นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ตามรักจิ้งจอกน้อย - บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี โดย สวรรยสร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตามรักจิ้งจอกน้อย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

ตามรักจิ้งจอกน้อย โดย สวรรยสร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ผู้แต่ง

สวรรยสร

เรื่องย่อ

มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ ได้สร้างสรรค์สัตว์เทพขึ้นมาเจ็ดเผ่า ได้แก่ มังกร กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง หงส์แดง สิงโต เต่ามังกร และเสือขาว แต่ละเผ่าล้วนมีความสามารถและเก่งกาจแตกต่างกันไป

แดนเซียนที่มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียนสร้างขึ้นถูกเรียกว่า สี่ทะเลแปดดินแดน แน่นอนว่าเผ่ามังกรย่อมทรงพลังและอำนาจสูงสุด ครอบครองสี่ทะเลและสองดินแดน อีกหกเผ่าที่เหลือครอบครองกันเผ่าละหนึ่งดินแดน

เผ่ามังกรนั้น มหาเทพตว๋อเทียนได้รังสรรค์มหาเทพองค์หนึ่งที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติขึ้นปกครองเผ่ามังกรและเป็นดั่งนายเหนือของทุกเผ่า มหาเทพองค์นี้จึงเป็นที่รับทราบกันทั่วว่าเป็นบุตรชายสุดที่รักของมหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน นามของเขาคือ หยางหลง (มังกรสุริยัน)

มหาเทพหยางหลงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดินได้ราว 300,000 ปี ก็สละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยน (กระบี่สุริยัน) แม่ทัพคู่ใจของเขาขึ้นครองแทน มหาเทพหยางหลงที่ยามนี้มีเวลาว่างมากมายเพราะหาแพะรับบาปมารับภาระแทนตนเองได้สำเร็จ จึงถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนและแดนมนุษย์ถึง 80,000 ปี ก่อนจะกลับสู่แดนบูรพาที่เผ่ามังกรครอบครอง และพักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียวที่วังมังกรสวรรค์ของตนมาได้ 20,000 ปีแล้ว

แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น นั่นคือ ร่างเงาของจิ้งจอกเก้าหางที่ส่องแสงสีทองปรากฏขึ้นกลางผืนฟ้า ทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างงุนงงสงสัยว่ามันหมายถึงสิ่งใด หากไม่มีผู้ใดไขปริศนานี้ได้กระทั่งมหาเทพหยางหลงเอง

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน มหาเทพจึงทราบว่าเหม่ยเมิ่ง ราชินีของราชาจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยหมิง ให้กำเนิดธิดาน้อยนางหนึ่ง นามของนางคือ เสวี่ยหลิน ทราบแล้วจึงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเสียหน่อย แต่ผู้ใดจะคาดได้ว่าผ่านไปอีกเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันปี เขาจะมีโอกาสได้พบเจอจิ้งจอกน้อยนี้ ทั้งยังคบหานางเป็นกึ่งสหายต่างวัยกึ่งหลานสาว แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีเซียนบุรุษมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนาง

สารบัญ

ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 2 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 3 คทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 5 เร่งศึกษา,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 6 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 8 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 9 พบหน้าครั้งแรก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 11 ข้อเสนอไม่คาดหมาย,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 12 การตอบโต้ของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 13 หยางเค่อ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 14 ประลองสามต่อสาม (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 15 ประลองสามต่อสาม (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 16 ชมชอบไม่รู้ตัว (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 17 ชมชอบไม่รู้ตัว (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 18 ชมชอบไม่รู้ตัว (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 19 ก่นด่าไม่ไว้หน้า,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 20 เริ่มใกล้ชิด (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 21 เริ่มใกล้ชิด (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 22 สู่ขอ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 23 เกือบอกหัก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 24 โชว์อันน่าตื่นตา (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 25 โชว์อันน่าตื่นตา (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 26 เพลงอันทรงพลัง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 27 เสี่ยวหลง (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 28 เสี่ยวหลง (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 29 เสี่ยวหลง (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 30 สมดุลพลังที่เปลี่ยนไป,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 31 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 32 ผีเสื้อขยับปีก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 33 ความเป็นไปได้ของสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 34 เริ่มต้นแห่งสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 35 เปิดเผยและซ่อนเร้น,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 36 ว่าที่มหาเทวี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 37 เสริมสร้างข่ายปราณ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 38 ฆ่าปิดปาก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 39 เปลี่ยนม้ากลางศึก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 40 กุนซือผู้ร้ายกาจ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 41 ความผูกพันอันห่างเหิน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 42 ในวงล้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 43 ผีหลอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 44 ไมตรีจากสิงโต,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 45 ประตูที่ถูกงับไว้ไม่สนิท,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 46 บทสนทนาใต้ร่มไม้,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 47 ยื่นขอไมตรีอีกครั้ง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 48 ยอมจำนนแต่โดยดี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 49 ร่ำลา,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 50 ตะวันร้อยจันทร์อันสมบูรณ์,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 51 เงื่อนไขสามหมื่นปี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 52 กันท่า,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 53 ครบกำหนดสามหมื่นปี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 54 ตกสู่หลุมพราง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 55 ความทรงจำที่หวนคืน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 56 มหาเทวีเสวี่ยหลิน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 57 แจ้งภาคต่อของตามรักจิ้งจอกน้อย

