"ผมขอเป็นคนรักษาแผลนั้นของคุณได้ไหม....เพราะคุณก็แค่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บ"

Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก - EP.2 LADA | หมอคนใหม่? โดย Forlorn_Me @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เล่าประสบการณ์,หมอ ,nc,รักเดียวใจเดียว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เล่าประสบการณ์

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หมอ ,nc,รักเดียวใจเดียว

รายละเอียด

"ผมขอเป็นคนรักษาแผลนั้นของคุณได้ไหม....เพราะคุณก็แค่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บ"

ผู้แต่ง

Forlorn_Me

เรื่องย่อ

เธอจำเป็นต้องย้ายหมอตามที่หมอคนเก่าแนะนำเพื่อรักษาอาการป่วย ‘ซึมเศร้า’ ในตอนแรกเธอก็คิดจะหนีและเลิกรักษา

เพราะยังไงซะมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น

แต่พอมารักษาจริง ๆ เขากลับทำให้เธอแปลกใจได้ทุกครั้ง ไหนจะความปากปีจอของเขาที่ชอบหาเรื่องหลอกด่าเธออ้อม ๆ นั่นอีก

แล้วคนอย่างณัฐลดามีหรือจะยอม เธอย่อมโต้กลับคืนอย่างเจ็บแสบอยู่แล้ว

แต่ยิ่งได้เจอ ยิ่งได้รับการรักษามากขึ้น อาการป่วยของเธอก็ค่อย ๆ หาย ทว่ามีสิ่งหนึ่งกลับก่อตัวขึ้นมาช้า ๆ

นั่นคือความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเธอกับชาญวิทย์ หมอที่รักษาเธออยู่ในตอนนี้

แต่ถึงแม้จะรู้สึกดีและเริ่มรู้ตัวว่าหลงเสน่ห์ ทว่าปมในที่ติดค้างในอดีตก็อยากเกินกว่าจะก้าวผ่าน แต่ครั้นจะหยุดเข้าใกล้เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน...

หรือว่า...เธอจะหลงเสน่ห์หมอปากแซ่บคนนี้เข้าแล้วจริง ๆ ??

สารบัญ

Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก-ตอนที่ 0 ⚠⚠trigger warning⚠⚠ & INTRO,Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก-EP.1 LADA | ฝันร้าย,Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก-EP.2 LADA | หมอคนใหม่?,Chain Love | คุณหมอร้ายล่ามรัก-EP.3 เริ่มการรักษา

เนื้อหา

EP.2 LADA | หมอคนใหม่?

EP. 2

LADA | หมอคนใหม่?

 

ฉันลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงกลับมาคอนโด การเรียนมันดูดพลังชีวิตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

กริ๊งงงง

ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดหรือทำอะไรเลย มือถือเจ้ากรรมก็แผดเสียงดังลั่น จนฉันต้องหยิบออกมาดู แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา

“สวัสดีค่ะ ลุงหมอ”

(หนูลดา ลุงหมอมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบครับ)

“ค่ะ ลุงหมอ”

(คือลุงหมอจะโทรมาแจ้งเรื่องการเปลี่ยนหมอที่ทำการรักษาหนูลดานะ พอดีมีเรื่องด่วนต้องไปทำ เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนหมอที่รักษา หนูลดาโอเคไหม)

หมอพัฒน์ เป็นหมอที่ทำการรักษาฉันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณ 44 ปี และแม้ว่าการรักษาจะไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก แต่เขามักจะคอยรับฟังปัญหาฉันอยู่เสมอๆ เขาเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้

จู่ ๆ มาเปลี่ยนกะทันหันแบบนี้ มันก็แอบตกใจอยู่บ้าง

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

(งั้นพรุ่งนี้ช่วงบ่าย ไม่มีเรียนใช่ไหม เดี๋ยวเข้ามาเจอหมอคนใหม่ด้วยนะ)

“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

ฉันกดวางสายแล้วหันไปเล่นกับเจ้าเซชิล ดีที่ไปซื้อของเล่นแมวตามคำแนะนำของทิพย์มา เจ้านี่ดูท่าจะชอบมากเลยเล่นกับไม้ล่อแมวไม่หยุดเลย

“ไง เจ้าเซชิล ชอบไหม”

‘เมี๊ยวววว’

ฉันเล่นกับมันพร้อมคิดถึงหมอคนใหม่ไปด้วย จะเป็นคนแบบไหนกันนะ แล้วหมอพัฒน์มีเรื่องอะไรถึงต้องส่งต่อคนไข้ให้กับหมอคนอื่น?

