หญิง-หญิง,3P,18+,20+,ดุ้น,หญิงรุก,หญิง-หญิง,NSFW,NC25++,NC+,NC,ผิดศีลธรรม,ซาดิสม์,ข่มขืน,ยูริ,yuri,nc,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“จะบอกเค้าไปเลยไหม? ”
“บอก…อะไรเหรอ? ”
“ก็บอกชอบเธอคนนั้นไง นี่ก็ใกล้วาเลนไทน์ โอกาสดี” พอพูดจบอีกฝ่ายถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ พลางทำหน้าเลิ่กลั่กและมองตรงมาที่ฉัน “จะ…จะบ้าเรอะ!! เอ็งพูดอะไรออกมา!? ” เขาตะโกนด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ “ชะ…ชั้นยังไม่เคยคุยกับเค้าเลยนะเว้ย”
“ก็ไปคุยสิ ถ้าแกไม่เริ่มทำอะไรแล้วจะได้คุยกันเหรอ แกพอใจที่จะแอบชอบอยู่แบบนี้? ” ฉันแสร้งทำเป็นเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนเลื่อนสายตากลับมาจ้องหนังสือที่ทำเป็นว่ากำลังอ่านมัน พอได้เห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ช่างดูตลกซะจริง เขากำลังทำหน้าตกใจ ผิดหวัง เสียใจไปพร้อมๆ กัน
“แต่…ชั้นไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง…ก็เราไม่รู้จักกัน” น้ำเสียงของเขาตะกุกตะกักและดูเป็นกังวล
“ไม่รู้จักก็ทำให้รู้จักกันสิ เพราะแกกลัวที่จะเริ่มต้น ก็เลยไม่ได้เริ่มซักที”
“…วันนี้แกดูแปลกๆ นะไอ้โซล” เขาพูดพร้อมกับจ้องมาที่ฉัน
“ก็ชั้นเห็นแกชอบเค้ามานาน แต่ไม่ยักกะทำอะไรซักอย่าง ไม่สบอารมณ์กับความกาก”
“…ยังเป็นคนเดิมอยู่นี่ แต่เมื่อกี้แกดูเหมือนคนอื่นมากเลย ยังกับว่ามีเอเลี่ยนยึดร่างแก” พูดจบเขาก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ พูดแค่นี้เอ็งสมองกลับเลย? ชั้นกำลังแสดงความหวังดีต่อเพื่อนอยู่น่า” พูดจบฉันกับเขาก็ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะม้าหินอ่อน เตรียมตัวขึ้นเรียน
แกดูเหมือนคนอื่นมากเลย ยังกับว่ามีเอเลี่ยนยึดร่างแก
ฉันต้องยอมรับว่าการแสร้งทำเป็นคนอื่นมันยากจริงๆ ต่อให้ทำมาหลายครั้งก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กับตัวตนจริงๆ ของบุคคลนั้น
แต่คงไม่เป็นอะไร เขาไม่อาจคิดได้ว่าตัวจริงของฉันเป็นใคร
เหลือเวลาแค่ 3 วัน
เขาจะยอมทำตามคำแนะนำไหม
ล้ำเส้นไปมากกว่านี้ไม่ได้ซะด้วย
หลังจากนั้น วันถัดมาเขาก็บอกกับฉันอย่างเขินๆ ว่า ได้คุยกับเธอแล้ว เพราะว่าแอดเฟซเธอไป ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจไอ้คำว่า แอดเฟซ เท่าไหร่ ดูเหมือนจะเป็นช่องทางการติดต่อกันของมนุษย์ล่ะมั้ง
