“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รั้วโรงเรียน,NightZ,รักวัยรุ่น,มหาลัย,พระเอกเย็นชา,ความจำเสื่อม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
NightZ [I] THE LOST MEMORIES“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
พอฉันพูดจบพายุก็นิ่งไปไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งที่คิดไว้ว่าจะหาวิธีอื่นหาความจริงเรื่องนี้แล้วเชียว แต่ก็กลับหลุดปากพูดมันออกมาอย่างลืมตัว แถมตอนนี้พายุก็จ้องหน้าฉันด้วยแววตาที่อ่านความหมายไม่ออก แต่มือของเขาก็ยังกุมมือฉันไว้แน่นเหมือนเดิม
“แล้วอย่ามาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป”
พูดจบพายุก็จูงมือฉันเปิดประตูเข้าไปในตัวตึกทันที ภาพที่เห็นตอนนี้คือมีคนกำลังวิ่งวุ่นหาตัวเรานับสิบคน ...ถ้าถามว่ารู้ได้ไงน่ะหรอ? ก็ได้ยินเสียงคนพวกนั้นแว่วมาไงล่ะ
‘เจอป่ะมึง เจอรุ่นพี่พายุป้ะ?’
‘ไม่อ่ะ พลาดเลยแม่ง’
‘แต่กูเห็นเขารีบเดินมากน่าจะขึ้นมาข้างบนนะ’
‘เจอมั้ย เจอมั้ย ใครเจอพายุแล้วบ้าง?’
ฉันเหลือบไปเห็นมือถือในมือของทุกคนก็เดาได้เลยว่ากล้องจากสมาร์ทโฟนพวกนั้นมันคงพร้อมที่จะจ่อมาหาเราแน่นอน แถมยังมีทีมชมรมวารสารของมหาลัยกำลังแบกกล้องวิ่งไปวิ่งมากันอย่างจริงจังมากเว่อร์
‘เฮ้ยนั่นไงรุ่นพี่พายุอยู่นี่จริงด้วยกูบอกแล้ว’
เสียงใครคนหนึ่งที่หันมาเห็นพวกเราเดินออกจากซอกหนึ่งของตึกตะโกนบอกคนอื่นๆ และทุกคนก็วิ่งกรูกันเข้ามา ลักษณะจะไม่รอดสินะ พายุที่น่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วก็นิ่งๆ เหมือนเดิม ถึงแววตาจะแอบหงุดหงิดอยู่มากก็เถอะ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นแค่หนุ่ม Hot ในมหาลัย ฉันคงคิดว่าเขาเป็น Superstar ที่มีข่าวฉาวและกำลังวิ่งหนีนักข่าวในงาน Event อยู่นะเนี่ย
“น้องพายุคะ พวกพี่มาจากชมรมวารสาร ที่รุ่นน้องปีหนึ่งคนนี้พูดเป็นความจริ…”
“อืม”
คนที่วิ่งเข้ามาสัมภาษณ์ยังพูดไม่ทันจบ พายุก็พยักหน้าตอบไปเล่นเอาฉันตกใจกับท่าทางของเขา แต่เขาก็ยังจูงมือฉันเดินต่อไปไม่หยุดจนคนอื่นๆ ต้องวิ่งตาม
เดี๋ยวนะ อืม.. งั้นหรอ? ก็ไหนเมื่อกี๊ยังฟึดฟัดไม่อยากให้ฉันเป็นผู้หญิงของเขาอยู่เลยไม่ใช่หรอ อะไรของเขากันล่ะเนี่ย -.-?
“เปิดตัวในงานประเพณีแบบนี้ คิดว่า Love point จะดิ่งลงเหวมั้ยคะ?” ผู้หญิงคนนั้นยังก้าวขาฉับๆ เพื่อสัมภาษณ์เขาต่อ…
หืม.. งานประเพณีอะไรหรอ?
แล้วไอ้ Love point นี่มันคืออะไร?
