นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ตามรักจิ้งจอกน้อย - บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่ โดย สวรรยสร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตามรักจิ้งจอกน้อย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ผู้แต่ง

สวรรยสร

เรื่องย่อ

มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ ได้สร้างสรรค์สัตว์เทพขึ้นมาเจ็ดเผ่า ได้แก่ มังกร กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง หงส์แดง สิงโต เต่ามังกร และเสือขาว แต่ละเผ่าล้วนมีความสามารถและเก่งกาจแตกต่างกันไป

แดนเซียนที่มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียนสร้างขึ้นถูกเรียกว่า สี่ทะเลแปดดินแดน แน่นอนว่าเผ่ามังกรย่อมทรงพลังและอำนาจสูงสุด ครอบครองสี่ทะเลและสองดินแดน อีกหกเผ่าที่เหลือครอบครองกันเผ่าละหนึ่งดินแดน

เผ่ามังกรนั้น มหาเทพตว๋อเทียนได้รังสรรค์มหาเทพองค์หนึ่งที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติขึ้นปกครองเผ่ามังกรและเป็นดั่งนายเหนือของทุกเผ่า มหาเทพองค์นี้จึงเป็นที่รับทราบกันทั่วว่าเป็นบุตรชายสุดที่รักของมหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน นามของเขาคือ หยางหลง (มังกรสุริยัน)

มหาเทพหยางหลงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดินได้ราว 300,000 ปี ก็สละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยน (กระบี่สุริยัน) แม่ทัพคู่ใจของเขาขึ้นครองแทน มหาเทพหยางหลงที่ยามนี้มีเวลาว่างมากมายเพราะหาแพะรับบาปมารับภาระแทนตนเองได้สำเร็จ จึงถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนและแดนมนุษย์ถึง 80,000 ปี ก่อนจะกลับสู่แดนบูรพาที่เผ่ามังกรครอบครอง และพักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียวที่วังมังกรสวรรค์ของตนมาได้ 20,000 ปีแล้ว

แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น นั่นคือ ร่างเงาของจิ้งจอกเก้าหางที่ส่องแสงสีทองปรากฏขึ้นกลางผืนฟ้า ทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างงุนงงสงสัยว่ามันหมายถึงสิ่งใด หากไม่มีผู้ใดไขปริศนานี้ได้กระทั่งมหาเทพหยางหลงเอง

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน มหาเทพจึงทราบว่าเหม่ยเมิ่ง ราชินีของราชาจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยหมิง ให้กำเนิดธิดาน้อยนางหนึ่ง นามของนางคือ เสวี่ยหลิน ทราบแล้วจึงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเสียหน่อย แต่ผู้ใดจะคาดได้ว่าผ่านไปอีกเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันปี เขาจะมีโอกาสได้พบเจอจิ้งจอกน้อยนี้ ทั้งยังคบหานางเป็นกึ่งสหายต่างวัยกึ่งหลานสาว แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีเซียนบุรุษมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนาง

สารบัญ

ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 2 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 3 คทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 5 เร่งศึกษา,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 6 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 8 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 9 พบหน้าครั้งแรก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 11 ข้อเสนอไม่คาดหมาย,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 12 การตอบโต้ของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 13 หยางเค่อ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 14 ประลองสามต่อสาม (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 15 ประลองสามต่อสาม (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 16 ชมชอบไม่รู้ตัว (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 17 ชมชอบไม่รู้ตัว (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 18 ชมชอบไม่รู้ตัว (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 19 ก่นด่าไม่ไว้หน้า,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 20 เริ่มใกล้ชิด (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 21 เริ่มใกล้ชิด (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 22 สู่ขอ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 23 เกือบอกหัก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 24 โชว์อันน่าตื่นตา (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 25 โชว์อันน่าตื่นตา (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 26 เพลงอันทรงพลัง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 27 เสี่ยวหลง (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 28 เสี่ยวหลง (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 29 เสี่ยวหลง (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 30 สมดุลพลังที่เปลี่ยนไป,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 31 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 32 ผีเสื้อขยับปีก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 33 ความเป็นไปได้ของสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 34 เริ่มต้นแห่งสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 35 เปิดเผยและซ่อนเร้น,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 36 ว่าที่มหาเทวี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 37 เสริมสร้างข่ายปราณ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 38 ฆ่าปิดปาก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 39 เปลี่ยนม้ากลางศึก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 40 กุนซือผู้ร้ายกาจ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 41 ความผูกพันอันห่างเหิน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 42 ในวงล้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 43 ผีหลอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 44 ไมตรีจากสิงโต

เนื้อหา

บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่

“ฮู้ววว จบซะที ขอบใจมาก เสี่ยวหลัน วันนี้ถ้าเธอไม่ซัพได้เยี่ยมขนาดนี้ พวกเราไม่ชนะ PvP ข้ามเซิร์ฟแน่ๆ อาชีพนักบวชคลาสสิบนี่หาคนเล่นเก่งๆ ดีๆ ยากจริงๆ ในเกมนี่มีแทบนับคนได้” ฉีรุ่ย หัวหน้ากิลด์ ‘แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์’ ของเกม ‘บันทึกสวรรค์’ เกมออนไลน์ชื่อดังที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดของจีนกล่าวด้วยความดีใจถึงขีดสุด

“โอยยยย ถ้าฉันไม่ได้นายกับคนอื่น นักบวชอย่างฉันก็ไม่รอดเหมือนกัน พวกกิลด์ Red Code นั่นก็โหดชิบ ฉันแทบจะซัพพวกนายไม่ทันอยู่แล้ว” ฮุ่ยหลันหรือที่เพื่อนในเกมเรียกเธอว่า ‘เสี่ยวหลัน’ โอดครวญให้ฟัง

“นั่นแหละ ยังไงก็ต้องขอบใจมาก เออนี่ พวกเรามาดูรางวัลที่ได้มาดีกว่า ฉันจำได้ว่ามีผลึกอันหนึ่งที่เธอจะเอานี่ ใช่มั้ย”