เขาบอกว่าตื่นเต้นแทบบ้า แต่ก็ตัดสินใจทักเธอไปชวนคุย
ฉันแสดงความยินดีต่อเขา และแกล้งแซวนิดหน่อย แค่นี้ใบหน้าของเขาก็แดงไปจนถึงหู ตลกจริงๆ
ดูเหมือนว่าเขาและเธอจะคุยกันมากพอสมควร โชคดีที่ทั้งสองมีความชอบอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน
โชคดี…งั้นเหรอ
เขาโชคร้ายมากกว่า
ฉันแนะนำให้เขาคุยกับเธอต่อไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้พัฒนาความสัมพันธ์
เขาแซวฉันกลับว่าฉันรู้เรื่องอย่างนี้ดีตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเหมือนว่าฉันจะพลาด
‘โซล’ เพื่อนที่เขารู้จักคงไม่ได้มีนิสัยแบบนี้
อืม…แต่ช่างมันเถอะ
เหลือเวลาอีก 2 วัน
วันนี้พอฉันถามถึงเรื่องเธอ เขาก็ยังหน้าแดงเหมือนเดิม
แต่ใบหน้านั้นดูมีความสุขมาก
มนุษย์นี่น่าอิจฉาซะจริง
มีใบหน้าที่แสดงอารมณ์ได้ทุกอย่าง
ไม่เหมือน’พวกเรา’
นอกจากคำพูด พวกเราก็ไม่มีอะไรที่สามารถแสดงอารมณ์ได้
ฉันเห็นว่าเขาและเธอมีความชอบ ‘หนัง’ เหมือนกัน
หนังสำหรับมนุษย์แล้ว ถือเป็นสิ่งบันเทิงจิตใจอย่างหนึ่ง
เหมือนเอาเรื่องเล่าไปฉายบนหน้าจอใหญ่ๆ แล้วมนุษย์จะเข้าไปนั่งดู
เรื่องเล่าก็มีหลากหลายประเภท สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฉันเห็นมานาน ไม่คิดว่าจนถึงปัจจุบันมนุษย์ก็ยังนิยมดูหนัง
อืม กลับเข้าเรื่อง ฉันแนะนำให้เขาชวนเธอไปดูหนังในวันพรุ่งนี้
เขาถามฉันกลับอย่างไม่มั่นใจว่า จะดีเหรอ?
ฉันตอบว่า ดีสิ ดีสำหรับแกแน่นอน แต่กับเธอแกต้องลองถามก่อน
เขาทำเสียง อืม ในลำคอ ดูเหมือนว่ากำลังคิดตัดสินใจ
ฉันหวังว่าพวกเขาจะได้ดูหนังกันในวันพรุ่งนี้
วันสุดท้าย
พอเขาเห็นฉัน เขาก็รีบมาทักด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดีใจสุดๆ เขาบอกว่าเธอตอบตกลง เขากับเธอจะไปดูหนังกันเย็นนี้ที่ห้างแถวโรงเรียน
เขายิ้มแก้มแทบปริ
และเขาก็ขอบคุณฉันที่ช่วยแนะนำ
ฉันยิ้มให้เขา
ถ้าเป็นร่างจริงของฉัน
ฉันคงได้แต่คิดว่ากำลังยิ้ม
ใบหน้าของฉันไม่อาจยิ้มออกมาได้
เวลา 21:21:11
ฉันมองไปยังพื้นถนน มีเศษซากของทุกอย่างกระจัดกระจาย ทั้งชิ้นส่วนของเศษเหล็กจากรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ที่เขานั่ง รวมไปถึงเศษซากของ’มนุษย์’
ฉันก้าวเข้าไปหาเขาที่นั่งงงๆ อยู่บนพื้นถนนที่เต็มไปด้วยกองเลือด
“…โซล? ”
เขามองฉันอย่างงุนงง เขาคงอยากถามว่าทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ แต่แล้ว…