 

วันรุ่งขึ้น

ลดาในสภาพอิดโรยลุกมาโทรหาเพื่อนสนิทอย่าง ทิชา เพื่อขอให้เธอไปหาหมอคนใหม่เป็นเพื่อน เธอนอนไม่หลับทั้งคืน พอหลับก็ฝันเหมือนเดิม จะออกไปขี่รถก็ไม่ได้เพราะฝนตกหนัก

ใช้เวลาไม่นานปลายสายก็รับ ทิชาส่งเสียงหวาน ๆ มาตามสาย

(ฮัลโหล ว่าไงลดา)

“ว่างไหม ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนหน่อย”

(อ้าว! ไหนว่าอาทิตย์หน้า)

“พอดีเลื่อนน่ะ”

(มีอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงแกไม่ดีเลย)

“ก็นิดหน่อย สรุปแกว่างไหม”

(ว่างสิ อีกครึ่งชม. เดี๋ยวฉันไปรับ)

“โอเค”

ลดารีบแต่งตัวลงมารอที่ด้านล่างคอนโด เธอเห็นทิชาขับรถสุดหรูมาจอดเทียบช้า ๆ หน้าคอนโด ร่างบางรีบก้าวขึ้นรถไป พอขึ้นมาก็โดนเจ้าของรถที่ตาไวถามทันที 

"แกได้นอนบ้างไหม ลดา”

ทิชาสังเกตได้ถึงความผิดปกติเพราะสภาพลดาแย่มากจนทิชาอดห่วงไม่ได้

"ไม่อ่ะ ฉันนอนไม่หลับ"

ลดาตัดสินใจที่จะบอกไปตามตรง ยังไงซะก็ปิดไม่มิดอยู่แล้ว

"แกต้องนอนบ้างนะ โทรมหมดแล้วเนี่ย”

"อืม จะพยายามนะ รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน"

เธอรับปากแบบปัด ๆ ไปเพื่อให้เพื่อนรักไม่เซ้าซี้ไปมากกว่านี้ กว่าจะฝ่าดงรถติดมาถึงโรงพยาบาลได้ก็สายไปเกือบชั่วโมง ทิชาแยกไปนั่งรอที่คาเฟ่ใกล้ ๆ ส่วนลดาก็รีบเข้าไปพบหมอตามนัด

“เธอเป็นคนประเภทไหนถึงได้มาสายขนาดนี้? ถ้าจะสายแบบนี้ไม่มาชาติหน้าเลยล่ะ?”

ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้าหรือทักทายอะไร เสียงเย็นเฉียบก็ถามขึ้นมาแบบห้วน ๆ ลดาข่มใจไว้ เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

“ขอโทษค่ะ รถติดเลยช้า”

“เชิญนั่ง”

ลดานั่งลงตรงข้ามกับหมอหนุ่ม เธอแอบสำรวจคนตรงหน้าเงียบๆ เขาเป็นคนหล่อเลยทีเดียว อายุก็คงไม่ได้ห่างกันมากนัก

“มองจนพอใจหรือยัง”

 ลดาสะดุ้งเมื่อถูกจับได้ว่ามองเขา เธอยืดตัวตรงก่อนจะสงวนท่าทีไว้

“หมอพัฒน์คงบอกแล้วใช่ไหม ว่าผมจะเข้ามาดูแลคุณแทน?”

“บอกแล้วคะคุณ....”

“ผมชื่อชาญวิทย์ เรียกว่าหมอชาญก็ได้”

“ค่ะ หมอชาญ”

“จากประวัติของคุณ คุณเข้ารับการรักษาด้วยอาการซึมเศร้า ถูกไหม?”

“ใช่ค่ะ”

“หมอประจำตัวคุณได้บอกหรือเปล่า? ว่าความรุนแรงของอาการมันระดับไหน?”