ฉันหันมองพายุแล้วเลิกคิ้วให้อย่างไม่เข้าใจ เขาเองก็หันมามองนิดหน่อยก่อนจะตอบเจ๊คนนั้นออกไป
“ผมไม่ได้สนใจ”
“เร็วๆ นี้ยังเห็นพายุแอบหิ้วใครขึ้น Ztudio แล้ววันนี้...”
“นั่นเรื่องส่วนตัว” คำถามเด็ดถูกยิงมารัวๆ แต่ผู้หญิงคนนั้นยังพูดไม่ทันจบพายุก็ขัดขึ้นมาอีก
“น้องชื่ออะไรคะ? อยู่สาขาไหน?” พอเห็นพายุเริ่มดุขึ้นมาไมค์ที่จ่อปากเขาก็ถูกเลื่อนมาหาฉันแทน ลำพังแค่เดินตามหมอนี่ก็เหนื่อยจะแย่แล้วเนี่ย ขอหายใจให้ทันก่อนได้มั้ยอ่ะ -.-
“อย่ายุ่งกับยัยนี่”
พายุพูดขึ้นแล้วกระชับมือที่จับฉันไว้ให้แน่นขึ้นอีก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปัดไมค์ตรงหน้าฉันไปทางอื่น ซึ่งฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจท่าทางของเขาเท่าไหร่นักเลยเงียบๆ ไปให้เขาจัดการแทน
“แบบนี้แปลว่าพายุพร้อมจะร้าย ถ้าใครมาวุ่นวายกับน้องเขา?”
เจ๊คนนั้นยังส่งมาไมค์มาจ่อทางพวกฉัน แล้วจีบปากจีบคอถามเขาอีกซ้ำๆ เอาจริงเรียนจบไปเจ๊คงรุ่งเรืองในหน้าที่การงานนะ ดูมีแววดีอ่ะ แต่ลำบากตรงคนโดนสัมฯ น่าจะเคืองเจ๊ง่ายพอสมควร -_-
“อยากรู้ก็ลองยุ่งดู”
พายุตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดขั้นสุด แถมส่งสายตาเหวี่ยงใส่จนเจ๊แกกับคนอื่นๆ ก็ออกอาการเหวอไปเหมือนกัน เหอะๆ ดุได้อีก
“แล้วคนที่น้องผลักตกบันได ตอนนี้อาการสาหัสมากเลย น้องจะรับผิดชอบยังไงบ้างคะ?”
..ยังอีก เจ๊ยังสามารถเอนไมค์มาจ่อปากฉันอีกครั้งแม้ว่าเราจะเดินกันเร็วแค่ไหนก็ตาม
“ไม่เห็นจำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร”
พายุสวนกลับไปทันควัน แล้วก้าวขาฉับๆ ให้เร็วขึ้น ก่อนที่เขาผลักประตูห้องที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ให้เปิดออก แล้วเหวี่ยงฉันเข้ามาในห้องๆ หนึ่งและเดินตามเข้ามา พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าทีมวารสารและแฟนคลับทุกคนที่วิ่งตามมาอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น
แอร๊ดดดดด ปังงง!!!!
“เฮ้~~~”
แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงโห่พร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้นมาจากในห้องอย่างครึกครื้น พอฉันหันไปดูก็พบว่าทุกคนใน Nightshade นั่งอยู่ตรงนั้นและกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่อย่างพอใจ
“Love point พุ่งสูงปรี๊ด นี่กูแพ้มึงแบบไม่เห็นฝุ่นเลยแม่ง”
วาโยพูดขึ้นมาอย่างขำๆ ส่วนพายุไม่ตอบอะไร เขาหันมองหน้าฉันแว๊บหนึ่งแล้วปล่อยมือออก ก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ อย่างข่มอารมณ์อีก
“นิลนิล เธอนี่มันแจ๋วชะมัดเลย” เลโอหันมาชูนิ้วโป้งให้ฉันแล้วส่งรอยยิ้มที่แสนสดใสนั่นมาให้ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบอะไรไปก็..