เนื้อหา

บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี

“ตอนที่แม่เพิ่งคลอดเจ้าได้ไม่กี่วัน มหาเทพหยางหลงทราบข่าว จึงส่งกำไลนี้มาเป็นของรับขวัญเจ้า แต่เพราะเจ้ายังเล็กนัก แม่จึงเก็บกำไลนี้ไว้ให้ก่อน ตอนนี้เจ้าโตพอจะใส่ได้แล้ว แม่จึงเอามาให้”

“ขอบพระทัยเพคะ ของดีมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะได้ของดีถึงเพียงนี้ แล้วหากข้าโตกว่านี้ข้าจะใส่ได้หรือเพคะ มันก็วงไม่ได้ใหญ่มาก”

“ได้สิ กำไลนี้สามารถเปลี่ยนไปตามร่างกายของเจ้าที่เติบโตขึ้น”

“เยี่ยม !”

“หลินเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าของชิ้นนี้เคยมีคนปฏิเสธมันมาแล้ว”

เสวี่ยหลินตาโตทันที “ใครตาบอดปฏิเสธเพคะ ของดีขนาดนี้ ปฏิเสธได้อย่างไร”

เหม่ยเมิ่งต้องยิ้มออกมาทันทีกับคำพูดของบุตรสาวก่อนจะตอบคำถาม “กำไลนี้เป็นกำไลที่มหาเทพสร้างขึ้นเมื่อครั้งยังทรงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดิน ตั้งพระทัยจะประทานเป็นรางวัลให้องค์หญิงฉิงเฟิ่งแห่งเผ่าหงส์แดงเพื่อตอบแทนที่เผ่าหงส์แดงช่วยดับอัคคีผลาญพิภพเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนที่มหาเทพจะสละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยนเทียนจวิน แต่องค์หญิงฉิงเฟิ่งอยากได้เป็นหยกสีแดง มหาเทพจึงต้องสร้างกำไลหยกขึ้นมาใหม่ด้วยหยกเพลิงชาด ทำให้นางสามารถใช้อัคคีธาตุได้ร้ายกาจยิ่งขึ้น”

เสวี่ยหลินทำสีหน้าเบื่อหน่ายทันทีก่อนจะหลุดปาก

“โจมตีแรงก็เท่านั้น ถ้าโจมตีไม่แรงพอหรือโจมตีไม่ถูกก็ไม่มีประโยชน์ นางตาต่ำยิ่งนัก” นั่นเพราะนางเห็นมาจนชาชินแล้วว่าครั้งที่นางยังเป็นเพียงมนุษย์และเล่นเกม ผู้เล่นที่เน้นการสร้างความเสียหายเป็นหลักแทบไม่อาจล้มผู้เล่นที่มีการป้องกันดีๆ ได้หากโจมตีไม่แรงพอ และหลายครั้งยังพ่ายแพ้ให้กับผู้เล่นที่มีการป้องกันสูงอีกด้วย

เหม่ยเมิ่งหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าอย่าไปพูดเช่นนี้นอกแดนพายัพล่ะ มิฉะนั้น เจ้าถูกเผ่าหงส์แดงและเผ่าสิงโตลงโทษเจ้าแน่”

“ทำไมล่ะเพคะ ก็มันเรื่องจริงนี่นา”

“ก็นั่นแหละ เจ้าอย่าพูดก็แล้วกัน ไว้เจ้าโตมากกว่านี้ เจ้าก็รู้เอง”

เสวี่ยหลินพยักหน้ารับ แต่ก็พอเข้าใจได้อยู่ และนางก็แน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องมีตื้นลึกหนาบางอีกไม่น้อย เพียงแต่ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับนางที่จะต้องทราบ

 

 

เสวี่ยหลินมีเวลาอีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีกว่าที่นางจะอายุ 25,000 ปีและต้องไปศึกษาเล่าเรียนที่หุบเขาบูรพานิรันดร์ ดังนั้น เหม่ยเมิ่งจึงตั้งใจสอนนางหัดเขียนอ่านให้คล่องเสียก่อน ทว่าเมื่อเริ่มสอนไปได้เพียงครู่เดียว เหม่ยเมิ่งจึงได้ทราบว่าบุตรสาวของนางอ่านออกเขียนได้แล้วเป็นอย่างดี ถ้าจะขาดไปก็เพียงลายมือนางยังไม่สวย เหม่ยเมิ่งจึงได้แต่สั่งให้เสวี่ยหลินคัดลายมือมาส่งให้นางดูวันละสามแผ่น เสวี่ยหลินจำยอมกระทำ แต่เพราะด้วยพรที่ผู้เฒ่าตว๋อเทียนมอบให้ ผ่านไปเพียงสามวัน ลายมือของเสวี่ยหลินก็งดงามอย่างยิ่ง ทำเอาเหม่ยเมิ่งพูดไม่ออก

“หลินเอ๋อร์ เจ้าไปเรียนที่สถานศึกษาพายัพเถิด แม่ส่งนามของเจ้าไปให้ท่านอาจารย์ที่นั่นแล้ว ที่นั่นเจ้าจะได้มีสหายวัยเดียวกัน และได้ร่ำเรียนอย่างอื่นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าสำหรับการไปเรียนที่หุบเขาบูรพานิรันดร์”