เขาก็ยิ้มเศร้าๆ พลางยกมือเช็ดเลือดบนหน้าผาก แต่เลือดกลับไม่ยอมลบเลือนไป
“แก… ไม่ใช่โซลสินะ? ”
ชั่วครู่เดียวที่เขาทำหน้าเหมือนเข้าใจทุกอย่าง ก่อนจะก้มหน้าลง
“แกจะเป็นไอ้โซลได้ยังไง ในเมื่อมันย้ายโรงเรียนไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว”
“แถมไม่เคยกลับมาที่นี่เลยด้วย”
“ชั้นก็ไม่เข้าใจ…ว่าทำไมพึ่งคิดออก”
“แล้วก็…มันไม่ใช่คนที่จะแนะนำเรื่องแบบนั้นได้เลย…”
เขาพรั่งพรูคำพูดออกมาเป็นชุด แต่ดูเหมือนว่าพูดกับตัวเองมากกว่า เขาแค่นหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน
“แล้วแกเป็นใครกัน? เอเลี่ยน? ปีศาจ? ผี? ”
“ยมทูต? ”
เพียงครู่เดียวร่างของฉันก็เปลี่ยนไป
รูปร่างของพวกเราก็เหมือนกับที่มนุษย์เคยบันทึกไว้ เป็นโครงกระดูก สวมผ้าคลุมสีดำขาดๆ ถือเคียวเล่มยักษ์ขนาดเท่าตัว
ฉันมองเขาด้วยใบหน้าที่มีแต่โครงกระดูก ใบหน้าแบบนี้จะแสดงอารมณ์อะไรได้
แต่ตอนนี้
ฉันคงรู้สึก เศร้า อยู่กระมัง
“ทำไมล่ะ…? ”
“ทำไม…ต้องให้ชั้นทำอะไรแบบนี้? ”
เขามองฉันทั้งน้ำตา
น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบหน้า
“ถ้าชั้นใกล้ตาย…..ทำไมต้องให้ไปรู้จักกับเธอด้วย!! ทำไมต้องให้เราคุยกัน ทำไมต้องให้ไปเที่ยวกัน ทำไม ทำไม…”
น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม เขาพูดพลางสะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องรู้จักกันยังดีซะกว่า ไม่ต้องคุยกันยังดีกว่า ไม่…ไม่ต้องไปเที่ยวกัน หรือว่า... เพราะวันนี้ชั้นกลับบ้านช้า ชั้นเลยต้องตาย? นี่มัน…เรื่องบ้าอะไร…”
เขาพึมพำและเริ่มเสียสติ มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้ พอพึ่งตายใหม่ๆ น้อยคนนักที่จะยังมีสติ
“ไม่ใช่เพราะเจ้ากลับบ้านช้าหรืออะไรหรอก ต่อให้เจ้าไม่ได้ไปกับหล่อน เจ้าก็ต้องตายวันนี้อยู่ดี เจ้าหมดอายุขัยวันนี้” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเฉยชา
เขาก้มตัวลงจนหน้าแทบแนบติดกับพื้น ก่อนจะร้องไห้อยู่แบบนั้น
ไม่รู้ว่าฉันยืนมองเขานานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาเลิกร้องไห้แล้ว
ฉันเดินไปหาเขา เขาค่อยๆ เงยหน้ามองฉัน ดวงตาแดงก่ำยังเต็มไปด้วยน้ำตา
“แกจะพาชั้นไปไหน? นรก? ”
“ไปถึงก็รู้เอง”
“ฮะๆ … ชั้นไม่อยากไป…”
“ชั้นอยากคุยกับเธอ… อยากชวนไปดูหนัง ไปเที่ยวกันอีก ชั้นยังไม่ได้ถามเลยว่าเธอชอบดอกไม้อะไร ชั้นจะให้เธอวันวาเลนไทน์….”
