“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รั้วโรงเรียน,NightZ,รักวัยรุ่น,มหาลัย,พระเอกเย็นชา,ความจำเสื่อม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
NightZ [I] THE LOST MEMORIES“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอเขาพูดมาแบบนั้นฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
“เคลียร์เอง”
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็รู้เลยว่าคนข้างหลังพวกฉันคือพายุแน่นอน แต่ที่อึ้งไปแบบคูณสิบก็คงจะเป็นยัยสามคนนี้ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวหลังก็เลยเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นกันเลิ่กลั่ก เพิ่งจะมากลัวกันตอนนี้เนี่ยนะ ทั้งที่พายุก็อยู่ในร้านตั้งนานแล้ว..หรือพวกเธอไม่รู้ =_=
พายุเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ แล้วใช้มือเชยคางฉันขึ้นดูรอยตบบนหน้าฉันแบบชัดๆ อย่างเบามือ ก่อนจะกัดฟันแน่น ฉันมองท่าทางเขาตอนนี้ก็รู้เลยว่าพายุกำลังโกรธอย่างถึงขีดสุดแล้วจริงๆ แค่สายตาของเขาตอนนี้มันก็ดูโหดเหี้ยมกว่าปกติที่ฉันเคยเจอแล้ว
“โดนไปกี่ที”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกของพายุถูกเปล่งออกมาจนฉันเองยังรู้สึกกลัว บรรดาแฟนคลับที่เคยกรี๊ดกร๊าด Nightshade ก่อนหน้านี้ก็เริ่มแห่กันมามุงดูเหตุการณ์ตอนนี้อย่างสนอกสนใจ รวมถึงรุ่นพี่เตโช วาโย และเลโอ ก็เดินเข้ามาจับจองที่นั่งบนโซฟากลางร้านกันอย่างเฉยๆ
...นี่พวกเขาก็ชอบดราม่าเหมือนกันหรอเนี่ย -_-?
“ฉันไม่เป็นระ...”
“กี่ที” พอฉันทำท่าจะไม่เอาความอะไร พายุก็กดเสียงลงต่ำแล้วถามซ้ำมาอีกครั้งจนฉันต้องยอมตอบออกไป
“สอง”
แล้วเขาก็หันไปหาไอ้ด้าทันทีหลังจากฟังฉันพูดจบ เพื่อรอฟังคำตอบจากมันด้วยเหมือนกัน
“หนึ่ง” ไอ้ด้าตอบออกมาทั้งที่มือยังกอดอกและจ้องยัยพวกนั้นตาขวาง นี่ก็ดุ นั่นก็ดุ คนรอบตัวฉันกินรังแตนเป็นอาหารกันรึไงนะ -_-?
พอได้ฟังคำตอบจากพวกฉัน พายุก็เงียบไปอย่างใช้ความคิด ฉันเลยเงยหน้าไปมองเขาอย่างลังเลเพราะไม่รู้ว่าพายุคิดจะทำอะไร รู้แค่ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากและเดาทางไม่ถูกเลย ความนิ่งของพายุมันมีอิทธิพลมากจนฉันเองแค่ยืนใกล้เขาก็ยังหวั่นใจ
“ปิดร้าน”
แล้วอยู่ๆ พายุก็หันไปสั่งเด็กเสิร์ฟของร้านคนหนึ่งที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่ เด็กเสิร์ฟคนนั้นเลยพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบวิ่งไปเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น ‘Close’ ทันที ส่วนคนอื่นๆ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็หมุนตัวหันหลังกลับไปเก็บของทยอยจะเดินออกจากร้าน แต่พายุก็พูดขัดขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ห้ามใครออกจากที่นี่!”
กึก!
สิ้นสุดเสียงพายุทุกคนก็ชะงักฝีเท้ากันไปหมด ทั้งที่หลายคนเดินไปจนถึงประตูร้านแล้วด้วยซ้ำแต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวขาออกไป คงเพราะส่วนใหญ่กลุ่มคนที่ยืนอยู่ในร้านนี้ก็เป็นแฟนคลับของ Nightshade กันทั้งนั้น ทุกคนเลยดูจะเชื่อฟัง หรือจริงๆ แอบกลัวเขาเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แล้วพายุก็หันมองฉันสลับกับสามคนนั้นแล้วพูดต่อ..