สถานศึกษาพายัพก็เหมือนโรงเรียนกินนอนในโลกมนุษย์ที่นางจากมา เสวี่ยหลินก็ไม่ว่ากล่าวสิ่งใด ดีเสียอีกนางจะได้มีเวลาศึกษาได้เต็มที่

เสวี่ยหลินไปเรียนตามที่เหม่ยเมิ่งต้องการ หากเพียงวันแรก นางก็ประเดิมด้วยการหลับในห้องเรียน นี่เป็นเพราะอาจารย์ผู้นี้สอนน่าเบื่อเกินไป น้ำเสียงตอนสอน ฟังแล้วชวนหลับอย่างยิ่ง แล้วก็สอนตามตำราทุกอย่าง การสอนเพื่อดึงความสนใจของนักเรียนก็ไม่มี เสวี่ยหลินถึงกับถอนหายใจ นั่งครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็นึกหาวิธีการออก

วันรุ่งขึ้น เสวี่ยหลินเดินไปที่เรือนกลางอันเป็นเรือนที่ใช้ทำงานของอาจารย์ใหญ่

“องค์หญิงน้อย มาพบข้ามีธุระใด” อาจารย์ใหญ่เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ท่านอาจารย์ ข้าอยากทราบว่าที่สถานศึกษามีวิชาที่ต้องเรียนทั้งหมดกี่วิชาเจ้าคะ”

อาจารย์ใหญ่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงตอบออกมา “มีวิชาปรุงโอสถ วิชาสมุนไพร วิชาทำครัว วิชาผักผลไม้ วิชาค้นหาและขุดแร่ วิชาแร่ วิชาเวท และการต่อสู้ ทั้งหมดก็แปดวิชา แปดวิชานี้เป็นวิชาเบื้องต้น แต่ละวิชาก็ต้องใช้เวลาเล่าเรียนและฝึกฝน กว่าจะจบก็อีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีข้างหน้า องค์หญิงน้อยก็อายุครบเกณฑ์ที่จะไปศึกษาขั้นกลางและขั้นสูงที่หุบเขาบูรพานิรันดร์ได้พอดี”

“เช่นนั้น ข้าจะศึกษาเอง และเมื่อถึงกำหนดสอบข้าก็จะมาสอบนะเจ้าคะ”

“องค์หญิงน้อยแน่ใจนะพ่ะย่ะค่ะว่าจะไหว”

“ข้าไหวแน่นอนเจ้าค่ะ แล้วตำราทั้งหมดของทุกวิชามีที่หออักษรใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ถ้าองค์หญิงน้อยต้องการศึกษาให้เร็ว ก็ไปศึกษาเองได้ที่หออักษร”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

 

 

เสวี่ยหลินตั้งใจศึกษาวิชาสมุนไพรกับวิชาผักผลไม้ก่อน สองวิชานี้ใกล้เคียงกันตรงที่ต้องปลูกขึ้น จึงสมควรศึกษาร่วมกันได้

ยามนี้นางมาถึงหออักษรแล้ว เมื่อสอบถามอาจารย์ที่เป็นบรรณารักษ์ประจำหออักษรจึงได้ทราบว่าตำราวิชาผักผลไม้อยู่ที่ชั้นหนึ่งและวิชาสมุนไพรอยู่ที่ชั้นสอง เสวี่ยหลินจึงปักหลักอ่านตำราทุกเล่มในสองชั้นนี้

สิ่งที่เสวี่ยหลินชอบที่สุดคือ นางเพิ่งทราบว่ายิ่งนางอ่านและจดจำทำความเข้าใจได้มากเพียงใด ค่า INT อันมีผลต่อ MATK, SP และ MDEF ยิ่งสูงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และยังทำให้ลดระยะเวลาในการร่ายเวทได้มากขึ้น นางจึงตั้งใจว่านางจะศึกษาให้ครบทุกวิชาให้เร็วที่สุด

ด้วยพรที่นางขอจากผู้เฒ่าตว๋อเทียน แน่นอนว่านางย่อมจดจำและเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและไม่มีวันลืมเลือน นางใช้เวลาหนึ่งปีในการศึกษาตำราทั้งสองวิชานี้จนครบถ้วน

วันนี้เป็นวันที่นางมาสอบข้อเขียนในวิชาผักผลไม้และสมุนไพร เนื่องเพราะเป็นการสอบเต็มวิชามิใช่เพียงบางส่วนเช่นการศึกษาเล่าเรียนตามปกติ ข้อสอบแต่ละวิชาจึงกำหนดให้เสวี่ยหลินมีเวลาสอบถึงสามชั่วยาม ดังนั้น นางจะต้องสอบวิชาผักผลไม้วันนี้ และวันรุ่งขึ้นจึงเป็นการสอบวิชาสมุนไพร

ผ่านไปอีกเจ็ดวัน ทั้งสถานศึกษาพายัพก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อผลสอบถูกประกาศออกมาว่าเสวี่ยหลินสอบได้คะแนนเต็มทั้งสองวิชา เมื่อราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งทราบเรื่องจึงปลาบปลื้มดีใจอย่างยิ่ง เพราะผ่านไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น เสวี่ยหลินแสดงให้เห็นว่านางมีความคิดอ่านที่ดี และจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้ยอดเยี่ยม แม้นางจะยังเป็นเซียนเด็กอายุหนึ่งหมื่นสี่พันกว่าปีเท่านั้น