“อื้อ ใช่ ผลึกแสงสวรรค์ ของสำหรับเลื่อนคลาสนักบวช ฉันจะได้เลื่อนเป็นสังฆราชคลาสหนึ่งเสียที ไอ้ผลึกบ้านี่ก็มีให้เฉพาะทีมที่ได้ที่หนึ่งด้วยนะ ไปตีบอสก็ยังไม่ยอมดรอปให้ ตีจนหน้าบอสกับหน้าฉันจะเหมือนกันแล้วเนี่ย เลเวลก็ตันมาจะสามเดือนแล้ว ค่าประสบการณ์ก็สะสมแล้วสะสมอีก” ฮุ่ยหลันบ่นออกมายาวเหยียดอย่างหงุดหงิด

ฉีรุ่ยยื่นส่งผลึกสีเหลืองสว่างให้ฮุ่ยหลัน “เอ้า นี่ ผลึกที่เธอต้องใช้ รีบเอาไปเลื่อนคลาสเลย เดี๋ยวอีกสามเดือน ทีมเราต้องได้เจอพวกนั้นอีกแน่ๆ เดาได้เลยว่าพวกนั้นต้องไปอัพของมาอีกเพียบ”

“Thanks คุณหัวหน้ากิลด์ ฉันไปเลื่อนคลาสก่อนล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ เลื่อนคลาสเสร็จแล้วฉันจะนอนยาว เหนื่อยมาก ตื่นแล้วค่อยมาสตรีมเกมใน YouKu กับ Iqiyi แล้วเก็บเวลต่อ เพราะฉะนั้น ห้ามโทรมาปลุกก่อนเด็ดขาด ถ้านายโทรมา ฉันด่านายยับแน่”

“OK พรุ่งนี้เจอกัน เวลาเดิม มาเก็บเวลด้วยกัน”

 

 

“เลื่อนคลาสซะที” ฮุ่ยหลันกล่าวออกมาหลังจากเลื่อนคลาสเป็นสังฆราชคลาสหนึ่งเรียบร้อย

“ไหนดูซิ สังฆราชคลาสหนึ่งมี Skill อะไรบ้าง”

ฮุ่ยหลันจิ้มนิ้วลงบนปลอกแขนที่สวมใส่อยู่ ครู่เดียวก็ปรากฏหน้าต่าง Skill ของสังฆราชคลาสหนึ่งขึ้นมา

“ว้าววว สกิลชุบชีวิตหมู่ ชุบชีวิตทุกคนในทีมได้พร้อมกันแถมเลือดกับพลังเวทเต็มหลอด แถมอมตะให้อีกห้าวิ แต่...โห คูลดาวน์สิบนาที เฮ่อ นานเกิ๊น ถ้าซักห้านาทีจะแจ่มมาก”

“ไรเนี่ย มี FCT ห้าวิ แถม VCT อีกสิบห้าวิ รวมเป็นยี่สิบวิ กรรมของสังฆราชอย่างฉันเลย กว่าจะร่ายจบ ฉันจะตายก่อนมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหลันบ่นยาวหากก็ยังคงอ่าน Skill ใหม่ของสังฆราชคลาสหนึ่งต่อไป

“เอาวะ Skill ใหม่ดีๆ ก็มีหลายอันอยู่ เดี๋ยวไปนั่งศึกษาให้ละเอียดแล้วค่อยเลือกว่าจะใช้อันไหนดีกว่า ตอนนี้ขอออกเกมก่อนเถอะ จะขาดใจตายอยู่แล้ว”

ไม่นานฮุ่ยหลันก็ Logout ออกจากเกมก่อนจะออกมากินข้าว อาบน้ำ แล้วรีบเข้านอน

 

 

เราอยู่ที่ไหนเนี่ย มีแต่หมอกเต็มไปหมดเลย ฮุ่ยหลันนึกในใจ แปลกใจว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ฮุ่ยหลันเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ทิศทาง แต่ทุกแห่งรอบด้านมีแต่หมอกสีขาวเต็มไปหมด เธอรู้สึกได้แค่ว่าที่แห่งนี้ไม่มีใครเลย มีเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น ฮุ่ยหลันเดินงงราวกับหลงทางอยู่ท่ามกลางหมอกขาวเหล่านั้นอยู่เนิ่นนาน

“นังหนูฮุ่ยหลัน มาตรงนี้” พลันมีเสียงแหบพร่าของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น

ฮุ่ยหลันเหลียวมองล่อกแล่ก

ผีหลอกรึเปล่าวะ

ฮุ่ยหลันคิดในใจอย่างผวา ก็บรรยากาศรอบตัวมันวังเวงน้อยเสียที่ไหนล่ะ ถ้าจะมีผีโผล่มาซักฝูงเนี่ย เธอจะไม่แปลกใจเลย

“ข้าไม่ใช่ผี ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ข้าน่ะดีกว่าผีเยอะ เดินตรงมานี้ เดี๋ยวเจ้าก็พบข้าแล้ว” เสียงแหบพร่านั้นตอบกลับมาทันทีราวกับรู้ว่าฮุ่ยหลันคิดอะไร

เมื่อเดินตรงต่อไปข้างหน้าได้อีกระยะหนึ่ง ฮุ่ยหลันจึงค่อยมองเห็นชายชราผมเผ้าคิ้วและหนวดเคราขาวโพลน หน้าตาท่าทางใจดี กำลังยิ้มให้เธออยู่แต่เป็นรอยยิ้มประหลาดพิกล เพราะเธอรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มแบบคนทำอะไรผิดแล้วรอสารภาพผิดอยู่ ชายชราผู้นี้แต่งกายในชุดจีนโบราณ แม้จะเฒ่าชราแต่ท่าทีกลับสูงศักดิ์สง่างาม น่าเลื่อมใส ตาเฒ่าผู้นี้นั่งเอนอิงอยู่บนเก้าอี้โยกตัวหนึ่ง

เดี๋ยวนะ ใส่ชุดจีนโบราณ แต่นั่งเก้าอี้โยกแบบฝรั่ง มันมาด้วยกันได้ไง ฮุ่ยหลันคิดในใจอย่างงงๆ

“เอ่อ...คุณตา...เอ่อ...เป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน” เธอถามออกไป

“นั่งลงเสียก่อน อยากจะดื่มอะไรมั้ย ชาหรือกาแฟ ของว่างด้วยก็ได้นะ”