“ถ้าจะออก…
ต้องตบ 3 คนนี้…
คนละ 3 ที”
พายุพูดออกมาอย่างช้าๆ ชัดๆ จนทุกคนที่ได้ฟังพากันฮือฮาและซุบซิบออกมาจนจับใจความไม่ได้
“นี่นาย...”
ได้ยินแบบนั้นฉันก็หันขวับไปหาเขาอย่างตกใจ จะให้คนทั้งร้านรุมตบสามคนนี้เนี่ยนะ? จำนวนคนทั้งหมดนี้มันทำให้หน้าแหกได้ง่ายๆ เลยด้วยซ้ำ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ =[]=
แล้วพอฉันหันไปมองสมาชิก Nightshade คนอื่นๆ อย่างขอความเห็น รุ่นพี่เตโช รุ่นพี่รันเวย์ วาโย และเลโอ ก็รับฟังคำพูดพวกนั้นนิ่งๆโดยไม่มีข้อโต้แย้งอะไร ราวกับเห็นด้วยในการตัดสินใจของพายุยังไงอย่างงั้น วาโยที่น่าจะอ่านความคิดของฉันออกก็มองมาและส่ายหัวเบาๆ เหมือนจะบอกว่าอย่าขัดใจเขา
“มีปัญหาอะไร?”
คงเพราะเห็นท่าทางประหลาดของฉันนั่นแหละมั้ง พายุเลยถามฉันกลับมาด้วยสีหน้านิ่งๆ ในขณะที่สามคนนั้นยืนสั่นเลิ่กลั่กแล้วหันมองคนที่มามุงดูอย่างจิตตก
“มันไม่มากเกินไปหน่อ...”
“น้อยไป” เขาขัดขึ้นมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ แล้วเดินเข้าไปหาสามคนนั้นช้าๆ ส่วนยัยพวกนั้นก็รีบถอยหนี แต่บรรดาแฟนคลับ Nightshade ก็มายืนกันด้านหลังเอาไว้
“ก็เห็นว่าชอบหมาหมู่ ลองโดนดูเองบ้างคงไม่ถึงตาย”
พายุมองสามคนนั้นด้วยสายตาเหยียดๆ ทั้งที่สีหน้ายังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม ยิ่งทำให้สามคนนั้นยืนตัวสั่นหนักขึ้นไปอีก
“พายุฉันขะ..ขอโทษ”
หนึ่งในสามคนนั้นพูดขึ้นมาเสียงสั่น คงเพราะรู้ชะตากรรมของตัวเองหลังจากนี้ แต่ไอ้ด้าที่ยืนหมั่นไส้อยู่นานแล้วก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ผิดคนป้ะ?”
แล้วสามคนนั้นหันมองหน้ากันไปมา ก่อนจะมองมาที่ฉันแล้วแย่งกันพูดจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“นะ..นิลลา นิลลาฉันขอโทษ ขอโทษนะ ฉันขอโทษ”
พวกนั้นพยายามพูดขอโทษฉันซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาให้จนฉันที่เห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เริ่มใจอ่อน
ฟุ้บ!
“มัวยืนเฉยอยู่ทำไม?”
แต่พายุไม่ได้สนใจสิ่งที่สามคนนั้นแสดงออกมาสักนิด เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาที่ว่างอยู่นิ่งๆ ก่อนจะหันไปหาบรรดาแฟนคลับที่เริ่มมองตากันเลิ่กลั่ก บางคนก็คว้ามือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายคลิปเต็มที่ บางคนก็หันไปสุมหัวแอบคุยกันเบาๆ
ฟุ้บ!
“พอเถอะนะ”
ฉันทิ้งตัวตามพายุลงบนโซฟาแล้วคว้าแขนเขาเอาไว้อย่างกลัวใจ วันนี้เขาดูโหดเกินไป ฉันเข้าใจนะว่าพายุคงไม่พอใจที่พวกนั้นมาตบฉันโดยที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แต่ถึงจะโกรธแค่ไหนพวกนั้นก็เป็นผู้หญิงไง เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกัน ยังไงก็ไม่ควรทำขนาด…
‘กูว่าพวกมันก็สมควรโดนนะ ชอบเหยียดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว วันก่อนก็เหน็บมึงนี่’
‘ก็คิดว่าได้แก้แค้นที่มันล้อว่ามึงถือ Chanel ปลอมไง’
‘อีนี่ที่ด่ามึงในห้องน้ำอ่ะ จำได้ป้ะ?’
