นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ตามรักจิ้งจอกน้อย - บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น) โดย สวรรยสร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตามรักจิ้งจอกน้อย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ผู้แต่ง

สวรรยสร

เรื่องย่อ

มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ ได้สร้างสรรค์สัตว์เทพขึ้นมาเจ็ดเผ่า ได้แก่ มังกร กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง หงส์แดง สิงโต เต่ามังกร และเสือขาว แต่ละเผ่าล้วนมีความสามารถและเก่งกาจแตกต่างกันไป

แดนเซียนที่มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียนสร้างขึ้นถูกเรียกว่า สี่ทะเลแปดดินแดน แน่นอนว่าเผ่ามังกรย่อมทรงพลังและอำนาจสูงสุด ครอบครองสี่ทะเลและสองดินแดน อีกหกเผ่าที่เหลือครอบครองกันเผ่าละหนึ่งดินแดน

เผ่ามังกรนั้น มหาเทพตว๋อเทียนได้รังสรรค์มหาเทพองค์หนึ่งที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติขึ้นปกครองเผ่ามังกรและเป็นดั่งนายเหนือของทุกเผ่า มหาเทพองค์นี้จึงเป็นที่รับทราบกันทั่วว่าเป็นบุตรชายสุดที่รักของมหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน นามของเขาคือ หยางหลง (มังกรสุริยัน)

มหาเทพหยางหลงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดินได้ราว 300,000 ปี ก็สละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยน (กระบี่สุริยัน) แม่ทัพคู่ใจของเขาขึ้นครองแทน มหาเทพหยางหลงที่ยามนี้มีเวลาว่างมากมายเพราะหาแพะรับบาปมารับภาระแทนตนเองได้สำเร็จ จึงถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนและแดนมนุษย์ถึง 80,000 ปี ก่อนจะกลับสู่แดนบูรพาที่เผ่ามังกรครอบครอง และพักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียวที่วังมังกรสวรรค์ของตนมาได้ 20,000 ปีแล้ว

แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น นั่นคือ ร่างเงาของจิ้งจอกเก้าหางที่ส่องแสงสีทองปรากฏขึ้นกลางผืนฟ้า ทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างงุนงงสงสัยว่ามันหมายถึงสิ่งใด หากไม่มีผู้ใดไขปริศนานี้ได้กระทั่งมหาเทพหยางหลงเอง

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน มหาเทพจึงทราบว่าเหม่ยเมิ่ง ราชินีของราชาจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยหมิง ให้กำเนิดธิดาน้อยนางหนึ่ง นามของนางคือ เสวี่ยหลิน ทราบแล้วจึงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเสียหน่อย แต่ผู้ใดจะคาดได้ว่าผ่านไปอีกเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันปี เขาจะมีโอกาสได้พบเจอจิ้งจอกน้อยนี้ ทั้งยังคบหานางเป็นกึ่งสหายต่างวัยกึ่งหลานสาว แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีเซียนบุรุษมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนาง

สารบัญ

ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 2 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 3 คทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 5 เร่งศึกษา,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 6 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 8 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 9 พบหน้าครั้งแรก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 11 ข้อเสนอไม่คาดหมาย,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 12 การตอบโต้ของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 13 หยางเค่อ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 14 ประลองสามต่อสาม (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 15 ประลองสามต่อสาม (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 16 ชมชอบไม่รู้ตัว (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 17 ชมชอบไม่รู้ตัว (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 18 ชมชอบไม่รู้ตัว (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 19 ก่นด่าไม่ไว้หน้า,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 20 เริ่มใกล้ชิด (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 21 เริ่มใกล้ชิด (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 22 สู่ขอ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 23 เกือบอกหัก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 24 โชว์อันน่าตื่นตา (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 25 โชว์อันน่าตื่นตา (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 26 เพลงอันทรงพลัง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 27 เสี่ยวหลง (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 28 เสี่ยวหลง (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 29 เสี่ยวหลง (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 30 สมดุลพลังที่เปลี่ยนไป,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 31 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 32 ผีเสื้อขยับปีก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 33 ความเป็นไปได้ของสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 34 เริ่มต้นแห่งสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 35 เปิดเผยและซ่อนเร้น,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 36 ว่าที่มหาเทวี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 37 เสริมสร้างข่ายปราณ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 38 ฆ่าปิดปาก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 39 เปลี่ยนม้ากลางศึก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 40 กุนซือผู้ร้ายกาจ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 41 ความผูกพันอันห่างเหิน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 42 ในวงล้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 43 ผีหลอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 44 ไมตรีจากสิงโต

เนื้อหา

บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น)

“เสด็จพ่อเพคะ ชาและของหวานที่เสด็จแม่ทำให้ เสด็จพ่อชอบหรือไม่เพคะ” เสวี่ยหลินถามขึ้นในวันหนึ่งหลังจากวางแผนการเรียบร้อย

