นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ตามรักจิ้งจอกน้อย - บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์ โดย สวรรยสร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตามรักจิ้งจอกน้อย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ต่อสู้,เทพเซียน,สงคราม,ไม่ฮาเร็ม,พระเอกเทพ,ีจีนโบราณ,ทะลุมิติ,เกิดใหม่ ,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าหวง...เอ่อ...ห่วงหลานสาวข้า ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเจ้าจะมาสงสัยอะไร

ผู้แต่ง

สวรรยสร

เรื่องย่อ

มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ ได้สร้างสรรค์สัตว์เทพขึ้นมาเจ็ดเผ่า ได้แก่ มังกร กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง หงส์แดง สิงโต เต่ามังกร และเสือขาว แต่ละเผ่าล้วนมีความสามารถและเก่งกาจแตกต่างกันไป

แดนเซียนที่มหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียนสร้างขึ้นถูกเรียกว่า สี่ทะเลแปดดินแดน แน่นอนว่าเผ่ามังกรย่อมทรงพลังและอำนาจสูงสุด ครอบครองสี่ทะเลและสองดินแดน อีกหกเผ่าที่เหลือครอบครองกันเผ่าละหนึ่งดินแดน

เผ่ามังกรนั้น มหาเทพตว๋อเทียนได้รังสรรค์มหาเทพองค์หนึ่งที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติขึ้นปกครองเผ่ามังกรและเป็นดั่งนายเหนือของทุกเผ่า มหาเทพองค์นี้จึงเป็นที่รับทราบกันทั่วว่าเป็นบุตรชายสุดที่รักของมหาเทพผู้สร้างตว๋อเทียน นามของเขาคือ หยางหลง (มังกรสุริยัน)

มหาเทพหยางหลงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดินได้ราว 300,000 ปี ก็สละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยน (กระบี่สุริยัน) แม่ทัพคู่ใจของเขาขึ้นครองแทน มหาเทพหยางหลงที่ยามนี้มีเวลาว่างมากมายเพราะหาแพะรับบาปมารับภาระแทนตนเองได้สำเร็จ จึงถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนและแดนมนุษย์ถึง 80,000 ปี ก่อนจะกลับสู่แดนบูรพาที่เผ่ามังกรครอบครอง และพักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียวที่วังมังกรสวรรค์ของตนมาได้ 20,000 ปีแล้ว

แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น นั่นคือ ร่างเงาของจิ้งจอกเก้าหางที่ส่องแสงสีทองปรากฏขึ้นกลางผืนฟ้า ทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างงุนงงสงสัยว่ามันหมายถึงสิ่งใด หากไม่มีผู้ใดไขปริศนานี้ได้กระทั่งมหาเทพหยางหลงเอง

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน มหาเทพจึงทราบว่าเหม่ยเมิ่ง ราชินีของราชาจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยหมิง ให้กำเนิดธิดาน้อยนางหนึ่ง นามของนางคือ เสวี่ยหลิน ทราบแล้วจึงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเสียหน่อย แต่ผู้ใดจะคาดได้ว่าผ่านไปอีกเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันปี เขาจะมีโอกาสได้พบเจอจิ้งจอกน้อยนี้ ทั้งยังคบหานางเป็นกึ่งสหายต่างวัยกึ่งหลานสาว แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีเซียนบุรุษมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนาง

สารบัญ

ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 1 ตายแล้วก็ข้ามภพมาเกิดใหม่,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 2 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 3 คทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 4 จตุธาตุอัญมณี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 5 เร่งศึกษา,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 6 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 7 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 8 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 9 พบหน้าครั้งแรก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 11 ข้อเสนอไม่คาดหมาย,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 12 การตอบโต้ของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 13 หยางเค่อ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 14 ประลองสามต่อสาม (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 15 ประลองสามต่อสาม (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 16 ชมชอบไม่รู้ตัว (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 17 ชมชอบไม่รู้ตัว (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 18 ชมชอบไม่รู้ตัว (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 19 ก่นด่าไม่ไว้หน้า,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 20 เริ่มใกล้ชิด (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 21 เริ่มใกล้ชิด (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 22 สู่ขอ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 23 เกือบอกหัก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 24 โชว์อันน่าตื่นตา (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 25 โชว์อันน่าตื่นตา (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 26 เพลงอันทรงพลัง,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 27 เสี่ยวหลง (ต้น),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 28 เสี่ยวหลง (กลาง),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 29 เสี่ยวหลง (ปลาย),ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 30 สมดุลพลังที่เปลี่ยนไป,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 31 เตรียมพร้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 32 ผีเสื้อขยับปีก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 33 ความเป็นไปได้ของสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 34 เริ่มต้นแห่งสงคราม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 35 เปิดเผยและซ่อนเร้น,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 36 ว่าที่มหาเทวี,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 37 เสริมสร้างข่ายปราณ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 38 ฆ่าปิดปาก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 39 เปลี่ยนม้ากลางศึก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 40 กุนซือผู้ร้ายกาจ,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 41 ความผูกพันอันห่างเหิน,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 42 ในวงล้อม,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 43 ผีหลอก,ตามรักจิ้งจอกน้อย-บทที่ 44 ไมตรีจากสิงโต