ฮุ่ยหลันตาโตอ้าปากค้าง

ชาหรือกาแฟ ของว่าง นี่ฉันหูฝาดไปรึเปล่าวะเนี่ย ฮุ่ยหลันคิดในใจอย่างทำตัวไม่ถูก

“เจ้าจะอ้าปากอีกนานรึไม่ จะเอาชาหรือกาแฟ บอกมา ของว่างด้วยมั้ย”

ฮุ่ยหลันอ้าปากพะงาบๆ อยู่ชั่วครู่จึงค่อยตั้งสติได้ “เอ่อ...ชาค่ะ ของว่างขอเป็น...เอ่อ...มาการองได้มั้ยคะ”

“ได้ จะดื่มชาอะไร มาการองแบบไหน”

ตาเฒ่าคนนี้ตอบกลับมาได้ทันควัน ทำเอาฮุ่ยหลันต้องหน้าเหวอ ครู่หนึ่งก็จ้องหน้าชายชราผู้นี้อย่างสงสัย สีหน้าและแววตาของเธอทอประกายวาบถึงบางความคิดที่แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว เหลือบตามองรอบด้านอีกหน ฮุ่ยหลันค่อนข้างแน่ใจว่าไอ้ความคิดที่เพิ่งเกิดขึ้นมันเข้าเค้าอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่มั่นใจและไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ

เอาวะ ทดสอบดูก็ไม่เสียหาย ถ้าไม่ใช่ก็ค่อยว่ากันตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ถ้าใช่นี่สิ เราจะเอาไงต่อดี ฮุ่ยหลันคิดในใจพร้อมกับมีสีหน้ายุ่งยาก

ฮุ่ยหลันนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ชายชราก็ปล่อยให้เธอคิดตามสบาย

“ชาร้อนขอเป็น Always Sakura Tea เป็นชาเขียวผสมกับเชอร์รี่ บลอสซั่ม ขอกาใหญ่นะคะ” ฮุ่ยหลันเอ่ยปากออกมา

“ได้”

บนโต๊ะตรงหน้าเธอปรากฏชาร้อนในกาขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมของเชอรี่ บลอสซั่มเสียหอมฟุ้งให้เธอได้จิบชาจนพอใจ พร้อมถ้วยชา จานรอง และช้อนคันเล็ก

ฮุ่ยหลันจ้องตาค้าง มองชาร้อนกาใหญ่ตรงหน้าก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

เอาวะ เป็นไงก็เป็นกัน ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว เธอนึกในใจ

“มาการองขอเป็นของร้าน Pierre Herme รสของมาการองที่อยากทานขอเป็นรส Ispahan ที่ตัวครีมจะเป็นรสลิ้นจี่กับราสพ์เบอร์รี่และได้กลิ่นของกุหลาบ ส่วนมาการองของอีกร้านที่อยากทานคือร้าน Laduree ขอเป็นรส Orange Blossom, รส Pétale de Rose, รส Salted  Caramel และรส Antoinette ที่ไส้เป็นชาดำกับน้ำผึ้งค่ะ”

ฮุ่ยหลันจาระไนแบบละเอียดยิบ เพราะมาการองเป็นของหวานที่เธอชอบมาก แต่ราคาที่แพงชนิดหูดับตับไหม้ ทำเอาเวลาจะซื้อมากินซักกล่องเล็กๆ เธอต้องน้ำตาไหลทุกครั้งเพราะความแพงของมัน

เพียงฮุ่ยหลันบอกความต้องการจบ บนโต๊ะตรงหน้าเธอก็ปรากฏจานกระเบื้องสีขาวที่จัดวางมาการองรสชาติที่เธออยากกินไว้อย่างละสามชิ้น

ฮุ่ยหลันจ้องมองขนมหวานตรงหน้าตาแทบถลนก่อนจะเหลือบมองตาเฒ่าผมขาวอีกทีอย่างไม่แน่ใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยจัดการรินชาใส่ถ้วย แล้วค่อยๆ ละเลียดจิบชา สูดกลิ่นหอมของชาอย่างสบายใจ กัดมาการองกินไปหนึ่งชิ้นพร้อมกับหลับตาซาบซึ้งกับทั้งกลิ่นหอมของชาและรสชาติหวานน้อยๆ ของมาการองที่เข้ากันอย่างพอดิบพอดีที่สุด

“เอาล่ะค่ะ คราวนี้คุณตาอยากคุยอะไรกับหนูคะ เลี้ยงชากับขนมซะเลิศหรูดูแพงขนาดนี้ คงไม่เลี้ยงหนูฟรีๆ หรอก” ฮุ่ยหลันถามขึ้นหลังจากกลืนมาการองชิ้นที่สองลงไปพร้อมกับจิบชาตามหลังอีกสามคำ

“ฟรี”

ฮุ่ยหลันตาโตหากก็นึกขึ้นได้ทันที

“ถ้าฟรี แสดงว่าคุณตาต้องมีเรื่องอะไรจะใช้หนูล่ะสิ แต่จะใช้หนูทั้งที เลี้ยงแค่ชากับมาการองนี่ น้อยไปนะคะ คุณตาบอกหนูมาตามตรงดีกว่าว่าอะไร หนูจะได้เรียกค่าจ้างได้ถูกต้อง” ฮุ่ยหลันเข้าประเด็นทันที

“นี่ข้ายังไม่ทันพูดอะไร เจ้าก็จะคิดค่าจ้างแล้วเรอะ”

“แน่นอนค่ะ เลี้ยงชาแพงๆ ขนมหรูๆ แถมบอกฟรี ชัวร์เลยว่าที่คุณตาจะจ้างหนูทำอะไรซักอย่างนี่ น่าจะงานยากระดับงานโอลิมปิกเลยล่ะมั้ง ที่สำคัญนะคะ ไม่มีใครหว่านพืชแล้วไม่หวังผลหรอกค่ะ”

ตาเฒ่าคนนี้ต้องยิ้มออกมาอย่างชอบใจ “ก็ดี งั้นข้าก็จะบอกเจ้าตามตรง คือว่า...”