“ชอบมากเลยลูก ทุกอย่างที่เจ้าสอนให้แม่ของเจ้าทำ พ่อชิมแล้ว รสชาติดีมาก ชาหอมกรุ่น รสกลมกล่อม ขนมก็หวานกำลังดี เข้ากันมาก รู้หรือไม่ว่าพ่อติดใจชาและขนมหวานฝีมือแม่เจ้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก”

ได้ยินเช่นนี้ เสวี่ยหลินต้องกระหยิ่มใจ แบบนี้ก็มีโอกาสมากว่าชาวจิ้งจอกเก้าหางน่าจะชอบเหมือนที่เสด็จพ่อของนางชอบ ประการสำคัญคือในแดนเซียนยังไม่เคยมีร้านชามาก่อน พวกเขาฝึกฝนชงชาจีนกันเอง แต่ที่เสวี่ยหลินจะขายคือขายทั้งชาจีน ชาฝรั่ง ของหวานแบบจีนและฝรั่งที่เข้ากันได้ดีกับชาต่างๆ รวมทั้งของว่าง

“เช่นนี้ก็ดีเลยเพคะ ลูกมีเรื่องมาปรึกษาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และท่านน้าเสวี่ยปิงเพคะ”

ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งต้องประหลาดใจ

“เจ้าจะปรึกษาเรื่องอะไร” เหม่ยเมิ่งถาม

เสวี่ยหลินจึงเล่าเรื่องที่นางอยากสร้างบ้านพักแยกออกมาต่างหาก ร้านขายชา และพื้นที่ที่ต้องใช้ในการปลูกพืชและสมุนไพรต่างๆ ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งฟังด้วยความประหลาดใจ

“หลินเอ๋อร์ เพราะเหตุใดเจ้าจึงคิดจะแยกออกไปอยู่ เจ้าอายุเพียงหมื่นสี่พันกว่าปีเองนะ เจ้ายังเด็กนัก” บิดาของนางถามอย่างเป็นห่วง

“เพราะลูกอยากมีร้านขายชาและขนมหวาน อยากชมทิวทัศน์สวยๆ อยากหาอะไรให้ตัวเองทำ จะได้ไม่เหงาเพคะ จะให้ลูกนั่งฝึกฝนบำเพ็ญตนแต่เพียงอย่างเดียวก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย” นางให้เหตุผลง่ายๆ แม้ที่จริงแล้ว ด้วยระบบเกมที่ผู้เฒ่าตว๋อเทียนให้มา เสวี่ยหลินสามารถฝึกฝนโคจรลมปราณได้ตลอดเวลาไม่ว่านางจะทำอะไร

เสวี่ยหมิงและเหม่ยเมิ่งหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง

“แล้วถ้าเจ้าอายุสองหมื่นห้าพันปี เจ้าก็ต้องไปศึกษาที่บูรพานิรันดร์ ใครจะดูแลบ้าน ร้าน และพื้นที่เพาะปลูกให้เจ้า”

“ก็เสด็จแม่กับท่านน้าเสวี่ยปิงไงเพคะ ลูกเห็นว่าทุกวันเมื่อเสด็จพ่อออกว่าราชการ เสด็จแม่กับท่านน้าก็ดูจะเหงาและว่างอยู่ ถ้าลูกทำร้านนี้ขึ้นมา เสด็จแม่กับท่านน้าจะได้มีอะไรทำทั้งวัน ไม่ต้องเหงาอีก เสด็จแม่และท่านน้ายังจะได้พบปะผู้คนมากมาย เสด็จพ่อก็จะได้เสด็จมาที่ร้านชา มานั่งเล่น พูดคุยกับสหายและชาวจิ้งจอกเก้าหางได้ด้วยไงเพคะ”

“อีกอย่างก็คือ ในภายภาคหน้า พี่ใหญ่ซานก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งราชาแทนเสด็จพ่อ ถึงเวลานั้น เสด็จพ่อจะว่าง ร้านชานี้จะทำให้เสด็จพ่อไม่เหงาและได้พบปะผู้คนอยู่เรื่อยๆ เพคะ” เสวี่ยหลินให้เหตุผลอย่างน่าฟัง

“ก็ไม่เลวนะเพคะ ที่องค์หญิงน้อยเสนอความคิดนี้ แต่เช่นนี้พวกเราก็เหมือนต้องไปคอยรับใช้ผู้อื่นสิเพคะ” เสวี่ยปิงหันมาถามเสวี่ยหลิน

“ตอบตรงๆ ก็คือใช่ เพราะถ้าเสด็จแม่และท่านน้าไปอยู่ที่ร้านนั้น ลูกตั้งใจจะให้เสด็จแม่ทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนท่านน้าจะเป็นผู้ดูแลนางกำนัลและเซียนรับใช้ให้ชงชาและจัดเตรียมของมาให้ลูกค้า”

“ตัวลูกเองจะทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า รับคำสั่งจากลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไรและนำมาส่งให้ท่านน้าเป็นผู้จัดการให้ และลูกก็จะส่งใบคำสั่งนั้นให้เสด็จแม่คิดเงินเพคะ เมื่อลูกนำของไปให้ลูกค้าก็จะคิดเงินทันที ส่วนลูกค้าจะนั่งอยู่ในร้านนานเพียงใดก็ได้ เพราะลูกตั้งใจทำให้ร้านชานี้เป็นเหมือนที่พบปะสังสรรค์กัน แต่เชื่อได้ว่าด้วยการตกแต่งที่เหมาะสมและรสชาติของชาและขนมหวานที่ถูกใจ พวกเขาย่อมต้องสั่งเพิ่มแน่นอน ในอนาคตลูกยังคิดจะเพิ่มรายการอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มอื่นๆ”

