“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รั้วโรงเรียน,NightZ,รักวัยรุ่น,มหาลัย,พระเอกเย็นชา,ความจำเสื่อม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
NightZ [I] THE LOST MEMORIES“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
เช้าวันต่อมา..
กริ๊งงงงงง
“อื้อ~”
ฉันตื่นขึ้นมาอย่างัวเงียเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตามปกติ แดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างข้างเตียงเข้ามา พอให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อยก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปจัดการตัวเองเพราะวันนี้มีเรียนเช้า
เมื่อคืนพายุมาส่งฉันที่คอนโด ฉันต้องทิ้งรถตัวเองไว้ที่ ม. เพราะหมอนั่นบอกว่าขี้เกียจวนรถไปส่งฉันเอารถของตัวเองที่จอดถัดออกไปแค่สามตึก -.- แถมฉันก็เพิ่งรู้ว่าพายุก็พักอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าชั้นไหนเพราะเราแยกกันทันทีที่ลงจากรถ
ระหว่างทางกลับคอนโดฉันก็ไม่ได้ถามอะไรพายุอีกเลย เพราะรู้สึกมึนๆ หัวขึ้นมาแล้วก็อยากจะนอนเต็มที แต่ยังไงซะฉันก็อยากจะเคลียร์เรื่องที่ค้างคาในหัวอยู่ดีแค่ยังคิดวิธีไม่ออก
มาถึงตอนนี้ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของเสียงในความทรงจำของฉันคือพายุ แต่ยังไม่กล้าที่จะถามออกไป เพราะท่าทางของพายุหลายอย่างมันชวนให้คิดได้ว่าที่เขาไม่ค่อยอยากรู้จักฉัน คงเพราะเรื่องของเราตอนนั้นมันอาจจะจบไม่สวย เลยไม่รู้มันเหมาะมั้ยถ้าฉันจะรื้อฟื้นมัน เผื่อบางทีเขาอาจไม่อยากพูดถึงความรักในวัยเด็กของเราก็ได้ล่ะมั้ง…
Line~ Line~
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ เข้ามาในลิฟต์คนเดียว ไอ้ด้ามันก็ไลน์เข้ามา
JEDA : มึง เข้าก่อนเลยนะ
JEDA : กูน่าจะสาย รถติดมากกก
เค กำลังออกแล้ว : NILLA
“รอด้วยครับ!”
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ฉันเลยละสายตาจากมือถือมากดเปิดลิฟต์ให้เขาทันที จากนั้นร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยวิ่งเข้าลิฟต์มาอย่างรีบๆ
พายุ?
..นี่เขาอยู่ชั้นเดียวกับฉันหรอ?
พายุชะงักไปนิดหน่อยที่เห็นฉัน ก่อนจะหันไปวุ่นวายอยู่กับเนคไทของตัวเองที่ผูกบิดๆ เบี้ยวๆ เหมือนจะพันคอเขาตายอยู่รอมร่อ เขาผูกๆ แก้ๆ มันอยู่หลายรอบและดูหัวเสียมากเหมือนมันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตแล้ว
“หึ…” ฉันยืนมองพายุทะเลาะกับเนคไทเจ้าปัญหาแล้วหลุดขำออกมาก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองนิดหน่อยแล้วทำเป็นไม่สนใจฉันเหมือนกัน ซึ่งมันก็เป็นท่าทางที่เขาทำมันอยู่ทุกวันนั่นแหละ
โอ๊ะโอววว...ขี้เก๊กได้อีก :P
พรึ่บบบ!
สุดท้ายพายุก็กระชากเนคไทออกจากคออย่างหมดความอดทน ก่อนที่เนคไทนั่นจะหลุดจากมือเขาและร่วงลงบนพื้นลิฟต์ใกล้กับที่ฉันยืนอยู่พอดี
“แค่นี้ก็ต้องใช้อารมณ์ด้วย?”
