะๆ ตลกชะมัด เอาอีกดิ โวยวายอีก ขำ55555
“ไม่ปล่อย! แล้วก็จะเรียกด้วย พายๆๆ หวงนักหรอจะเรียกให้ปวดหูไปเลยไอ้พายเน่า ฮ่าๆๆ”
“นิลลาปล่อย!”
ร่างสูงตรงหน้าส่งเสียงดุออกมาอยู่แบบนั้น ส่วนฉันน่ะหรอ ปล่อยก็บ้าดิ เอาอีกหนุกดี ฮ่ะๆ
“ไม่ปล่อย ไอ้ขนมบูด”
“บอกให้ปล่อย!”
พายุพยายามปัดมือฉันออกแต่เขาก็ไม่กล้าทำแรง ก็คงจะกลัวต่างหูเกี่ยวหูตัวเองขาดแหละมั้งเลยลนลานใหญ่เลย กร๊ากกกก~
“ไม่มีทาง ขอโทษออกมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ขี้เก๊ก” ฉันส่งเสียงขู่ออกไป แล้วเขาก็ออกอาการฟึดฟัดแบบโคตรจะไม่พอใจ
“จิ๊! นิลนิล บอกให้ปล่อยไง!!!”
พรึ่บบบ!
“วะ...ว่าไงนะ?”
พายุตวาดออกมาดังลั่นจนฉันตกใจและเผลอปล่อยมือออกอย่างลืมตัว ส่วนหมอนั่นก็เอามือจับหูตัวเองอย่างหัวเสีย แล้วสีหน้าตอนนี้ของเขาก็เหมือนพร้อมจะฆ่าฉันยัดกล่องไปทิ้งแม่น้ำยังไงอย่างงั้น
“อะไร” เขาถามกลับมา แล้วเอามือจับหูตัวเองแบบเซ็งๆ แต่ก็ยังดูไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่
“เมื่อกี๊นายเรียกฉันว่าไงนะ?”
ไม่ผิดแน่อ่ะ เมื่อกี๊เหมือนได้ยินเขาเรียกชื่อฉันแปลกๆ และมันรู้สึกคุ้นมากยังไงบอกไม่ถูก
“ไม่ได้เรียก” พายุตีหน้านิ่งแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่ฉันเข้าไปคว้าแขนเขาเอาไว้ซะก่อน
“ใช่หรอ ก็เมื่อกี๊นายเรียกฉันว่า...”
“อย่ามโน”
เขาพูดขัดขึ้นมา ก่อนจะสะบัดแขนอย่างแรงแล้วรีบเดินหันหลังออกไปอย่างรีบร้อน แต่เมื่อกี๊ฉันได้ยินจริงๆ นะ เหมือนจะเรียกว่า.. 'นิลนิล' อะไรสักอย่าง ไม่ได้หูแว่วแน่นอนอ่ะ แต่ก็ไม่ทันแล้วแหละเผลอแป๊บเดียวพายุก็เดินหายไปไหนแล้วไม่รู้สิ เหอะ หยิ่งชะมัดเลยนะหมอนี่!
ฉันเดินลงมาจากดาดฟ้าเพราะหามือถือจนทั่วแล้วยังไงก็ไม่เจอ เลยคิดว่ามันน่าจะหล่นอยู่ที่ Ztudio Nightshade แต่พอเปิดประตูกำลังจะเดินเข้าไปก็เจอกับวาโย พายุ แล้วก็ผู้ชายอีกสามคนนั่งอยู่
“เอ่อ...”
ถ้าเป็นอย่างที่คิด 5 คนนี้ก็คือสมาชิก Nightshade ตามที่ไอ้ด้ามันส่งข้อมูลตามหลังมาให้สินะ ถึงฉันจะไม่ได้กรี๊ดออกไปที่เจอพวกเขา แต่ท่าทางของแต่ละคนก็ทำให้ประหม่าได้เหมือนกันแฮะ ยิ่งได้ยินกิตติศัพท์ร่ำลือว่าหยิ่งกันมากเว่อร์ ยิ่งทำให้รู้สึกวางตัวลำบากยังไงชอบกล
“มานั่งนี่ดิ”
ฟุ้บ! ฟุ้บ!