“แบบนี้ไม่เหมาะนะเพคะ นี่คือองค์ราชินี ท่านคือองค์หญิงน้อย จะไปนั่งตากหน้าขายของและรับใช้ผู้อื่นได้อย่างไร ไม่สมเกียรติอย่างยิ่ง” เสวี่ยปิงแย้งออกมา

“แต่ก็ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใครนี่นา เป็นสิ่งสุจริตเสียด้วยซ้ำ ข้าเองก็ทราบดีว่ามันไม่เหมาะสม แต่ข้ามองอีกมุมว่าเสด็จแม่จะได้มีสหายไว้พูดคุย เทพเซียนที่เข้ามาก็ต้องมีบางส่วนมาพูดคุยกับเสด็จแม่ แม้จะเป็นการถามเกี่ยวกับของที่ขาย แต่อย่างน้อยก็ได้พูดคุย เสด็จแม่ก็ไม่เหงา ทั้งยังมีผลพลอยได้ที่จะได้มีสหายเพิ่มขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าจะมีคนคิดร้าย แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีคนคิดร้ายไม่ใช่หรือ ถ้ามัวแต่กลัวเช่นนั้น คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี” เสวี่ยหลินแย้งด้วยเหตุผล

“แต่ถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วย ลูกก็ไม่คัดค้าน ลูกก็จะเพียงสร้างบ้านพักเท่านั้นเพคะ” เสวี่ยหลินยอมลงให้อย่างไม่มีข้อแม้ นางเองก็ทราบดีว่ามันผิดธรรมเนียม เพียงแต่นางอยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความคิดของนาง

“เจ้าไปเที่ยวเล่นก่อนเถิด หลินเอ๋อร์ เรื่องนี้ขอเวลาพ่อกับแม่คิดสักหน่อยว่าสมควรอนุญาตให้เจ้าทำหรือไม่ คิดได้แล้ว พ่อค่อยเรียกเจ้ามาพบ” ราชาเสวี่ยหมิงหาทางออกเฉพาะหน้าในเรื่องครั้งนี้ เขาต้องคิดหนักจริงๆ

“เพคะ”

 

 

ผ่านไปหนึ่งเดือน วันนี้เป็นวันที่ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งเรียกเสวี่ยหลินมาพบ

“หลินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพ่อกับแม่จะอนุญาตเจ้าหรือไม่ในเรื่องที่เจ้าขอ” ราชาเสวี่ยหมิงถามขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวนั่งลงเรียบร้อย

“ลูกไม่ได้คาดหวังเพคะ เพราะทราบอยู่ว่ามันผิดธรรมเนียม ยากที่จะยอมรับ แต่ถ้าเสด็จพ่ออนุญาต ลูกก็ไม่แปลกใจเช่นกัน ลูกเชื่อว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ต้องมั่นใจในตัวลูกจึงอนุญาตให้ลูกทำ” คำตอบของนางราวกับนางเซียนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมิใช่เด็กน้อยเยาว์วัย

“แล้วถ้าพ่ออนุญาตให้เจ้าทำ เงินทองที่เจ้าได้มา เจ้าคิดจะเอาไปทำอะไร”

“ก็ให้เสด็จพ่อเก็บไว้ในคลังเพคะ เพราะลูกมองว่าหากมีเหตุจำเป็นอย่างเช่น สงครามระหว่างเผ่า หรืออะไรก็ตามที่เป็นเหตุจำเป็นหรือเหตุฉุกเฉิน เงินทองเหล่านี้จะได้ใช้จ่ายในยามนั้น”

เสวี่ยหลินตอบออกมาราวกับตาเห็น นั่นเพราะระหว่างเล่นเกมออนไลน์ที่จัดให้มีสงครามระหว่างเมือง แม้ทางเกมจะมีรางวัลให้กับผู้ชนะและรางวัลปลอบใจให้ผู้แพ้ แต่เพื่อโน้มน้าวให้ทุกคนมาช่วยกัน หัวหน้ากิลด์ยังต้องตั้งรางวัลต่างหากเพื่อจูงใจลูกกิลด์ และยามนั้นรางวัลที่หัวหน้ากิลด์ตั้งให้ก็ต้องล่อตาล่อใจไม่แพ้ของทางเกมเลยทีเดียว

“คำตอบของหลินเอ๋อร์ ท่านพอใจหรือไม่ ฟูจวิน” เหม่ยเมิ่งหันมาถามเสวี่ยหมิงด้วยรอยยิ้ม

“พอใจมาก” เขาหันไปตอบนางก่อนจะหันกลับมาหาบุตรสาวตัวน้อยที่ดูเหมือนความคิดของนางไม่น้อยแล้ว