ฉันส่ายหัวให้กับความเจ้าอารมณ์ของพายุ แล้วยัดชีทกับมือถือในมือตัวเองไปให้เขาถือแทน ก่อนจะก้มลงไปหยิบเนคไทที่ตกพื้นขึ้นมา แล้วเขย่งขึ้นนิดหน่อยเอาเนคไทในมือไปคล้องคอพายุไว้เพื่อผูกมันให้เขาใหม่อย่างคล่องแคล่ว
“ทีหลังก็ไปซื้อแบบสำเร็จมาใช้ดิ”
ฉันผูกไปขำไป ส่วนพายุ..ตอนแรกเขาก็ดูตกใจกับการกระทำของฉันอยู่เหมือนกัน แต่สักพักก็โน้มตัวลงมาให้ฉันผูกง่ายขึ้นเพราะฉันสูงแค่ไหล่เขาเองด้วยซ้ำ ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเขย่งละ
“อืม” แล้วพายุตอบกลับมา แต่ก็ยังเก๊กทำหน้าขรึมใส่ฉันอยู่เหมือนเดิม
ติ๊งงงงงงง~
แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก พอดีกับที่ฉันผูกเนคไทและจัดมันให้เข้ากับปกเสื้อเชิ้ตของพายุจนเสร็จ ฉันเลยหันไปคว้าชีทเรียนที่ฝากเขาเอาไว้ แล้วรีบเดินออกมาจากลิฟต์ทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปทวงบุญคุณ ^_^
“นายติดหนี้ฉันครั้งหนึ่งแล้วนะ”
พูดจบฉันก็รีบเดินมาที่ Lobby ตอนแรกกะว่าจะนั่งคอยแต่ดีที่หน้าคอนโดมี Taxi มาส่งผู้โดยสารพอดี ฉันเลยโดดขึ้นไปทันทีไม่ต้องนั่งรอให้เสียเวลา
ใช้เวลาไม่นานฉันก็มาถึง ม. รู้สึกว่าวันนี้จะมีกิจกรรมอะไรด้วยสินะ เช้านี้เลยดูวุ่นวายกันเป็นพิเศษ แต่วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่... ทำไมใครต่อใครถึงหอบดอกไม้กันมาเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ แล้วนี่ไม่รู้ไอ้ด้ามันมาถึงไหนแล้วนะ ฉันคว้ากระเป๋ามาควานหามือถือกะจะทักไปถามมันสักหน่อยแต่รื้อหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
อย่าบอกนะว่าเป็นตอนนั้น -_-
ฉันนั่งประมวลผลอยู่พักใหญ่ แล้วนึกได้ว่าตอนที่ฝากของไว้กับพายุในลิฟต์ฉันหยิบมันคืนมาไม่หมด ตอนฝากไว้มีทั้งชีทและมือถือ แต่พอตอนเอาคืน ฉันคว้าชีทออกมาอย่างเดียวซะงั้น =_= พอนึกได้แบบนั้นฉันเลยหอบร่างตัวเองมายืนอยู่หน้าตึก IST ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมา (เอาจริงพึ่งเปิดเทอมแค่สองอาทิตย์ -.-)
“อ้าวนิลมาทำไรอ่ะ” ไปป์ที่เดินหอบดอกไม้ช่อใหญ่ผ่านมาตะโกนทักฉันที่ยืนมึนๆ อยู่หน้าตึก
“โทษนะไปป์ นายเห็นหมอนั่นป้ะ”
ฉันถามออกไปทั้งที่ก็ยังไม่เข้าใจว่าวันนี้ ม.เรามีงานเกษตร ไม้ดอก ไม้ประดับ แคคตัส หรืออะไรที่ฉันไม่รู้หรอ
“หาใคร ไอ้พายุ?”
“อืม”
“มันอยู่ 208 อ่ะคนเยอะหน่อยนะขึ้นไปดิ” ไปป์บอกฉันก่อนจะหันกลับไปวุ่นๆ อยู่กับช่อดอกไม้ที่แบกมาต่อ
“อืม ขอบใจ”
พอได้ยินแบบนั้นฉันเลยเดินขึ้นไปที่ห้อง 208 ตามที่ไปป์บอก แต่พอก้าวขาข้ามบันไดขั้นสุดท้ายขึ้นมาเท่านั้นแหละ ไม่รู้คนจากไหนนักหนาเดินเข้าเดินออกแถวหน้าห้องนี้เยอะแยะไปหมด แล้วแบบนี้จะหาหมอนั่นเจอได้ยังไงล่ะเนี่ย?!
ปึก!
ระหว่างที่ฉันกำลังมองหาพายุ อยู่ๆ ผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งก็เดินมาชนฉันอย่างแรงจนร่างฉันบนคัทชูที่ส้นค่อนข้างสูงพอประมาณถึงกับเสียหลักจนเซถอยออกมา ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะโน้มตัวเข้ามาคว้าเอวฉันเอาไว้ไม่ให้หงายหลังตกบันไดลงไป ส่วนฉันเองก็คว้าแขนเขาไว้อย่างตกใจเหมือนกัน ไม่งั้นตกลงไปศพไม่สวยแหงๆ
“โทษทีเป็นไรมั้ย?” น้ำเสียงที่ดูอบอุ่นถามขึ้นพร้อมกับที่เขาเองก็ใช้มือหนาประคองตัวฉันให้เดินเลี่ยงออกห่างจากบันได
“มะ..ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
ฉันขยับตัวหนีจากแขนใหญ่ที่โอบเอวฉันไว้ และก้มหน้าจัดชุดนักศึกษาที่ดูเหมือนจะยับยู่ยี่ไปนิดหน่อยให้เข้าที่ ก่อนจะมองหาพายุอีกทีและตั้งท่าจะเดินต่อ
หมับ!