วิชาที่สามที่เสวี่ยหลินตั้งใจศึกษาคือวิชาเวท เพราะนางต้องการใช้ธาตุต่างๆ ในการช่วยปลูกสมุนไพรและผักผลไม้เพื่อเร่งให้มันเติบโตได้เร็วและให้ผลเลิศที่สุด ซึ่งเมื่อได้เริ่มศึกษาจึงทำให้นางทราบว่าสกิลต่างๆ ที่นางเห็นทั้งหมดจากหน้าต่างสกิลนั้น มีอธิบายโดยละเอียดไว้ในตำรา ทำให้นางยิ่งเข้าใจสกิลที่ตนเองเลือกใช้มากขึ้น และแน่นอนว่านางสามารถจดจำและเข้าใจสกิลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่นางตั้งใจศึกษาที่สุดในวิชาเวทคือธาตุต่างๆ

ในโลกแห่งเซียนมีธาตุทั้งสิ้นหกธาตุคือ วารี อัคคี วายุ สายฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์ และธาตุมืด แน่นอนว่าธาตุมืดย่อมจะมีเฉพาะเทพเซียนที่กลายเป็นมาร ส่วนธาตุแสงนั้นหาได้ยากยิ่ง หากนางมีธาตุแสงนี่ล่ะก็ กล่าวได้ว่าราวกับนางมีสกิลฟื้นฟู HP และ Buff Skill ของอาชีพนักบวชเลยทีเดียว ปัญหาคือนางจะหาธาตุแสงได้จากที่ใด และที่แน่ๆ ไม่มีตำราเล่มใดบอกเลยว่าธาตุแสงมีกำเนิดอย่างไร หากนางทราบแหล่งกำเนิดธาตุแสง ก็ไม่ยากที่นางจะต้องดั้นด้นค้นหาเอามาครอบครองให้ได้

ส่วนวารี อัคคี วายุ และสายฟ้านั้น จากตำราทั้งหมดที่นางศึกษามาอย่างละเอียด นางต้องครอบครองอัญมณีธาตุ แต่อัญมณีธาตุที่เทียบเคียงกับอัญมณีต้นกำเนิดธาตุทั้งสี่คือ จตุธาตอัญมณี ซึ่งกล่าวได้ว่าหายากอย่างที่สุด หากผู้ใดได้ครอบครองจตุธาตุอัญมณี กล่าวได้ว่าเทพเซียนผู้นั้นจะเป็นเจ้าแห่งธาตุ และยามนี้ผู้ที่ครอบครองและหลอมรวมกับจตุธาตอัญมณีได้สำเร็จคือ มหาเทพหยางหลง เพียงผู้เดียว

มิน่า มหาเทพถึงสร้างกำไลหยกขาวกับกำไลหยกแดงได้ง่ายดายนัก เสวี่ยหลินรำพึงอยู่ในใจ

นางพยายามทบทวนถึงทรัพย์สมบัติในคลังที่วังพายัพ แต่ในคลังนั้นย่อมไม่มีจตุธาตุอัญมณี มีเพียงอัญมณีธาตุชั้นเลิศเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ แล้วนางจะหาจตุธาตุอัญมณีได้อย่างไร

เสวี่ยหลินเปิดหน้าต่างระบบของส่วนที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์อสูร นางเชื่อว่าจตุธาตุอัญมณีน่าจะดรอปจากบอสเท่านั้น และยังต้องเป็นบอสที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง ทั้งอัตราดรอปก็น่าจะต่ำสุดขีด นางไล่อ่านรายละเอียดของสัตว์อสูรที่ถูกจัดว่าเป็นบอสแต่ละตัวว่ามันดรอปอะไรออกมาบ้าง บอสช่างมีมากมายนักจนนางนึกท้อ

นัยน์ตาดำหวานกวาดอ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

อสูรสี่ตา ดรอปจตุธาตุอัญมณี แต้มสกิลจำนวนห้าแต้ม

บุปผากินคน ดรอปโอสถเพิ่มพลังเวทระดับบรรพกาลขั้นสิบ ความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน จำนวนสิบเม็ด

...

สายตาที่กวาดผ่านไปแล้ว พลันตวัดกลับมาอย่างนึกขึ้นได้

 

อสูรสี่ตา ดรอปจตุธาตุอัญมณี แต้มสกิลจำนวนห้าแต้ม

 

เจอแล้ว ! ! เสวี่ยหลินแทบจะโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

นางรีบอ่านรายละเอียดของบอสตัวนี้ทันที

อสูรสี่ตา เลเวล 90 อาศัยอยู่ที่เทือกเขาครองพายัพอันเป็นเทือกเขาแบ่งเขตแดนระหว่างแดนพายัพและแดนอุดร เมื่อสังหารบอสได้ จะมีโอกาส 0.5% ดรอปจตุธาตุอัญมณี เมื่ออสูรสี่ตาถูกสังหาร จะเกิดใหม่ทุกสี่ชั่วยาม