วาโยหันมาตบโซฟาที่ว่างข้างเขาแล้วเรียกให้ฉันเข้าไปนั่ง ฉันเลยไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปทันที และยิ่งใกล้เข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นหน้าทุกคนชัดมากขึ้น ถึงจะไม่ใช่แฟนคลับพวกเขาแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าตัวจริงของ Nightshade ทุกคนดูดีกว่าในรูปมากจริงๆ เฮ้ยไม่ทุกคนดิ ยกเว้นหมอนั่นไว้คนละกัน ไอ้ขี้เก๊กนั่นอ่ะ เชอะ -.-
“เด็กใหม่มึง?”
เสียงดุของใครคนหนึ่งที่ถือแก้วเหล้านั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะกระดกเหล้าในแก้วนั้นอย่างไม่ใส่ใจจะฟังคำตอบนัก
“นี่เฮียเตโช เฮียรันเวย์ ไอ้เลโอ แล้วก็…” วาโยแนะนำทุกคนให้ฉันรู้จัก โดยเริ่มจากคนที่ทักเขาคนแรกจนมาหยุดที่…
“ไอ้พายเน่า!” ฉันพูดออกไปอย่างหมั่นไส้ ยิ่งเห็นท่าทางที่ดูจะเก๊กๆ เงียบๆ จนบรรยากาศน่าอึมครึมแบบนั้นยิ่งหมั่นไส้!
“หึ..ตามนั้น ส่วนนี่นิลลา เพื่อนสนิทไอ้พายสมัยเรียน” พอวาโยพูดจบเท่านั้นแหละ ทุกคนรวมทั้งฉันก็หันมองพายุเป็นตาเดียว
“เพื่อนสนิท?”
ฉันทวนคำพูดนั้นและหันไปหาวาโยแบบค่อนข้างจะแปลกใจมากพอสมควร แล้วเขาก็พยักหน้าช้าๆ พร้อมกับหลุดยิ้มมุมปากออกมาคนเดียวเงียบๆ อะไรของหมอนี่อ่ะ -.-? ตอนแรกที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อไปทีหนึ่งแล้วนะ แล้วนี่ยังจะบอกว่าไอ้ขี้เก๊กนั่นเป็นเพื่อนฉันอีก…?
“ปัญญาอ่อน!”
พายุพูดขึ้นแล้วหันหน้าหนีไป ฉันเองก็งงเหมือนกันไง เพื่อนสนิทเลยหรอ? บ้าไปแล้ว.. บ้าไปแล้ว..
“เธอแม่งโคตรซวย”
รุ่นพี่รันเวย์หันมาพูดกับฉันสั้นๆ ก่อนจะหันกลับไปเล่นมือถือต่อ เออแฮะ ก็..อาจจะจริงอย่างที่รุ่นพี่ว่าก็ได้
“ยินดีที่รู้จักค่ะทุกคน”
พอนึกได้ฉันก็เอ่ยปากทักออกไป แล้วรุ่นพี่เตโชกับรุ่นพี่รันเวย์ก็พยักหน้าออกมานิดหน่อย ก่อนที่เลโอที่นั่งถัดออกไปจะหันมาส่งยิ้มและพูดกับฉันอย่างเป็นมิตร
“อืม นิลลา ชื่อแปลกดีนะ”
“ใครจะชื่อแอ๊บแบ๊วเหมือนน้องจินนี่ เบอร์รี่ อะไรของมึง” ฉันยังไม่ทันตอบอะไร วาโยก็ตอบกลับเขาไปแทนด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนเลโอเริ่มอยู่ไม่สุข
“ไรมึงเพื่อนโย กูสะดวกแบบนี้ แต่ตั้งให้ได้นะถ้าเธออยากมีชื่อแบ๊วๆ อ่ะ อืม…”
เลโอบ่นวาโยออกไปนิดหน่อย แล้วอยู่ๆ เขาก็เบี่ยงประเด็นหันมาหาฉันซะงั้น ชื่อแอ๊บแบ๊วเนี่ยนะแค่คิดก็ขนลุกละ -.-
“อย่า กูสงสารน้องเขา”
พอได้ยินแบบนั้นรุ่นพี่เตโชก็ออกตัวห้ามขึ้นมาทันทีเหมือนกัน แต่ก็ขัดขวางความตั้งใจของเลโอไม่ได้เลย
“นิลลา นิลลา...” เลโอทำท่าคิดแบบจริงจังมากจนฉันกลัวจะเจอชื่อประหลาดซะจริงๆ
“ถือว่ากูขอร้อง” รุ่นพี่รันเวย์ยังคงช่วยห้ามอีกครั้งแต่ก็เปล่าประโยชน์ เลโอทำหน้ามึนใส่มากเว่อร์จนฉันหลุดขำออกมา
“นิลลา นิลลี่ ไม่ดีๆ นิลนิล...”