‘หมั่นไส้อีสามหน่อนี่มานานแล้วเหมือนกัน ใครไม่เอากูเอานะ’
‘แม่งหาเรื่องคนอื่นก่อนได้รับบทเรียนบ้างก็ดี’
และอะไรอีกมากมายที่เริ่มก่อตัวไปในทางลบ..
เอิ่ม...ฟังจากที่แต่ละคนพูดเข้าหูมากิตติศัพท์ของยัยสามคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันแฮะ พอหลายคนในร้านเริ่มคิดแบบนั้นฉันก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่ข้างพายุอย่างไม่มีอะไรจะพูดต่อ =_=^ เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่แค่พวกนั้นมาตบฉันสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วน่ะสิ แต่มันกลายเป็นเคยมีปัญหากับใครไปทั่วมาก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นงี้ใครทำอะไรก็คงต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
“เอาไง เดี๋ยวรับผิดชอบเอง”
สายตาหงุดหงิดของพายุตวัดขึ้นไปหาบรรดาแฟนคลับของเขาที่กำลังปรึกษาหารือกันอีกครั้ง ดูเขาจะเริ่มรำคาญกับท่าทางที่ยืดเยื้อของทุกคนแล้วด้วย จะรับผิดชอบให้ด้วยเนี่ยนะ สปอร์ต ใจดีไปอีก -.-
พอพายุพูดไปแบบนั้น ทุกคนก็ได้คำตอบในทันทีแบบไม่ต้องคิดต่อ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกันในร้านโดยมีไอ้ด้าที่รออยู่แล้วเป็นคนเปิด
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือเจด้ากระทบหน้าสามคนนั้นอย่างแรงจนหน้าสะบัด ตามมาด้วยใครต่อใครนักก็ไม่รู้ที่พุ่งเข้ามารุมตบยัยพวกนั้นแบบเรียงคิว โดยไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามแม้แต่เจ้าของร้าน ฉันมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นท่ามกลางสีหน้าพอใจของทั้งเจด้าและพายุมากกว่าใครๆ ที่นั่งดูอยู่ทั้งหมด
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! อร๊ายยย กรี๊ดดด ฮึกกก
เหอะๆ นี่รอบตัวฉันมันมีแต่คนบ้าพลังทั้งนั้นเลยรึไงนะ -.-
45 นาทีต่อมา...
“เป็นไร?” พายุพูดขึ้นมาเพราะฉันเอาแต่นั่งเงียบอยู่บนรถตลอดทาง บอกตรงๆ ฉันรู้สึกผิดนะ ถึงยัยพวกนั้นจะมาตบฉันก่อนก็เถอะ แต่การลงโทษที่รุนแรงแบบนั้นเป็นใครก็คงรับไม่ไหวหรอก
ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือสามคนนั้นแทบจะตะเกียกตะกายออกไปจากร้านอ่ะ พายุบอกให้ตบก็จริงแต่คนอื่นๆ ที่มีคดีกันมาก่อนหน้านั้นก็ทำเกินไปกว่าเหตุไปเยอะ นึกแล้วก็น่าเห็นใจยัยสามคนนั้นอยู่เหมือนกันนะ ส่วนไอ้ด้าที่พอนั่งมองภาพนั้นอย่างสะใจก็ขอตัวกลับก่อน แล้วยังมาฝากให้ฉันกลับคอนโดกับเขาอีก ฉันเลยมาติดแหง่กอยู่ในรถคันเดียวกับพายุนี่ไง
“ถามก็ตอบ”
พายุหันมามองฉันนิ่งๆ แล้วจอดรถทันที ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง.. ก็มันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในโหมดไหนกันแน่อ่ะ
“นาย...หายบ้ารึยังล่ะ”
ฉันถามออกไปแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็รู้สึกโล่งขึ้นเยอะนะพอได้พูดออกไปแบบนั้น พายุไม่ตอบอะไรแต่กลับเอามือมาลูบแก้มฉันเบาๆ แทน
“แก้มบวม...หรืออ้วน?”