“...ยามนี้เจ้าตายแล้ว”

“เดี๋ยวนะคะคุณตา มุขนี้ไม่ตลกค่ะ เอาใหม่”

“เจ้าตายแล้วจริงๆ คือ ที่จริงคนที่จะต้องตายจะเป็นยายแก่คนนึง แต่เผอิญข้าทำพลาด เข้าใจผิดว่าเป็นเจ้า จึงนำวิญญาณเจ้าออกจากร่าง กว่าข้าจะรู้ตัวว่าทำผิดก็ผ่านไปแล้วสามวัน ร่างเจ้าก็ถูกทำพิธีศพและฝังในสุสานเรียบร้อยแล้ว ส่วนยายแก่ที่ถึงฆาตแล้วต้องไปเกิดใหม่ ข้าก็เพิ่งจัดการเสร็จไปก่อนหน้าจะเรียกวิญญาณของเจ้ามาคุยนี่แหละ”

คราวนี้ฮุ่ยหลันตาโตอ้าปากค้างแล้วจริงๆ เพราะไอ้ที่เธอสงสัยดันใช่ เธอเองก็เป็นนักอ่านนิยายเหมือนหลายๆ คน แล้วไอ้แนวตายแล้วไปเกิดในโลกใหม่ มันก็ต้องมาอยู่ในที่ที่มีหมอกควันคล้ายๆ แบบนี้แล้วก็ต้องเจอพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างโลกทั้งหมด นี่เป็นแนวนิยายที่ฮิตสุดๆ แนวหนึ่งเลยทีเดียว ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมาเกิดกับตัวเองจริงๆ

“ที่เรียกวิญญาณเจ้ามาคุยเนี่ย คือ ข้าก็เตรียมจะรับผิดชอบที่ข้าทำผิดพลาด”

ฮุ่ยหลันยังนั่งนิ่งอึ้งไปหมด นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลย

“เอ่อ...อย่างนั้นคุณตาก็คือพระเจ้าผู้สร้างโลกซึ่งก็รวมโลกที่หนูอยู่ด้วยใช่มั้ยคะ” ฮุ่ยหลันถามออกมาหลังจากตั้งสติได้

“ใช่”

“แล้วทำไมคุณตาถึงทำพลาดล่ะ” นี่เป็นสิ่งที่ฮุ่ยหลันสงสัยที่สุด ระดับพระเจ้าเนี่ยนะทำพลาด !

“ทุกทีมันไม่ใช่หน้าที่ข้า แต่เผอิญ ‘ฉินกวงหวาง’ ติดธุระสำคัญ เขาจึงฝากให้ข้าช่วยดูแลแทนเขาหนึ่งวัน แล้ว...เอ่อ...ข้าก็ใช้กระจกส่องกรรมไม่ชำนาญ พอส่องดูเจ้า เลยเกิดข้อผิดพลาดขึ้น” น้ำเสียงตอนท้ายของตาเฒ่าผู้นี้พลันอ่อยลง

ฮุ่ยหลันถอนหายใจเฮือก สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แล้วคุณตาจะชดเชยให้หนูยังไงคะ”

“ข้าจะให้เจ้าไปมีชีวิตแทนนางเซียนผู้หนึ่ง”

คำตอบนี้ทำให้ฮุ่ยหลันนิ่งอึ้ง นางเซียน !

“นางเซียนผู้นี้วาสนาน้อยนัก ถือกำเนิดในครรภ์ของมารดาได้เพียงสามเดือนก็หมดวาสนา แต่เพราะมารดาของนางและทุกคนรอบข้างยังไม่มีผู้ใดทราบว่าทารกน้อยนี้ได้ดับสูญไปแล้ว ประกอบกับตัวเจ้าที่ข้าตรวจดูจากกระจกส่องกรรม เจ้าประกอบแต่บุญกุศลและช่วยเหลือผู้อื่นมาตลอด ทำแต่ความดีมาตลอด ทั้งยังกตัญญูต่อบิดามารดาอย่างยิ่ง เจ้าจึงมีวาสนาสูงพอที่จะได้บังเกิดเป็นเซียน แต่เจ้าจะเลื่อนระดับเป็นเซียนขั้นสูงต่อไปได้เพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความประพฤติของเจ้ายามที่ใช้ร่างนางเซียนนี้”

“หากเจ้าประพฤติดี ประพฤติชอบ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมั่นฝึกฝนเพิ่มพูนปราณเซียน การเลื่อนระดับขั้นเซียนของเจ้าก็ย่อมทำได้ง่ายดาย”

ฮุ่ยหลันทำตาปริบๆ

“เอ่อ...แล้วเป็นนางเซียนต้องทำอะไรมั่งคะ”

“เจ้าก็ใช้ชีวิตตามปกติเช่นยามที่เจ้าเป็นมนุษย์นั่นแหละ”

“เอ่อ...แต่ตอนที่หนูยังมีชีวิตอยู่ หนูเป็นสตรีมเมอร์นะคะ”

“สตรีมเมอร์คืออะไร” คราวนี้คุณตาพระเจ้าต้องถามออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพระเจ้าผู้สร้างแต่รายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้ที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เขาย่อมไม่ทราบ

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยนะคะ หนูชื่อ ‘ฮุ่ยหลัน’ อายุ 34 ปี เป็นสตรีมเมอร์ (Streamer) เกมออนไลน์แบบ MMORPG มา 10 ปีแล้วค่ะ หนูผลิตสื่อต่างๆ ให้คนดูเป็นจำนวนมากแล้วมีผู้ติดตามจำนวนมาก ช่องสตรีมเมอร์ของหนูมีคนติดตามห้าล้านคนค่ะ ส่วนเกมคือ...อย่างคุณตาเนี่ย หนูเดาว่าคงชอบเล่นหมากล้อม ในโลกมนุษย์ที่หนูอยู่ก็มีคนเล่น แต่เราเรียกว่าเกมหมากล้อม พูดง่ายๆ ก็คือ หนูเล่นเกมให้คนจำนวนมากดู พวกเขาก็ได้ Trick ต่างๆ ในการเล่นเกมจากการดูหนูเล่น แล้วหนูก็มีรายได้จากการที่มีคนดูหนูเล่นเกม ประมาณนี้ค่ะ” ฮุ่ยหลันพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด

พระเจ้ามองฮุ่ยหลันอย่างนึกทึ่ง

“แปลกดี” คุณตาหลุดปากออกมา

“ข้าชื่อ ตว๋อเทียน” คุณตาพระเจ้าแนะนำตัวเองบ้าง

“เจ้าก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนอย่างตอนเป็นมนุษย์ แต่เมื่อเจ้าเป็นเซียน เจ้าก็ต้องมีภาระหน้าที่ ข้าจะอธิบายระดับขั้นของเซียนให้เจ้าฟัง”

“ระดับขั้นเซียนมีทั้งหมดห้าขั้น ได้แก่ กุ่ยเซียน เหรินเซียน ตี้เซียน เสินเซียน และเทียนเซียน ระดับขั้นเซียนนี้จะเกี่ยวกับระดับปราณเซียนที่เจ้าต้องฝึกฝนและบำเพ็ญตน”

“ระดับปราณจะมีทั้งหมดสิบเก้าขั้น แต่ละขั้นมีสิบขั้นย่อย แบ่งแยกตามระดับขั้นเซียน นั่นคือ กุ่ยเซียน ประกอบด้วยลมปราณในระดับสร้างลำต้น แตกหน่อ ผลิดอก รวมปราณ”

“เหรินเซียน ประกอบด้วยพิชิต มองทะลุ นักพรต พ้นบาป”

“ตี้เซียน ประกอบด้วย ขึ้นสวรรค์ แปลงเซียน และเซียนกนก”

“กุ่ยเซียนและเหรินเซียนคือปราณในขอบเขตมนุษย์ ตี้เซียนคือปราณในขอบเขตครึ่งเทพ”

“ขอบเขตแห่งเทพแบ่งลำดับเพียงสองคือเสินเซียนและเทียนเซียน เสินเซียนประกอบด้วย เซียนเมธี เซียนปฐพี และเซียนนภา”

“เทียนเซียนประกอบด้วย เจ้าเซียน จอมเซียน ราชาเซียน จักรพรรดิเซียน และเทพเทวา”

“ระดับปราณยังมีขอบเขตอีกขั้นคือขอบเขตสุญญตา นี่เป็นขอบเขตในระดับเทพผู้สร้างโลกเช่นข้า ยามนี้ยังไม่มีผู้ใดฝึกฝนได้ถึงขอบเขตนี้ ขอบเขตสุญญตาประกอบด้วย วิถีเริ่มต้น วิถีควบคุม วิถีเผาจิต วิถีจิตเทพ วิถีสวรรค์ วิถีสูงสุด วิถีวัฏจักร มหายาน และสุดท้ายคือสุญญตา แต่ละขั้นของขอบเขตสุญญตาย่อมมีสิบขั้นย่อยเช่นกัน”

“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วภาระหน้าที่ของหนูคืออะไรคะ”

“กำจัดมาร”

“หยุดก่อนเลยค่ะ ขอถามเหตุผลก่อนว่าทำไมต้องกำจัดมาร”

“เพราะมันเป็นมาร”

“เหตุผลแค่นี้เหรอคะ”

“ใช่ แค่นี้”

“ถ้าเหตุผลแค่นี้ หนูขอปฏิเสธค่ะ หนูไม่กำจัดมาร และจะช่วยมารด้วย”

“นังหนู !” คุณตาพระเจ้าลงเสียงหนักทันที

“ทำไมล่ะคะ ก็หนูถามแล้วนี่ว่าทำไมต้องกำจัดมาร คุณตาก็บอกเองว่าเพราะเป็นมาร ถ้าเหตุผลมีแค่นี้ หนูว่าไม่ยุติธรรม แค่คนๆ นี้เป็นมารก็ต้องกำจัดทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ถ้าอย่างนั้น สมมติว่าคุณตาเป็นมาร หนูก็ควรกำจัดคุณตาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย ถูกมั้ยคะ”

“แล้วถ้าหากว่ามารสังหารมนุษย์ ฆ่าเทพเซียนล่ะ”

“นั่นก็ต้องดูก่อนค่ะว่าเขาทำแบบนั้นทำไม หนูเชื่อว่าทุกการกระทำมีเหตุผลในตัวของมัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม หากเขาถูกบีบคั้นจนไม่มีทางเลือกทำให้ต้องลงมือสังหารด้วยความจำเป็น โทษที่เขาควรได้รับก็ต้องพิจารณาไปตามเหตุแห่งการกระทำ ไม่ใช่ตัดสินบนสิ่งที่เขากระทำแต่เพียงอย่างเดียว”

“แต่หากเขาลงมือสังหารโดยไร้เหตุผล กระทำไปเพียงเพราะความพอใจ แบบนี้ถ้าจะต้องกำจัดมารก็ถูกต้องค่ะ”

“แต่ถ้าเจ้าคิดและกระทำเช่นนี้ เหล่าเทพเซียนทั้งหลายย่อมไม่พอใจ หาว่าเจ้าเข้าข้างมารและจะกล่าวหาว่าเจ้าเป็นมารไปด้วยนะ” คุณตาพระเจ้ากล่าวเตือน

“แล้วไงคะ หนูต้องแคร์? ถ้าเป็นเทพเซียนแล้วไม่พิจารณาเหตุและผลให้ถูกต้อง เช่นนั้นก็ไม่ควรเรียกว่าเทพเซียนแล้วค่ะ ควรเรียกว่ามารต่างหาก ความเห็นของคนหมู่มากใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไปนะคะ”

“ถ้าคุณตายังยืนยันว่านางเซียนคนนั้นต้องกำจัดมาร อย่างงั้นหนูก็ไม่ไปเกิดเป็นนางเซียนนั่นหรอกค่ะ ถ้าต้องไปเกิดเป็นนางเซียนงี่เง่าขนาดนั้น หนูไปเกิดเป็นมารซะเลยดีกว่า ไหนๆ ก็หาว่ามารชั่วแล้ว หนูก็จะไปป่วนสวรรค์ซะให้เข็ด เอาให้สวรรค์ระเบิดกันไปเลย ช่วยเข้าใจให้ตรงกันนะคะ”