ปึก!
พอเลโอพูดชื่อสุดท้ายออกมา ซึ่งมันเหมือนกับที่ฉันได้ยินแว่วๆ บนดาดฟ้าเมื่อกี๊เป๊ะๆ แล้วอยู่ๆ พายุก็กระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรงจนฉันเองก็ตกใจ แต่ที่สะดุ้งหนักกว่าก็เลโอนั่นแหละเพราะตอนแรกเขากำลังใช้ความคิดอยู่เพลินๆ
“เหี้ย! เป็นห่าไรตกใจหมด”
“หุบปากได้ยัง”
พายุจ้องหน้าเลโอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ อะไรกันนะหมอนี่ ไปโกรธใครมาอ่ะ หรือว่ายังเจ็บหูอยู่? หึหึ…
“เกรี้ยวกราดจังครับพี่ครับ” วาโยพูดลอยๆ ขึ้นมาพร้อมกับยิ้มมุมปากอีกครั้ง เออนะ..นั่นก็ดุจัง นี่ก็ยิ้มไม่หยุด
“แล้วเรียนที่ไหน ปีไร?”
“ปีหนึ่ง ม.เดียวกัน” รุ่นพี่เตโชถามฉันแต่วาโยหันไปตอบแทน แล้วรุ่นพี่ก็พยักหน้าตอบกลับมา
“เพื่อนไอ้พายทำไมยังเรียนปีหนึ่ง?” ทีนี้เป็นเลโอที่หันมองฉันด้วยสีหน้าแอบสงสัยนิดๆ
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบออกไปแบบเบี่ยงประเด็น ก็นะคงไม่มีใครอยากฟังเรื่องดราม่ามั้ง เพราะมันยาวน่าดู
“เธอซิ่วมา?”
“เปล่า ยัยนี่ไม่ค่อยสบาย” คราวนี้วาโยเป็นคนตอบแทนฉันอีกครั้ง เลโอก็พยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังไม่หยุดถาม
“สรุปนี่เพื่อนมึงหรือเพื่อนไอ้พาย ตอบแทนทุกอย่างเลยไอ้ห่า”
แล้วเลโอก็หันมองหน้าพวกฉันสามคนสลับกัน แต่วาโยก็เลือกจะตัดบทเขาด้วยการไม่ตอบอะไรกลับไปและหันหน้ามาหาฉันแทน
“จะกลับเลยมั้ยเดี๋ยวไปส่ง”
วาโยพูดพร้อมกับยื่นมือถือที่ฉันตามหาอยู่มาให้ อ่าฮะ.. ลืมไว้ที่นี่จริงๆ ด้วยสินะ แต่จะว่าไปนี่ก็ดึกแล้วเหมือนกันแฮะ ข้างนอกคนก็น่าจะเริ่มเยอะแล้วด้วย ฉันเลยพยักหน้าตอบไปว่าจะกลับ แต่ปฏิเสธเรื่องที่เขาจะไปส่ง
“กลับเองได้ไม่เป็นไร ขอบใจนะ” แล้วฉันก็รับมือถือนั่นมา พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกจาก Ztudio Nightshade ทันที..
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป..
“เดี๋ยววว! มึงกับรุ่นพี่วาโย Nightshade เนี่ยนะเป็นเพื่อนกันตอน ม.ต้น เอาจริงจังงงง O_O?”
เจด้าถามออกมาพร้อมกับจ้องหน้าฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เอาจริงๆ ตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกไม่ต่างจากมันเท่าไหร่อ่ะ
“อืม เห็นบอกสนิทกัน...หมอนั่นก็ด้วย”
ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ แบบงงๆ ในความสัมพันธ์เหมือนเมื่อคืนเป๊ะ มันบังเอิญไป... บังเอิญมากไป -.-
“หมอนั่น? ใครวะ? รุ่นพี่พายุของมึงอ่ะนะ” ไอ้ด้าทำหน้าสงสัยแล้วถามออกมาอีก ฉันเลยสวนกลับไปทันควัน
“ไม่ใช่ของกูมั้ยล่ะ”
“งั้นมั้ง แต่เพื่อนสนิททำไมจำไม่ได้วะ มันไม่ได้เหมือนเพื่อนที่โรงเรียนประจำแบบที่มึงเคยบอกสักหน่อย” พอมันถามมาแบบนั้นฉันเองก็ไม่รู้จะตอบไงเหมือนกันเลยตัดบทไปซะเลย
“ไม่รู้ดิไม่ได้ถาม”
“เอ้า ก็ถามดิรอไร” เจด้ามันยังคงเซ้าซี้ออกมาตามประสานั่นแหละ แต่คือจะอธิบายยังไงดีอ่ะ…
“มึง จากท่าทางวาโยอ่ะกูพอจะเชื่อนะ แต่พายุกู...”