เนื้อหา

บทที่ 10 หุบเขาบูรพานิรันดร์

เสวี่ยหลินนำมหาเทพหยางหลงมานั่งยังที่นั่งที่นางจัดเตรียมไว้ ที่นั่งนี้เป็นนางจงใจเว้นไว้ ไม่ให้มีผู้ใดมานั่ง นางไม่เคยสงสัยลางสังหรณ์ของตนเองที่แม่นยำตลอดมา เพราะยามที่นางตกปากรับงานนี้ นางพลันรู้สึกได้ว่ามหาเทพหยางหลงอาจเสด็จมาร่วมงานก็เป็นได้ ลึกๆ แล้วนางก็คาดเดาว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่มหาเทพจะเสด็จ เพราะเขาไม่เคยไปเยือนร้านชาจิ้งจอกน้อยของนาง ครั้งนี้นางมาเปิดร้านชาในงานเลี้ยงยามบ่าย มหาเทพสมควรฉวยโอกาสนี้มาชมดูให้แน่ชัด

มหาเทพที่เพิ่งนั่งลงต้องรู้สึกได้ว่าเป็นที่นั่งที่น่าสบายนัก การจัดแต่งเต็มไปด้วยบุปผางามๆ ที่ดูแล้วสบายตาสบายใจ เสียงเพลงบรรเลงแว่วหวานให้รู้สึกผ่อนคลาย จมูกสูดได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ มองเห็นเหล่าเทพเซียนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไร้ท่าทีวางมาดเช่นที่เคยเห็น ทุกคนล้วนมีท่าทีผ่อนคลายราวกับกำลังพักผ่อนอย่างแท้จริง

“มหาเทพยังไม่เคยชิมชาและของว่างของร้านชาจิ้งจอกน้อยมาก่อน ข้าขอบังอาจแนะนำชาและของว่างที่มหาเทพน่าจะโปรดนะเพคะ”

“เจ้าลองแนะนำมา” เขาตอบรับอย่างสนใจ สนใจตั้งแต่เห็นสมุดรายการแล้ว เพราะมันถูกทำขึ้นเป็นรูปเล่มแปลกตาด้วยกระดาษแข็งที่เคลือบจนเป็นมันเงา ทั้งยังมีรูปประกอบและตัวอักษรเป็นระเบียบสวยงาม

“ข้าขอแนะนำ Harmony Set เพคะ ชุดนี้จะประกอบไปด้วยอาหารจานหลัก 1 จาน ชาร้อน 1 กา และสลัด ในส่วนของอาหารจานหลักนั้น จะมีให้เลือก 2 อย่าง คือ Vol-au-vent และ Chicken Katsu Sandwich แต่คาดว่ามหาเทพคงเลือกไม่ถูก ข้าจะให้ทางครัวจัดมาทั้งสองอย่างนะเพคะ ท่านจะได้ชิมทั้งหมด”

“สลัดจะเป็นสลัดแบบเย็น ทำจากเนื้อน่องเป็ดฉีกเป็นเส้นเล็กๆ คลุกเคล้ากับน้ำสลัดและข้าวโพด แครอทหั่นเต๋าชิ้นเล็กๆ เวลารับประทานสามารถทานทั้งชิ้นในคำเดียวได้เลย”

“Vol-au-vent จะเป็นแป้งพัพฟ์ทำมาในลักษณะรูปกระทง ไส้ตรงกลางเป็นเบคอนไก่งวงกับเห็ดหลากชนิดปรุงมาในซอสครีมเข้มข้น ตัวซอสครีมนี้มีส่วนผสมของ White French Tea ซึ่งช่วยดึงรสชาติตัวซอสให้เข้มข้นเด่นชัดยิ่งขึ้น”

“Chicken Katsu Sandwich เป็นขนมปังแซนด์วิชเนื้อหนา นำมาปิ้งจนผิวด้านนอกหอม ประกบมากับเนื้อไก่ชิ้นหนา นุ่ม ไม่มีไขมัน ทอดมาผิวนอกกรอบบาง ทาด้วยซอสทงคัตสึผสมชาเขียว รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ”

“ส่วนของหวานจะเป็นมาการอง 2 ชิ้น เป็น Vanilla Bourbon Macaron และ Black Tea and Blackcurrant Macaron”

“Vanilla Bourbon Macaron จะเป็นไส้ครีม หวานหอม มีความข้นหนืดนิดๆ หอมกลิ่นวานิลลา และมีส่วนผสมของชากลิ่นวานิลลาเบอร์เบินเล็กน้อย ส่วน Black Tea and Blackcurrant Macaron จะมีไส้ข้นหนืด รสออกเปรี้ยว มีส่วนผสมของ Black Tea ที่ให้รสออกอมเปรี้ยวจากส่วนผสมของแบล็คเคอร์เร้นท์”

“เปลือกมาการองจะหวานแบบกำลังดี ผิวด้านนอกสุดจะกรอบ เนื้อด้านในนุ่มและเต็มแน่น เวลากัดแล้วจะหวานละลายในปาก เข้ากันได้ดีกับไส้ซึ่งจะทำมาแบบมีความข้นหนืดกำลังดี”