“ดี เจ้าตอบได้ดี เจ้าไปเกิดเป็นนางเซียนผู้นั้นเถิด ไม่ต้องกังวลกับเรื่องกำจัดมาร เมื่อถึงเวลา เจ้าก็พิจารณาด้วยเหตุและผลอันแท้จริงให้ดี”

“แบบนี้ก็ได้ค่ะ แต่จะให้หนูไปเกิดเฉยๆ แล้วไม่มีแถมอะไรให้มั่งเลยเหรอคะ ตามนิยายที่หนูอ่านมา ความผิดพลาดแบบนี้ มันต้องมีของชดเชยให้ด้วยนะคะ”

“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ”

“เอ่อ...” ฮุ่ยหลันคิดอย่างรวดเร็วที่สุด เธอเคยชินกับการต้องตัดสินใจอะไรที่รวดเร็วและไม่เสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามหรือเสียเปรียบให้น้อยที่สุดอยู่แล้วจากการเล่นเกมที่ต้องมีการตัดสินใจเฉพาะหน้าอยู่บ่อยครั้ง

“ไหนๆ หนูก็เป็นสตรีมเมอร์เกม คุณตามอบระบบแบบเกมให้หนูได้มั้ยคะ อย่างเช่น ค่าสถานะของร่างกายที่ดีกว่าคนอื่น Skill ที่เจ๋งกว่าคนอื่น อุปกรณ์สวมใส่ อาวุธ ยาต่างๆ ทักษะดำรงชีพอะไรพวกนี้ค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าหนูไปเกิดเป็นเซียนแล้วจะไปทำอะไรดีเหมือนกัน”

คุณตาพระเจ้านิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “ก็ได้ ข้ามอบระบบแบบเกมให้ เจ้าสามารถเลือกและปรับเปลี่ยนค่าสถานะได้ตามต้องการตลอดเวลา”

“เยี่ยมไปเลยค่ะ ! !”

“ส่วน Skill เจ้าจะได้เพิ่มขึ้นเมื่อเจ้าเลื่อนระดับลมปราณสำเร็จ และจะได้เพิ่มเป็นพิเศษเมื่อเจ้าเลื่อนขั้นระดับเซียน อย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ เจ้าก็ไปหาในดินแดนที่เจ้าต้องไปอยู่ ที่สำคัญคือ ของต่างๆ ไม่มีการแบ่งอาชีพ สามารถใส่ได้หมด”

“ใส่ได้หมด !” ฮุ่ยหลันตาลุกทันที

“เทพเซียนและทุกเผ่าพันธุ์ในดินแดนแห่งนั้น พวกเขาจะมีค่าสถานะลักษณะนี้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือมองเห็นสถานะได้เช่นเจ้า ถือว่าเจ้าโกงกว่าพวกเขามากนะ”

“เอ่อ...แล้วให้หนูสามารถเห็นค่าสถานะของพวกเขาได้มั้ยคะ” ฮุ่ยหลันกะลิ้มกะเหลี่ยขอออกมา

“ได้ แต่เจ้าจะเห็นได้เมื่อลมปราณของเจ้าอยู่ในระดับขึ้นสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง”

“แล้วหนูสามารถปรับค่าสถานะให้พวกเขาได้มั้ยคะ”

“ได้ แต่นั่นเป็น Quest หลักอันหนึ่งที่เจ้าต้องทำภารกิจให้สำเร็จ”

“OK ค่ะ แล้วหนูจะฝึกฝนเพิ่มลมปราณและเปิดจุดชีพจรได้ไงคะ”

“การฝึกฝนเพิ่มลมปราณ เจ้าต้องอาศัยปราณทิพย์ในการฝึกฝน ดังนั้น จงหาสถานที่ที่มีปราณทิพย์เป็นจำนวนมาก นั่นจะช่วยให้เจ้าเพิ่มพูนลมปราณได้ดี ส่วนการเปิดจุดชีพจร บิดามารดาของเจ้าจะเป็นผู้เปิดให้เอง”

ฮุ่ยหลันพยักหน้าหงึกหงัก

“เจ้าอยากได้อะไรอีกมั้ย”

“ให้หนูทำอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มทุกชนิดได้เก่งที่สุด อร่อยที่สุดเลยได้มั้ยคะ” ฮุ่ยหลันแน่ใจว่าถ้าเธออยากกินมาการองของโปรด แดนเซียนหรือแดนมารก็ไม่มีมาการองให้กินแน่

“ได้ ทักษะการทำครัวนี้ ข้าให้เจ้าได้เลย เจ้าควรรู้ไว้ว่าของที่เจ้าปรุงจะสามารถเพิ่มพูนค่าสถานะของผู้ที่รับประทานเข้าไปได้นะ และถ้ากินเป็นประจำล่ะก็ มันจะเพิ่มค่าสถานะให้เจ้าได้ถาวร”

“OK เลยค่ะ”

“แล้วเจ้าไม่อยากได้อะไรอีกแล้วหรือ”

“เอาแบบนิยายจีนได้มั้ยคะ แบบแค่เห็นหรือได้ยินผ่านหูก็จดจำได้แม่นยำไม่ลืมเลือน เข้าใจได้ในทันที ฝึกอะไรก็สำเร็จขั้นสูงสุดได้ภายในเจ็ดวัน อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ”

“เอ้า ! ข้าให้”

ฮุ่ยหลันยิ้มร่าทันที

“จะเอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่มีแล้วค่ะ ได้มาแค่นี้ หนูก็โกงมากแล้ว อย่าเอาเปรียบคนอื่นมากเกินไปเลยดีกว่าค่ะ”

“เช่นนั้น ตอนนี้เจ้าก็นั่งศึกษาสิ่งที่ข้าให้ไปและจัดการเสียให้เรียบร้อย ข้าให้เวลาเจ้ากับเรื่องพวกนี้สามชั่วยาม เมื่อครบแล้ว เจ้าจะไปถือกำเนิดในครรภ์ของมารดาในดินแดนแห่งนั้นทันที”

 

 

คุณตาตว๋อเทียนหายไปแล้ว ยามนี้จึงมีเพียงฮุ่ยหลันนั่งจิบชาและกินมาการองอย่างสบายใจ มือวาดออกเบื้องหน้าก็ปรากฏ Platform ของระบบขึ้นมา ฮุ่ยหลันนั่งศึกษาและทำความเข้าใจอยู่ราวหนึ่งชั่วยามจึงเข้าใจทั้งหมด