นั่นคือ บอสตัวนี้จะเกิด 3 ตัว/วัน และที่ดรอปแน่นอนคือแต้มสกิลจำนวนห้าแต้ม ส่วนจตุธาตุอัญมณีจะดรอปหรือไม่ต้องแล้วแต่โชคของนางล่ะ ถ้าโชคดีก็ดรอป ถ้าโชคไม่ดี นางคงได้ตีบอสตัวนี้กันจนต่างฝ่ายต่างจำหน้ากันได้

ด้วยเหตุที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าจะหาจตุธาตุอัญมณีได้อย่างไร ทั้งมันก็ยากที่จะดรอป ทำให้การได้มันมาจึงยากเย็นยิ่งนัก เสวี่ยหลินโชคดีที่นางตัดสินใจขอระบบเกมมาจากผู้เฒ่าตว๋อเทียน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ นางไม่มีวันหามันได้แน่

แต่อสูรสี่ตาเลเวล 90 ยามนี้เลเวลของนางเพียง 85 ลมปราณอยู่ในระดับขึ้นสวรรค์ขั้นที่ห้า ยามนี้นางจึงสามารถตรวจสอบค่าสถานะของผู้อื่นได้รวมทั้งบอส

เอาวะ อย่างน้อยตอนนี้เราก็สามารถเห็นค่าสถานะของบอสได้ ไปลองซัดกับมันดูก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็กลับมาที่สถานศึกษา เตรียมตัวกันใหม่ ตอนนี้เราเตรียมเสบียงไปสักสามเดือนก็แล้วกัน เผื่อเราจะสู้ไหวแล้วต้องตีบอสตัวนี้นาน แล้วก็ต้องแอบออกจากสถานศึกษาด้วย ถ้าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทราบล่ะก็ ไม่มีทางให้เราไปที่เทือกเขาครองพายัพเด็ดขาด เสวี่ยหลินวางแผนไว้ในใจ

เสวี่ยหลินเปิดหน้าจอที่แผนที่ของแดนเซียนขึ้นมาก่อนจะมองหาเทือกเขาครองพายัพและทำเครื่องหมายกากบาทสีแดงไว้ เป็นสัญลักษณ์ให้มันนำทางนางไปยังที่นั่นเมื่อถึงกำหนดที่นางออกเดินทาง

เสวี่ยหลินทำทีเป็นยืมตำราเล่มหนาๆ ออกมา 4 เล่มก่อนจะบอกกล่าวอาจารย์บรรณารักษ์ว่า

“ศิษย์จะไปอ่านที่เรือนพักสักสามเดือนเจ้าค่ะ นั่งอ่านตำราที่นี่มาก็ปีกว่าแล้ว เลยเกรงกว่าตนเองจะเบื่อเสียก่อน” นางบอกกล่าวเพื่อมิให้อาจารย์บรรณารักษ์สงสัยว่าไฉนนางจึงไม่มาอ่านหนังสือเช่นเคย

อาจารย์บรรณารักษ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเองก็เห็นนางมาอ่านหนังสือได้ปีกว่าแล้วจริงๆ

วันรุ่งขึ้นตอนใกล้รุ่งสาง เสวี่ยหลินแปลงกายเป็นจิ้งจอกห้าหาง หากอยู่ในรูปลักษณ์ของจิ้งจอกขาว นั่นเพราะสร้อยมายาจิ้งจอกได้อำพรางและปกปิดลักษณะแท้จริงของนางไว้ นางมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออันเป็นที่ตั้งของเทือกเขาครองพายัพ

เป็นครั้งแรกที่เสวี่ยหลินได้ออกมาห่างไกลวังพายัพและออกมาเพียงผู้เดียว แต่เวลานี้นางไม่มีกะจิตกะใจจะชมทิวทัศน์รอบด้าน เพราะนางจดจ่อแต่เพียงเทือกเขาครองพายัพเท่านั้น เข็มทิศที่ปรากฏให้นางเห็นเพียงผู้เดียวกำลังนำทางนางไปยังเทือกเขาแห่งนั้น

ด้วยการเร่งเดินทาง นางจึงมาถึงเทือกเขาครองพายัพในตอนเย็นของวันนั้น กวาดตามองในแผนที่อีกครั้งหนึ่ง ก็มองเห็นจุดกะพริบสีแดง เป็นสัญลักษณ์ว่าบอสของแผนที่นี้อยู่ที่จุดนั้น จิ้งจอกขาวตัวน้อยพุ่งทะยานไปยังทิศทางนั้นทันที ใช้เวลาอีกราวสองเค่อจึงมาถึงที่ราบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รอบที่ราบแห่งนี้เต็มไปด้วยโขดหินและก้อนหินใหญ่น้อยสีเทามากมาย

บอสอยู่ไหนล่ะ ออกมาหน่อยสิ ขอดูค่าสถานะหน่อย

เสวี่ยหลินนึกในใจ นางอยากเห็นค่าสถานะของมันเสียก่อนจะได้เตรียมตัวถูก

แม้แสงสีแดงที่กะพริบวาบในแผนที่จะบ่งบอกชัดเจนว่าบอสอยู่ในที่ราบแห่งนี้ หากเสวี่ยหลินมองหาเท่าใดก็หาไม่เจอ