“สำหรับแครมบูเล่ถ้วยเล็ก 1 ถ้วย เนื้อแครมบูเล่จะข้นมัน รสชาติหวานพอเหมาะ ด้านบนเป็นคาราเมลหวานหอมกรอบ โรยด้วยผลไม้สดชิ้นเล็กๆ ให้ความสดชื่น”

“สำหรับชาในชุดนี้จะเป็น Miss Tea เป็นชาเขียวเจือกลิ่นหอมจากสตรอเบอรี่หายาก และผสมด้วย Senses of the Orient Tea ซึ่งเป็นชาดำผสมกับผลไม้และดอกไม้ ชานี้จะเข้ากันได้กับอาหารและของหวานในชุดทุกอย่างเพคะ”

ฟังที่นางอธิบายแล้ว มหาเทพก็ต้องแปลกใจกับถ้อยคำแปลกหูที่มิเคยได้ยินมาก่อน แต่ฟังแล้วก็น่ารับประทานอย่างยิ่ง

“เจ้าไปนำมาตามที่แนะนำเถิด”

“เพคะ รอสักครู่นะเพคะ ระหว่างที่รอนี้ มหาเทพลองชิมชามะนาวนะเพคะ เป็นชาเย็นรสหวานอมเปรี้ยว จิบแก้กระหายระหว่างรอนะเพคะ” กล่าวจบเสวี่ยหลินก็หันไปหานางกำนัลผู้หนึ่งที่เพิ่งเดินมาถึงพร้อมถาดและแก้วใสที่บรรจุน้ำชาเย็นฉ่ำจนรอบแก้วมองเห็นไอเย็นบางๆ นางหยิบแก้วใสทรงสูงที่บรรจุด้วยชามะนาวและน้ำแข็งก้อนเล็กมาวางลงตรงหน้ามหาเทพ

เสวี่ยหลินลุกจากไปพร้อมนางกำนัลผู้นั้นแล้ว มหาเทพจึงลองดื่มชามะนาวที่วางอยู่ตรงหน้า เพียงคำแรกเขาก็ต้องนึกทึ่ง

เย็นชื่นใจจริงๆ หวานอมเปรี้ยวกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป เป็นชาที่แปลกจริงๆ ผิดกับชาที่ข้าเคยชงและชิมมาแล้วอย่างสิ้นเชิง เขานึกชมในใจ

นั่งดื่มชามะนาวเย็นชื่นใจอย่างเผลอตัว เมื่อรู้สึกตัวอีกที ชามะนาวนั้นก็หมดลงเสียแล้ว หากเสวี่ยหลินก็กลับมาพร้อมนางกำนัลอีกผู้หนึ่ง พวกนางทั้งสองถือถาดใส่ชาและของว่างมาด้วย เสวี่ยหลินจัดวางลงตรงหน้าเขาก่อนจะรินชาให้

“มหาเทพลองชิมชาร้อนนี้ดูเพคะ”

เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ เพียงคำแรกยิ่งชื่นชมยิ่งขึ้น เพราะชามีกลิ่นหอมมาก รสชาติแม้จะบอกไม่ถูกหากถูกปากอย่างยิ่ง ทั้งยังทำให้เขารู้สึกสดชื่นและอยากรับประทานมากขึ้น

“ทั้งหมดนี้เป็นของคาว มหาเทพควรรับประทานของคาวเสียก่อน และจานนี้เป็นของหวาน ถ้วยนี้ก็เป็นของหวาน ที่ควรรับประทานทีหลังเพคะ”

เขาพยักหน้ารับรู้

“รับประทานให้อร่อยนะเพคะ หากต้องการสิ่งใด เรียกข้าได้ทันที ข้าจะอยู่ไม่ไกลนัก มหาเทพจะได้รู้สึกเป็นส่วนตัวและพักผ่อนได้เต็มที่เพคะ” เสวี่ยหลินกล่าวจบแล้วก็ถอยหลังจากมาอย่างเรียบร้อย

เสวี่ยหลินไม่ทราบเลยว่าระหว่างที่นางดูแลมหาเทพหยางหลง สายตาของฉิงเฟิ่งคอยจับจ้องมาทางที่มหาเทพประทับนั่งอยู่แทบตลอดเวลา นางชมชอบมหาเทพ แต่เขากลับไม่มีท่าทีใดกับนาง และยามนี้นางนึกอิจฉาเซียนน้อยเสวี่ยหลินยิ่งนักที่มีโอกาสได้ปรนนิบัติมหาเทพอย่างใกล้ชิด และท่าทีของเขาก็เหมือนจะพึงพอใจกับการปรนนิบัติของนางอย่างยิ่ง

มองเห็นมหาเทพเรียกหาเสวี่ยหลินให้นำชาและขนมหวานมาเพิ่มเติม เห็นเสวี่ยหลินอธิบายให้เขาทราบว่าสิ่งที่นางแนะนำเป็นอย่างไร ไม่ช้านางก็นำชาและของหวานมาวางให้

 

 

งานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายเสร็จสิ้นลงด้วยดี แขกเหรื่อทุกคนพอใจกับร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นอย่างมาก ต่างตั้งใจว่าจะไปเยือนร้านชาจิ้งจอกน้อยที่แดนพายัพอย่างแน่นอน เสวี่ยหลินให้นางกำนัลจัดขนมหวานและของว่างที่เหลืออยู่ไม่มากนักใส่กล่องกระดาษที่บนฝากล่องมีรูปจิ้งจอกน้อยสีส้มตัวโต