ดินแดนเซียนที่เธอต้องไปเกิด ไม่มีระบบอาชีพ นั่นจึงทำให้อุปกรณ์ทุกอย่าง ทุกคนสามารถใช้ได้หมด อยู่ที่ว่าผู้ใช้จะชำนาญอาวุธใดและชอบแบบไหน

Skill มีหลากหลายมากมายจนลานตา ฮุ่ยหลันคิดว่าไว้ให้เธอไปเกิดเสียก่อนค่อยมาเลือก Skill ที่เธอควรใช้ สิ่งสำคัญคือ Skill เหล่านี้ แต้มที่ใช้ในการอัพสกิลนั้น มีสูงสุดเพียง 200 แต้มเมื่อลมปราณของเธออยู่ในระดับเทพเทวาขั้นสิบ หากอยากได้มากกว่านี้ เธอต้องหาหรือสร้างของวิเศษขึ้น

เผ่าพันธุ์ในแดนเซียนแห่งนั้นมีเจ็ดเผ่า ได้แก่ มังกร กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง หงส์แดง สิงโต เต่ามังกร และเสือขาว

มังกร เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน เป็นราชาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถต้านทานการโจมตีของเผ่าอื่นได้

กิเลน เป็นเผ่าที่เกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และทองผสมกัน มีนิสัยอ่อนโยนและขี้อาย แต่ก็คล่องแคล่วว่องไว เปี่ยมด้วยพละกำลัง

จิ้งจอกเก้าหาง เป็นเผ่าที่มีพลังในการแปลงกายและล่อลวง มีไหวพริบสูง ยิ่่งมีจำนวนหางมากเท่าไร ก็ยิ่งหลักแหลม และทรงอำนาจมากเท่านั้น

หงส์แดง เป็นเจ้าแห่งปักษา มาพร้อมกับเปลวเพลิงที่ส่องสว่างและเสียงขับขานอันน่าหลงใหล

สิงโต เป็นเผ่าผู้พิทักษ์และขับไล่วิญญาณร้าย สามารถสลายพลังปราณชี่พิฆาตต่างๆ

เต่ามังกร เป็นเผ่าที่มีพลังอำนาจ มีเกราะป้องกันอันตราย

เสือขาว เป็นเผ่าแห่งการต่อสู้ การปกป้อง การคุ้มครอง

เมื่ออ่านจบก็ตัดสินใจได้ทันที เธอเลือกจิ้งจอกทองเก้าหาง จิ้งจอกสายพันธุ์ที่หายากที่สุดและยังไม่เคยปรากฏในแดนเซียนแห่งนั้น จิ้งจอกเก้าหางคือเผ่าที่มีพลังในการแปลงกายและล่อลวง มีไหวพริบสูง ที่สำคัญคือจิ้งจอกทองเก้าหางมีความเร็วในการเคลื่อนที่สูงสุดและพรางตัวได้ไร้ร่องรอยที่สุด นี่จึงจะตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเธอ

เอ ! ว่าแต่ครอบครัวใหม่ของฉันเผ่าอะไรกันล่ะ ลืมถามคุณตาเสียด้วยสิ แต่ฉันเลือกเผ่าจิ้งจอกเก้าหางไปแล้วนะ เอาไงดีล่ะ

ช่างมันเหอะ เผ่าอะไรก็ช่าง ไม่สนอ้ะ ฉันเลือกจิ้งจอกเก้าหางไปแล้ว ฉันไม่เปลี่ยนใจ

ดินแดนในแดนเซียนแห่งนั้น ถูกเรียกว่าสี่ทะเลแปดดินแดน สี่ทะเลได้แก่ทะเลอุดร ทะเลบูรพา ทะเลทักษิณ และทะเลประจิม เผ่าพันธุ์ที่ครอบครองทะเลทั้งสี่คือเผ่ามังกร

แปดดินแดนนั้น ประกอบด้วย แดนอุดรที่เป็นฤดูหนาวตลอดทั้งปีครอบครองโดยเผ่าเต่ามังกร

แดนอีสานเป็นของเผ่ากิเลนเป็นฤดูหนาวครึ่งปีและฤดูใบไม้ผลิครึ่งปี

แดนบูรพาเป็นของเผ่ามังกรมีฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี

เผ่ามังกรยังครอบครองแดนอาคเนย์ที่มีฤดูใบไม้ผลิครึ่งปีและฤดูร้อนครึ่งปี

แดนทักษิณเป็นของเผ่าหงส์แดงมีฤดูร้อนทั้งปี

แดนหรดีเป็นของเผ่าสิงโตมีฤดูร้อนสี่เดือน ฤดูใบไม้ร่วงสี่เดือน และฤดูฝนสี่เดือน

แดนประจิมเป็นของเผ่าเสือขาวมีฤดูใบไม้ร่วงทั้งปี

และแดนพายัพเป็นของจิ้งจอกเก้าหางมีฤดูใบไม้ร่วงสี่เดือน ฤดูหมอกสี่เดือน และฤดูหนาวสี่เดือน

จากดินแดนทั้งหมดจึงบอกชัดว่าเผ่ามังกรแข็งแกร่งและทรงอำนาจเพียงใด ส่วนเผ่าที่เหลือนั้นมีความเข้มแข็งพอๆ กัน

ฮุ่ยหลันนั่งตรวจเช็คความเรียบร้อยของทุกอย่างจนแน่ใจ เมื่อเธอวาดฝ่ามือเพื่อปิด Platform ได้เพียงครู่เดียว รอบด้านของเธอก็กลายเป็นมืดมิดไปหมด แล้วสติของเธอก็ดับวูบ

ร่างของผู้เฒ่าตว๋อเทียนปรากฏขึ้นทันที

คงเป็นชะตาลิขิตสินะ นังหนูฮุ่ยหลันถึงเลือกจิ้งจอกทองเก้าหาง ถึงแม้จะเลือกไปเพื่อให้ได้เปรียบมากที่สุด แต่นังหนูนี่ย่อมไม่รู้ว่าแดนเซียนอันไพศาลนั้นไม่เคยปรากฏจิ้งจอกทองเก้าหางมาก่อน จิ้งจอกที่เป็นดั่งตำนานของแดนเซียน