บอสเวรเอ๊ย หน้าตาก็ไม่ได้หล่อ ยังเล่นตัวไม่ยอมโผล่ออกมาอีก เสวี่ยหลินนึกในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อรออยู่ถึงครึ่งเค่อแล้วก็ยังไม่เห็นตัวมัน ทั้งๆ ที่สัญลักษณ์ของบอสก็ยังกะพริบอยู่ในแผนที่บริเวณที่นางอยู่

นางหงุดหงิดเสียจนกระทืบเท้าอย่างแรงไปสองที แต่แล้วร่างจิ้งจอกขาวห้าหางของนางก็แทบร่วง นางต้องรีบพุ่งทะยานไปยังอีกด้านหนึ่งทันทีจึงได้พบว่าก้อนหินที่นางนั่งรออสูรสี่ตานั้น แท้จริงแล้วก็คือตัวมันนั่นเอง เสวี่ยหลินถอนหายใจอย่างหนาวเหน็บ ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะมีสีสันเหมือนกับก้อนหินขนาดนี้

อสูรสี่ตาที่ขยับเขยื้อนครั้งนี้ เสวี่ยหลินได้เห็นอย่างเต็มตาจนต้องเบิ่งตากว้างอย่างตกตะลึงว่ามันมีลักษณะเหมือน...เอ่อ...ไดโนเสาร์ !

ใช่ ไดโนเสาร์ ! แถมยังเป็นพันธุ์ที่นางเคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park ภาคแรกเสียด้วย

ไทแรนโนซอรัส เรกซ์ (Tyrannosaurus rex) หรือเรียกอย่างย่อว่า ที. เรกซ์ (T. rex) !

เสวี่ยหลินต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะในระบบเกมนั้นมันไม่ได้แสดงรูปร่างหน้าตาของบอสตัวใดเอาไว้เลย นางเลยไม่คาดว่าอสูรสี่ตาคือ ไอ้ตัวโหดนี้

T. rex เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ เดินสองขา มีกะโหลกศีรษะที่ใหญ่ และเพื่อสร้างความสมดุลมันจึงมีหางที่มีน้ำหนักมาก มีขาหลังที่ใหญ่และทรงพลัง แต่กลับมีขาหน้าขนาดเล็ก มีสองกรงเล็บ ดูจากรูปร่างของมันตอนนี้ มันยาวราว 5 จั้ง (1 จั้ง = 2.5 เมตร) สูงราว 2 จั้ง

เสวี่ยหลินหลบไปอยู่หลังหินใหญ่ก้อนหนึ่งก่อนจะเพ่งมองอสูรสี่ตาตรงหน้า ยามนี้นางมองเห็นค่าสถานะของมันแล้ว

 

PATK 23,587

Max HP 873,642

DEF 8,369

MDEF 3,624

CC Resistance 30%

Damage Reflection 10% เมื่อ Max HP ลดลงครั้งละ 10%

 

เห็นสถานะนี้ เสวี่ยหลินก็ตัดสินใจได้ทันทีว่านางสามารถจัดการอสูรสี่ตาได้ ประการแรกคือมันแพ้ทางสายเวทเช่นนาง MDEF มีเพียง 3,624 และนางมีสกิลทลายเกราะที่สามารถลดการป้องกันและ CC Resistance ของมันได้จนไม่เหลือ

ประการที่สองคือ สกิลของนางทุกสกิลมี CC นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบเพราะจะทำให้นางโจมตีมันได้แต่เพียงฝ่ายเดียว และประการที่สามคือ การสะท้อนความเสียหายของมันนั้น ทำร้ายนางไม่ได้เพราะนางมีสกิลเกราะทองคำ

ดังนั้น นางต้องคอยใช้สกิลทลายเกราะ แหลมคม และเกราะทองคำไว้เรื่อยๆ จากนั้น จากนั้นจึงโจมตีมันด้วยห้วงนิทราและเคลิ้มฝัน เมื่อเลือดของมันเหลือต่ำกว่า 10% นางจึงค่อยใช้อาณาจักรแห่งฝันเพื่อปิดฉาก เท่านี้นางก็สามารถเอาชนะมันได้

ยามนี้เสวี่ยหลินคิดทดลองกลยุทธ์ที่นางคิดขึ้นทันที นางกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ ในมือปรากฏคทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก คทาทอประกายแสงงดงาม หากประกายแสงนี้กลับเข้าตาของอสูรสี่ตาอย่างจัง มันรับรู้ได้ว่ามีศัตรูอยู่ในอาณาเขตของมัน

 

กร๊าซซซซซซซซซซซซซ

 

มันส่งเสียงกรีดร้องขู่ขวัญเสียจนนางแสบแก้วหูไปหมด เสียงร้องของมันทรงพลังและดังกระหึ่มอย่างยิ่ง

คทาในมือชี้ตรงไปที่อสูรสี่ตา พลังเวทสีแดงเข้มอันเป็นลักษณะของสกิลทลายเกราะถูกส่งไปคลี่คลุมบนร่างของอสูรสี่ตาทันที ตามด้วยพลังเวทสีแดงอ่อนของสกิลแหลมคมที่คลี่คลุมซ้อนทับลงมา