“นี่เป็นขนมหวานและของว่างที่เหลือเพคะ” เสวี่ยหลินนำกล่องกระดาษขนาดใหญ่สองกล่องใหญ่มาถวายให้เทียนจวินและเทียนโฮ่ว

“เอาไปแจกให้นางกำนัลและเซียนรับใช้ในตำหนักข้า” หยางเจี้ยนบอกกล่าวกับหั่วเย่เซียนกวน

“ร้านชาจิ้งจอกน้อยของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ เสวี่ยหลิน ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย”

“ขอบพระทัยเพคะ”

“ปกติ ร้านของเจ้าขายหมดทุกวันเลยรึ”

“หมดทุกวันเพคะ ระหว่างวันก็มีทำเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ ที่นำมาวันนี้ก็เป็นการทำเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หลายอย่างก็ต้องปรุงสดในงาน แล้วก็เหลือเท่านี้ หากงานเลิกช้ากว่านี้อีกสักสองเค่อ เกรงว่าของที่เตรียมมาคงไม่พอ จริงๆ ข้าเตรียมของมาสำหรับคนจำนวน 800 คน แต่แขกเหรื่อทุกท่านสั่งเพิ่ม ทำให้ของเกือบไม่พอเพคะ”

เทียนจวินและเทียนโฮ่วฟังแล้วก็ต้องนึกทึ่ง แต่ก็ยอมรับว่าสมควรเป็นเช่นที่เสวี่ยหลินกล่าวเพราะกระทั่งตนเองก็ยังสั่งเพิ่มตลอดเมื่อของบนโต๊ะใกล้หมด

“แล้วมหาเทพกล่าวว่ากระไรบ้าง” หยางเจี้ยนถามถึงมหาเทพหยางหลงที่เสด็จกลับไปก่อนงานเลิกไม่นาน โดยมีราชินีฉิงเฟิ่งแห่งเผ่าหงส์แดงที่เพียงเห็นว่ามหาเทพลุกขึ้นเพื่อจะเสด็จกลับ นางก็รีบตามติดไปทันที

“ไม่ได้ทรงกล่าวอะไรเลยเพคะ แต่ทรงสั่งให้เติมอยู่ตลอด ไม่ว่าแนะนำอะไรไป ทรงชิมทั้งหมดจนหมดสิ้น” เสวี่ยหลินกล่าวยิ้มๆ

เช่นนี้ก็ชัดเจนว่ามหาเทพหยางหลงโปรดร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นอย่างมาก

 

 

ผ่านไปอีกสามวัน วันนี้ร้านชาจิ้งจอกน้อยต้องตื่นเต้นและตื่นตะลึงเมื่อได้พบเห็นมหาเทพหยางหลงเสด็จมาถึงหน้าร้าน พร้อมด้วยเซียนรับใช้ผู้หนึ่ง เสวี่ยหลินถูกนางกำนัลตามตัวอย่างรวดเร็ว

“คารวะมหาเทพ ร้านชาจิ้งจอกน้อยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะที่มีโอกาสได้ต้อนรับมหาเทพ เชิญเสด็จมากับข้าด้านนี้เพคะ”

เสวี่ยหลินพามหาเทพและเซียนรับใช้มานั่งที่มุมหนึ่งของร้าน ที่นั่งตรงนี้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอกอย่างชัดเจน และยังเป็นเก้าอี้ที่สามารถปรับเอนได้เพื่อให้ได้ทั้งนั่งและเอนนอนอย่างสบาย มหาเทพได้ลองแล้วต้องนึกทึ่งอย่างยิ่ง ร้านชาจิ้งจอกน้อยมีอะไรแปลกใหม่มากมายนัก

“นี่คือหย่งเสียน คนสนิทของข้า” มหาเทพกล่าวแนะนำสั้นๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักท่านอาหย่งเสียน ข้าขอเรียก ‘ท่านอา’ นะเจ้าคะ จะได้คุ้นเคยกันไว้ และข้าก็คาดเดาว่าท่านน่าจะอายุน้อยกว่าเสด็จพ่อของข้า” เสวี่ยหลินรีบตีเนียนทำความรู้จักเซียนรับใช้ข้างกายมหาเทพอย่างรวดเร็ว นางกระทำเช่นนี้ย่อมไม่น่าเกลียดเพราะด้วยรูปโฉมที่ยังเป็นเพียงเซียนเด็กหญิงเท่านั้น นางทราบดีว่าเด็กๆ ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดเพราะความเป็นเด็ก

“ขอบพระทัยองค์หญิงน้อยที่ให้เกียรติข้า ข้าอ่อนกว่าราชาเสวี่ยหมิงจริงๆ” หย่งเสียนตอบรับอย่างเอ็นดู

หากการตีสนิทของเสวี่ยหลินกลับทำให้มหาเทพรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาเสียเฉยๆ

เด็กหญิงนี้กล้าเรียกหย่งเสียนว่าท่านอา แต่กับข้า นางกลับเรียกมหาเทพ ไฉนจึงไม่เรียกท่านอาเหมือนกัน แล้วข้าก็รู้จักนางก่อนหย่งเสียน