“อย่าตัดสินใครที่บุคลิก” เจด้าขัดขึ้นมาก่อนที่ฉันจะพูดจบ แอบคิดว่าข้อดีของการสนิทกันคือรู้ทันกันไปหมดสินะเนี่ย แล้วมันก็พูดต่อ...
“รุ่นพี่พายุนิ่งมากก็จริง แต่ก็ใจดีมากเหมือนกัน เห็นว่าชอบไปเล่นดนตรี เล่านิทาน แล้วก็ทำกิจกรรมอะไรเยอะแยะที่มูลนิธิเด็กไร้ญาติ”
“เดี๋ยว นี่มึงรู้ขนาดนี้เลย?”
คือก็พอเข้าใจนะว่าไอ้ด้ามันคอยติดตามเรื่องคนนั้นคนนี้ที่เป็นกระแสอยู่ตลอด ซึ่ง Nightshade ก็คืออันดับหนึ่งในตอนนี้ แต่ฉันก็แอบสงสัยว่าไอ้ด้ามันไปอยู่ใต้เตียงหมอนั่นรึไง ถึงรู้ลึกรู้จริงขนาดนี้
“เฮ้อออ! นี่ไงอ่านสิอ่าน เอาให้เคลียร์ ถ้าพวกนั้นเป็นเพื่อนมึงจริง รายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้อาจทำให้มึงจำได้ก็ได้”
เจด้าทำหน้าเอือมใส่ฉันครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แล้วมันก็ส่งมือถือตัวเองที่เปิดแอพ Know more ค้างไว้มาให้ ในนี้มีข้อมูลของ Nightshade แบบละเอียดยิบย่อยมากมายจนน่าตกใจ นี่พวกเขาเป็นแค่คนดังในมหาลัย จริงๆ ใช่มั้ย? คืออีกนิดทะเบียนราษฎร์จะชิดซ้ายละนะ แล้ว 2 ใน 5 คนนี้นี่เนี่ยนะจะมาเป็นเพื่อนฉันได้อ่ะ
“มึง แต่กู...”
ฉันอ่านประวัติพวกนั้นคร่าวๆ แล้วกำมือถือในมือก่อนจะนิ่งไป ไอ้ด้ามันเลยถามออกมาแบบขำๆ
“ทำไม? หรือมึงไม่อยากมีเพื่อนเพิ่ม มีกูคนเดียวก็พอแล้วงี้”
หึ..พอได้ฟังมันพูดแบบนั้น ฉันก็หลุดยิ้มออกมาและตอบกลับไปอย่างขำๆ เหมือนกัน
“อืม มีมึงก็เหมือนมีเพื่อนสิบคนแล้วนะ ฮ่ะๆ”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่ไอ้ด้ามันก็ยังไม่เลิกพยายามโน้มน้าวให้ฉันไปถามความจริงจากสองคนนั้นให้ได้อยู่ดี
“งั้นมึงก็คิดซะว่า..ถามเพื่อเติมเต็มความทรงจำที่หายไปดิ แบบได้รู้อดีตของตัวเองเพิ่มขึ้นไรงี้”
“นี่มึงเป็นโคนันรึไง เซ้าซี้กูจัง” ฉันบ่นอุบอิบออกไปเพราะรู้สึกว่าเจด้ามันจะเริ่มอินกับความจริงที่ฉันโคตรสับสน
“กูซีเรียสนะเว้ย มันต้องมีเหตุผลที่มึงจำสองคนนั้นไม่ได้ดิ นั่นเพื่อนสนิทเชียวนะ คิดดีๆ เหมือนมีกูอีกสองคนหายไปอ่ะ มึงจะปล่อยไปง่ายๆ เลยหรอวะ”
เออ..ก็จริงของมัน ฉันหยุดคิดตามที่เจด้าพูดแล้วก็นึกเสียดายขึ้นมาเฉยๆ ก็ถ้าเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ มันก็ต้องเสียดายป่าววะ เฮ้อ…
“เค เดี๋ยวกูลองถามดูละกัน” ฉันตอบกลับไปแล้วนั่งประมวลผลคำพูด ท่าทาง และการกระทำของทั้งวาโยและพายุซ้ำๆ อย่างชั่งใจ