“พายุ!”
ได้ยินคำนี้ฉันนี่ขึ้นเลย บอกว่าอย่ามาล้อเรื่องน้ำหนักไงเล่า แล้วเขาก็ยิ้มมุมปากออกมานิดหน่อยและเปิดประตูลงจากรถไป ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ฉันด้วย
“ไปไหน?” ฉันเลิกคิ้วถามไปงงๆ และมองไปรอบๆ ลืมดูทางไปเลยมัวแต่คิดเรื่องสามคนนั้น แล้วก็พบว่าเรากำลังอยู่ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ ม. ที่สุด
“ซื้อมือถือใหม่”
คำตอบของพายุทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ เออใช่.. นี่ฉันลืมไปซะสนิทเลยว่าสามคนนั้นทำมือถือฉันจอดับไปละ ลักษณะจะพังแบบไม่ต้องคาดหวังอะไรเลย แถมไม่รู้จะกู้ข้อมูลทั้งหมดมาได้มั้ย ในนี้มีโน้ตสำคัญที่ฉันบันทึกไว้เยอะแยะไปหมดเลยด้วย
หมับ!
พายุเอื้อมมือมาจับมือฉัน แล้วพาเดินเข้าประตูห้างตรงไปซื้อมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมกับจัดการส่งเครื่องเก่าให้ที่ร้านไปกู้ข้อมูลต่างๆ นานาให้ด้วย ไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย แถมเขายังลากฉันเดินตามมาดูเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้ากีฬา และอะไรต่อมิอะไรอีกเพียบ ความจริงต้องเป็นฉันไม่ใช่หรอที่ชวนเขามาช้อปปิ้งอ่ะ อะไรของหมอนี่เนี่ย -.-?
“อยากดูเรื่องนี้”
ระหว่างขึ้นบันไดเลื่อนพายุก็ชี้ภาพโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งให้ฉันดูแล้วพูดขึ้น ส่วนมือก็กดมือถือยิกๆ แล้วพาฉันขึ้นบันไดเลื่อนตรงไปที่ชั้นโรงหนังทันทีแบบไม่ถามไถ่อะไรกันสักคำ
“เดี๋ยว ใครจะดูกับนาย”
ฉันส่ายหัวใส่เขารัวๆ นี่มันหนังฆาตกรโรคจิตไม่ใช่หรอ ฉันไม่ได้มีรสนิยมป่าเถื่อนแบบเขาซะหน่อย ยังไงก็ไม่มีทางดูแน่นอนอ่ะ แค่เมื่อกี้นี้ก็เหมือนเพิ่งดูจบไปเรื่องหนึ่งละ
“จะดู”
พายุเดินตรงเข้าไปจ่ายเงินในช่องขายตั๋วที่เขาน่าจะกดจองออนไลน์เอาไว้เมื่อกี๊ ก่อนจะเดินมาจูงมือฉันเข้าไปซื้อน้ำและขนม ...คือจะไม่ฟังกันเลย?
“ไม่ดูได้มั้ย ง่วง อยากกลับบ้าน”
ฉันบอกออกไปตามตรง ก็เมื่อคืนมัวแต่ดูซีรี่ย์เลยได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แถมวันนี้มีเรียนเช้าด้วย กะว่าเลิกเที่ยงจะกลับไปนอน เวลานี้ฉันควรได้นอนอ่ะ
“.....”
แต่พายุก็ไม่ตอบอะไรมาเหมือนเดิม แถมยังเดินจูงมือฉันเข้าโรงหนังมาหน้าตาเฉย หมอนี่มีหัวจิตหัวใจบ้างมั้ยเนี่ย เอาแต่ใจตัวเองชะมัดเลยเว้ย =[]=
ฟุ้บ!
“งั้นจบแล้วปลุกนะจะนอน”
ฉันพูดออกไปพอเขาพาเดินมาถึงโซฟา แล้วเอนตัวลงนอนพร้อมดึงผ้ามาห่มทันที อืม.. แอร์เย็นแบบนี้กำลังดีเลยนะเนี่ย