มหาเทพครุ่นคิดอย่างไม่พอพระทัย สีหน้าพลันเรียบนิ่งทันทีจนเสวี่ยหลินสังเกตเห็น แต่นางไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงทำให้มหาเทพไม่พอพระทัย

“เอ่อ...วันนี้ที่ร้านจิ้งจอกน้อยมีชาตัวใหม่ ของหวานชนิดใหม่ ข้าจะนำมาถวายนะเพคะ” เห็นมหาเทพอยู่ๆ ก็อารมณ์ไม่ดี นางจึงรีบนำเสนอของหวานมาทำให้อารมณ์ดีทันที

“มหาเทพเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ อยู่ๆ ก็อารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวองค์หญิงน้อยตกพระทัยแย่ว่านางทำอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่” หย่งเสียนเอ่ยขึ้นเมื่อคล้อยหลังเสวี่ยหลิน เขาสังเกตเห็นว่ามหาเทพอารมณ์ไม่ดี

“นางเรียกเจ้าว่า ท่านอา” คำตอบเรียบๆ

“เป็นธรรมดานี่พ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเด็ก จะประจบผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องปกติ” หย่งเสียนเองก็ทราบดีว่าเสวี่ยหลินประจบตนเอง หากเพราะนางเป็นเด็ก เขาจึงไม่ได้ติดใจอะไร มีแต่จะเอ็นดูนางยิ่งกว่าเดิมเพราะความช่างประจบเท่านั้น

“แต่กับข้า นางเรียกมหาเทพ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งกว่าเดิม

“ก็ท่านเป็นมหาเทพ นางจะกล้าประจบท่านได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ถึงนางจะเป็นเด็ก แต่นางก็รู้ความไม่น้อย มิฉะนั้น คงไม่สามารถมีร้านชาใหญ่โตเช่นนี้ได้”

คำตอบของหย่งเสียนยังไม่สามารถทำให้มหาเทพพอพระทัยได้ สีหน้าของมหาเทพยังคงเรียบสนิท

รออีกครู่หนึ่ง เสวี่ยหลินก็กลับมาพร้อมชากาใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เตะจมูก ขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานสองจานใหญ่ พร้อมจานแบ่งสองจาน

“ขนมหวานใหม่นี้ ปริมาณออกจะมากสักนิด ข้าจึงจัดจานแบ่งมาให้ด้วยเพคะ มหาเทพกับท่านอาจะได้ทดลองชิมได้” เสวี่ยหลินอธิบายให้ฟังก่อนจะวางของทั้งหมดลงตรงหน้าของพวกเขาพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยจนเสร็จเรียบร้อย

“เชิญ...”

“องค์หญิงน้อย” หย่งเสียนกล่าวแทรกขึ้น

“ท่านอาต้องการอะไรเพิ่มเจ้าคะ”

“เอ่อ...ไหนๆ องค์หญิงน้อยก็เรียกข้าว่าท่านอาแล้ว เช่นนั้นก็ควรเรียกมหาเทพว่า...เอ่อ...”หย่งเสียนทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ

“...ท่านลุงจะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

เสวี่ยหลินชะงักไปนิดหนึ่ง นางเหลือบตามองมหาเทพอย่างไม่แน่ใจ เห็นสีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารักของนางเผยอค้างน้อยๆ ไม่กล้ากล่าวคำ ‘ท่านลุง’ ออกมา

“ท่านอา เรียกข้าว่า ท่านอา” เขาบอกเสียงเรียบ

หนอยแน่ะ เจ้าหย่งเสียน ให้นางเรียกข้าว่าท่านลุง ข้ายังไม่แก่เสียหน่อย ยังออกจะหนุ่มแน่น มหาเทพคิดอย่างหงุดหงิด

“...เอ่อ...ท่านอา...หยางหลง...” เสียงหวานใสเล็กๆ เรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจเท่าใดแม้จะได้ยินคำอนุญาต

“ดีมาก ต่อไป เจ้าเรียกข้า ท่านอาหยางหลง อย่าได้เรียกผิดเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ” เสวี่ยหลินรับคำเสียงอ่อย

“เอ่อ...เชิญท่านอาทั้งสองรับประทานให้อร่อยและพักผ่อนได้ตามสบายนะเจ้าคะ หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม เรียกข้าได้ทันที ข้าจะอยู่แถวๆ นี้”

เสวี่ยหลินบอกกล่าวก่อนจะรีบเผ่นแน่บ นางรู้สึกไม่ชินเลยกับการเรียกมหาเทพหยางหลงว่า ‘ท่านอา’ มันไม่คุ้นปากไงก็ไม่รู้ เรียก ‘มหาเทพ’ ยังจะเข้าปากมากกว่า

เสวี่ยหลินให้นางกำนัลผู้หนึ่งรีบเข้าวังพายัพเพื่อบอกกล่าวต่อราชาเสวี่ยหมิงว่ามหาเทพเสด็จ ผ่านไปราวหนึ่งเค่อจึงได้เห็นบิดาของนางกระหืดกระหอบเข้ามา เสวี่ยหลินชี้ทางให้บิดาทราบว่ามหาเทพประทับอยู่ที่ใด ครั้งนี้นางต้องเอาบิดามาช่วยรับหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสวี่ยหลินจึงแอบมองว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง หากภาพที่เห็นก็ทำให้นางประหลาดใจ มหาเทพและหย่งเสียนดูพูดคุยเป็นกันเองอย่างมากกับบิดาของนาง เห็นเช่นนี้แล้ว นางจึงค่อยโล่งอก

ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม ราชาเสวี่ยหมิงจึงเดินนำมหาเทพ พร้อมกับมาชำระค่าอาหารทั้งหมดที่เหม่ยเมิ่ง

“ครั้งนี้ให้ข้าได้มีโอกาสชำระแทนมหาเทพนะพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงให้เกียรติมาเยือนร้านชาของหลินเอ๋อร์” นั่นเพราะเทพเซียนทั้งร้านต่างได้เห็นว่ามหาเทพหยางหลงเสด็จมาเยือนร้านชาจิ้งจอกน้อย มหาเทพที่แทบไม่เคยไปเยือนที่ใดในสี่ทะเลแปดดินแดนเป็นการส่วนตัว เช่นนี้จะยิ่งทำให้ร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นที่รู้จักกว้างขวางและมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม

“หลินเอ๋อร์ แล้วข้าจะมาอีก เตรียมชาและของว่างดีๆ ไว้ด้วยล่ะ” มหาเทพหันมากล่าวกับเสวี่ยหลิน หากเขาเรียกขานนางว่า ‘หลินเอ๋อร์’ เช่นเดียวกับบิดาของนาง

“เจ้าค่ะ” เสวี่ยหลินรับคำอย่างอิหลักอิเหลื่อ เพราะไม่เคยถูกคนนอกครอบครัวเรียกขานตนเองเช่นนี้

หลังจากนั้นมหาเทพหยางหลงจะเสด็จมาพักผ่อนที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยทุกสิบห้าวัน ราชินีฉิงเฟิ่งแห่งเผ่าหงส์แดงที่เพิ่งทราบว่ามหาเทพหยางหลงเสด็จมาที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยในแดนพายัพก็ต้องหงุดหงิดอย่างยิ่ง ที่มหาเทพไม่แวะมาที่แดนทักษิณเพื่อชักชวนนางไปด้วย

“มหาเทพเสด็จไปที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยทุกสิบห้าวันเพคะ เป็นเช่นนี้มาหกเดือนแล้ว และทุกครั้งที่มหาเทพเสด็จ จะเป็นองค์หญิงน้อยเสวี่ยหลินให้การต้อนรับ มหาเทพยังเรียกขานนางว่า ‘หลินเอ๋อร์’ เช่นเดียวกับที่ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งเรียกนางเพคะ” สายสืบผู้หนึ่งบอกเล่าถึงเรื่องราวที่สืบมาได้

“เขาถึงกับเรียกมันว่า ‘หลินเอ๋อร์’ นางเด็กนี่ช่างประจบนัก”

“นางเป็นเพียงเด็กน้อยอายุหนึ่งหมื่นแปดพันปีเท่านั้นนะเพคะ เด็กประจบผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องปกติ” สายสืบผู้นั้นกล่าวขึ้น

“เด็ก? เด็กที่เป็นเจ้าของร้านชาใหญ่โต มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนนี่น่ะรึ ข้าว่านางประจบเพราะหวังประโยชน์จากมหาเทพต่างหาก”

“ก็เป็นธรรมดานะเพคะ นางประจบก็เพื่อร้านชาของนาง องค์ราชินีอย่าได้ทรงขุ่นเคืองเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลยเพคะ”

 

 

มหาเทพหยางหลงยังคงแวะเวียนมาที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยทุกสิบห้าวัน และมาเพียงผู้เดียว มิได้พาหย่งเสียนเซียนกวนมาด้วย คล้ายว่าการมาพักผ่อนที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นความพอใจส่วนตัวที่เขาชมชอบอย่างยิ่งและไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวน ที่นั่งในร้านชาจิ้งจอกน้อยสำหรับเขา เสวี่ยหลินจะคอยเปลี่ยนที่ให้ตลอดเพื่อมิให้เขาเบื่อหน่าย

เขาเองก็พบว่าทุกหนึ่งร้อยปี เสวี่ยหลินจะเปลี่ยนการตกแต่งในร้านชาใหม่ทั้งหมด พร้อมกับมีชา ขนมหวาน และของว่างชนิดใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งอย่างเสมอ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซากเบื่อหน่ายจำเจ ทั้งๆ ที่ชาและของว่างเหล่านี้ก็สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าทุกคนอยู่แล้ว เขาต้องนึกทึ่งกับการกระทำนี้ของนางที่ช่างเอาอกเอาใจลูกค้าอย่างดียิ่ง และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาแวะมาที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยเสมอ คล้ายว่าร้านชาแห่งนี้เป็นที่พักผ่อนอีกแห่งของเขา

เสวี่ยหลินที่คอยต้อนรับยามเขามาถึง เมื่อนางนำชาและของว่างไปให้เขาแล้ว นางจะเลี่ยงหลบไปอยู่ห่างๆ เพื่อไม่รบกวนการพักผ่อนของเขา นางจะเข้าไปหาเขาก็ต่อเมื่อเขาเรียกหาเท่านั้น