“พ่อกับแม่อนุญาตให้เจ้าทำตามที่ขอ มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ห้ามให้บุรุษใดมายุ่งเกี่ยวกับท่านแม่ของเจ้าเด็ดขาด”

“ขอบพระทัยเพคะ” เสวี่ยหลินตอบรับอย่างดีใจ

“เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลเพคะ บริเวณที่เสด็จแม่นั่งคิดเงินนับเงิน ลูกจะจัดที่นั่งไว้ให้องครักษ์ของเสด็จพ่อที่หนึ่ง ให้เขาคอยดูแลมิให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับเสด็จแม่มากเกินไป อีกทั้งเสด็จแม่จะอยู่ในสายตาของนางกำนัลที่มีหน้าที่ชงชาด้วย หากมีผู้ใดมาทำรุ่มร่ามกับเสด็จแม่ องครักษ์ของเสด็จพ่อและคนรอบข้างย่อมจัดการได้ทันที” นางบอกให้บิดาและมารดาสบายใจ

“พ่ออนุญาตแล้ว คราวนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป”

“ลูกจะชงชา ทำขนมหวาน ออกมาให้ชาวจิ้งจอกเก้าหางได้ทดลองชิมเพคะ เพื่อดูว่าพวกเขาจะชอบเหมือนอย่างที่เสด็จพ่อชอบหรือไม่ ถ้าพวกเขาไม่ชอบ เรื่องนี้ก็พับเก็บไปได้เลย แต่ถ้าพวกเขาชอบ ลูกจึงค่อยมองหาพื้นที่ที่ต้องการและฝึกหัดนางกำนัล เซียนรับใช้เพคะ”

 

 

วันนี้เสวี่ยหลินติดตามเสวี่ยปิงมาที่ตลาดแห่งหนึ่งที่ชาวจิ้งจอกเก้าหางมาซื้อหาข้าวของ นางกำนัลสามคนที่ติดตามมาด้วยช่วยกันตั้งโต๊ะเพื่อเตรียมแจกจ่ายของ

“ข้า เสวี่ยหลิน วันนี้ทดลองชงชาและทำขนมมาให้ทุกท่านได้ลองชิมเจ้าค่ะ ท่านใดที่อยากลิ้มลองชาและขนมของข้า มารับของได้เลยนะเจ้าคะ” เสวี่ยหลินบอกกล่าวเสียงดัง

นาม ‘เสวี่ยหลิน’ ทำให้ชาวจิ้งจอกเก้าหางจดจำได้ทันที เพราะนี่คือนามขององค์หญิงน้อย ธิดาเพียงหนึ่งเดียวของราชาจิ้งจอกขาวเก้าหางเสวี่ยหมิงและราชินีจิ้งจอกแดงเก้าหางเหม่ยเมิ่ง ทุกคนต่างสงสัยว่าองค์หญิงน้อยของพวกตนนึกอย่างไรจึงมาแจกจ่ายชาและขนมหวานให้ชิม

มองเห็นเสวี่ยหลินและนางกำนัลอีกสองคนช่วยกันถือถาดใบใหญ่ที่บนถาดนั้นมีจานกระดาษเล็กๆ วางอยู่หลายใบ บนจานกระดาษนั้นมีชาร้อนหอมกรุ่นในถ้วยกระดาษหนึ่งถ้วยและขนมหวานหนึ่งชิ้น พวกนางถือถาดใบใหญ่ไปแจกจ่ายชาและขนมหวานให้ชาวจิ้งจอกเก้าหางที่มาหาซื้อของที่ตลาด

เสวี่ยปิงช่วยตะโกนบอกกล่าวทุกคนที่เดินผ่านไปมาก่อนจะยื่นส่งจานกระดาษให้คนเหล่านั้น

แรกๆ พวกเขารับไปด้วยท่าทีงุนงงปนความไม่เต็มใจ แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของชาทั้งยังได้จิบชาเข้าไปก็รู้สึกตื่นเต้นกับชาและรสชาติ ยิ่งเมื่อได้ชิมขนมหวานเข้าไปและจิบชาตามหลัง ยิ่งรู้สึกดีอย่างยิ่ง

 

“องค์หญิงน้อย ชาและขนมหวานของท่านรสชาติดีมาก” เซียนจิ้งจอกบุรุษผู้หนึ่งกล่าวชมขณะที่ยังมีสายตาซาบซึ้งดื่มด่ำกับชาและขนม

“ใช่ ใช่ ชาของท่านหอมมาก ดื่มแล้วรสชาติกลมกล่อมเหลือเกิน ทั้งขนมก็อร่อย”

“ขนมของท่านอร่อยจริงๆ รสชาติกำลังดี”

“นั่นสิ รสชาติขนมหวานละมุน ไม่หวานเกินไป กำลังพอดีกับชามากๆ เลย”

 

เสียงชื่นชมเริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ ของที่นำมาให้ทดลองชิมหมดลงอย่างรวดเร็ว คนที่มาไม่ทันได้แต่เสียดาย ทว่า...