คทาในมือถูกวาดเป็นวงกลม บังเกิดดวงแสงสีทองขึ้นครอบคลุมร่างของเสวี่ยหลิน นี่ย่อมเป็นสกิลเกราะทองคำ

คทาในมือถูกชี้ตรงไปที่อสูรสี่ตาอีกครั้ง พลังเวทสีน้ำเงินอันเป็นสกิลห้วงนิทราถูกครอบคลุมลงบนร่างของอสูรสี่ตา ตามด้วยพลังเวทสีฟ้าอ่อนที่เป็นสกิลเคลิ้มฝันก็ยิงเข้าใส่มันทันที

มองเห็นอสูรสี่ตายืนมึนงง ท่าทีสับสนวุ่นวาย เสวี่ยหลินรีบโจมตีด้วยพลังเวทอันรุนแรงสลับกับการยิงสกิลทลายเกราะและแหลมคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยามนี้นางเห็นชัดเจนว่าอสูรสี่ตาไม่มีเกราะเหลือแล้ว  CC Resistance ของมันก็เป็นศูนย์ ทำให้มันติด CC มึนงงและหลับใหลจากการลงมือของนางตลอดเวลา

หลอดเลือดของอสูรสี่ตาค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเลือดของมันลดลง 10% พลันร่างของอสูรสี่ตาก็สาดประกายสีดำก่อนแสงสีดำนั้นจะพุ่งทะลวงเข้าหานาง เสวี่ยหลินโบกคทาอีกครั้ง ดวงแสงสีทองของเกราะทองคำก็ครอบคลุมร่างของนาง

 

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

 

แสงสีดำนั้นกระทบกับเกราะทองคำของนาง หากเสวี่ยหลินปลอดภัยทุกประการ เพราะเกราะทองคำป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้

เมื่อสิ้นเสียงนี้ เสวี่ยหลินก็วาดคทาในมืออีกครั้งเพื่อโจมตีอสูรสี่ตาต่อไป นางเวียนวนทำเช่นนี้อยู่ราวหนึ่งเค่อ อสูรสี่ตาจึงค่อยล้มลงสิ้นใจตาย ก่อนมันจะตายมันกรีดเสียงร้องดังก้องไปทั้งหุบเขา

เสียงไร้ที่มาดังขึ้นในใจของนาง

 

ปราณเซียนจิ้งจอกเพิ่มขึ้น 5%

แต้มสกิลจำนวน 5 แต้ม

 

ที่เหลือก็เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ หากไม่มีจตุธาตุอัญมณี เสวี่ยหลินนั้นทำใจไว้ก่อนแล้วว่ามันจะไม่ดรอป เพราะอัตราดรอปคือ 0.5% ตอบไม่ได้เลยว่านางต้องสังหารอสูรสี่ตาอีกกี่ตัว มันถึงจะดรอปให้นาง

เสวี่ยหลินเดินไปเก็บวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอุปกรณ์ที่ดรอปออกมา นางไม่ทราบว่าหากตนเองร่วมล่าสัตว์อสูรกับผู้อื่น พวกเขาจะมองเห็นของเหล่านี้และแย่งชิงของไปได้หรือไม่

“ไม่ได้หรอก พวกเขาจะมองไม่เห็นและไม่ได้ของไป นอกจากเจ้าจะหยิบยื่นให้พวกเขาเอง” เสียงของผู้เฒ่าตว๋อเทียนดังขึ้นในใจนาง

“คุณตา !” นางอุทานเรียกอย่างดีใจ

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าชอบโลกแห่งเซียนนี้หรือไม่”

“ชอบค่ะ” ความเคยชินสมัยยังเป็นฮุ่ยหลันพลันกลับมา

“เจ้าชอบก็ดีแล้ว ใช้ชีวิตให้ดี อย่าประมาทในการใช้ชีวิต”

“ค่ะ เอ่อ...คุณตา หนูอยากกลับไปที่โลกมนุษย์ที่หนูจากมาบ้างได้มั้ยคะ”

“เจ้าสามารถท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ ข้าอนุญาต เจ้าอยากเอาของในโลกมนุษย์มาใช้ที่แดนเซียนล่ะสิ”

“ก็คงมีบ้างค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูไม่ทำดีกว่า แต่ละโลกก็มีสภาพแวดล้อมเป็นของตนเอง หนูไม่ควรทำให้มันวุ่นวาย”

“เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว”

“แต่ถ้าหนูอยากจะสร้าง...เอ่อ...อย่างสร้างบ้านหรือตกแต่งแบบมนุษย์ หนูทำได้ใช่มั้ยคะ”

“ได้ อย่างมากพวกเทพเซียนทั้งหลายก็เห็นเป็นของแปลกตาเท่านั้น”

“ข้าไปล่ะ แล้วจะคอยดูเจ้าอยู่เสมอ อ้อ ! เมื่อถึงวัยแต่งงานได้ บิดามารดาของเจ้าก็คงหาคู่ให้”

“ไม่ล่ะค่ะ หนูรักชีวิตโสด หนูจะบอกพวกท่านว่าหนูไม่แต่ง หนูจะอยู่เป็นโสด แต่งงานเนี่ย หนูว่าเหมือนเล่นพนัน แถมเป็นการพนันที่โอกาสถูกรางวัลต่ำสุดๆ หนูไม่เอาชีวิตดีๆ ของหนูไปเสี่ยงแน่” เสวี่ยหลินปฏิเสธทันที