ผ่านไปอีกเจ็ดพันปีเสวี่ยหลินก็อายุสองหมื่นห้าพันปี นางถึงเวลาที่ต้องไปศึกษาเล่าเรียนที่บูรพานิรันดร์แล้ว เลเวลของนางยามนี้อยู่ที่ 155 จากเดิมเลเวล 140 ลมปราณอยู่ที่จอมเซียนขั้นห้าจากเดิมอยู่ที่เซียนนภาขั้นสิบ ขณะที่เซียนเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางอยู่ในเลเวล 138-145 เทียบเป็นระดับลมปราณคือ มีลมปราณอยู่ระหว่างเซียนนภาขั้นแปดถึงเจ้าเซียนขั้นห้า

“เจ้าไปเรียนที่บูรพานิรันดร์ แล้วร้านชาแห่งนี้ ใครจะดูแล” มหาเทพหยางหลงถามขึ้นระหว่างนั่งรับประทานขนมหวานและจิบชาอย่างสบายอารมณ์

“เป็นเสด็จแม่กับท่านน้าเสวี่ยปิงเจ้าค่ะ ร้านชานี้แรกเริ่มเดิมทีข้าตั้งใจสร้างขึ้นมาเพราะเพื่อให้ตนเองมีอะไรทำในระหว่างที่รอให้อายุครบสองหมื่นห้าพันปี กับเพราะต้องการให้เสด็จแม่ เสด็จพ่อ และท่านน้าเสวี่ยปิงไม่เงียบเหงา เพราะเมื่อใดที่เสด็จพ่อให้พี่ใหญ่ซานขึ้นรับตำแหน่งราชาแทนท่าน เสด็จพ่อก็จะว่าง ท่านจะได้มาช่วยเสด็จแม่ดูแลร้านชานี้เพคะ”

“ท่านอาคงไม่ทราบว่าเสด็จพ่อมีสหายในร้านชานี้เพิ่มขึ้น ยามใดที่ท่านมาที่ร้านชานี้ ท่านก็มักมานั่งคุยกับสหาย หลายครั้งก็ยังมาช่วยดูแลลูกค้าในร้านด้วยเพคะ”

เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ร้านชาจิ้งจอกน้อยจะได้รับการดูแลอย่างดีจากราชาและราชินีแห่งเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง

“เช่นนี้ ครั้งหน้าที่ข้ามาที่นี่ ก็คงไม่ได้พบเจ้าแล้ว?”

“เพคะ อีกสามวันข้างหน้าข้าต้องไปที่บูรพานิรันดร์ จะเป็นท่านน้าเสวี่ยปิงมาดูแลท่านอาแทนข้าเพคะ”

มหาเทพหยางหลงพยักหน้ารับรู้

 

 

การเข้าเรียนที่หุบเขาบูรพานิรันดร์นั้น มิได้มีการคัดเลือกแต่อย่างใด เพียงอายุถึงเกณฑ์ก็สามารถเข้าศึกษาได้ และจะสำเร็จการศึกษาเมื่ออายุ 60,000 ปี ยามนี้เสวี่ยซาน พี่ชายของนางอายุ 55,000 ปีแล้ว อีกห้าพันปีข้างหน้า เขาก็จะจบการศึกษาที่บูรพานิรันดร์ นั่นคือ บูรพานิรันดร์ให้เวลาในการศึกษา 35,000 ปี

เพราะสี่ทะเลแปดดินแดนมีถึงเจ็ดเผ่า ดังนั้น บูรพานิรันดร์จึงแยกเจ็ดเผ่าออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเขี้ยวอสูร กลุ่มกรงเล็บมังกร และกลุ่มปีกหงสา

กลุ่มเขี้ยวอสูรจะเป็นการรวมกันของเผ่าเสือขาว จิ้งจอกเก้าหาง และเต่ามังกร กลุ่มกรงเล็บมังกรย่อมเป็นเผ่ามังกรและเผ่ากิเลน กลุ่มปีกหงสาคือเผ่าหงส์แดงและเผ่าสิงโต เสวี่ยหลินที่มาจากเผ่าจิ้งจอกเก้าหางจึงอยู่ในกลุ่มเขี้ยวอสูร

ที่พักของแต่ละกลุ่มจะแบ่งออกเป็นที่พักสตรีและบุรุษ ที่พักจะเป็นอาคารไม้สูง 100 ชั้น แต่ละชั้นมีห้องพัก 20 ห้อง เป็นที่พักสตรีจำนวน 20 อาคาร และบุรุษ 20 อาคาร

“กฎสำคัญที่สุดมีเพียงข้อเดียวคือ ห้ามศิษย์บุรุษเข้าเขตที่พักของศิษย์สตรี และที่พักของศิษย์บุรุษก็ห้ามศิษย์สตรีเข้าไปเช่นกัน หากศิษย์คนใดฝ่าฝืน มีโทษเพียงสถานเดียวคือไล่ออก”

“หากศิษย์บุรุษและสตรีต้องการพบเพราะมีธุระ เจ้าสามารถส่งจดหมายขออนุญาตอาจารย์ผู้ดูแลเรือนพักได้ จากนั้นต้องรอให้อาจารย์ผู้ดูแลตอบกลับ เมื่ออาจารย์ผู้ดูแลอนุญาต จึงจะสามารถไปที่ห้องรับรองของเรือนกลางของอาจารย์ผู้ดูแลเพื่อรอพบ การพบปะจะมีอาจารย์ผู้ดูแลอยู่รับฟังตลอดเวลา”