“ไม่ค่ะ....คิดว่าไม่ได้บอก”

ลดาทำท่าลังเลก่อนจะตอบออกไป จริง ๆ เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะที่ผ่านมาถึงจะเข้ารับการรักษาแต่ตัวเธอก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นัก

“คิดว่า? นี่คุณสนใจตัวเองมากน้อยแค่ไหน ถึงได้ไม่รู้อาการตัวเอง ถ้าไม่ใส่ใจจะมารักษาทำไม?”

จึก

เจ็บ ไอ้หมอคนใหม่นี่พูดแรงชะมัด ไม่ถนอมน้ำใจคนไข้เลย ลดานั่งฟังพร้อมข่มอารมณ์ไว้ด้วย มือสองข้างกำหมัดแน่น

‘ใจเย็น ๆ ลดา ใจเย็น ๆ’

“โรคซึมเศร้าของคุณอยู่ในระดับ Severe Depression ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงมาก”

“ค่ะ”

ลดาตอบรับด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยจนหมอหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้

“คุณ.....เคยฆ่าตัวตายใช่ไหม....”

ดวงตาคู่สวยไหววูบ มือเรียวกำข้อมืออีกข้างไว้แน่น ชาญวิทย์มองปฏิกิริยานั้นเงียบ ๆ เหลือบมองข้อมือที่อีกฝ่ายกำไว้จนแอบเห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ

“ฉันขอไม่ตอบนะคะ”

“คุณกลัวผมหรอ”

“เหอะ คุณก็แค่หมอคนหนึ่ง มีอะไรให้ต้องกลัว”

“นั่นสิ ไม่กลัว แล้วทำไมไม่ตอบ?”

“....”

“ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา คุณจะหายไหม หรือไม่อยากหาย?”

“พูดบ้าอะไรของคุณ! ใครมันจะอยากป่วยด้วยโรคบ้า ๆ นี่กัน! คุณเป็นหมอที่ปากหมาที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย!”

ลดาทนไม่ไหวแล้ว เธอระเบิดคำด่าใส่คุณหมอหนุ่มก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้อง ทว่าก่อนจะพ้นประตูออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน

“ไม่ว่ายังไง คุณก็หนีไม่ได้ตลอดหรอกนะ สักวัน ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน”

“.....”

“หวังว่าอาทิตย์หน้าคุณจะมาให้ตรงเวลากว่านี้นะ คุณณัฐลดา”

‘ปัง!!!!’

ลดากระแทกประตูปิดเต็มแรงจนเลขาที่นั่งหน้าห้องสะดุ้งโหยง เธอไม่ได้โกรธใครแบบนี้มานานมากแล้ว

“ไอ้หมอบ้า! ไอ้หมอปากหมา!”

เธอออกจากห้องมาด้วยอาการหงุดหงิด ไอ้หมอบ้านั่นรู้ได้ยังไงกันว่าเธอ ‘เคยฆ่าตัวตาย?!’

««««»»»»

 

Chanwit Talk

ผมมองร่างบางกระแทกประตูออกไป จากที่ได้พูดคุยและลองยั่วยุดู เธอเป็นคนหัวแข็งเลยทีเดียวแถมยังใจร้อนอีกด้วย ดูจากประวัติการรักษาเธอเข้ามาพบจิตแพทย์ได้สองปีกว่าแล้ว แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงกับทรงตัวเท่านั้น มันทำให้เขาแปลกใจเพราะพ่อของเขาเป็นคนเสนอเคสนี้มาให้เขาเองกับมือ

จริง ๆ เคสโรคซึมเศร้าไม่แปลกที่จะกินเวลานานต่อเนื่องเป็นปี ๆแบบนี้ ตามปกติหมอจะวินิจฉัยอาการแล้วจ่ายยาตามระดับที่ผู้ป่วยเป็น ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าจะแบ่งเป็นสามระดับหลัก ๆคือ

Mild Depression ระดับเล็กน้อย

Moderate Depression ระดับปานกลาง

Severe Depression ระดับรุนแรง

ซึ่งอาการของเธอมันคือระดับ Severe Depression ถือว่าอันตรายมาก เพราะคนที่ป่วยระดับนี้ สามารถคิดอะไรตื้น ๆ ได้และจากการสังเกตของผม รวมทั้งสีหน้าท่าทางของเธอที่แสดงออกมาเธอคงมีภาวะนอนไม่หลับแทรกซ้อนด้วย นั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงกว่าเดิม

สิ่งที่แปลกคือ นอกจากช่วงแรกที่จ่ายยาต้านเศร้า(antidepressants) หลังจากนั้นประมาณสองเดือน ก็ไม่มีการจ่ายยาตัวนี้อีก ทั้งที่ยาตัวนี้ควรจะทานต่อเนื่องกันด้วยซ้ำอาการเธอเองก็เลยไม่ดีขึ้น มันมีอะไรแปลก ๆ ในเคสนี้หลายอย่าง.....