เจ้าหยางหลง ลูกชายซื่อบื้อของข้าจะทำอย่างไรกันนะเมื่อได้พบเจอจิ้งจอกน้อยจอมเฮี้ยว ดูท่าทางนังหนูฮุ่ยหลันไม่ยอมลงให้ง่ายๆ แน่ ผู้เฒ่าตว๋อเทียนได้แต่ครุ่นคิดพร้อมกับยิ้มอย่างขบขัน

 

 

 

**ซัพ หมายถึง support การช่วยเหลือผู้เล่นในทีมเดียวกันด้วย Buff และ Debuff ซึ่ง Buff คือ การเสริมให้ตัวละครใดๆ ของฝ่ายตนเองมีสถานะที่ดีขึ้น ส่วน Debuff ก็ตรงข้าม คือ การทำให้ตัวละครใดๆ ที่อยู่ในสถานะติด Buff อยู่ แล้วทำให้ Buff นั้นๆ หายไป เช่น ทำให้สถานะผิดปกติของฝ่ายเราหายไป เป็นต้น

 

Guild (กิลด์) เป็นระบบหนึ่งในเกมออนไลน์ทั่วไปมีไว้สำหรับจัดการผู้เล่นที่ต้องการอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะในจำนวนมาก โดยเป็นระบบที่ดีกว่าระบบปาร์ตี้ เพราะระบบปาร์ตี้นั้นเป็นระบบที่สามารถรับคนได้ไม่เกิน 3-6 คน และบางทีก็อยู่ด้วยกันเพียงครั้งคราวหรือเพียงวัตถุประสงค์เรื่องการเก็บเลเวล ทำเควส เท่านั้นบางคนเมื่อทำสิ่งที่ต้องการเสร็จก็ออกจากปาร์ตี้ไป ต่างจากระบบกิลด์ ที่มีการรับสมาชิกเป็นจำนวนมาก จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นตามระดับเลเวลกิลด์ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาสมัครในกิลด์ คือกลุ่มคนที่ต้องการอยู่ร่วมกันในระยะเวลานานๆ มีกิจกรรมร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเควส หรือ เรื่องเก็บเลเวล ก็ได้

 

PvP ข้ามเซิร์ฟ หมายถึง Cross-Server PvP ซึ่ง PvP คือ Player versus Player จะให้ตัวละครของผู้เล่นต่อสู้กันเองมักจะอยู่ในเกมประเภทออนไลน์เป็นหลัก บางเกมก็จะเป็นเกม PvP ล้วนๆ หรือบางเกมก็มีแยกโหมดนี้ออกมาต่างหากเป็นสนามประลอง Arena ก็แล้วแต่ผู้พัฒนาเกมจะออกแบบ การ PvP ไม่จำเป็นต้องเป็นการดวล 1 vs 1 บางเกมก็มีการต่อสู้แบบ 2 vs 2 หรือ 3 vs 3 กระทั่ง 6 vs 6

ดังนั้น Cross-Server PvP เป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้เล่นต่างพื้นที่ เช่น ประลองระหว่างผู้เล่นใน Server หนึ่งกับผู้เล่นที่อยู่อีก Server หนึ่ง

 

Cast Time (ระยะเวลาร่าย) จะเห็นได้ขณะที่ใช้สกิลจะมีหลอดสีเขียวบนหัวตัวละคร ระยะเวลาร่ายมี 2 ประเภท คือ Variable Cast Time (VCT) และ Fixed Cast Time (FCT) การที่จะร่ายไร้หลอดจำเป็นต้องทำให้ระยะเวลาร่ายทั้ง 2 แบบหมดไป (บางสกิลอาจจะมีแค่แบบเดียว บางสกิลมีสองแบบ ต้องดูรายละเอียดของแต่ละ Skill)

 

ฉินกวงหวาง คือเทพผู้มีหน้าที่ตรวจสอบบาปบุญคุณโทษที่ทุกคนได้กระทำมาทั้งหมด โดยจะใช้ “กระจกส่องกรรม” เป็นอาวุธวิเศษส่องดูความดีความชั่วของดวงวิญญาณว่าตอนมีชีวิตทำกรรมไว้มากแค่ไหน ถ้าไม่ทำกรรมชั่วเลย (ทั้งชีวิตทำแต่ความดี) ก็จะได้รับการปล่อยตัวให้เดินข้ามสะพานทองคำไปสู่สวรรค์ทางตะวันตกที่มีแต่ความสุข ถ้าทำกรรมชั่วน้อยก็เดินข้ามสะพานเงินไปสู่สวรรค์ทางทิศใต้ พอบุญหมดก็จะต้องกลับมารับโทษเบาแล้วได้ไปเกิดใหม่ และถ้าใครทำสิ่งที่ไม่ดีไว้เยอะ ก็ต้องถูกส่งไปยังนรกอีก 9 ขุมต่อไป

 

MMO ย่อมาจาก Massive Multiplayer Online ซึ่งจะแปลได้ตรงตัวว่า ออนไลน์รวมกันเป็นจำนวนมาก นั่นคือเกมประเภทเกมออนไลน์ต่างๆ ที่เอาทุกคนมารวมตัวกัน เหมือนการสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา โดยมีผู้เล่นสวมบทเป็นหนึ่งในโลกเสมือนจริงนั้นๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบเกมที่ผู้พัฒนาเกมต้องการ

Role Playing Game หมายถึงเกมประเภทหนึ่งที่ผู้เล่นรับบทเป็นตัวละครหนึ่งในเกม โดยเล่นตามกฎกติกาของเกมผ่านการป้อนคำสั่งและเลือกเงื่อนไขที่เกมกำหนดมา โดยผลลัพธ์ที่เกิดจะแตกต่างกัน ตามเงื่อนไขที่เลือก

เมื่อเอาคำสองคำมารวมกัน จะได้ชื่อเต็มก็คือ MMORPG ย่อมาจาก Massive Multiplayer Online Role-Playing Game  ก็จะแปลให้ได้ความหมายที่เข้าใจง่ายก็คือ เกมส์ออนไลน์ที่เล่นตามท้องเรื่อง