“แล้วถ้าบุรุษผู้นั้น เขาเป็นคนดีจริงๆ ล่ะ”

“โอ๊ยยยย คุณต๊า” เสวี่ยหลินขึ้นเสียงสูง

“ไอ้ที่ดีเลิศประเสริฐศรีแบบนั้น มันมีแต่ในนิยายค่ะ ชีวิตจริงนี่ หนึ่งในร้อยล้านมั้งคะ”

“แล้วถ้าบุรุษผู้นั้นเป็นหนึ่งในร้อยล้านจริงๆ ล่ะ”

“เหลือมาไม่ถึงหนูหรอกค่ะ หนูมั่นใจ ดีขนาดนั้น ร้อยทั้งร้อยแต่งงานมีเจ้าของหมด แล้วหนูก็ไม่คิดจะสมัครเป็นเมียน้อยด้วย หนูอยู่คนเดียวนี่แหละดีสุด ใครจะว่าเป็นสาวเทื้อ สาวทึนทึก ขึ้นคานก็ช่าง สวย รวย เสียอย่าง No สน No แคร์ค่ะ” คำตอบแบบสาวมั่นมาเต็ม

“ผู้ชายที่แต่งกับหนูได้ ต้องรักเดียวใจเดียว มีหนูคนเดียว ถ้ามีคนอื่นเมื่อไหร่ คือหย่าทันที เพราะเรื่องแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่ดังค่ะ ถ้ามีลูก หนูเลี้ยงลูกคนเดียวได้ ไม่ง้อ”

“ในสายตาเจ้า บุรุษคนใดดีที่สุด”

“คุณพ่อเสวี่ยหมิงของหนูในชาติภพนี้ค่ะ ไม่ต้องรูปงามเท่าท่านพ่อหรอก ขอแค่ดีให้ได้เท่าท่านพ่อ หนูก็ OK แล้ว”

“หนูไม่ได้ต้องการผู้ชายหล่อ เพราะผู้ชายหล่อมักมีปัญหา มีแต่หญิงมาเสนอตัว สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องพลาดมีเมียน้อยจนได้ หนูจึงขอแค่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ไม่อายใครก็พอ แต่นิสัยใจคอความประพฤติ หนูอยากได้อย่างคุณพ่อเสวี่ยหมิง” เรียกได้ว่าราชาเสวี่ยหมิง บิดาของนางคือไอดอลของเสวี่ยหลินเลยทีเดียว

“อืมมม แล้วข้าจะหาทางบอกเขาให้” เสียงของผู้เฒ่าตว๋อเทียนรำพึงขึ้นมาเบาๆ

“คุณตาว่าอะไรนะคะ หนูฟังไม่ถนัด”

“ไม่มีอะไร ข้าไปล่ะ โชคดีนะนังหนู”

เสวี่ยหลินได้แต่งุนงง อยู่ดีๆ ก็มา อยู่ดีๆ ก็ไป อะไรของคุณตาเนี่ย

แต่เราสำรวจเทือกเขาครองพายัพดีกว่าระหว่างรออสูรสี่ตาเกิดใหม่ เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง แถมก่อนอสูรสี่ตาจะตาย มันร้องดังมาก ไม่รู้จะมีใครมาได้ยินรึเปล่า ถ้ามีคนอื่นมาแถวนี้ เราจะล่าอสูรสี่ตาลำบาก เสวี่ยหลินครุ่นคิดอย่างกังวล

นางเหินร่างขึ้นกลางฟ้า ก่อนจะแผ่ปราณเซียนจิ้งจอกออกเป็นวงกว้างเพื่อสำรวจดูว่ามีผู้ใดเข้ามาในเทือกเขาครองพายัพหรือไม่ โชคดีว่าไม่มีเทพเซียนคนใดอยู่เลย นั่นเพราะเทือกเขาครองพายัพอยู่ห่างไกลและยังเป็นเทือกเขากั้นเขตแดนพายัพกับแดนอุดร เผ่าจิ้งจอกเก้าหางและเผ่าเต่ามังกรเองก็ไม่ได้จัดกำลังทหารมาเฝ้ารักษาเขตแดน เพราะเห็นว่าเป็นเทือกเขาสูงใหญ่และกว้าง อีกทั้งสองแดนก็เป็นมิตรกันมาเนิ่นนาน

เสวี่ยหลินมีเวลาสำรวจเทือกเขาครองพายัพถึงสี่ชั่วยามกว่าที่อสูรสี่ตาจะเกิดใหม่อีกครั้ง นางจึงตั้งใจสำรวจอย่างละเอียดว่าเทือกเขาแห่งนี้จะมีพืชพันธุ์ใดบ้างหรือมีสัตว์อสูรใดที่น่าสนใจ นางพบเจอสัตว์อสูรระดับบอสอีกสองตัว หากเมื่อตรวจดูของที่มันจะดรอปให้แล้ว นางก็ยังไม่สนใจ แต่นางก็พบสมุนไพรวิเศษทั้งพืชผักผลไม้และบุปผามากมาย จึงตั้งใจว่าเมื่อนางจะกลับก็ค่อยมาเก็บพวกมันไป