โครมมม
“หุบปาก!”
พายุถีบโต๊ะตรงหน้าจนกระเด็นไปอีกทางแล้วหันไปมองหน้าเลโออย่างเอาเรื่อง แต่หมอนั่นก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ทั้งเขาและวาโยต่างพากันขำออกมาดังลั่น ส่วนรุ่นพี่เตโชกับรุ่นพี่รันเวย์ก็นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มกันอยู่สองคน
“ฮ่าๆๆ มึงก็ไปกวนมัน พายุพร้อมจะร้ายมึงไม่ได้ดู Live หรอ”
วาโยยังคงล้อเลียนบทสัมภาษณ์เมื่อกี๊อยู่แบบนั้น ส่วนฉันเองก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ยังว่างอยู่
หาเรื่องอีกแล้วฉัน คราวนี้เรื่องใหญ่มากซะด้วยนะเนี่ย -_-
ฟุ้บ!
พายุเองพอยืนฟึดฟัดได้สักพักก็เดินตามมาทิ้งตัวนั่งข้างฉัน แล้วเอนหลังพิงพนักพิงของโซฟาก่อนจะหลับตาลงช้าๆ อย่างสงบสติอารมณ์อยู่แบบนั้นซ้ำๆ
“นิลนิลแล้วเธอ...”
“นิลลา”
พายุพูดขัดเลโอขึ้นมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ นี่พวกเขาเป็นเพื่อนกันจริงรึเปล่าฮะขัดกันทุกเรื่องเลย
“ฮ่ะๆ เออนิลลา แล้วเธอจะเอาไงต่ออ่ะ? พูดผิดชีวิตเปลี่ยนว่ะกู เกือบละไอ้ห่า ฮ่าๆๆ”
เลโอทำท่ากุมขมับจนคนอื่นๆ ขำออกมา ใครว่า Nightshade ทั้งหยิ่งทั้งเย็นชา ที่ฉันเห็นตอนนี้นี่ตรงข้ามทุกอย่างเลย แม้แต่รุ่นพี่เตโชที่ดูจะขรึมๆ และน่ากลัวสุดๆ แล้ว มาถึงตอนนี้เขาก็กำลังหลุดขำกับท่าทางของพายุเหมือนกันกับคนอื่นๆ
“ไม่รู้อ่ะ ว่าแต่...งานประเพณีคืออะไร? แล้ว Love point นี่คือ?”
“ซื่อบื้อ” พอได้ยินฉันถามเลโอแบบนั้น พายุก็เหน็บขึ้นมาลอยๆ เหอะ! อะไรกันนะหมอนี่ก็คนมันไม่รู้นี่นา -.-?
“จะเรียกงานประเพณีก็ไม่ถูกเท่าไหร่เพราะเพิ่งมีปีแรก ปีหน้าอาจโดนยุบก็ได้”
“โห่เฮีย =_=” รุ่นพี่รันเวย์เสริมขึ้นมาจนเลโออาการเหวออย่างชัดเจนแล้วตอบออกไปแบบเซ็งๆ ฉันเองก็มองพวกเขาแบบงงๆ งั้นคือต้องรู้มั้ยอ่ะ ถ้าปีหน้าโดนยุบจะได้ไม่จำให้เปลืองแรมสมอง แล้วเลโอก็เริ่มอธิบายออกมา...