“เดี๋ยวดิ วันนี้เธอลงประกวดด้วยรึเปล่า?”
พอฉันกำลังจะก้าวขา ผู้ชายคนนั้นก็มาคว้าแขนฉันเอาไว้อีก แล้วหันมาถามด้วยท่าทางที่เหมือนจะเป็นมิตร
“ประกวด? ป่าวอ่ะขอตัวนะ” ฉันตัดบทไปและส่งสายตาให้เขาเอามือออกจากแขนฉัน แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ถ้างั้นมาทำอะไรที่นี่หรอ”
ฉันอ่านเจตนาของคนตรงหน้าออกในทันทีที่เห็นสายตาของหมอนี่ค่อยๆ สำรวจร่างกายของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า และเลื่อนระดับสายตาขึ้นมาอย่างหื่นกระหาย ส่วนมือปลาหมึกนั่นก็ยังจับแขนฉันแน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แถมมือมันยังค่อยๆ ลูบแขนฉันไปมาจนฉันเริ่มหงุดหงิด
“ฉันจะมาทำไมมันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”
พรึ่บบบ!
…..พรึ่บบบ!
ฉันสะบัดแขนหมอนี่ออกเต็มแรง แต่เขากลับจับแขนฉันแน่นขึ้นจนสะบัดไม่หลุด แล้วกระชากตัวฉันเข้าไปหาเขาอย่างแรง
“พูดกับรุ่นพี่แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
เหอะ! ฉันมองแถบเสื้อของคนที่เรียกตัวเองว่ารุ่นพี่แล้วอยากจะขำออกมา แค่ปี 2 แต่ทำกร่างเนี่ยนะ?! น่ารำคาญชะมัด! ถามจริงรุ่นพี่แบบนี้ใครอยากจะเคารพกัน
“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับฉัน!”
พรึ่บบบ!
ฉันสะบัดแขนหมอนี่ออกอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับเลื่อนมือทั้งสองข้างมาจับไหล่ฉันเอาไว้แน่น และบีบมันอย่างแรงจนฉันเริ่มเจ็บ
“คงไม่ได้เพราะฉันสนใจเธอไปแล้ว” ใบหน้าที่น่าขยะแขยงนั่นเลื่อนมาพูดข้างหูฉันด้วยน้ำเสียงหื่นๆ ปนขู่นิดๆ ยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิด
“บอกให้ปล่อย!” ฉันพยายามปัดมือหนาที่มาจับตัวฉันออกอย่างนึกรังเกียจ ในขณะที่คนตรงหน้าดูจะพอใจกับท่าทางของฉันมากเหลือเกิน
“ดุจัง แต่น่ารักดี”
ผู้ชายตรงหน้าแสยะยิ้มอย่างไม่แยแสในท่าทีของฉัน หมอนี่เป็นโรคจิตรึไงถึงมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะที่เริ่มจะมองมาอย่างให้ความสนใจ
“จะปล่อยดีๆ หรืออยากมีปัญหา”
ฉันเริ่มจะหมดความอดทนกับไอ้เฮงซวยนี่เต็มทน ยิ่งมันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งขยะแขยงจนอยากจะอ้วก
“ทำไม? ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะทำอะไรฉันได้งั้นหรอ?”
สีหน้าเย้ยหยันถูกส่งมาให้ฉันอย่างท้าทาย แล้วคนตรงหน้าก็กระตุกยิ้มมุมปากใส่ฉันอย่างน่าหมั่นไส้ หึ... ได้!
“งั้นจำใส่หัวเอาไว้! ฉันเป็นผู้หญิงของพายุ Nightshade!!!”
พลั่กกกก!
ฉันโพล่งออกไปอย่างฟิวส์ขาด แล้วอาศัยจังหวะที่ไอ้เฮงซวยนั่นชะงักผลักมันออกไปให้พ้นตัวอย่างเต็มแรง จนหมอนั่นหงายหลังกลิ้งตกบันไดลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนฉันก็เซถอยออกมาอย่างเสียหลัก แต่ถูกรับไว้โดยใครคนหนึ่งจากข้างหลัง
พรึ่บบบ! แฮ่กๆๆ
ฉันหายใจเข้าหายใจออกอยู่อย่างนั้นอย่างหมดแรง กว่าจะสลัดไอ้บ้านั่นได้นี่มันเหนื่อยชะมัด แล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีใครบางคนกำลังโอบเอวฉันจากข้างหลังอยู่
พรึ่บบบ!
…..พรึ่บบบ!
แต่พอฉันจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่รับฉันไว้ ก็กลับถูกแขนแกร่งล็อคเอวให้ยืนอยู่ท่าเดิม แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ยื่นเข้าหน้ามาใกล้ๆ ก่อนจะพูดขึ้นข้างหูฉันด้วยน้ำเสียงเรียบ..
“ไม่ยักรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
“พะ...พายุ O_O”