“แกพูดถูก… ชั้นมันกากเอง ชั้นชอบเธอมาตั้งนาน แต่ไม่ยอมทำอะไร จนยมทูตอย่างแกต้องมาแนะนำ ทุเรศสิ้นดี”
เขาเริ่มพูดรัวมาเป็นชุดอีกครั้ง สายตาเลื่อนลอย
“คิดอย่างนั้นเหรอ? ” ฉันถามเขา
“ข้าว่าเจ้าไม่ทุเรศหรอก” ฉันมองเขาด้วยหลุมตาที่กลวงโบ๋ว่างเปล่า “อย่างน้อยเจ้าก็ได้คุยกับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้เป็นสิ่งที่เจ้าอยากจะทำเหรอ? ”
“จริงอยู่ที่ข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ข้าก็อยากให้เจ้าได้มีความทรงจำกับเธอ”
“ข้าไม่อาจบังคับให้เจ้าทำได้ ข้าแค่แนะนำ และเจ้าเป็นคนตัดสินใจเอง”
เขามองฉันด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“แกเนี่ย…เป็นยมทูตจริงๆ เหรอ? ”
“ก็เป็นจริงๆ น่ะสิ”
“แปลก ยมทูตมีหน้าที่แค่รับวิญญาณ ทำไมแกต้องมาช่วยด้วยล่ะ”
“ข้าไม่ได้ช่วย” ฉันยิ้ม แต่เขาน่าจะดูไม่ออกเพราะใบหน้าโครงกระดูกนี่
“ข้าแค่แนะนำ ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”
+++++++++++++
“เจ้านี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเล้ย” เสียงแหบแห้งร้องทัก พอหันไปดูก็พบยมทูตตนหนึ่ง เขาคงเป็นนาม๙ พวกเราใช้ตัวเลขแทนชื่อ
“ข้าชอบทำแบบนี้ เจ้าก็รู้นี่”
“แต่ข้าไม่เข้าใจไง ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงชอบนัก ไม่ใช่ธุระอะไรของเราที่เข้าไปยุ่งกับมนุษย์แบบนั้น หัวหน้าก็ดุเจ้าทุกครั้ง”
“แต่ข้าก็ไม่ได้ละเมิดกฎอะไรนี่ ข้าแค่แนะนำ ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์ ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ”
“เฮ้อ ไม่เห็นจะเข้าใจ” เขาทำท่าเหมือนถอนใจ “ทำไมต้องช่วยมนุษย์ให้ตัดสินใจทำเรื่องที่ค้างคาใจด้วย เหนื่อยเปล่าๆ ” เขายังคงบ่นไม่หยุด
“พอดีข้าชอบทำให้ตัวเองเหนื่อยน่ะ”
ฉันยิ้มให้เขา แต่มันก็แค่ในความคิด รอยยิ้มไม่อาจปรากฏบนใบหน้าได้ ใบหน้าของพวกเราเป็นแค่โครงกระดูก น้ำเสียงเรียบเฉย มีเพียงคำพูดที่แสดงถึงอารมณ์ได้
“เรื่องของเจ้าเถอะ ข้าไปละ มีงานเข้าด่วน” พูดจบนาม๙ก็เดินจากไป
ฉันหยิบแฟ้มขึ้นมาดู เป็นมนุษย์รายต่อไปที่ต้องไปรับ
ดูท่ารายนี้จะมีเรื่องค้างคาใจเยอะน่าดู
*************************************************
เป็นตอนที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียน ถ้ามีโอกาสอยากจะเขียนเป็นเรื่องยาว แต่ตอนนี้ขอฝึกเป็นเรื่องสั้นไปก่อน
0 ความคิดเห็น
รับการแจ้งเตือน เมื่อนิยายเรื่องนี้อัปเดต
ดาวน์โหลด App นิยาย Dek-D และ Favorite นิยายเรื่องนี้ไว้ รับรองว่าคุณจะไม่พลาดทุกการอัปเดตจากนิยายเรื่องนี้!
กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะ เป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาต จากผู้ลงผลงาน
กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะ เป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาต จากผู้ลงผลงาน
กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลง ผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการ ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลง ผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการ ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
……………………….
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะคะ เผื่อมีคนเบื่อ NC กันแล้ว