“พรุ่งนี้และมะรืนนี้ ข้าจะชงชาและขนมหวานมาให้พวกท่านลองชิมกันอีกนะเจ้าคะ ถ้าชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รบกวนทุกท่านช่วยติชมด้วย ข้าจะได้นำไปปรับปรุง” เสวี่ยหลินกล่าวเสียงดัง

“ได้เลย องค์หญิงน้อย พรุ่งนี้ ท่านจะมาที่ตรงนี้อีกใช่หรือไม่”

“ใช่เจ้าค่ะ พี่ชายมารอได้เลย ข้าจะมาเวลานี้เจ้าค่ะ”

“ได้ ได้ ข้าจะรีบมารอเลย ท่านชงชาและทำขนมอร่อยมาก พรุ่งนี้ข้าจะชวนบุตรภรรยาและมิตรสหายมาให้หมด”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะมีชาหลากหลายและขนมมากขึ้นมาให้ทุกท่านได้ชิมนะเจ้าคะ” เสวี่ยหลินกล่าวทิ้งท้าย

คำกล่าวนี้ทำให้ทุกคนที่ได้ชิมและที่ไม่ได้ชิมต่างเฝ้ารอวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

 

 

ผลการทดลองแจกชาและขนมหวานทุกชนิดที่เสวี่ยหลินตั้งใจจะทำขายได้ผลตอบรับดีเกินคาดมากมาย วันสุดท้ายที่นางมาแจกชาและขนมซึ่งเป็นวันที่ชาและขนมถูกทำออกมาจนครบทุกอย่าง ปรากฏว่าของที่นำมาให้ทดลองชิมหมดลงอย่างรวดเร็วภายในหนึ่งเค่อ

“องค์หญิงน้อย ชาและขนมของท่านอร่อยมากจริงๆ ไม่ทราบว่าจะมาแจกอีกเมื่อใด” เซียนสตรีนางหนึ่งถามขึ้น นางติดใจชาและขนมของเสวี่ยหลินมากมาย

“พี่สาวคงต้องรอสักสามเดือนนะเจ้าคะ ที่ข้าทำมาให้พวกท่านชิมเป็นเพราะข้าอยากจะเปิดร้านขายชาและขนมหวาน ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการเตรียมการไม่น้อย”

“ท่านจะเปิดร้านชา เปิดที่ไหน ข้าจะไป” ลูกค้ารายแรกออกปากอย่างรวดเร็ว

“ข้ากำลังมองหาพื้นที่ที่เหมาะสมอยู่เจ้าค่ะ”

“ได้ ได้ ข้าจะรออย่างใจจดใจจ่อเชียวล่ะ”

 

 

เมื่อผลตอบรับดีเช่นนี้ เสวี่ยหลินคาดเดาได้ทันที นางต้องมีพื้นที่มากพอที่จะปลูกชา ผลไม้ พืชผัก และดอกไม้ต่างๆ แต่นางไม่สามารถให้คนอื่นช่วยได้ เพราะการจะเร่งให้มันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ต้องใช้วารีธาตุเป็นหลัก นางเปิดระบบเกมเพื่อค้นหาว่าจะมีอะไรที่สามารถทำให้พืชพรรณทั้งหลายสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพตามที่ต้องการเสมอ นั่งหาอยู่เนิ่นนานจึงพบว่ามีของอย่างหนึ่งช่วยนางได้

 

น้ำทิพย์เติบโต

 

นามธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง หากคุณสมบัติของมันคือทำให้พืชพรรณทุกชนิดสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วภายในสามวันและมีสภาพที่เหมาะสมอยู่เสมอ

ประการสำคัญคือ ใช้น้ำทิพย์เติบโตเพียงสิบหยดต่อพื้นที่เพาะปลูกหนึ่งหมู่ (1 หมู่ = 60 ตารางวา) ผสมน้ำและรดน้ำในแปลงเพาะปลูกหนึ่งหมู่นั้น รอเพียงสามวัน พืชในแปลงจะเติบโตจนมีขนาดและคุณสมบัติที่เหมาะสม ทั้งเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว และลงมือปลูกใหม่ ก็รออีกสามวันพืชเหล่านั้นก็จะให้ผลสมบูรณ์อีกครั้ง วนเวียนเช่นนี้ครบสิบรอบจึงค่อยกลบฝังพืชเหล่านั้นลงดินเพื่อใช้เป็นปุ๋ยบำรุงดินต่อไป แล้วจึงปลูกพืชชุดใหม่ลงไปแทน

เพียงเห็นเช่นนี้ เสวี่ยหลินก็ตาโตทันที นางรีบเปิดหาว่าน้ำทิพย์เติบโตต้องปรุงอย่างไร แล้วนางก็ต้องตาโตอีกรอบเพราะวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงน้ำทิพย์เติบโตนั้น กลับเป็นเพียงสมุนไพรธรรมดาที่หาได้ทั่วไปจำนวนห้าชนิด แต่ละครั้งจะปรุงน้ำทิพย์ได้หนึ่งร้อยหยด เท่ากับว่านางจะใช้ได้หนึ่งเดือนต่อหนึ่งหมู่