“Love point เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งใน Know more ซึ่งจะให้อารมณ์เหมือนงานรับน้องที่ ม. อื่นเขาจะรับกันด้วยการทำกิจกรรมเลอะๆ เพื่อละลายพฤติกรรม แต่แบบนั้นมันไม่มีมาตรวัดว่าเกิดประโยชน์แค่ไหน ไม่ก็ว๊ากโหวกเหวกโวยวายน่าหนวกหู แหกปากบูมกันจนหน้ามืด หรือยืนร้องเพลงมาร์ชพร้อมเพรียงกันเหมือนเด็กอนุบาล ...อันนี้รู้ใช่มั้ย?” เลโอหันมาถามฉัน
“อืม” ที่จริงฉันเลือกเรียนที่นี่เพราะไม่เคร่งเรื่องรับน้องนี่แหละ ฉันไม่ชอบสุงสิงกับใครที่ไม่ได้อยากรู้จักเองตั้งแต่แรกอ่ะ
“อืม แต่ ม. เราค่อนข้างฟรีสไตล์ ไม่เคร่งมาก ไม่ต้องเลอะ ไม่ต้องว๊าก เพลงมาร์ชก็ไม่ต้องร้อง รุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักกันผ่าน Intranet ที่เป็นเหมือนคลับเล็กๆ ภายใน ม. แล้วไอ้ Intranet ที่ว่านั่นแหละ..เราเรียกมันว่า Know more”
อ่าฮะ.. Know more รู้จักกันให้มากขึ้นทำนองนั้นสินะ
“ถ้างั้นแบบนี้ใครจะเล่นหรือไม่เล่นก็ได้ใช่ป้ะ?” ฉันถามออกไปตามที่เข้าใจ แล้วเลโอก็ส่ายหัวแล้วตอบกลับมา
“ถึง ม. เราจะให้อิสระเรื่องการเข้ารับน้อง แต่กฎข้อหนึ่งที่ยังแย้งกันอยู่ ก็คือทุกคนต้องมี User know more ที่สามารถปรับแต่งโปรไฟล์ได้ตามใจบนพื้นฐานของความเป็นสาธารณะเท่านั้น ตั้ง private ไม่ได้ เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น”
“แล้วถ้าบางคนไม่อยากรู้จักใคร มันก็ออกแนวละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ เลยดิ”
ก็นะ.. อย่างที่บอก บางคนที่ว่าก็คือฉันเองนี่แหละ เพราะฉันไม่เคยสนใจไอ้ Know more อะไรนี่เลย -_-
“ก็มีไว้แต่ไม่ต้องเล่นก็ได้ แค่ให้รู้จักหน้าตากันไว้เฉยๆ ในทางกลับกันมันสอนให้มีสติดี คือจะโพสต์อะไรต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้ด้วย” อันนี้ไม่ใช่เลโอแต่เป็นวาโยที่ตอบออกมาแทน ฉันเลยถามออกไปอีก
“ถ้างั้น Love point ก็คือการกด Like?”
“ไม่ใช่ซะทีเดียว ทุกคนมี Love point ตั้งต้นของตัวเองในวันเปิดเทอม ถ้าให้ Love point ใคร จำนวน Love point ของเราจะลดลง... Love point ที่ได้มา มันบอกได้ว่าใคร Hot แค่ไหนก็จริง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่มี Love point สูงๆ ในแต่ละเดือนต้องทำอะไรตอบแทนสังคมด้วยไม่ใช่สวยหล่อไปวันๆ”
เลโอพยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจถึงความแตกต่าง และเงื่อนไขของ Know more แบบละเอียดยิบ แต่มันก็ดูเหมือนจะยังมีช่องโหว่อยู่ดี
“แบบนี้แปลว่าใครจะโหวตแกล้งกันก็ได้ เพื่อให้อีกคนต้องไปทำกิจกรรมตอบแทนสังคม?”
ฉันถามออกไปตามที่คิด แบบนี้เกิดหมั่นไส้ใครก็กดโหวตแกล้งไปแบบสวยๆ ได้สิ เออน่าจะดี..
“ไม่ได้ ทุกกิจกรรมทั้งคนโหวตและคนโดนโหวตต้องไปด้วยกัน มันทำให้จำนวนนักศึกษาที่ทำเพื่อสังคมมีมากขึ้นตามลำดับ” พอฉันพูดจบวาโยก็ขัดขึ้นมาทันทีพร้อมกับบอกเหตุผลอย่างละเอียดเช่นเดียวกัน
“แล้วมันดูเป็นการรับน้องตรงไหน?”