“สำหรับเครื่องแบบนักเรียน หุบเขาจะมอบให้เจ้าทั้งสิ้นสิบชุดเพื่อให้สามารถผลัดเปลี่ยนได้ หากไม่พอ เจ้าสามารถไปซื้อหาได้ที่หอกลางอันเป็นสถานที่ทำงานของอาจารย์ทั้งหมด เจ้าเพียงนำเสื้อผ้าที่ใช้แล้วมาใส่ตะกร้าไม้ไผ่แล้วเขียนชื่อของเจ้าไว้บนตะกร้านั้น ทุกสามวันจะมีผู้รับใช้จากเรือนกลางมานำไปซักและดูแลให้จนเรียบร้อย แล้วพวกเขาจะนำตะกร้านั้นมาวางไว้ที่หน้าห้องพักของเจ้าในอีกสามวันถัดไป เจ้าก็จัดสรรเสื้อผ้าของเจ้าให้ดี”

“ส่วนอาหาร ศิษย์สตรีทุกคนจะรับประทานอาหารทั้งสามมื้อที่โรงอาหารตะวันตก ศิษย์บุรุษจะเป็นโรงอาหารตะวันออก เวลารับประทานกำหนดเพียงครึ่งชั่วยามจะต้องรับประทานให้เสร็จเรียบร้อย”

“ในห้องพักของเจ้าจะมีห้องอาบน้ำอยู่แล้ว เจ้าอายุสองหมื่นสองพันปี สมควรใช้เวทธาตุน้ำทำความสะอาดตนเองได้”

“การศึกษาในบูรพานิรันดร์ จะแบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ ระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง ระดับต้นและระดับกลางจะใช้เวลาศึกษาระดับละหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี ระดับปลายจะใช้เวลาหนึ่งหมื่นสามพันปี ดังนั้น ตำราเรียนทั้งหมดที่เจ้าได้รับในเวลานี้จะเป็นของระดับเริ่มต้น หากต้องการศึกษาให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ หออักษรนิรันดร์จะเป็นหอสมุดให้เจ้าไปศึกษาค้นคว้าได้ตลอดเวลา”

“นี่เป็นตารางเรียนของเจ้าในช่วงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีนี้” อาจารย์ฝ่ายปกครองยื่นกระดาษที่เขียนตารางเรียนมาให้เสวี่ยหลิน

“ในชั้นเรียน ศิษย์บุรุษและสตรีสามารถเรียนร่วมกันได้ นั่นจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ศิษย์บุรุษและสตรีสามารถพบเจอกัน แต่เมื่อหมดเวลาเรียนหรือทำภารกิจต่างๆ ต้องแยกกันโดยเด็ดขาด หากหุบเขาบูรพานิรันดร์จับได้ว่าลักลอบนัดพบกัน โทษคือไล่ออกทั้งคู่ ไม่มีการยกเว้นแก่ผู้ใดทั้งสิ้น”

เสวี่ยหลินฟังอาจารย์ฝ่ายปกครองอย่างตั้งใจกับกฎระเบียบในหุบเขาบูรพานิรันดร์ ยามนี้เสวี่ยหลินและศิษย์สตรีที่เพิ่งเข้าศึกษาที่นี่อีกสิบคนเดินตามอาจารย์หญิงผู้หนึ่งมาที่หอพักของศิษย์สตรี

“นี่เป็นหอลำดับที่ยี่สิบ ห้องพักของพวกเจ้าทั้งหมดจะอยู่ชั้นสอง ห้องพักที่อยู่ชั้นสูงกว่าพวกเจ้าจะเป็นห้องของศิษย์พี่ของพวกเจ้า เมื่อใดที่พวกนางสำเร็จการศึกษา ห้องจึงจะว่าง ศิษย์น้องในลำดับถัดมาก็จะเลื่อนไปอยู่ที่ห้องในชั้นนั้นแทน ในห้องนั้นพวกเจ้าสามารถตกแต่งได้ตามความพอใจ”

“เสวี่ยหลิน หมายเลขห้องของเจ้าคือสิบแปด” อาจารย์หญิงที่ดูแลหอลำดับที่ยี่สิบบอกกล่าว

เข้ามาภายในห้องแล้ว เสวี่ยหลินรู้สึกได้ว่าห้องกว้างขวางไม่น้อย คะเนด้วยสายตาแล้ว ห้องนี้น่าจะมีพื้นที่ราว 80 ตารางเมตร ทั้งห้องว่างเปล่าให้นางได้ตกแต่งได้ตามใจ เสวี่ยหลินยกมือร่ายเวทครู่หนึ่งก่อนวาดมือออก พริบตาห้องว่างเปล่านั้นก็ถูกตกแต่งอย่างทันสมัย เป็นการตกแต่งอย่างที่นางเคยฝันไว้ยามเป็นมนุษย์ หากนางตกแต่งให้เป็นเพียงห้องนอนและห้องนั่งเล่นเท่านั้น ส่วนห้องอาบน้ำนางก็ตกแต่งให้ทันสมัยเช่นกัน