เสวี่ยหลินคาดการณ์ไว้ว่าด้วยจำนวนและชนิดของพืชที่ต้องปลูก รวมทั้งสมุนไพรที่ต้องใช้สร้างน้ำทิพย์เติบโต นางต้องการพื้นที่ทั้งหมด 250 หมู่ โดยสิบหมู่สำหรับสมุนไพรที่ใช้ปรุงน้ำทิพย์ สองร้อยหมู่สำหรับปลูกชา ผลไม้ ดอกไม้ สามสิบหมู่สำหรับเรือนพักของนางกำนัล เซียนรับใช้ และอีกสิบหมู่สำหรับเรือนพักของตนเอง ท่านพ่อท่านแม่ และพี่ใหญ่ของนาง

นางต้องปรุงน้ำทิพย์เติบโตถึง 2,400 ขวดต่อปี นางต้องสอนเสด็จแม่และท่านน้าเสวี่ยปิงให้ปรุงน้ำทิพย์นี้เพื่อให้พวกท่านดูแลการผลิตวัตถุดิบได้ นี่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการรักษาคุณภาพวัตถุดิบให้ออกมาดีเลิศตลอดเวลา

ส่วนพื้นที่สำหรับร้านชานั้น นางต้องการ 12 หมู่ โดย 4 หมู่สำหรับพื้นที่ครัวและคิดเงิน ครัวทำขนมและชาต้องมีพื้นที่มาก เพื่อให้สามารถจัดเก็บขนมที่ทำเสร็จแล้วไว้ในตู้ที่สามารถรักษาความสดใหม่ได้เหมือนเพิ่งทำเสร็จ เมื่อใดที่ของที่ขายนั้นหมดลงก็สามารถนำมาเติมได้ทันที ส่วนอีก 8 หมู่เป็นพื้นที่ให้บริการ พื้นที่นี้ต้องกว้างเพื่อให้สามารถตกแต่งได้ตามที่นางออกแบบและรองรับเหล่าเทพเซียนที่มาเยือนได้ราว 300-350 คนพร้อมกัน

เสวี่ยหลินนึกถึงชุดที่นางกำนัลและเซียนรับใช้ต้องสวมใส่ในร้าน นางนึกถึงเครื่องแต่งกายของบาริสต้าที่ดูทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว มากกว่าชุดนางกำนัลและเซียนรับใช้ที่นางเห็นอยู่ทุกวัน ส่วนภาชนะที่ใช้ในการให้บริการ นางนึกถึงชุดถ้วยชามที่สวยเรียบเป็นสีขาวขอบทอง

ยามนี้นางรู้สึกราวกับตนเองเล่นเกมสร้างบ้าน ทำฟาร์ม และร้านกาแฟพร้อมกัน

เมื่อเตรียมแผนการเรียบร้อย เสวี่ยหลินจึงชักชวนเหม่ยเมิ่ง ท่านแม่ของนางให้มาเดินหาพื้นที่ที่นางต้องการ ฟังคำบอกเล่าของบุตรสาวแล้ว เหม่ยเมิ่งต้องครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานว่าสมควรมีพื้นที่ลักษณะที่เสวี่ยหลินต้องการอยู่ที่ใดในแดนพายัพ

“แม่พอนึกออกแล้ว เดี๋ยวแม่จะพาไปดู”

การไปดูพื้นที่ครั้งนี้มีเสวี่ยปิงติดตามมาด้วย นางก็อยากเห็นเช่นกันว่าจะเป็นพื้นที่แบบใด

“โอ๊ยยยยยยยยย สวยยยยยย สวยยยยยยมากกกกกกก” เสวี่ยหลินอยากจะกรีดร้องออกมา

เห็นอาการตื่นเต้นดีใจของเสวี่ยหลินแล้ว เหม่ยเมิ่งและเสวี่ยปิงต้องหัวเราะออกมา

“เสด็จแม่ แดนพายัพเรามีที่สวยขนาดนี้เลยเหรอเพคะ ลูกไม่อยากจะเชื่อ” เสวี่ยหลินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

เบื้องหน้าของนางเป็นเทือกเขาอันกว้างใหญ่ทอดตัวยาวไปไกล ยอดเขามีหิมะจับตัวเป็นสีขาว แสงแดดอ่อนๆ ส่องลงบนยอดเขานั้นอย่างงดงาม ต่ำลงมาเป็นทะเลสาบ เอ ! หรือจะเรียกว่าแม่น้ำดี น้ำเป็นสีฟ้าใสเสียจนแทบจะมองเห็นลงไปถึงก้นแม่น้ำหรือก้นทะเลสาบ รอบด้านมีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่มเต็มไปหมด หมอกขาวบางลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่ยอดไม้ มองแล้วเสวี่ยหลินแทบจะบอกว่านี่มันทิวทัศน์ในฝันชัดๆ

“เสด็จแม่ อากาศแถวนี้เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปีหรือเพคะ”

“เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี ฤดูหมอกจะอุ่นขึ้นมาหน่อย ฤดูใบไม้ร่วงจะเย็นลงกว่านี้ ส่วนฤดูหนาวย่อมต้องมีหิมะ น้ำในแม่น้ำนี้จะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ตอนนี้พวกเราอยู่กลางฤดูหมอก อีกสองเดือนจึงจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง”