เอาจริงๆ ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในตรรกะนั่นแบบ 100% เท่าไหร่ แล้วเลโอที่ดูจะเชี่ยวชาญกับ Know more นี่กว่าใครก็ตอบกลับมา
“จริงๆ แค่ concept มีความคล้าย แต่ know more เป็นกิจกรรมระยะยาว เรามีกิจกรรมใหม่ๆ ร่วมกันทุกเดือน พอทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยเข้าก็จะรู้จักกันมากขึ้นเอง ไม่ใช่รับน้องแค่วีคสองวีคแล้วแยกย้ายเหมือนที่อื่น แถมได้ทำประโยชน์ให้สังคมไปในตัวด้วย”
“อ๋อ อืม สรุปคือเหมือนให้ Love point เพื่อเป็นการขอทำความรู้จักกับคนอื่นผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมว่างั้น”
ฉันสรุปสั้นๆ ตามความเข้าใจ จะว่าไปพอมาทบทวนดูอีกทีมันก็ดูเป็นแนวคิดที่ได้ผลประโยชน์เยอะดีนะ
“อืม แล้วก็จะมีแจก Love point ให้ฟรีๆ ในทุก Activity ที่เกิดขึ้นใน ม. ด้วยนะ ทำให้ต่อให้ใครใช้ Love point ของตัวเองจนหมดก็จะได้ Love point ใหม่ๆ เพิ่มมาอยู่ดี”
เลโออธิบายออกมาอย่างคล่องแคล่วแบบรู้จริงมากเว่อร์ หึ..สงสัยเล่นบ่อยล่ะมั้ง เขาดูเป็นสาย Friendly กว่าใครเลยนี่นะ
“เหอะๆ คนคิดนี่คงกินอุดมการณ์แทนข้าวเน่อะ”
"ฮ่าๆๆ" พอฉันพูดออกไปทุกคนยกเว้นพายุที่น่าจะหลับไปแล้วก็ขำออกมาจนเลโอหน้าบูดไปเลย
“ใจเย็นนั่นฉันเอง =_=”
เลโอพูดออกมาฉันเลยเพิ่งจะเข้าใจ อ๋อ..ไม่ใช่เขารู้จริง แต่เขาเป็นคนคิดมันขึ้นเอง มิน่า.. ตอบได้เป๊ะๆ รายละเอียดเชิงลึกแน่นเว่อร์
“เหอะๆ โทษที แต่นายก็เก่งนะไม่ได้เรียนคณะนี้ทำไมถึง...”
ฉันเว้นช่วงไปนิดหนึ่งแอบคิดว่าเลโอที่เรียนวิศวะไม่น่าจะถนัดเรื่อง IT ที่ใช้กันทั่วทั้งมหาลัยแบบนั้นได้ แล้วเลโอก็ชี้ไปหาพายุที่นั่งหลับตาเงียบๆ อยู่ข้างฉัน
“นั่นไงกำลังสำคัญของฉันน่ะ”
ฉันหันมองพายุที่นอนหลับตานิ่งๆ แล้วหยุดประมวลผลสักพัก.. อ่าฮะ.. เลโอคงเป็นคนคิด Concept ภาพรวม แล้วให้พายุ Design อะไรในระบบให้สินะ อืม.. แบบนั้นค่อยสมเหตุสมผลหน่อยก็เขาเป็นถึง KING OF IST เลยนี่นา
“ว่าแต่...ขอดูโปรไฟล์เธอหน่อยดิ ป่านนี้ Love Point น่าจะพุ่งขึ้นจนปรอทแตกแล้วเหมือนกัน”
พอเลโอพูดมาแบบนั้นฉันเลยส่งยิ้มแหยๆ ออกไปนิดหน่อยและตอบเขากลับไปแบบมึนๆ
“เอ่อ คือฉัน… ^_^”