ครืดด ครืดดด

ผมเหลือบดูชื่อตรงหน้าจอ โทรมาได้จังหวะจริง ๆ คนต้นเรื่องนี้

“ครับพ่อ”

(เป็นไงบ้าง คนที่พ่อบอก พอจะรักษาได้ไหม)

“เธอเป็นใครกันแน่ครับ พ่อถึงได้ใส่ใจเธอแบบนี้”

(นั่นสิ ไว้ลูกรักษาเธอจนดีขึ้นเมื่อไหร่ พ่อจะบอกนะ)

ปลายสายกดวางไปแล้ว ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความสงสัย อีกอย่างที่ชวนให้สนใจคือ ผมจำได้ว่าเธอเป็นคนที่อุ้มเจ้าลูกแมวกลับไป....

ผมกดโทรศัพท์ภายใน เรียกเลขาเข้ามาพบ

“คุณอร เอาเอกสารที่ผมขอไว้เข้ามาพบผมที”

“ได้ค่ะผอ.”

“ก๊อก ๆ ”

“เชิญ”

เลขาวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้มประวัติที่เขาต้องการ

“นี่ค่ะ ผอ. เอกสารที่ให้ดิฉันหามาให้”

“ขอบคุณครับ”

“แล้วสรุปเคสคุณณัฐลดา คุณหมอจะดูแลเองใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้จัดตารางให้”

“ใช่ครับ รบกวนด้วย”

ผมเตรียมจะไปดูเคสอื่น ๆ ที่แผนกจิตเวช ถึงผมจะเป็นผู้อำนวยการแต่ผมก็ชอบทำงานด้านจิตเวชมากกว่า ระหว่างทาง ผมก็ได้ยินเสียงคนไข้ตัวแสบของผมดังมาจากคาเฟ่

“เอาอเมริกาโน่เย็นค่ะ ขอแบบเข้ม ๆ ”

ผมขมวดคิ้ว นอนก็ไม่หลับอยู่แล้วยังจะสั่งกาแฟเข้ม ๆ แบบนั้นมาอีก ผมถอนหายใจเบา ๆ ตอนแรกว่าจะไม่ยุ่งแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมขาสองข้างถึงได้ก้าวไปขวางพร้อมคว้ากาแฟแก้วนั้นมาเอง

"นี่คุณ เอาคืนมานะ"

เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนแย่งกาแฟไป ร่างบางก็หันมาแว้ดใส่ผมทันที

"คุณไม่ควรดื่มกาแฟนะครับ"

"เรื่องของฉัน"

ปากดีจริง คนไข้ผม.....

"ไม่ได้ครับ ในฐานะเจ้าของไข้ผมมีสิทธิห้ามคุณ"

เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมแน่ ๆ เธอก็ถอยไปนั่งกระฟัดกระเฟียดแทน ให้ตายเถอะ แค่นี้ยังตีกันหวังว่าตอนรักษาคงไม่ต้องล่ามขา ล่ามแขนนะ

“สวัสดีครับ คุณทิชา แขนหายดีแล้วใช่ไหมครับ”

"ใช่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยไว้"

"ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว"

ผมหันไปทักอีกคนที่นั่งอยู่ เธอเป็นเมียเพื่อนผมเอง ซึ่งผมก็เคยไปรักษาอาการไหล่หลุดให้เธอมาก่อนเลยจำได้

ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน คนที่ท่าทางหงุดหงิดสุดในโต๊ะก็ลุกคว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกไปจนเพื่อนเธอต้องวิ่งตาม ผมนั่งมองเธอเดินไปจนสุดสายตาก่อนจะลุกไปทำหน้าที่ตัวเองบ้าง

คนไข้รายนี้คงทำให้ผมสนุกได้ไม่น้อยเลยล่ะ!