“พื้นที่แถวนี้มีเหล่าเทพเซียนสัญจรไปมาบ่อยครั้ง ทิวทัศน์แถวนี้งดงาม แต่เพราะแม่เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโตกระมังก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยอะไรมากมายเหมือนที่เจ้าเห็น”

“มันสวยมากเพคะ เสด็จแม่ แต่ถ้าจะทำพื้นที่เพาะปลูก ลูกคงต้องโค่นต้นไม้ลงไม่น้อย แต่...” เสวี่ยหลินขมวดคิ้วครุ่นคิด ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา

“...ลูกนึกได้แล้ว เอาต้นไม้นี่แหละมาสร้างและตกแต่งร้าน แล้วก็เอามาสร้างเรือนพักของลูก เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ท่านน้าเสวี่ยปิง และพี่ใหญ่ รวมทั้งเรือนพักของเหล่านางกำนัล เซียนรับใช้”

“พื้นที่แถวนี้ไม่มีผู้ใดอยู่อาศัยนะเพคะ เสด็จแม่”

“ที่นี้ค่อนข้างห่างจากเมืองพายัพ ทั้งชาวจิ้งจอกอย่างพวกเรามักชอบอยู่รวมเป็นกลุ่ม แถวนี้แม้ทิวทัศน์งดงาม แต่ในเมื่อมันห่างไกล เลยไม่มีจิ้งจอกตนใดมาอาศัย” ได้ยินเช่นนี้เสวี่ยหลินก็โล่งใจทันที

“พวกเรามีช่างที่รับสร้างเรือนพักหรือไม่”

“เจ้าคงหมายถึง เทพจิ้งจอกด้านการช่างกระมัง”

“เพคะ”

“เสวี่ยปิง เจ้าไปตามจิ้นเหอมาพบข้าที่นี่”

“เพคะ” เสวี่ยปิงรับคำก่อนจะรีบเหาะเหินจากไปอย่างรวดเร็ว

ราวสองเค่อผ่านไป เสวี่ยปิงก็กลับมาพร้อมเซียนบุรุษผู้หนึ่ง รูปร่างกำยำล่ำสัน หน้าตามีเค้าดุดันเคร่งขรึม

“คารวะองค์ราชินี องค์หญิงน้อย”

“ตามสบายเถิดจิ้นเหอ เสวี่ยปิงคงเล่าให้เจ้าฟังบ้างแล้วว่าลูกสาวข้าอยากกระทำสิ่งใด”

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านหญิงเสวี่ยปิงเล่าให้ฟังแล้วทั้งหมด เพียงแต่ข้าต้องขอพูดคุยกับองค์หญิงน้อย จะได้เข้าใจถูกต้อง”

“ท่านจิ้นเหอ ตามข้าขึ้นมาที่กลางท้องฟ้าดีกว่าเจ้าค่ะ” เสวี่ยหลินบอกกล่าวอย่างสุภาพ

นางและจิ้นเหอเหาะเหินขึ้นสู่กลางฟ้า กวาดสายตามองพื้นที่ทั้งหมดเพื่อจดจำลักษณะต่างๆ ไว้ ในใจยามนี้พลันบังเกิดภาพของไร่นา เรือนพัก ร้านชา ขึ้นมาว่าควรตั้งอยู่ตำแหน่งใด ภาพเหล่านี้นางจินตนาการให้ละเอียดที่สุด เพราะต้องการให้จิ้นเหอเข้าใจชัดเจน เสวี่ยหลินจรดปลายนิ้วลงที่หน้าผากของจิ้นเหอให้เขาได้มองเห็นภาพที่นางจินตนาการอย่างชัดเจน

จิ้นเหอต้องนึกทึ่งอย่างยิ่งกับสิ่งที่ได้เห็น

“ต้นไม้ที่ต้องตัด ท่านอย่าตัดมันจนเหลือเพียงตอ แต่ให้ถอนมันออกมาจากพื้นดินเลยนะเจ้าคะ ไม้จากต้นไม้นั้น ให้เอาไปสร้างร้านและเรือนพัก ตัวร้านต้องกรุด้วยกระจกใสนะเจ้าคะ” เสวี่ยหลินบอกถึงรายละเอียดบางอย่าง

“ได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าจะทำให้ตามที่องค์หญิงน้อยประสงค์เดี๋ยวนี้เลย”

เทพจิ้นเหอยกมือร่ายเวทครู่หนึ่งก่อนจะวาดมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า พลันบังเกิดประกายแสงขาวเจิดจ้าครอบคลุมลงบนพื้นที่ที่เสวี่ยหลินวาดรูปไว้ในใจ แสงขาวนั้นเปล่งประกายอยู่ราวหนึ่งเค่อจึงดับวูบไป ยามนี้เบื้องหน้าของเสวี่ยหลินคือสถานที่ที่เหมือนกับภาพที่นางวาดไว้ในใจอย่างไม่ผิดเพี้ยน นางนิ่งอึ้งไปหมด คาดไม่ถึงว่าทุกสิ่งจะง่ายดายเช่นนี้

เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เหม่ยเมิ่งและเสวี่ยปิงต้องนิ่งอึ้ง พวกนางคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นพื้นที่กว้างที่พร้อมสำหรับการเพาะปลูก เรือนพักอันดูงดงามเรียบง่ายหากสะดวกสบายและกว้างขวางสำหรับนางกำนัลและเซียนรับใช้ ส่วนเรือนพักของนางและบุตรสาวรวมทั้งเสวี่ยปิงกลับมีรูปทรงแปลกตาหากงดงามอย่างยิ่ง ส่วนร้านชาที่บุตรสาวของนางต้องการกลับมีรูปลักษณ์แปลกตาอย่างที่สุด ทั้งร้านแม้สร้างด้วยไม้หากก็กรุกระจกใสจนมองเห็นทิวทัศน์ภายนอก ทั้งร้านตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้อย่างงดงามน่านั่งพักผ่อนอย่างที่สุด เหนือประตูทางเข้าร้านมีป้ายร้านเขียนด้วยหมึกสีแดงว่า

 

ร้านชาจิ้งจอกน้อย

 

และยังมีรูปจิ้งจอกน้อยน่ารักอยู่ข้างๆ

ช่างเป็นร้านชาที่น่ารักเสียจริงๆ เหม่ยเมิ่งนึกในใจ

เสวี่ยหลินและจิ้นเหอร่อนลงมายืนต่อหน้าเหม่ยเมิ่งและเสวี่ยปิงก่อนจะชักชวนกันให้เข้าไปดูร้านที่เพิ่งสร้าง

เสวี่ยหลินเดินข้างจิ้นเหอเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย นางตรวจอย่างละเอียดทุกจุด จุดใดที่ยังไม่ถูกใจ นางจะบอกกล่าวให้จิ้นเหอทราบอย่างชัดเจนที่สุดเพื่อให้เขาแก้ไขให้ตรงกับที่นางต้องการ จิ้นเหอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าองค์หญิงน้อยวัยเพียงหมื่นสี่พันกว่าปีนี้ช่างละเอียดละออทุกจุดเหลือเกิน นั่นเพราะจิ้นเหอย่อมไม่ทราบว่ายามที่เสวี่ยหลินยังเป็นฮุ่ยหลันนั้น นางคือรองหัวหน้ากิลด์ใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดในการสร้างสิ่งต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกกิลด์ ดังนั้น นางจึงต้องละเอียดละออเป็นพิเศษ

ใช้เวลาไปอีกสองชั่วยาม การแก้ไขปรับปรุงทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่เสวี่ยหลินต้องการจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ เสวี่ยหลินลงมือปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ ที่สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการทำชาและขนมหวานทั้งหมดอย่างเรียบร้อย

“ขอบคุณท่านอาจิ้นเหอมากเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านอาคิดค่าเหนื่อยครั้งนี้เท่าใดเจ้าคะ” เสวี่ยหลินถามขึ้นเมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จ

“ได้รับใช้องค์หญิงน้อย ข้าไม่คิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ ถ้าท่านไม่คิดแบบนี้ อีกหน่อยข้าก็ไม่กล้าขอให้ท่านอามาช่วยแล้วเจ้าค่ะ”

จิ้นเหอยังคงอ้ำอึ้ง

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ข้าจะสร้างของวิเศษให้ท่านอาหนึ่งชิ้น เชื่อได้ว่าต้องเป็นของที่ท่านอาชอบแน่ๆ” เสวี่ยหลินกล่าวออกมาหลังจากแอบดูค่าสถานะของจิ้นเหอ

“ท่านอาจิ้นเหอ ยังไม่ถูกใจอาวุธคู่กายใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงน้อยทราบได้อย่างไร”

เสวี่ยหลินเพียงยิ้มน้อยๆ “ท่านอารอสักครู่นะเจ้าคะ”

มองเห็นนางวาดฝ่ามือออก หากมิได้ปรากฏสิ่งใดขึ้นในความว่างเปล่า สายตาของนางจับจ้องที่ความว่าง มือน้อยๆ ทำอาการเลื่อนดูอะไรบางอย่าง คล้ายกำลังค้นหาบางสิ่ง ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ จึงค่อยมองเห็นนางหยิบแร่และวัตถุดิบระดับสูงล้ำค่าออกมา จิ้นเหอต้องอ้าปากค้างอย่างตกใจ เพราะแร่และวัตถุดิบเหล่านั้นหายากยิ่ง หากองค์หญิงน้อยเสวี่ยหลินกลับมีมันมากมาย

มือน้อยๆ ยกขึ้นร่ายเวท ครู่เดียวประกายแสงเรืองรองก็ครอบคลุมของเหล่านั้น ผ่านไปอีกราวห้าลมหายใจ ที่ปรากฏเบื้องหน้าของทุกคนคือขวานขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง นางผลักขวานนั้นให้จิ้นเหอ

“ท่านอาลองใช้ดูสิเจ้าคะ”